... พระงบน้ำอ้อย หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน ของดีที่คนมองข้าม ...
ภาพที่ 1
ผู้เป๋็นหนึ่งใน "สามเสือแห่งกรุงเก่า"
หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน จ. พระนครศรีอยุธยา เป็นอาจารย์ร่วมสมัยเดียวกับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
ท่านจึงเป็นพระอาจารย์อาวุโส มรณภาพเมื่อปี ๒๔๙๙ (อายุ ๘๑ ปี) หลังหลวงพ่อปาน ๑๘ ปี ( ๒๔๙๙ - ๒๔๘๑ )
แต่ก่อนหลวงพ่อจงราว ๘ ปี ( ๒๔๙๙ ๒๕๐๗ ) วัดของท่านเหล่านี้อยู่ไม่ไกลกันนัก ท่านเป็นสหธรรมมิก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
จนชาวอยุธยาเรียกกันติดปากว่า พระหมอหลวงพ่อปาน เกจิอาจารย์หลวงพ่อจง เมตตาไหลหลง หลวงพ่อยิ้ม
หลวงพ่อทั้ง ๓ มีความสนิทสนมกลมเกลียวกันยิ่งนัก ต่างคนต่างผลัดไปมาหาสู่ต่อวิชา ซึ่งกันและกันที่วัดของแต่ละองค์ ครั้งละหลายๆ วัน
ชาวกรุง เก่าที่รู้ซึ้ง จึงกระซิบต่อๆ กันว่า พระเครื่องของทั้ง ๓ องค์นี้พุทธคุณขลังเหมือนกัน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดและคงกระพันชาตรี
เมื่อต่างองค์ต่างสร้างพระเครื่องฯ เพื่อสืบทอดพระศาสนาต่างก็มานั่งปรกพุทธาภิเษก แทบทุกๆครั้งไป
..
เหตุการณ์ สำคัญเช่นการปลุกเสกทราย และขึ้นเครื่องบินโปรยลงสถานที่สำคัญๆ ในประเทศไทย เมื่อครั้งสมัยสงครามอินโดจีนฯ ช่วง พ.ศ. ๒๔๘๕
ฝรั่งเศสที่ต้องการจะยึดดินแดนของไทยเป็นประเทศใน อาณานิคม มีผลร้ายแรง พอๆ กับ สงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕
ซึ่งเป็นเรื่องของความสามัคคี เพื่อให้สถาบันชาติอยู่ได้ สถาบันศาสนาอยู่ได้ และสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ได้ และสืบต่อพระศาสนา ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป.
ภาพที่ 2
พระเครื่องของหลวงพ่อยิ้มนั้น เนื้อขององค์พระเป็นพระเนื้อดินเผา ซึ่งดินนั้นได้จากดินขุยปูตามทุ่งนา และดินที่ขุดมาจากทุ่งนาเป็นเนื้อดินละเอียดมาก
แต่ก็มีเม็ดกรวดเม็ดทราย เม็ดเล็กเม็ดใหญ่ปนอยู่บ้าง หรืออาจมีเศษเปลือกหอย เศษไม้ปะปนก็มีบ้างเป็นบางองค์
แต่พระหลวง ปู่ยิ้มเนื้อต้องแห้งและแกร่งมากเนื่องจากความเก่าและอายุมากหลายสิบปี
บางองค์หากเผาแล้วจะมีเนื้อแร่ถูกเผาไหม้ติดอยู่ที่องค์พระ (แร่หมัดไฟ)
ลักษณะรูปพรรณสัณฐานแบ่งเป็นหลายพิมพ์ ซึ่งถ่ายทอดออกมาตามพุทธประวัติ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
หากแต่พระทั้งหมดใช้กรรมวิธีเดียวกันในการสร้าง ลักษณะจึงคล้ายๆ กัน โดยสังเกตทางด้านหลังขององค์พระจะมีรอยถากของไม้กระดาน
ซึ่งเกิดจากการถอดพิมพ์พระ โดยการวางด้านหลังของพิมพ์พระซึ่งเป็นเนื้อดินเหนียวกดลงไปบนไม้กระดานและจึงถอดพิมพ์พระออกมา
และตากแดดจนแห้ง ด้านหลังจึงเป็นรอยถากของไม้กระดานทุกองค์ ชัดเจนบ้างไม่ชัดเจนบ้างก็สุดจะแล้วแต่
ภาพที่ 3
พระเครื่องเนื้อดินเผาของหลวงพ่อยิ้ม จึงกระจายออกไปสู่ส่วนกลางเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะพิมพ์งบน้ำอ้อย
ซึ่งมีจำนวนการสร้างมากที่สุด และมีอยู่หลายแม่พิมพ์ ขนาดใกล้เคียงกัน เป็นรูปของพระนั่งหันพระเกศเข้าสู่ศูนย์กลาง
ห้าองค์บ้าง หรือสิบองค์บ้าง บางองค์ที่ผ่านการสัมผัสบูชา ถูกไออุ่น หรือไอเหงื่อก็จะมีสีเข้มขึ้น
อายุการสร้างก็มากกว่า 50 ปีล่วงมาแล้ว อายุไม่หย่อนกว่าพระเครื่องหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
และเป็นพระเครื่องที่มีวัตถุ ประสงค์การสร้างที่บริสุทธิ์ และพระเถระผู้สร้างก็บริสุทธิ์
ภาพที่ 4
องค์ที่ผมนำมาลงไว้ให้ดูเป็นพระงบน้ำอ้อย พิมพ์ใหญ่นะครับ พิมพ์มีเส้นแบ่ง พระพิมพ์นี้มา 3 ขนาดพิมพ์ใหญ่ กลาง และเล็ก สภาพน่ารักครับ
ว่ากันว่า ถ้าหาพระหลวงพ่อปาน มาใช้ไม่ได้ก็เอาพระหลวงพ่อยิ้ม มาใช้แทนกันเลยครับ เพราะวิธีการสร้างคล้ายกันมาก
หลวงพ่อปานและหลวงพ่อจง ร่วมปลุกเสกด้วยอย่างแน่นอน องค์นี้เอาไปแวะเที่ยวที่งานประกวดที่ธรรมศาสตร์ที่ผ่านมา
ได้รางวัลติดไม้ติดมือมานิดหน่อยครับ อีกประมาณหกสิบวันจะได้ใบประกาศครับ