นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 3 : Fishing Article
ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
คห. 6, อ่าน 1,389 โหวต: 2
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 3
2 มิ.ย. 64
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 16 ตอนที่ 3
ภาพที่ 1
บทที่ 16

ตอนที่ 3

          เหตุการณ์เ ลวร้าย ที่ผ่านมาเมื่อตอนค่ำ มาตอนนี้ถูกคลี่คลายไปในทางที่ดี บรรยากาศเริ่มกลับมาดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากที่ทุกคนเคร่งเครียดมาตลอดทั้งคืน ยิ่งได้ของวิเศษมาอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้แล้ว มันยิ่งเป็นตัวเพิ่มขวัญและกำลังใจของทุกคน สิ่งของวิเศษชิ้นเล็กๆเพียงแค่สามชิ้นที่ได้มา เปรียบเสมือนจุดยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ รวมไปจนถึง คำบอกเล่าจากพรานนำทาง ที่กล่าวมาว่า ฤาษีตนนั้น ได้บอกความเป็นอยู่ และสภาพของบุคคลที่สูญหายแล้ว ยิ่งเพิ่มกำลังใจในการออกติดตามมากขึ้นไปอีก ทุกคนในคณะ ต่างมีความกระตือรือร้น รีบเร่งที่จะออกติดตาม เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลังจากอาหารเช้า ที่กินกันอย่างง่ายๆ ซึ่งก่อนอาหารเช้ามื้อนั้น หรือแทบจะทุกมื้อ พรานโส่ย ผู้รับหน้าที่เป็นเจ้าพิธีหรือกลายเป็นหน้าที่ของแกไปแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะทำชุดเซ่นไหว้ของแกทุกครั้งไป ข้าวปลาอาหารและชุดหมากพลู ก็จัดหาตามประสาของแก  และเพื่อกันไม่ให้เกิดไฟป่า กองไฟทุกกอง จึงถูกพรากออกมาจากกอง ไม่เว้นแม้แต่กองไฟ ที่ใช้เป็นเชิงตะกอน เผาซากไอ้บ่างผีลงพวกนั้น ซึ่งตอนนี้เหลือแต่เศษกระดูกและเศษเนื้อดำปี๋เป็นตอตะโก แพทั้งสองลำ ที่ถูกบรรจุคนของคณะพร้อมสัมภาระต่างๆ ก็พร้อมที่จะออกเดินทางอีกครั้ง โดยการนำทางของพรานเบ ที่ตั้งเข็มให้แพทั้งสองลำ ไหลล่องไปตามกระแสน้ำ ตามการชี้นำ ของฤาษีพรหมโลก ที่เคยบอกใบ้ไว้กับพรานนำทางในความฝัน ส่วนจะใช้เวลาเนิ่นนาน หรือใกล้ไกลขนาดไหน ค่อยมาช่วยกัน คิดวิเคราะห์กันอีกที ก่อนที่แพทั้งสองลำ จะค่อยๆเคลื่อนห่างออกไปจากฝั่ง พรานเบก็พูดออกมาดังๆว่า

          “ลาก่อนพ่อปู่ฤาษี”

          “พวกเราทุกคนจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับท่าน”พรานนำทางร้องบอก พลางโบกมือไปมาเป็นสัญญาณว่าลาก่อน คนอื่นๆก็พลอยทำตามแกไปด้วย พรานโส่ยป้องปากตะโกนออกมาอีกว่า

        “อย่าลืมนะพ่อปู่ อยากกิน หรืออยากได้อะไร ก็ให้มาเข้าฝัน บอกลูกช้างด้วย ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ลูกช้างจะหามาให้”สิ้นเสียงของพรานเฒ่า แพทั้งสองลำก็ลอยลิ่วไปตามกระแสน้ำ ทิ้งให้ภาพ ของก้อนหินรูปฤาษีก้อนนั้น เว้นระยะห่างออกไปทุกขณะ เพียงไม่นานก็เรือนลับกลืนหายไปในกองหมู่หินที่รายล้อม และหมอกควันจางๆ

