กระดาน
รีวิว
ตลาด
ประมูล
เปิดท้าย
เรือ
แหล่งตกปลา
ร้านค้า
ค้นหาข้อมูล
Login
สมัคร
26 พ.ย. 67
เมื่อใครๆก็ไม่ได้ดั่งใจ: SiamFishing : Thailand Fishing Community
กระดาน
คห. 21 อ่าน 2,434 โหวต 8
เมื่อใครๆก็ไม่ได้ดั่งใจ
boylp
(131
)
1
ตั้ง: 19 มิ.ย. 51, 09:29
เรื่อง หมาขี้เรื้อน--- สอนดีนะอยากให้อ่านกัน
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมือง
นอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้
เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน...
แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน
ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด
และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือน
อย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่
ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็น ก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่า
จะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำาจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป
ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้...ถือดีว่าตัวเอง
มีชาติตระกูลสูง
มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้าน ชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้ม
กระหยิ่มอยู่ในใจ
กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวัน
สึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่
ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
วันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้)
สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง
เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าว
ไกลมามากแล้ว ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้
มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงาน อย่างการซักจีวรเอง เป็นต้น ด้วยตน
เอง ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระ 15 ค่ำ หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลาน
ทรายด้วย
ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลาย
ฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่ม
สามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่
อยู่ใกล้ๆ
เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน คันไปทั้งตัว
ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไป-มาทั้งวัน
เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้น เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้ อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นาน...เพราะมันคัน
แต่พวกเธอรู้ไหม...เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ
หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน
แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน
เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า...
เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่
แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนา
หลังการทำวัตร สวดมนต์เย็นแล้วขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นวาย
นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมา...จับผิดตัวเอง
เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัว
ท่านก็ยังไม่ยอมสึก
'อ า ต ม า เป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสัก 1
พรรษา'
โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย
แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถ พลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่า
คำว่า 'หมาขี้เรื้อน' ของพระลูกชาย หมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ?
ถ้าเรายังเป็น 'โรคอยู่ในใจ' ไม่ว่า เราย้ายงานไปที่ไหน เราก็บ่นว่าสถานที่เหล่านั้น
สกปรก สิ้นดี
***ถ้าไม่เหมาะสมลบเลยได้ครับ****
คห.จก.
Anubis_k
(1252
)
คห.1: 19 มิ.ย. 51, 09:37
+1
ข้อคิดดีๆของชีวิตครับ น้าบอย
คนรักป่า03
(143
)
คห.2: 19 มิ.ย. 51, 10:17
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ..............แต่ตอนนี้อยากชิมน้ำพริก......
teera
(540
)
คห.3: 19 มิ.ย. 51, 10:43
+++++
คิด
(1734
)
คห.4: 19 มิ.ย. 51, 10:45
sakadisak
คห.5: 19 มิ.ย. 51, 10:49
ขอบคุณ
gob kero
(15
)
คห.6: 19 มิ.ย. 51, 11:00
สาธุชนทั้งหลายพึงสังวรณ์ แต่เอ...อ่านแล้วชักรู้สึกคันๆ
tackle
(186
)
คห.7: 19 มิ.ย. 51, 17:20
+1 ค่ะ เสียดายจังค่ะ ตรงนี้+ได้แค่1
แต่ใจไห้เต็ม 10 ไปเลยค่ะ จริงอย่าที่บอก
เมื่อใจสรกปรก อยู่ที่ไหนที่ไหน ก้อสรกปรก
neozealot
(23
)
คห.8: 19 มิ.ย. 51, 17:47
แง่คิดที่ดีมากครับ แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า วัดใช้ตะเกียง ไม่มีไฟฟ้า แล้วหลวงพ่อหยิบไมโครโฟนขึ้นมาทำไมหนอ (พูดไปพูดมาผมก็ยังสังวรณ์ได้ว่า ตัวกระผมเองก็ยังคงเป็นเหมือนหมาขี้เรื้อนตัวนั้น )
ขอบคุณมากสำหรับบทความเตือนใจดีๆครับ
พ่อต้นไผ่
(10
)
คห.9: 19 มิ.ย. 51, 18:22
ดีมากครับ
+1 ครับ
เดี๋ยวจะเก็บไว้สอนลูกๆครับ
แสงอรุณ
คห.10: 19 มิ.ย. 51, 19:02
สุดยอดครับ +1 ชอบจริงๆ ครับ
e-tar
คห.11: 19 มิ.ย. 51, 19:21
สุดยอดครับ...เป็นแง่คิดในการดำเนินชีวิตที่ดีมากๆครับทำให้ต้องนึกย้อนมองตัวเอง...ขอบคุณครับ
BiBirdNokk
(251
)
คห.12: 19 มิ.ย. 51, 19:28
แจ่มมากครับ อ่านแล้วยังคันตามเลยครับ
UC6500C
(164
)
คห.13: 19 มิ.ย. 51, 19:35
ขอยืมไปใช้หน่อยนะครับ
คนรักป่า03
(143
)
คห.14: 20 มิ.ย. 51, 10:59
ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า วัดใช้ตะเกียง ไม่มีไฟฟ้า แล้วหลวงพ่อหยิบไมโครโฟนขึ้นมาทำไมหนอ
น้าบอยว่างัยล่ะครับ?
nice085
(20
)
คห.15: 20 มิ.ย. 51, 11:40
ดีมากๆเลยครับ
revo
(2009
)
คห.16: 20 มิ.ย. 51, 12:43
ธี
(136
)
คห.17: 20 มิ.ย. 51, 12:48
+ 1 ครับ
สิงห์สยาม
(70
)
คห.18: 20 มิ.ย. 51, 13:01
ให้ข้อคิดดีครับ
pennapa9988
(193
)
คห.19: 23 มิ.ย. 51, 14:41
+1ครับน้า....ชอบมากๆ
rockpearl
(1439
)
คห.20: 23 มิ.ย. 51, 14:53
+1....สาธุ..
