ภาพที่ 1
บทที่ 9
ตอนที่ 2
ลึกเข้าไปในปากโพรง สัตว์ฟันแทะชนิดหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมาจากมุมมืดเบื้องล้าง แรกๆมันก็ทำท่ากล้าๆกลัวๆ ผลุบๆโผล่ๆอยู่เช่นนั้น แต่เมื่อเจ้าพุ่มเร่งขูดทำเสียง แกรกๆ ขึ้นมา เจ้าสัตว์ขนปุยตัวนั้นก็ค่อยๆโผล่หัวออกมาจากปากโพรง และมันก็เป็นจังหวะเดียว ที่นิ้วชี้ของเจ้าเคิ้งที่สอดอยู่ในโกงไกขยับเข้าหาตัว ไม่ทันที่มันจะมีโอกาสได้กลับเข้าไปในโพรงอีกครั้ง
เปรี้ยงงงง..เสียงปืน แผดเสียงไปทั่วทั้งบริเวณ ถึงจะเป็นปืนขนาดเล็ก แต่ภายใต้ภูมิประเทศเช่นนี้ เสียงของมันก็แผ่กังวาน จนสิงห์ที่เฝ้าดูอยู่ถึงกับสะดุ้ง
อยู่หรือเปล่าวะนั่น!
มันผลุบเข้าไปในรูแล้วสิงห์ร้องเอะอะ
อยู่พี่ โดนไปเต็มหน้าแบบนั้น ไม่น่ารอด
รูมันชันสงสัยมันจะลื่นลงไปเจ้าเคิ้งร้องบอก พลางส่งปืนคืนให้กับเจ้าของ ก่อนที่ตัวเองจะถกแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้น แล้วก้มตัวลงใช้มือล้วงเข้าไปในปากโพรงนั้น
อยู่ๆ
ตัวโตเสียด้วยเจ้าเคิ้งพูดพึมพำเพราะแก้มข้างหนึ่งนาบติดกับพื้นดิน พลางค่อยดึงก้อนปุยที่เต็มไปด้วยขนอะไรบางอย่างออกมา
บ๊ะ!
ตัวใหญ่จริงๆ สองโลได้มั๊งนั่นเจ้าพุ่มร้องลั่น พลางชูตัวอ้น ลักษณะอ้วนพีขึ้นมาพิจารนา
พวกเอ็งนี้มันเก่งจริงๆว่ะ
พี่นึกไม่ถึงเลย ว่าพวกเอ็งจะใช้วิธีง่ายๆแบบนี้
ไอ้เราก็หลงคิดว่าขุดกันขึ้นมาสิงห์พูดพลางหัวเราะชอบใจ ในความสามารถที่เขาเองก็คาดไม่ถึงมาก่อน เพราะความช่างสังเกต และเรียนรู้พฤติกรรม ทำให้รู้วิธีจับตัวมันขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็น ตัวอ้น หรือสัตว์อื่นๆก็ตาม ล้วนแล้วแต่หวงอาณาเขต และแหล่งที่อยู่อาศัยแทบทั้งสิ้น และเพราะรู้พฤติกรรมเช่นนี้เอง ทำให้มนุษย์รู้จักเรียนรู้ และสรรหาวิธีการต่างๆขึ้นมาหลอกล่อ เสียงที่เจ้าพุ่มทำขึ้นมา ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ของการเรียนรู้พฤติกรรมความเป็นอยู่ของตัวอ้น เพราะไอ้เสียง แกรกๆ ที่ทำขึ้นมานั้น มันเป็นเสียงเลียนของการแทะไม้ของตัวอ้นนั้นเอง เมื่อตัวอ้นตัวจริงที่อยู่ในรู ได้ยินเสียงแทะไม้ ก็เข้าใจว่ามีอ้นตัวอื่นเข้ามารบกวน บวกกับปากโพรงที่ตัวเองเอาดินมาอุดไว้เปิดออก ทำให้มันคิดว่า อาจจะมีศัตรูหรือผู้บุกรุก ที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของมัน ธรรมชาติของมันจึงต้องรีบขึ้นมาอุดปากโพรงนั้นไว้ เพื่อป้องกันตัวเอง แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่แผนลวงเท่านั้น
โอ้ยพี่สิงห์!
