กระดาน
รีวิว
ตลาด
ประมูล
เปิดท้าย
เรือ
แหล่งตกปลา
ร้านค้า
ค้นหาข้อมูล
Login
สมัคร
29 พ.ย. 67
เอกชน ค้านค่าแรง 300 บาทเพื่อตนเอง : SiamFishing : Thailand Fishing Community
กระดาน
คห. 20 อ่าน 2,393 โหวต 4
เอกชน ค้านค่าแรง 300 บาทเพื่อตนเอง
Nayz
(164
)
1
ตั้ง: 10 ส.ค. 54, 09:56
ในขณะที่รัฐบาลยังพึ่งแถลงตำแหน่ง โฉมหน้าของคณะรัฐมนตรี ไปสดๆ เมื่อคืนนี้ แต่เราได้เห็นการออกมาประสานเสียงคัดค้านนโยบายที่มีการหาเสียงไว้ โดยเฉพาะนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็นภาคเอกชน โดยอ้างว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะกระทบต่อต้นทุนการผลิต สูญเสียศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้น
คนเหล่านี้แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงแค่เจ้าของกิจการที่ต้องการจะบีบเอาผลประโยชน์และกำไรให้กับตัวเองให้มากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ด้วยกัน
ลองคิดดูง่ายๆ ว่าถึงแม้ค่าแรงขั้นต่ำจะขยับขึ้นไปเป็น 300 บาทต่อวันจริงถ้าคนๆ หนึ่งทำงานแบบไม่มีวันหยุด เขาจะได้ค่าตอบแทนเพียงแค่เดือนละ 9,000 บาทเท่านั้น แต่ในชีวิตจริง คงไม่มีใครทำงาน 30 วัน ลองหักวันหยุดอีก 4 วัน เหลือ 26 วันต่อเดือน ลองถามใจของเจ้าของกิจการเหล่านั้นดูว่าในสภาพเศรษฐกิจสังคมปัจจุบันด้วยเงิน 7,800 บาทสำหรับการใช้ชีวิต ยิ่งถ้ามีครอบครัวด้วยแล้ว จะยากลำบากแค่ไหน
ในความเข้าใจของผมเอง ผมคาดว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นความพยายามของรัฐบาลใหม่ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจให้กับคนไทย โดยให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถที่จะลืมตาอ้าปากในสังคมไทยได้ อย่าเห็นแก่ตัวโดยมองเพียงแต่ด้านผลกระทบต่อธุรกิจของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว
ลองนึกดูว่าเมื่อคนเริ่มมีรายได้มากขึ้น แน่นอนที่ว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ต้องจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น การหมุนเวียนของเศรษฐกิจก็จะเติบโตขึ้นเป็นเงาตามตัว สินค้าอุปโภคบริโภคก็จะขายดีมากขึ้น เม็ดเงินกระจายสู่ครอบครัว ญาติพี่น้องของพวกเขาเหล่านั้นมากขึ้น เท่ากับว่าเป็นการช่วยยกฐานของระบบเศรษฐกิจไทยทั้งหมดให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีให้ธุรกิจของเจ้าสัวต่างๆ ขยายตัวด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้คนเหล่านั้นอาจจะเริ่มเจียดเงินบางส่วนเพื่อแสวงหาความสุนทรีย์ ความรื่นรมย์ให้กับชีวิตตามที่พวกเขาพึงจะหาได้ ย่อมน่าจะเป็นสิ่งดีที่ทำให้สภาพสังคมของเราอิ่มเอมไปด้วยความสุข และรอยยิ้ม ซึ่งนี่ไม่ใช่ภาพของสังคมที่เราอยากเห็นหรือ ทุกคนในสังคมก็ล้วนจะมีความสุขไปพร้อมๆ กัน
สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ซึ่งเป็น 3 ภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ออกมาประสานเสียงกันคัดค้านนโยบายดังกล่าว เพราะองค์กรเหล่านี้เป็นตัวแทนของทุนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง เพราะทั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ หรือแม้แต่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่ดูแลภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังเชื่อว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่น่าจะกระทบกับเงินเฟ้อ อีกทั้งน่าจะส่งผลดีต่อการบริโภคภาคเอกชนให้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจจะเติบโตเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้มีเสียงจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น แต่ผมได้อ่านทวิตเตอร์ของคุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการของแสนสิริ (@thavisin) ที่เขียนไว้ว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะไม่กระทบกับราคาบ้าน เพราะค่าแรงคิดเป็นส่วนน้อยของต้นทุนทั้งหมด
เอาล่ะสิ ขนาดผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ยังออกมายืนยันว่าการขึ้นค่าแรงไม่กระทบต่อราคาขายบ้าน ดังนั้นบรรดาเจ้าของกิจการต่างๆ กลัวอะไร ??วันๆ ผู้ประกอบการเอกชน ล้วนแต่หาทางที่จะบีบคั้นลูกจ้างให้ทำงานหนัก ค่าตอบแทนไม่เหมาะสม ด้วยวลีที่ว่าเราต้องช่วยกันลดค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการอยู่รอด แต่เคยคิดถึงหัวใจของลูกจ้างบ้างหรือไม่
เห็นราคาบุฟเฟต์ข้างบนนี้มั้ยครับ 1 มื้อสำหรับ 1 คนราคา 9,416 บาท สำหรับเจ้าของกิจการคงเป็นเรื่องสบายๆ ในขณะที่ลูกจ้างของพวกเขาเหล่านั้นได้เงินเฉลี่ยทั้งเดือนยังไม่เท่ากับอาหารที่คนทานเพียง 1 มื้อ ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นชนชั้นนำในสังคมจะหันกลับมาช่วยกันประคับประคองให้ทุกคนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ใช่จะเหยียบย่ำคนที่จนอยู่แล้วให้เตี้ยต่ำติดดินตลอดไป มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์และในฐานะคนหนึ่งคน ควรได้รับการดูแลในฐานะมนุษย์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าแรงนั้นต้องเข้าใจในฝั่งนายจ้างเช่นกันว่าถ้าผลิตภาพการผลิตของเขาไม่เพิ่มขึ้น เพิ่มค่าแรงไปก็ต้องกระทบต่อรายได้อย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำควบคู่กันไปคือการเร่งพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานของเราให้มีความสามารถและทักษะเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐจะต้องออกมาตรการเข้าไปช่วยดูแลกิจการเช่น สินเชื่อเพื่อการพัฒนาธุรกิจ เป็นต้น
คุยเรื่องค่าแรง 300 บาทต่อวันมาตั้งนาน ก่อนจะเขียนบทความนี้จบไปเห็นข่าวชิ้นนึงในมติชน เลยอยากลองให้อ่านกันดูนะครับว่าค่าตอบแทนเฉลี่ยของผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ที่ 15.72 ล้านบาทต่อคนต่อปี หรือ วันละ 43,068 บาท
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312094289&grpid=01&catid&subcatid
มันช่างเหลื่อมล้ำกันเหลือเกิน !!
คห.จก.
zatangang
(559
)
คห.1: 10 ส.ค. 54, 10:44
จริงครับ......ความเหลื่มล้ำทางสังคมมีมากเกินไป
เป็นปัญหาที่คาราคาซังมาหลายชั่วอายุคน
ทั้งนี้มาจากแต่ดั้งเดิมครับ....ผมว่าแก้ไม่ได้หรอกครับ
ทุกสิ่งอย่างนั้นล้วนดำเนินมาแต่เก่าก่อน
ประเทศไทยจะก้าวหน้าต่อไปได้