ภูเขา
(13
)
คห.21: 23 มิ.ย. 51, 14:55
ขอขอนุญาตแจมครับ อิอิ..
..............................................................
ผมนั่งมองเหรียญ 10 บาทในมือ หมุนมันไปมาทบทวนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับมัน
เจ้าเหรียญน้อยเกือบไปอยู่ในมือ ผู้หญิงร่างเล็ก ขาพิการ
ที่ต้องใช้ไม้ค้ำ เดินแบมือขอเงินคนแถวนี้ พร้อมกับภาษาพูดไม่ชัด
ซึ่งจับใจความได้ว่า ' ขอเงินหน่อย '
ผมเกือบหย่อนเหรียญลงไปในมือแล้ว
ถ้าไม่เจอ แกนั่งดูดบุหรี่ก้นกรอก ควันฉุย
พ่นควันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ อย่างสบายใจ ตอนคนไม่มี
โดยหารู้ไม่ว่า มีใครคนนึงกำลังจะเอาเงินมาให้
พอหมดบุหรี่ แกก็ลุกขึ้น เดินไปขอตังคนแถวนี้ต่อ
เจ้าเหรียญ 10 ยังคงอยู่
มันก็เกือบไปอยู่ในขันพลาสติกใบหนึ่ง
ที่ขอทานชาย ผู้ซึ่งนอนราบกับพื้น เอามืออีกข้างเกาะพื้นแล้ว กระเสือกกระสน
เพื่อให้ไปข้างหน้าได้
เป็นที่น่าสงสารแก่คนที่ผ่านไปมา
ผมยืนลังเล อยู่พักใหญ่ เดินตามไปห่าง ตั้งใจแน่วแน่ว่า จะเอาใส่ขันใบนั้น
แต่.......
พอลับตาคน ชายร่างพิการขาขาดข้างนึง ข้างที่มีก็ มีแผลสดๆ แมลงวันตอม
เสื้อผ้ามอมแม ขาดรุ่งริ่ง
กลับ รื้อกองถุงพลาสติกใบใหญ่ รื้อเอาเสื้อผ้าที่ซ่อนไว้ เอาขาเทียม
เอากระเป๋าผ้า มาใส่เศษเงิน แล้วบ่นว่า
' แม่ง ได้น้อยชิบหาย '
หลังจากเปลี่ยนเสร็จ ก็ลุกขึ้น เดินไปถนน โบกแท๊กซี่จากไป
ปล่อยให้ คนใจบุญอย่างผม ยืนอึ้ง
คนใจบุญหลายคนยังขึ้นรถเมล์กลับเลย
เจ้าเหรียญ 10 บาท ยังคงหมุนอยู่ในมือผมอีกครั้ง
มันเกือบไปอยู่ในกล่องไม้สีดำใบนึง
ที่มีผู้หญิงผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ในชุดเจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง เขียนด้วยตัวอักษรภาษจีน ดูคล้ายแมลงสาป
เดินเข้ามาหาผมแล้วถามว่า
' ทำบุญโลงศพ เสริมดวง เพิ่มวันไหมครับ '
ผมยิ้มแล้วตอบไปว่า
' ไม่ละ ทุกวันนี้ผมก็อยากตายอยู่แล้ว '
ชายผู้นั้น ทำสีหน้าไม่พอใจ บ่นแลวจากไป
ผมมองเหรียญ 10 อีกครั้ง หมุนมันต่อไป
บางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวตรงหน้า ทำให้ผมตัดสินใจบางอย่างลงไป
ผมเดินไปซื้อน้ำขวดใส
ยื่นเหรียญ 10 ให้แม่ค้าน่าใส ที่ยื่นน้ำพร้อมคำหวานๆว่า ขอบคุณค่ะ
ผมยิ้มตอบ รับน้ำพร้อมหยิบหลอด 2 หลอด
เดินไปที่เด็ก 2 คน
ผมยื่นน้ำให้แล้วบอกว่า ' เอาน้องน้ำ กินซะ แล้วขวดพี่ให้ '
เจ้าหนูมองหน้าผมอย่างสงสัย แต่ก็รับน้ำ พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
แล้วเดินจากไป
ผมยืนมองเจ้าหนูทั้ง 2 คน ที่กำลังแบกถุงปุ๋ยที่บรรจุขวดพลาสติกเปล่าด้วยใจเบิกบาน
อย่างน้อยๆเจ้าหนู 2 คนนี้ ไม่ร้องขอเงินทองจากใคร
แต่ เลือกที่จะเอาสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องการ ไปเป็นเงินให้ตนเอง
และ อย่างน้อยๆ เค้า 2 คนช่วยคนอีกหลายคนในการคัดแยกขยะ
ผมยิ้มอีกครั้ง อย่างน้อยๆ 10 บาทที่ผมเสียไปมันคุ้มค่าจริงๆ
.......................................
ขอบคุณ: ใครก็ไม่รู้ Fw.mail มา
ทำการ login ก่อนส่งความเห็น
siamfishing.com © 2024