        แพทั้งสองลำ ลอยเอื่อยไปตามสายน้ำใส ผ่านเกาะแก่ง และโขดหิน สูงๆต่ำๆ ที่ขึ้นโผล่พ้นน้ำอยู่เรียงราย ซึ่งระดับน้ำที่ผ่านมานั้น ดูไม่ลึกนัก สังเกตุได้จากไม้ ที่ใช่ถ่อแพ มันจมลึกลงไป เต็มที่ก็ไม่เกินสองวา  พื้นกรวดที่อยู่ด้านล่าง ก็พอที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน พอแพทั้งคู่ ลอยผ่านหมู่หินใหญ่ ที่มองเห็นอยู่เป็นดงชายตลิ่ง ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ยืนตายพรายแทรกอยู่ พรานโส่ยที่ถ่อแพตามหลังมา ก็ร้องบอกพรานเบ ว่าจะขอแวะดูซากเสือดาว และซากกวาง ที่เสือกัดตายไว้เมื่อวานเย็น เผื่อว่า จะใช้ประโยชน์จากซากกวางตัวนั้นได้บ้าง พรานนำทางโบกมือไปมา แสดงสัญญาณปฏิเสธ พลางชี้มือไปที่ช่องก้อนหินใหญ่ ลักษณะเป็นปากโพรงถ้ำตื้นๆให้ดู ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างถนัดจากบนแพ ภายในนั้นพอจะมองเห็นซากกวางใหญ่ได้อย่างชัดเจน แต่สภาพของมันในตอนนี้ เหลือแต่โครงกระดูก กระจัดกระจาย มีเพียงเศษเนื้อบางๆเท่านั้น ที่เกาะติดอยู่ ต่ำลงมาบนพื้นด้านล่าง เกือบจะถึงโคนของไม้ใหญ่นั้น ก็พบกับกองกระดูก ของสัตว์อีกชนิดหนึ่ง สภาพของมันก็ไม่แตกต่างจากซากกวางที่เห็น ถ้าดูจากหัวกะโหลกที่ถูกแยกส่วนห่างออกไปร่วมวา ก็น่าจะเป็นซากของเสือดาว ตัวที่พรานเบยิงตายไว้ เพราะสังเกตุได้จากเขี้ยวด้านบนทั้งสองข้างยังอยู่ครบ ส่วนเขี้ยวคู่ล่างที่ติดอยู่กับกระดูกขากรรไกร ถูกแยกส่วนหายไป ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า มันเป็นผลงานของสัตว์ชนิดใด ระหว่างสัตว์กินซากจำพวกหมาไน หรือไอ้บ่างผีนรกพวกนั้น