ควรที่จะหันมาดูสิ่งที่บรรพบุรุษเราทำมา
บ้านเมืองเราเป็นประเทศเกษตรกรรม
มิใช่อุตสาหกรรม
ลองคิดในแง่ของความเป็นจริงนะครับ
มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการปัจจัย4ในการดำรงชีวิต
อาหารถือได้ว่าเป็นปัจจัยแรกที่ต้องการ
แล้วทั่วโลกมีประชากรเท่าไหร่ที่ต้องการอาหาร
แค่ในประเทศไทยก็ยังจะผลิตไม่พอแล้วครับ
แล้วอาหารที่ส่งออกไปต่างประเทศนั้นถือได้ว่า
ดีกว่าของคนไทยที่ทานกันในประเทศอีกครับ
ปีๆหนึ่งการส่งออกอาหารของไทยทำรายได้มากโขอยู่ทีเดียว
ผมอยากให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นประเทศเกษตรกรรม
มากกว่าที่จะโตอย่างอุสาหกรรม
ผลเสียของการจะโตอย่างอุตสหกรรมเป็นอย่างไรทุกๆท่านก็คงจะเคยเห็นมาแล้วนะครับ
ทั้งปัญหา มลภาวะ ดิน น้ำ อากาศ ขนาดอาหารที่เราบริโภคกันอยู่ทกๆวันยังมีการปนเปื้อนเลยครับ
ผมไม่อยากพูดถึงรัฐบาลครับไม่ว่าชุดไหนๆก็ช่าง(เดี๋ยวโดนแบน)
ผมแค่เป็นเสียงหนึ่งของคนไทยเท่านั้น ที่อยากเห็นประเทศพัฒนาอย่างเรื่อยๆแต่มั่นคง
ให้เน้นทาด้านเกษตรกรรม เพราะถึงประเทศจะด้อยกว่าเค้าแต่เราก็"มีข้าวกิน"ครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับเนื้อที่ที่ให้ผมได้แสดงความคิดเห็นครับ
burnedice
(638
)
คห.2: 10 ส.ค. 54, 10:48
ผมว่า การเมือง จะทำให้เกิด ความเห็นที่ แตกต่าง แต่ บางครั้ง มันอาจก่อให้เกิดการแตกแยก
ด้วยความเคารพนะครับน้า
kondoy
(2143
)
คห.3: 10 ส.ค. 54, 10:49
น่าเห็นใจครับ
dggame
คห.4: 10 ส.ค. 54, 10:49
ณ. ประเทศไทย
คนรวยก็รวยล้นฟ้า
คนจนก็จนดิ่งเหว
BIGAUTO
คห.5: 10 ส.ค. 54, 10:55
อ้างถึง: dggame posted: 10-08-2554, 10:49:57
ณ. ประเทศไทย
คนรวยก็รวยล้นฟ้า
คนจนก็จนดิ่งเหว
น้า ถูกต้องเลยครับ.......เพราะมันเ็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าสวนรวมไงครับ
Nayz
(164
)
คห.6: 10 ส.ค. 54, 10:55
อ้างถึง: zatangang posted: 10-08-2554, 10:44:11
จริงครับ......ความเหลื่มล้ำทางสังคมมีมากเกินไป
เป็นปัญหาที่คาราคาซังมาหลายชั่วอายุคน
ทั้งนี้มาจากแต่ดั้งเดิมครับ....ผมว่าแก้ไม่ได้หรอกครับ
ทุกสิ่งอย่างนั้นล้วนดำเนินมาแต่เก่าก่อน
ประเทศไทยจะก้าวหน้าต่อไปได้
ควรที่จะหันมาดูสิ่งที่บรรพบุรุษเราทำมา
บ้านเมืองเราเป็นประเทศเกษตรกรรม
มิใช่อุตสาหกรรม
ลองคิดในแง่ของความเป็นจริงนะครับ
มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการปัจจัย4ในการดำรงชีวิต
อาหารถือได้ว่าเป็นปัจจัยแรกที่ต้องการ
แล้วทั่วโลกมีประชากรเท่าไหร่ที่ต้องการอาหาร
แค่ในประเทศไทยก็ยังจะผลิตไม่พอแล้วครับ
แล้วอาหารที่ส่งออกไปต่างประเทศนั้นถือได้ว่า
ดีกว่าของคนไทยที่ทานกันในประเทศอีกครับ
ปีๆหนึ่งการส่งออกอาหารของไทยทำรายได้มากโขอยู่ทีเดียว
ผมอยากให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นประเทศเกษตรกรรม
มากกว่าที่จะโตอย่างอุสาหกรรม
ผลเสียของการจะโตอย่างอุตสหกรรมเป็นอย่างไรทุกๆท่านก็คงจะเคยเห็นมาแล้วนะครับ
ทั้งปัญหา มลภาวะ ดิน น้ำ อากาศ ขนาดอาหารที่เราบริโภคกันอยู่ทกๆวันยังมีการปนเปื้อนเลยครับ
ผมไม่อยากพูดถึงรัฐบาลครับไม่ว่าชุดไหนๆก็ช่าง(เดี๋ยวโดนแบน)
