ภาพที่ 1
มาแบบสดๆร้อน เลยจับมารีวิวซะหน่อย ได้มาแบบรวดเร็วทันใจต้องขอขอบคุณ Tackle All Shop ที่นำเข้ามาขายก่อนญี่ปุ่นจะวางขายจริง
Abu Revo LTX-BF8 ตอนนี้นับว่าเป็นรอกที่เบาสุดในโลก (นะตอนนี้) ก่อนหน้านี้ชิเปิดตัวรอก ALD BSF 2016 ที่ผมคิดว่าเบาที่สุดแล้ว แต่น้องอาบูเล่นเปิดตัวตามหลังได้
หลังจากที่ชิเปิดตัวที่ 130 กรัม และ LTX ก็ขอข่มที่ 129 กรัม ทำให้ขึ้นแท่นรอกที่เบาที่สุดไป
ภาพที่ 2
เสป็คตัวรอกซึ่งรุ่นนี้ได้มีฝาแฝดออกมาในชื่อ ALC-BF7 ซึ่งสเป็คจะต่างและราคาก็จะต่างเช่นกัน BF7 จะได้บอดี้ที่เป็นอลุมีเนี่ยมน้ำหนักเบาเล่นน้ำเค็มได้ รอบต่ำกว่า ซึ่งน่าจะเป็นคู่ฟัดของ Alphas Air
ส่วน BF8 บอดี้กลางเป็น X-MAG Frame หรือเรืยกง่ายๆก็แม็กนี่เซี่ยม บอดี้แบบในรอกที่ใช้อย่างค่ายไดว่า เช่น ss air , steez
ฝาข้างและห้องเครื่องทางอาบูเรียกว่า C6 หรือวัสดุคาร์บอน ไฟเบอร์ ทางไดว่าใช้ชื่อว่า Zaion ทางชิใช้ชื่อว่า CI4 ซึ่งทนน้ำเค็มได้
ยกเว้นก็ตรงบอดี้ที่เป็น X- Mag ซึ่งจะไม่เป็นมิตรกับน้ำเค็ม ยิ่งถ้าขาดการดูแล จึงไม่แนะนำสำหรับคนที่ใช้รอกและไม่ค่อยบำรุงรักษา
ภาพที่ 3
เปิดกล่องมาจะเจอกับฟองน้ำชั้นบนและตัวรอกที่มีถาดกำมะหยี่สีดำรองมาซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้จะเป็นฟองน้ำโง่ๆประกบกัน 2 แผ่น
ภาพที่ 4
อุปกรณ์พื้นฐานที่มีให้มาในกล่อง
ภาพที่ 5
อุปกรณ์เสริมชุดนี้โปรดตรวจเช็คก่อนซื้อ จะมีน็อบขนาดใหญ่ ประแจ แม่เหล็กสำรองและแผ่นเพลท 4 สี
ภาพที่ 6
-
ภาพที่ 7
-
ภาพที่ 8
-
ภาพที่ 9
-
ภาพที่ 10
Abu Revo LTX-BF8 งานโดยรวม งานสี งานตัด และงานประกอบ ดีขึ้นเยอะมากๆแต่ก็ยังมีบางจุดที่มันยังกากอยุ่ ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ตรงที่ความเซ้นซิทีฟ
ของแต่ละบุคคลว่ามองที่จุดไหนเป็นหลัก ความเนี้ยบหรือระบบ ผมส่วนตัวเน้นใช้งานเป็นหลักจึงมองที่ระบบจึงปิดตาข้างนึงปล่อยผ่านไป
ภาพที่ 11
คราวนี้มาดู feature เด็ดๆ รุ่นนี้พัฒนาแล้วกับ Soft clutch กดฟรีสปูนและล็อคได้แล้วกดลงเขี่ยขึ้นเหมือนในระบบที่ไดว่าใช้ กดหนักกดเบาก็ตอบสนองได้ดี ซึ่งถ้ายิ่งชอบการตีเหยื่ออยู่แล้ว
บอกเลยโคดฟิน ซึ่งในรุ่นก่อนหน้านี้ของอาบูเป็นอะไรที่ย่ำแย่มาก ยิ่งถ้าคุณคว่ำรอกตีแบบแบ็คแฮนแป้นกดมันจะร่วงลงมาซึ่งทำให้ควบคุมสายหรือเลียสายได้ยาก แต่ในชิแป้นกดยังคงเป็นแบบนี้อยู่ T T
ภาพที่ 12
feature เด็ดๆอีกจุดนึง คือปุ่มที่เปิดฝาซึ่งรุ่นก่อนๆจะเป็นคานและต้องเอานิ้วปั่นๆดึงแกนและบิดฝา แต่มาในรุ่นนี้เขี่ยและดึงออกเลย เป็นระบบที่ใช้ในชิมาโนรุ่นใหม่ๆ ใช้อยู่
สะดวกต่อการปรับหรือจูนแม่เหล้กมากๆ ถ้าเทียบจากแต่ก่อน
ภาพที่ 13
แม่เหล็กจะมีมาให้ทั้งหมด 10 เม็ดจะมี ขนาด 3 มิล 5เม็ด 1.5 5เม็ด
ผมก็มานั่งคิดว่าไสตร์อาบูจริงๆแล้วมันคือรอกแนวไหนทำไมญี่ปุ่นระดับ amature และ professional ชอบใช้กัน
ซึ่งระบบการตีของรอกอาบู " อยู่ที่ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน " .......