          แสงแห่งอรุณรุ่ง ของเช้าวันใหม่ เริ่มทอแสงแผ่รัศมีและไออุ่น ลมโชยพัดยอดไม้ไหว โอนเอนจนทำให้น้ำค้างที่เกาะจับตัวกันเป็นหยดน้ำ ตามเรือนใบและกิ่งก้าน ตกร่วงลงพื้นดินดัง กรู กราว กระรอกดงสามสี่ตัว พากันวิ่งไล่ไต่กันไปมา ตามกิ่งก้านและเครือเถาวัลย์ ที่ทอดยาวเกาะเกี่ยวไปตามลำต้นของต้นไม้และเชิงผา แต่ละเส้นใหญ่โตขนาดโคนขาขึ้นไป ลักษณะดูบิดเบี้ยวหงิกงอ บางเครือของเถาวัลย์ก็ออกดอกสีสันสวยงามดูแปลกตา บ้างก็ออกฝัก ออกผลเป็นพวงๆกลายมาเป็นอาหารของพวกกระรอกและนกนานาชนิด พวกมันพากันแทะและจิกกินผลไม้สุกเหล่านั้น บางผลก็ร่วงหล่นตกลงมา กลายมาเป็นอาหาร ให้กับสัตว์ที่หากินอยู่เบื้องล่าง ไม่ว่าจะเป็น เก้ง กวาง หมูป่า ไล่ไปจนถึง วัวแดง กระทิง หรือแม้แต่ช้าง ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะต่างก็ชื่นชอบผลไม้สุกประเภทนี้เช่นกัน นอกจากผลสุกของเครือเถาวัลย์ชนิดนั้นแล้ว ตามพงรกชายน้ำ ยังดาษดื่นไปด้วยมะเดื่อป่า แต่ละต้นออกผลดก ซึ่งตอนนี้กำลังสุกงอม มีร่องรอยของสัตว์ชนิดต่างๆลงกิน บางลูกที่ร่วงหล่นกลิ้งลงน้ำ ก็กลายมาเป็นอาหารปลา ไม่ว่าจะเป็นปลาตะเพียน ปลากระแห ปลาตะพาก หรือปลาเกล็ดชนิดต่างๆ ล้วนแล้วแต่ชื่นชอบผลสุกของลูกมะเดื่อ ผลสุกกลิ้งตกลงไปที ก็แย่งฮุบแย่งกินกันจนน้ำแต กกระเซ็น

          ที่ริมน้ำชายตลิ่งตื้นๆ ที่ทอดยาวออกไป แลเห็นแต้มสีขาวนวล ของนกกระยาง และนกยางใหญ่ ออกเดินเลาะเลียบหากินลูกกุ้งลูกปลา ขยับออกไปจากชายตลิ่งที่มีกอหรือดงของสาหร่ายหางกระรอกและกอกกขึ้นแซมอยู่หรอมแหรม นกเป็ดน้ำ และนกกระทุง พากันดำผุดดำว่ายหากินปลาที่อาศัยอยู่ในดงสาหร่ายนั้น ไกลออกไปในดงไม้ล้มริมน้ำ ฝูงนากหลายสิบตัว ดำน้ำผลุบๆโผล่ๆ อยู่ในดงไม้และตอไม้ ไม่นาน ก็มีนากตัวหนึ่งจับได้ปลากดเหลืองขนาดเขื่องเท่าแขน มันรีบลากขึ้นไปแทะกินบนชายตลิ่ง โดยมีนากตัวขนาดย่อมกว่าอีกสามสี่ตัว ซึ่งอาจจะเป็นลูกๆของมัน วิ่งไล่ไต่ตลิ่งตามขึ้นไปด้วย แต่เพียงไม่นานพวกมันก็ต้องแตกกระเจิง เพราะเสียงไม้ไร่กอพง ที่มันเพิ่งจะเข้าไปหลบกินอาหาร หักลั่นดังโผงผาง ไหววูบ ลู่มาเป็นทาง ติดตามมาด้วยภูเขาขนาดย่อมๆสีเทาดำ เจ็ดแปดลูก ก็ค่อยๆโผล่พ้นพงรกออกมา มันคือช้างป่า ที่พากันลงมากินและแช่น้ำ ช้างป่าโขลงนี้ มีทั้งช้างพลาย ช้างพัง และลูกช้างวัยกำลังซน ขนาดไล่ๆกันอีกสามตัว