ผมแค่เป็นเสียงหนึ่งของคนไทยเท่านั้น ที่อยากเห็นประเทศพัฒนาอย่างเรื่อยๆแต่มั่นคง
ให้เน้นทาด้านเกษตรกรรม เพราะถึงประเทศจะด้อยกว่าเค้าแต่เราก็"มีข้าวกิน"ครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับเนื้อที่ที่ให้ผมได้แสดงความคิดเห็นครับ
ไม่งั้น CP จะรวยหรอครับ CP ขายอาหารปัจจัย 4
และ ครอบคลุมทั้ง ห่วงโซ่อุปทาน ทั้งขายสัตว์เอง แปลรูปเอง ผลิตอาหารเอง ส่งออกเอง และสุดท้าย
มีร้านจำหน่ายเป็นของตัวเอง และสุดท้ายแล้วสามารถตั้งราคาขายของตัวเองด้วย ใครจะไปเชื่อไข่ไก่สด CP ขายได้ถึง 5-8 บาทด้วยซ้ำ
ทำอะไรไม่ได้เพราะ เค้าฉลาดมาก ปัจจัยนึงที่ทำให้อาหารราคาสูงก็เพราะ หลายๆ อย่างในห่วงโซ่ต้องซื้อกับ CP เป็นหลักพวกอาหาร ก็คุมราคาเองได้
ทางแก้ทางเดียวก็คือ ต้องสอนให้ประชาชน เกษตรกร สามารถพึงตัวเองได้เช่น ทำอาหารสัตว์เอง ทำปุ๋ยเอง ตามแนวพระราชดำริ
และวันนั้น จะเป็นวันที่เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้ครับ
Nayz
(164
)
คห.7: 10 ส.ค. 54, 10:57
อ้างถึง: burnedice posted: 10-08-2554, 10:48:46
ผมว่า การเมือง จะทำให้เกิด ความเห็นที่ แตกต่าง แต่ บางครั้ง มันอาจก่อให้เกิดการแตกแยก
ด้วยความเคารพนะครับน้า
ผมเขียนให้ทุกคน รู้สึกตัวว่ากำลังประเชิญกับสถานการณ์ แบบไหนครับ ^ ^
RudScg
(18
)
คห.8: 10 ส.ค. 54, 11:04
ผมไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนแต่ใครเค้ามาก็ล้วนแต่จะมากอบโกยผลปะโยช์นกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะมากหรือน้อย
ถ้าเข้ามากอบโกยน้อยก็ถือว่าคนไทยโชคดีแล้ว
ฟีฟะ
(115
)
คห.9: 10 ส.ค. 54, 11:04
+ 1 ครับ
สาวกปลาตาย
(831
)
คห.10: 10 ส.ค. 54, 11:04
มีแต่คนทำเพื่อตนเองทั้งนั่นแหละครับเพราะว่าคนส่วนมากเห็นแก่ตัว
ขอแค่พวกเราชาว sf อย่าเห็นแก่ตัวเหมือนคนอื่นครับ เพื่อพี่น้องเรา
NONGMAX
(22
)
คห.11: 10 ส.ค. 54, 11:12
อ้างถึง: สาวกปลาตาย posted: 10-08-2554, 11:04:49
มีแต่คนทำเพื่อตนเองทั้งนั่นแหละครับเพราะว่าคนส่วนมากเห็นแก่ตัว
ขอแค่พวกเราชาว sf อย่าเห็นแก่ตัวเหมือนคนอื่นครับ เพื่อพี่น้องเรา
+1 ครับ
Find-Fish
(359
)
คห.12: 10 ส.ค. 54, 11:13
นิ้วมือเรายังไม่เท่ากันเลย หากให้ค่าแรงเท่ากับผู้บริหาร แล้วก๋วยเตี๋ยวจะชามเท่าไหร่ ยังไงความเหลื่อมล้ำมันก็ย่อมต้องมีอยู่ในทุกสังคมอยู่ดีนั่นแหละ
อย่าคิดมาก หาที่ตกปลาซิงๆ ก็ปวดหัวมากพอแล้วชีวิตนี้
โกต๊อก
(344
)
คห.13: 10 ส.ค. 54, 11:14
อ้างถึง: สาวกปลาตาย posted: 10-08-2554, 11:04:49
มีแต่คนทำเพื่อตนเองทั้งนั่นแหละครับเพราะว่าคนส่วนมากเห็นแก่ตัว
ขอแค่พวกเราชาว sf อย่าเห็นแก่ตัวเหมือนคนอื่นครับ เพื่อพี่น้องเรา
Nayz
(164
)
คห.14: 10 ส.ค. 54, 11:15
อ้างถึง: Find-Fish posted: 10-08-2554, 11:13:40
นิ้วมือเรายังไม่เท่ากันเลย หากให้ค่าแรงเท่ากับผู้บริหาร แล้วก๋วยเตี๋ยวจะชามเท่าไหร่ ยังไงความเหลื่อมล้ำมันก็ย่อมต้องมีอยู่ในทุกสังคมอยู่ดีนั่นแหละ
อย่าคิดมาก หาที่ตกปลาซิงๆ ก็ปวดหัวมากพอแล้วชีวิตนี้
ฉนั้นต้องชวนผุ้บริหาร ไปตกปลาด้วยกันให้เค้าออกค่าทริปให้ 5555
ลมรำเพย
(924
)
คห.15: 10 ส.ค. 54, 11:17
จากกระทู้ เงินเดือน 15000 ที่ผมได้ออกความเห็นไปแล้ว ..