ขุดไม่ไหวหรอกตัวอ้น ถ้าเจอขุยใหม่ๆที่มันเพิ่งจะย้ายรู ก็พอไหวอยู่
เจอขุยเก่าๆ ขุดไปเถอะ รับประกันว่าลึกท่วมหัว ดีไม่ดีเหนื่อยฟรีอีกต่างหากเจ้าเคิ้งพูดพลางส่ายหัวดิก
ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงจะได้ตัว
ปกติกว่าจะได้ตัวมันนานหรือเปล่าสิงห์ร้องถาม หลังจากยกนาฬิกาขึ้นดู
ตอนเช้าแบบนี้มันขึ้นมาช้า
ถ้าเป็นตอนโพล้เพล้ ใกล้ค่ำ นั่งขูดไม่กี่ทีก็ออกแล้วเจ้าพุ่มพูดจบ ก็ดึงเถาวัลย์มามัดเอวตัวอ้นที่ได้มา ทำเป็นพวงส่งให้สิงห์หิ้ว ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางกลับสู่ที่พัก
จริงๆแถวนี้มันก็มีอะไรให้กิน มากกว่าอ้นนะพี่
เมื่อเช้าผมยังเจอ นกกระทาดง เป็นฝูง
เสียดาย ถ้ามีเวลาหน่อย ทำแร้วดักไม่เกินครึ่งวันน่าจะได้ตัวเจ้าเคิ้งร้องเสริม ขณะเดินรั้งท้ายขบวน
ดักยิงเอาไม่ได้เหรอสิงห์ร้องถาม
ได้พี่ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย
แถมแถวนี้ป่าไผ่เยอะแยะ มันหากินไปทั่ว
ถ้าจะให้ดี ตอนเย็นๆมานั่งฟังมันบินขึ้นนอนดีกว่า แล้วดึกๆค่อยส่องไฟหาเอาเจ้าพุ่มร้องบอกมาจากหัวขบวน
อ้าว!
มันไม่ได้นอนตามพื้นดิน แบบนกคุ่มรึ?สิงห์ร้องถามด้วยความสงสัย
ไม่หรอกพี่ มันขึ้นนอนบนต้นไม้ เหมือนไก่ป่านั้นล่ะ
แต่ต้นไม้ที่มันเกาะนอน ไม่สูงแบบไก่ป่า
อย่างเก่งก็สองสามวา มันบินขึ้นไปได้แค่นั้นเจ้าพุ่มเสวนาตอบ
ยิ่งเป็นพวกต้นไผ่เล็กๆ โน้มๆ แบบนี้มันชอบนักเจ้าเคิ้งร้องเสริม พลางชี้มือบอกให้สิงห์ดู
แล้วยังไงต่อ สอยมันลงมารึ?สิงห์ถาม
เสียดายลูกปืนเปล่าๆพี่
ทำบ่วงกระตุกคอมันลงมาเลย ทีละตัวเคิ้งร้องบอกมาอีกคน
เออเว้ย! หากินกันง่ายแท้พวกเอ็งสิงห์ทำเสียงสูง ก่อนที่จะหัวเราะชอบใจ
ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนโผล่พ้นสันเขา ในทางทิศตะวันออกอย่างช้าๆ รัศมีฉายแสงสาดสว่างจ้าเป็นลำ ตัดกับภูเขาสูงทะมึน ทำให้เห็นเป็นภาพสันเขาดูยึกยักไปมาสูงๆต่ำๆ เมื่อดวงอาทิตย์ทอแสง และแผ่รัศมีความอบอุ่น ทำให้ช่วยขับไล่อายหมอกให้ระเหิดหายไปทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดกลุ่มม่านหมอกที่ดูหนาทึบ ก็เจือจางลง จนมองเห็นทัศนีย์ภาพได้รอบกาย เช่นเดียวกับยอดไม้ใบหญ้าที่เปียกปอนชื้นแฉะในยามเช้า ซึ่งเกิดจากละอองหมอกและน้ำค้าง พอได้รับอายอุ่นของแสงอาทิตย์ก็พลอยเหือดหายไป แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงเกาะกลุ่มกันแน่น ตามใบไม้ที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระบวย
สายลมพัดมาเอื่อยๆ ทำให้กิ่งไม้และใบไม้แกว่งไกวไปมาอย่างช้าๆตามแรงลม เพราะกิ่งไม้และใบไม้พลิ้วไหว จึงทำให้น้ำค้างที่ก่อตัวตามยอดใบ ร่วงหล่นลงมาตามพื้นดินและยอดใบที่ต่ำกว่า ดัง เปาะแปะ สูงขึ้นไปเหนือยอดหญ้า แมงมุมตัวหนึ่งชักใยเป็นวงกลมขนาดใหญ่ เส้นใยบางๆของมันที่มานะถักทอดูสวยงามเป็นระเบียบ ราวกับมีใครมาขึงดักตาข่ายไว้กลางป่า แต่บนตาข่ายธรรมชาตินั้น หามีเหยื่ออันโอชะของมันไม่ เพราะนอกจากไม่มีแมลงที่จะเป็นอาหารบินมาติดแล้ว ใยเส้นเล็กๆของมันที่ดูเป็นวงนั้น ตอนนี้พร่างพรูไปด้วยน้ำค้าง ที่เกาะติดอยู่ตามใยของมัน ทำให้ดูขาวโพลนไปหมด
นั่นไง ข้าว่าแล้ว ว่าพวกมันต้องได้อะไรติดไม้ติดมือมาด้วย ไม่เหมือนเอ็งที่ไม่ได้ความ
เอ็งเห็นอย่างที่ข้าบอกหรือยัง ไอ้พรพรานชราร้องทักมา เมื่อเห็นบุคคลทั้งสามโผล่ออกมาจากชายดง
ฮี่โธ่! ก็แค่อ้นตัวเดียว
แกก็พูดไปตาโส่ยพรานพรร้องบอก พลางยกไม้ที่ทำราวแขวนหม้อสนาม เพื่อจะให้พรานแปะยกหม้อสนามออกมาวางเรียงด้านล่าง
ถ้าไอ้สองตัวนั่น ไม่แอบดอดตามข้าสองคนไปด้วย ไก่ป่าฝูงนั้นไม่มีพลาด
อย่างน้อยๆ โป้งเดียว น่าจะได้สองสามตัวพรานพรร้องบอก
ขี้โ ม้ล่ะไม่ว่า
เอ็งนะไม่ได้เรื่องแล้วไปโทษหมา ฮ่าๆตาโส่ยไม่วายร้องขัด พลางหัวเราะจนเห็นฟันดำปี๋
มันน่าเจ็บใจนัก กำลังจะเล็งยิงอยู่แล้วเชียว
เสือ กทะลึ่งพรวดออกไปไล่ขับ ไอ้หอ กเอ๊ย!พูดจบพรานพรก็ไล่เตะหมาทั้งสองอุดตะหลุด แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะเจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบองไวปานวอก ไม่ยอมถูกเตะง่ายๆ ภาพที่เห็นเล่นเอาทุกคนหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่
ข้าวในหม้อสนามสุกระอุได้ที่ดีแล้ว บวกกับ กับข้าวที่พรานโส่ยและเหน๋อ ช่วยกันปรุงกันขึ้นมาใหม่ ภายในหม้อใบเก่าก็มีแกงเนื้อเก้งย่างกับหัวปลีที่ยังเหลืออยู่เกือบครึ่ง บนใบตองนั้น ก็มีเนื้อเก้งย่างทาพริกเกลือหอมฉุยอีกกองใหญ่ เพราะพรานโส่ยย่างเผื่อไว้กินมื้อกลางวัน แถมยังมีปลาย่างแห้งอีกไม้ที่เหลือ นอกจากอาหาร ที่เป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์แล้ว อาหารจำพวกพืชผักก็มีไม่น้อย เริ่มตั้งแต่ หน่อไม้รวกเผา ที่พรานเบกำลังนั่งปลอกเปลือกอยู่อีกหลายหน่อ แถมยังมีฝักเพกา หรือฝักลิ้นฟ้า อีกสี่ฝักที่เจ้าเหน๋อกำลังนั่งย่างเอาไว้จิ้มกินกับน้ำพริกเผา ที่พรานโส่ยคั้นน้ำมะขามเปียกผสมอยู่อีกถ้วยใหญ่
อ้นที่ได้มาก็รีบทำซะ
ผ่าเอาเครื่องในออกมา ไม่ต้องทิ้งล่ะ เดี๋ยวข้าจะเอามาทำหมกเครื่องในพรานโส่ยร้องบอกสองกะเหรี่ยงหนุ่ม