          ท้องฟ้าเริ่มปลอดโปร่ง เพราะไร้ซึ่งก้อนเมฆบดบัง แลเห็นเป็นสีฟ้าครามไปทั่วทั้งท้องฟ้า ดวงอาทิตย์เริ่มลอยโผล่พ้นทิวเขา ทางด้านทิศตะวันออก แผ่รัศมีสีเหลืองทอง สว่างจ้ามองเห็นเป็นเส้น สาดกระทบทุกพื้นผิวที่ปราศจากสิ่งบดบัง ป่าทึบดงเถื่อน ที่ไร้ซึ่งการถูกรบกวนจากมนุษย์ ปราศจากการตัดโค่นและเผาทำลาย ราวกับป่าดึกดําบรรพ์ ต้นไม้แต่ละต้นใหญ่โตเกินที่จะนับอายุได้ ยอดเรือนที่เบียดชิดกัน จนแทบไม่เห็นช่องส่องลงมา ทำให้พื้นล่างชุ่มชื่นเหมือนถูกราดรดด้วยน้ำอยู่ตลอดเวลา ใบไม้และเศษซากของพืชชนิดที่ต่ำกว่า ถูกทับถมหมักหมมจนมองไม่เห็นพื้นดิน บรรยากาศภายในดงทึบจึงอับชื้น และมืดมน ดูวังเวงมีเลศนัย ผิดกับป่าด้านนอก ที่มีสภาพโปร่งโล่งมากกว่า เพราะมีทั้งทุ่งหญ้า ป่าเถาวัลย์ และไม้ที่มีสภาพแคระแกร็น แต่ก็ยังดูใหญ่โต สัตว์ป่ากินพืช น้อยใหญ่พากันออกหากินไปตามทุ่งหญ้า มองเห็นเป็นทิวแถว บางตัวก็กระโดดโลดเต้น ไปตามโขดหินที่ก่ายกองกันเป็นชั้นๆ หรือแม้แต่ตามหน้าผาที่สูงชัน สัตว์จำพวกแพะภูเขา หรือไม่ก็เลียงผา มีมากมายจนนับไม่ไหว พวกมันพากันหากินพืชพรรณ ที่ขึ้นอยู่ตามหน้าผา บางตัวก็มีอาการไต่กระโจนไปตามแง่หิน น่าหวาดเสียวว่าจะพลาดตกลงมา

          แสงแดดอ่อนในยามเช้า ส่องลอดพุ่มไม้ที่ขึ้นเบียดชิด ลำแสงของมันสาดพุ่งมาเป็นลำ ราวกับไฟฉายที่สาดส่องในยามค่ำคืน ลำแสงนั้นส่องรอดไปยังตำแหน่ง ปากโพรงถ้ำ ที่กินเว้าตื้นๆเข้าไปในผนังหิน มันสาดกระทบเข้ากับร่างที่อาศัยอยู่ภายในนั้น ซึ่งตอนนี้กำลังนอนคุดคู้อยู่บนผืนผ้าขาวม้าที่ใช้ปูนอน กองไฟกองใหญ่ที่เคยก่อสุมไว้หน้าปากโพรง มาตอนนี้เหลือแต่กองขี้เถ้า และปลายท่อนฟืนสั้นๆเท่านั้น ที่ยังมีการเผาไหม้อยู่เบาบาง เพราะยังแลเห็นควันจางๆอยู่สองสามท่อน ที่เหลือมอดดับเสียสนิท ส่วนอีกกองที่อยู่ภายในถ้ำดับลงไปมานานแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ด้วยอาการสะลึมสะลือ อึดใจใหญ่ถึงได้ยันกายขึ้นมานั่ง ด้วยอาการมึนงง พลางมองไปรอบๆกาย เหมือนจะลำดับภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เคยผ่านมา สิ่งแรกที่เขานึกได้ก็คือ หญิงสาวอันเป็นที่รัก ซึ่งในตอนนี้ได้อันตรธานไปเสียแล้ว แท้จริงแล้วตัวเขาก็คุ้นชิน กับเหตุการณ์ละหว่างหล่อนและตัวเขา  แต่ก็อดที่จะใจหายไม่ได้ในทุกครั้ง ที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบหล่อน และครั้งนี้มันผิดไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ มันลึกซึ้งกว่าครั้งก่อนๆ

          “ที่รักของผม”