เรียกง่ายๆก็ จะตีเหยื่อแบบไหน " เบา โคดเบา ปลั๊ก เทคนิคสกิล เหยื่อใหญ่ๆหรือเหยื่อโคดใหญ่ " คุณปรับเองเลย......จูนเองเลย
เลยทำให้ผมเก็ตทันทีว่าทำไมอาบูถึงขายได้
ภาพที่ 14
อันนี้เป็นการเซ็ทแม่เหล็กที่ให้คุณเลือกตามการใช้งานในรูปแบบเฉพาะทางได้
1. เหยื่อประเภทหัวจิ๊ก ปลายาง เหยื่อหนอน ที่มีน้ำหนัก 3 กรัมหรือต่ำกว่า 3 กรัม
2. เหยื่อ Minnow ที่น้ำหนักเฉลี่ย 4กรัม
3. เหยื่อ Minnow เหยื่อ Shad ที่น้ำหนักเฉลี่ย 5กรัม
4. เหยื่อประเภท Rubber Jig + เหยื่อยาง ที่เน้นการตีแบบ Pitch แบบบนเรือ ที่น้ำหนักเฉลี่ย 6กรัม
5. เหยื่อประเภท Rubber Jig + เหยื่อยาง ที่เน้นการตีแบบเดินตี ที่น้ำหนักเฉลี่ย 6กรัม
6. เหยื่ออื่นๆที่น้ำหนักเฉลี่ย7 กรัม
แต่การจูนหน่วงแนวอาบูไม่มีรูปแบบตายตัวเพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกับบางคนชอบพุ่งแบบกระชาก ชอบเนิบๆ ชอบไหลๆ ชอบตีแบบไม่ต้องเลีย
ดังนั้นหาแบบที่ชอบๆเอง ล่าสุดได้มีการสอบถามโปร Daisuke Aoki ว่าจูนหน่วงยังไงเจ้าตัวบอกใส่ให้ครบ 10 เม็ดก่อนและก็ตีไปเรื่อย ถอดออกทีละเม็ดจะกระทั่งตีไม่ได้
ภาพที่ 15
คราวนี้มาดูหัวใจหลักๆ สปูนที่มีน้ำหนักเบา 7.5 กรัมชั่งพร้อมลุกปืนและ 6.3 กรัมชั่งแบบถอดลูกปืนซึ่งตรงตามที่เว็บไซด์ อาบูบอกมา
หลายคนจะตั้งคำถามว่ารอกที่ตีเหยื่อเบาได้ดีต้องเป็นยังไง หัวใจอยุ่ที่สปูนยิ่งเบายิ่งดี
ภาพที่ 16
Lowepro บอดี้มีขนาดเล็กแบนและเตี้ยลงกว่าเดิมทำให้จับกระจับมือยิ่งขึ้น นับจากขารอกจนถึงด้านบนมีขนาดความสูงที่ 38มิล
ทำให้กดฟรีสปูนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเขย่งนิ้วกดแบบชิมาโน่ที่ยังคงรักษามาตรฐานความสูงมาได้ดีตลอด
ภาพที่ 17
เทียบกับ SS Air หน่อย
ภาพที่ 18
-
ภาพที่ 19
-
ภาพที่ 20
สุดท้ายก็จบรีวิว ไว้ลองใช้งานจริงจะมาอัพเดทอีกที