พี่สิงห์เคยกินหรือเปล่า หมกเครื่องในอ้นเจ้าเคิ้งหันมาร้องถาม
ไม่เคยว่ะ
เคยกินแต่เนื้อมันสิงห์ร้องตอบ
มื้อนี้พ่อก็โชว์ฝีมือ ให้พี่สิงห์เขาหน่อยก็แล้วกันเคิ้งร้องบอกพรานโส่ย ที่กำลังใช้ช้อนคนน้ำพริกเผาอยู่
เออๆ ใบตองก็หายาก หาใบพงใบพลวงมาให้ข้าหน่อยก็แล้วกัน
โน่น ตรงโน่น ข้าเห็นอยู่สองสามต้น ถ้าเจอใบกระวานก็ขุดเอาต้นอ่อนๆมาสักหน่อยก็ดีพรานโส่ยร้องบอกเจ้าเคิ้งลูกชาย พลางชี้มือไปทางเป้าหมาย
มาไอ้สิงห์ เอ็งมาช่วยข้าโขลกเครื่องแกงชายชราร้องบอก
สิงห์เองก็ไม่ขัดขืน เพราะว่าไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว จึงไปตามคำเรียกร้องของพรานเฒ่า หลังจากรื้อค้น เครื่องแกงต่างๆได้ตามที่ตัวเองต้องการ ทั้งพริกแห้ง หอมกระเทียม เสียงดัง โป๊กๆ ของครกกระบอกไม้ไผ่ก็ดังขึ้นเป็นจังหวะ ไม่นานเครื่องแกงตำแบบหยาบๆก็เสร็จได้ที่ พร้อมๆกับเจ้าเคิ้งเดินหอบใบพลวงอ่อนๆมาห้าหกใบ แถมด้วยต้นอ่อนของกระวาน ตามที่พรานโส่ยต้องการอีกสามต้น ส่วนเจ้าพุ่มกับเหน๋อ ต่างหมกมุ่นอยู่กับการชำแหละตัวอ้น ไม่กี่นาทีต่อมาเครื่องในก็ถูกล้างทำความสะอาดพอประมาณ ส่วนไหนที่กินไม่ได้ก็โยนเข้ากองไฟไป เหลือแต่ส่วนที่กินได้ ก็นำมาคลุกเกลือกับเครื่องแกงจนเข้ากันทั่วตามด้วยไส้ในของต้นกระวานหั่นซอยเป็นอันจบ
เมื่อได้วัตถุดิบที่ต้องการแล้ว พรานโส่ยก็ตักใส่ใบพลวงที่แกวางซ่อนกันหลายชั้น แถมเพื่อความหอม แกยังใช้ใบกระวานอ่อนรองเพิ่มอีกด้วย เมื่อทุกอย่างพร้อม พรานเฒ่าก็บรรจงห่อใบพลวงนั้นอย่างแผ่วเบา ลักษณะเดียวกันกับหมกปลาที่แกทำ จะแตกต่างกันตรงที่ ครั้งนี้ไม่ได้ใช้ใบตองอย่างที่ผ่านๆมา เพียงไม่นานห่อเครื่องในก็ถูกคีบไม้ขึ้นย่างไฟ ส่วนตัวอ้น หลังจากเจ้าพุ่มเผาลนขนออกหมดแล้ว ก็ใช้มีดผ่าแบะออกมา จากนั้นก็ตัดไม้สดมาทำไม้คีบหนีบขึ้นย่างเช่นกัน มื้อเช้านี้จึงไม่มีเมนูเกี่ยวกับเนื้ออ้น นอกจาก หมกเครื่องในที่กำลังย่างไฟอยู่ เพราะส่วนเนื้อที่กำลังย่างอยู่นั้น พรานโส่ยบอกว่าเอาไว้ทำกินมื้ออื่น...
*****เนื้อเรื่องต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร โปรดติดตามหาความบันเทิงได้ต่อ ในบทต่อไปครับ*****
ผิดพลาด ตกหล่น ประการใด ผม หนุ่มธุดงค์ไพร ต่อขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ภาพที่ 2
ปลาเวียนย่าง เสบียงธรรมชาติ ที่หาได้
ภาพที่ 3
ลูกไม้ป่าชนิดหนึ่ง (จขกท จำชื่อไม่ได้ครับ) เก้งชอบมาก กลิ่นหอม แต่ผมไม่กล้ากิน
ภาพที่ 4
ตัวอ้นครับ
ขอขอบคุณเวปที่มาของภาพครับ
ภาพที่ 5
เมนูต่างๆ ที่ประกอบขึ้นมากลางดง