          “ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”ชายหนุ่มได้แต่คิด ไม่ได้กล่าวคำใดออกมา พลางก็กวาดสายตาไปรอบๆ เหมือนจะสำรวจ เผื่อว่าจะพบร่องรอยอะไรของหล่อนมาบ้าง เพราะตัวเองก็เริ่มสับสน ว่าที่ผ่านมามันคือความจริง หรือความฝัน เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เข้ามาหลบนอนในโพรงถ้ำนี้ ตั้งแต่ก่อนค่ำของเมื่อเย็นวาน ลำดับเหตุการณ์ต่างๆก็ยังจดจำได้ดี ว่าครั้งแรกตัวเองนอนข้างกองไฟ ที่ก่อไว้ภายในถ้ำ ใช้เป้หลังหนุนหัวต่างหมอน แล้วห่มด้วยผ้าขาวม้า จนมาถึงกลางดึกเมื่อคืน เสือลายพาดกลอนตัวหนึ่ง ได้เข้ามาวนเวียนรอบๆที่พัก จะว่าฝันก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะมองเห็นกระสุนปืนขนาด.22 ตกกระจายเกลื่อนพื้น ซึ่งจำได้ว่าเขาเองเป็นคนโยนกระสุนปืนบางส่วนเข้าไปในกองไฟด้านนอก เพื่อทำให้มันระเบิด เกิดเสียงไล่เสือร้ายไปได้ หรืออาจจะทำตกหล่นตอนมุดเข้ามาก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตัวเองเก็บเอาไว้ในห่อปิดมิดชิด และเก็บยัดไว้ในเป้หลัง ซึ่งสภาพของเป้หลังของเขาในตอนนี้ นอนตะแคงกระเท่เร่ อยู่ที่มุมในสุดหลังโขดหินใหญ่ ที่สำคัญมีรอยรื้อค้นให้เห็นเป็นประจักษ์พยาน แล้วหลังจากนั้นไม่นาน หล่อนก็มาปรากฏกายขึ้นมาให้เขาเห็น และได้ชักชวนให้หล่อน เข้ามาภายในถ้ำแห่งนี้ และเขาเองนั้นแหละ ที่เป็นคนใช้ผ้าขาวม้า มาปูรองพื้นให้หล่อนคนนั้นนั่ง ซึ่งมันก็เกือบจะเป็นที่รองรับเพลิงสวาทละหว่างหล่อนและเขาไปแล้ว เมื่อคิดได้ถึงตอนนี้ ชายหนุ่มก็แทบจะสร่างจากอาการงัวเงียขึ้นมาทันที แต่พอหันกลับไปมองตำแหน่งที่เขาเคยหนุนตักหล่อนคนนั้นชายหนุ่มก็ต้อง ตกใจยิ่งกว่าเห็นเสือลายพาดกลอนตัวนั้นเสียอีก

          ณ ตำแหน่งที่เขาเคยนอนหนุนตักหล่อนคนนั้นต่างหมอน ก่อนตัวเขาจะเคลิ้มหลับไป ตำแหน่งนี้เอง ที่ปรากฏวัตถุปริศนา ลักษณะของมันเหมือนผ้าผืนบางๆมันวาวเหมือนผ้าใหม ซ้อนพับกันหลายๆทบ มันเป็นผ้าสีเขียวอ่อน เหมือนสีของใบตองอ่อน สภาพใหม่เอี่ยมไม่มีร่องรอยของสิ่งสกปรกใดๆเปรอะเปื้อนเลยแม้แต่น้อย ไม่ผิดแน่ ผ้าผืนนี้ที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า จะให้เป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก ผ้าสะไบ ของหล่อนคนนั้น ชายหนุ่มถึงกับขนลุก เบิกตาโพลง กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว ผสมอยู่ในอาการเดียวกันจนตัวเองสับสนไปหมด ชายหนุ่มค่อยๆยื่นมือเข้าไปแตะเพื่อที่จะสัมผัส มืออีกข้างก็ขยี้ตาตัวเองอยู่ไปมา เพราะไม่แน่ใจว่า ตัวเองจะตาฝาดไปหรือไม่ แต่พอมือที่ยื่นไปสัมผัสโดนผืนผ้าปริศนาผืนนั้นแล้ว หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

          “ค..คะ..คุณพลับพลึง!”