จนมาถึงกระทู้นี้ ก็ขอเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ
ในฐานะที่ผม ตอนนี้ ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ อีกทั้ง เริ่มทำกิจการของตัวเองด้วยการปลูกสวนยางพารามาได้ 2 ปีเศษๆแล้ว ทุกอย่างที่เป็นต้นทุน เริ่มมาจากเงินที่เก็บสะสมมาจากการทำงานทั้งสิ้น เพราะไม่มีมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
ยกเว้นที่ดิน ที่เป็นของแฟน ที่ครอบครัวเขาแบ่งให้มา(ที่ สปก.) คงไม่ต้องอธิบายนะครับว่า การทำสวนยางมันจะเริ่มต้นอย่างไร ยากง่ายแค่ไหน กว่าจะเป็นรูปร่างมาได้ทุกอย่างมี"ต้นทุนที่มาจากน้ำพักน้ำแรง " จากการเป็นลูกจ้างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ทั้งสิ้น
ฉะนั้น หนทางที่จะทำให้ธุรกิจของผมอยู่รอด ก้คือการ ลดต้นทุน เหตุด้วยตอนนี้ เงินทุนไหลออกเป็นการบำรุงต้นยางทั้งสิ้นอย่างเดียว กว่าจะเริ่มมีรายได้จากสวนยาง ก็อีกประมาณ 3-4 ปี
ถามว่า..ในช่วงที่ยังไม่มีรายได้จากธุรกิจของผม ผมจะเพิ่มต้นทุน ไปเพื่ออะไร..นี่แค่ผมเป็นผู้ลงทุนรายเล็กๆนะครับ ไม่ต้องไปพูดถึงพวกนายทุนเงินถุงเงินถังเขาหรอก ปวดใจเปล่าๆ....
..เอาแค่นี้ก่อนนะครับ....เดี๋ยวจะยาวเกินเหตุ...
LadyCN
(193
)
คห.16: 10 ส.ค. 54, 11:17
naksit-20
คห.17: 10 ส.ค. 54, 11:18
มีแต่คนทำเพื่อตนเองทั้งนั่นแหละครับเพราะว่าคนส่วนมากเห็นแก่ตัว
ขอแค่พวกเราชาว sf อย่าเห็นแก่ตัวเหมือนคนอื่นครับ เพื่อพี่น้องเรา
น้าถูกใจผมจริงๆเลยครับ
guanguan
(533
)
คห.18: 10 ส.ค. 54, 11:19
ผมหนึ่งคนหล่ะ ที่คิดจะทิ้งรายได้เดือนละหลายหมื่น กับไปทำเกษตรและอาชีพเสริมที่ชอบ อยู่บ้านนอก
ชักเบื่อแร๊ะ... เมืองกรุง
TinYPiAK
(100
)
คห.19: 10 ส.ค. 54, 11:22
ถ้าคนงานพัฒนาศักยภาพ ตามค่าแรงขั้นตํ่าได้ ผมว่ามันคงจะไม่มีปัญหาครับ
TTong
คห.20: 10 ส.ค. 54, 11:26
ไม่งั้น CP จะรวยหรอครับ CP ขายอาหารปัจจัย 4
และ ครอบคลุมทั้ง ห่วงโซ่อุปทาน ทั้งขายสัตว์เอง แปลรูปเอง ผลิตอาหารเอง ส่งออกเอง และสุดท้าย
มีร้านจำหน่ายเป็นของตัวเอง และสุดท้ายแล้วสามารถตั้งราคาขายของตัวเองด้วย ใครจะไปเชื่อไข่ไก่สด CP ขายได้ถึง 5-8 บาทด้วยซ้ำ
ทำอะไรไม่ได้เพราะ เค้าฉลาดมาก ปัจจัยนึงที่ทำให้อาหารราคาสูงก็เพราะ หลายๆ อย่างในห่วงโซ่ต้องซื้อกับ CP เป็นหลักพวกอาหาร ก็คุมราคาเองได้
ทางแก้ทางเดียวก็คือ ต้องสอนให้ประชาชน เกษตรกร สามารถพึงตัวเองได้เช่น ทำอาหารสัตว์เอง ทำปุ๋ยเอง ตามแนวพระราชดำริ
และวันนั้น จะเป็นวันที่เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้ครับ
.ใช่เลยครับน้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ
ทำการ login ก่อนส่งความเห็น
siamfishing.com © 2024