          “นะ..นี่ ระ..เรา ไม่ได้ ฝันไปใช่มั๊ย”ชายหนุ่มสำลักออกมาแทบไม่เป็นคำพูด หลังจากคว้าผืนผ้าสะไบนั้นขึ้นมาตรงหน้า พร้อมๆกับจูบลงไปบนผืนผ้าสะไบนั้นอย่างหนักหน่วง ใช่แน่ หล่อนคนนั้นแน่ๆ เพราะกลิ่นที่หอมฟุ้งนั้น สัมผัสได้ ว่ามันเป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคย เพราะมันเป็นกลิ่นเดียว กับกลิ่นกายของหล่อน ชายหนุ่มทั้งจูบ ทั้งหอม ทบผ้าสะไบผืนนั้นก่อนที่จะเอามากอดไว้แนบอก พลางยกดู แล้วเอามากอด สลับกันไปแบบนั้น อย่าไม่เชื่อสายตาตัวเอง

          ชายหนุ่มเดินประคองผ้าสะไบผืนนั้น ออกมายังบริเวณหน้าปากโพรงถ้ำ ที่ตนเองใช้เป็นที่หลบอาศัยชั่วคราว สายตาก็มองสาดไปรอบๆบริเวณ บนลานหินรอบที่พัก ยังมีเศษถ่านก้อนดำๆ กระจัดกระจายเกลื่อน เหมือนใครเอามาโปรยทิ้งไว้ ส่วนกองฟืนกองใหญ่ที่เคยก่อสุมไฟ สภาพตอนนี้ไฟได้โทรมเหลือแต่ขี้เถ้าหมดแล้ว มีแต่ส่วนของปลายไม้ท่อนใหญ่ๆที่ยังไหม้ไม่หมด และที่สำคัญ ภายในกองไฟนั้น มองเห็นปลอกทองเหลือง ของกระสุนปืนขนาด .22 ตกอยู่ภายในหลายปลอก แต่ละปลอกมีสภาพแหกฉีก ด้วยอาการระเบิดอีกหลายสิบนัด มีสี่ถึงห้านัด ที่ไม่ได้ระเบิดหรือถูกไฟเผา เพราะมันตกห่างจากกองไฟออกไปมาก นอกจากร่องรอยของกระสุนปืนที่เขาใช้ไล่เสือแล้ว รอยตีน ของเสือลายพาดกลอน ตัวเจ้าปัญหาตัวนั้น ก็มีปรากฏให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจน รอยของมันย่ำวนเวียนรอบๆที่พัก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตัวจะใหญ่ขนาดไหน เฉพาะรอยตีนของมันก็ใหญ่กว่าฝ่ามือกางๆของเขาแล้ว แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ มันก็ยังสร้างความตื่นเต้นได้ไม่เท่า ผ้าสะไบเฉียงของหล่อน ซึ่งตอนนี้ มันได้มาอยู่ในมือของเขาอย่างไม่คาดคิดไม่คาดฝัน แสดงเป็นเครื่องหมายบ่งบอกให้เน้นย้ำและมั่นใจได้ว่า ที่ผ่านมา เขาไม่ได้ฝันไป

          บุคคลสูญหาย ที่ตัวเองก็ไม่อาจบอกได้ว่า เขาได้พลัดพรากจากหมู่คณะมายังสถานที่แห่งใด มันดูมืดมนไปหมดเสียทุกทาง มีเพียงสายน้ำใหญ่เส้นนั้น ที่พอจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวและใช้กำหนดทิศทางได้ ความว้าเห่ว เปล่าเปลียว ทำให้ท้อแท้อยู่หลายครั้ง มีเพียงหล่อนคนนั้น ที่คอยให้คำปรึกษา พูดคุย ให้เขาได้คลายกังวล ถึงแม้จะเป็นแค่ในยามวิกาลเท่านั้น เขาก็พอใจและยินดีแล้ว จนมันกลายมาเป็นความรักขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งสิ่งนี้ มันได้สร้างแรงผลักดัน และขวัญกำลังใจอย่าน่าอัศจรรย์ ยากนักที่จะอธิบายให้ใครต่อใครได้เข้าใจ ว่าความรักที่เขามีให้แด่หล่อน ซึ่งไม่ใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดา มันมีมากมายเกินจะกล่าว

          หลังจากเดินสำรวจโดยรอบจนเป็นที่พอใจแล้ว ชายหนุ่มก็รีบจัดเก็บข้าวของและสัมภาระต่างๆ ใส่เป้หลัง ไม่ลืมที่จะเก็บลูกกระสุนปืนที่ตกเรี่ยราด อยู่ตามพื้นภายในถ้ำและบริเวณรานหินเบื้องหน้า ส่วนผ้าสะไบผืนนั้น เขาบรรจงพับเก็บไว้เป็นอย่างดีภายในเป้หลังของเขา โดยห่อทับไว้ด้วยผ้าขาวม้าอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้า ล้างหน้าล้างตา ในแอ่งน้ำที่เกิดจากน้ำซับ ที่ขังเป็นแอ่งอยู่ภายในถ้ำ พอให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาบ้าง เมื่อเสร็จธุระของตัวเอง ก็มาสำรวจบาดแผลตามเนื้อตัว ทั้งแผลเก่าที่ฝ่ามือ ตอนนี้บาดแผลดูแห้งสนิทตกสะเก็ด ไม่มีอาการอักเสบให้เห็นเหมือนครั้งก่อนๆ เพียงแค่ทายาฆ่าเชื้อรอบๆบาดแผล นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนแผลใหม่ที่เกิดจากระว่างการเดินทางของเมื่อวาน เป็นเพียงรอยถลอกบ้างเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากการเดินแบบสมบุกสมบัน สำรวจเนื้อตัวเสร็จ ก็มาจัดการกับอาหารเช้า ดังนั้นหัวมันเทียนเผาอีกหัว ที่เขาเก็บไว้เป็นเสบียงมื้อสุดท้ายก็หมดไปอย่างรวดเร็ว หลังจากดื่มน้ำที่ขังแอ่งนั้นจนอิ่มแปร้ ก็พร้อมที่จะเดินทางอีกครั้ง และครั้งนี้ของเขา มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง และขวัญกำลังใจ โดยเฉพาะกำลังใจที่ได้มาจากหล่อนคนนั้น

          เขาเดินลัดเลาะไปตามเชิงเขา ที่ทอดยาวเป็นกำแพงสูงยาวสุดตาทางด้านขวามือ โดยยึดให้เส้นทางขนานไปกับแม่น้ำสายนั้นซึ่งตอนนี้อยู่ทางด้านซ้ายมือ โดยการเดินในลักษณะ ทวนย้อน ซึ่งตลอดเส้นทางเริ่มโปร่งโล่ง ไม่รกทึบเหมือนที่ผ่านมา เพราะเส้นทางที่เดินฝ่า หนาแน่นไปด้วยไม้ใหญ่ แต่ละต้นสูงใหญ่หลายคนโอบ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ยาง ไม้ตะแบก ไม้ชิงชัน ไม้ประดู่ ก็ล้วนแล้วใหญ่โตทั้งนั้น เรือนใบแต่ละต้น ทอดแผ่เบียดกันเป็นหลังคาทึบ แทบไม่มีช่องให้แสงตะวันลอดผ่านได้ จึงทำให้พืชชนิดอื่นๆไม่สามารถเจริญเติบโตได้ นอกจาก พืชจำพวกเฟิร์นและบุกบางชนิด ซึ่งขนาดของมันก็ใหญ่โตไม่แพ้กัน บางต้นก็ใหญ่โต มีพุ่มใบเหมือนต้นมะพร้าว หรือพืชตระกูลปรงและปาล์ม บางต้นก็มีลักษณะเป็นเถา ห้อยระย้าเหมือนผ้าม่านดูแปลกตา หรือบางต้นก็มีลักษณะเหมือนกะหล่ำปลีแต่ขนาดของมันใหญ่พอๆกับตุ่มมังกร ก้านใบลักษณะเป็นกาบ มีหนามปกคลุมเต็มไปหมด ดูไปแล้วก็ไม่น่าไว้วางใจ ต้องคอยเดินหลบหลีกอยู่เสมอ นอกจากพืชพรรณนานาชนิด ที่เขาไม่เคยเห็นแล้ว ในดงทึบแห่งนี้ สัตว์ป่าก็มีอย่างชุกชุม จนบางจังหวะก็แทบจะเดินชนกัน และเป็นโชคดีของเขาอีก เมื่อสัตว์ที่เขาเผชิญล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์จำพวกกินพืชเป็นอาหาร ไล่ตั้งแต่กระจง ไปจนถึงกวางขนาดใหญ่ ใหญ่สุดก็ช้าง ซึ่งต้องคอยระวัง เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องหลบแอบซุ่ม หรือรอจนกว่าพวกมันจะผ่านกันไป ทุกก้าวของเขาจึงต้องเต็มไปด้วยความระมัดระวังภัยขีดสุด มีครั้งหนึ่ง เขาเดินไปตามด่านสัตว์ ที่เดินย่ำทิ้งไว้เป็นช่อง ตามดงเฟิร์นที่สูงเสมอเอว มีต้นกระวานและต้นปุด ขึ้นแซมเป็นระยะ ชายหนุ่มก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหว เพราะจับสังเกตุเห็น ซุ้มลักษณะประหลาด เหมือนใครมาตัดหรือกองใบไม้ไว้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นใบเฟิร์น ต้นกระวาน หรือเศษวัชพืชต่างๆ สภาพกองพืชนั้นก็ยังสดใหม่อยู่ ทุกกองสุมระดับสูงเกือบถึงอกของเขา รัศมีที่กะด้วยสายตา มันกว้างประมาณห้าวา เกือบจะเป็นรูปวงกลม สัมผัสได้ถึงกลิ่นสาบแปลกๆ

          “ถ้าเจอรังแบบนี้ เอ็งอย่าเที่ยว เข้าไปใกล้ จำเอาไว้ นี่แหละ ซุ้มหมูป่า”

          “ถ้าตัวมันไม่อยู่ แต่เห็บ บนตัวมัน จะพากันเข้ามาอยู่ในรังแบบนี้ ทั้ง เห็บลม เห็บแรด ระวังให้ดี”นี่เป็นเสียงของพรานเบ ที่แทรกแว่วเข้ามาในโสนประสาท ของชายหนุ่ม หลังจากที่เคยท่องเที่ยวเดินป่ามาด้วยกัน ซึ่งครั้งนั้น พรานนำทางพามาพบเข้ากับรัง หรือ ซุ้มหมูป่า และตัวพรานนำทางเอง ได้บอกสอนเขา ซึ่งไม่ได้ประสีประสา อะไรเลยในตอนนั้น


      เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร การเดินทางของชายหนุ่ม จะพบเจอกับอะไรชนิดใดหรือไม่ โปรดติดตามในตอนต่อไป

                ผิดพลาด หรือตกหล่นประการใด ผมหนุ่มธุดงค์ไพร ต้องขออภันมา ณ ที่นี้ด้วยครับ



แก้ไข 9 มิ.ย. 64, 11:21
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024