กระดาน
รีวิว
ตลาด
ประมูล
เปิดท้าย
เรือ
แหล่งตกปลา
ร้านค้า
ค้นหาข้อมูล
Login
สมัคร
26 พ.ย. 67
กิจกรรมตกปลา เมื่อไหร่สังคมจะยอมรับ?: SiamFishing : Thailand Fishing Community
1
2
3
4
>
กระดาน
คห. 76 อ่าน 7,815
กิจกรรมตกปลา เมื่อไหร่สังคมจะยอมรับ?
MrSHARK
(2963
)
1
ตั้ง: 24 ก.พ. 50, 15:03
- สืบเนื่องจากกระทู้ "คอลัมน์ทัวร์ทโมนของคุณปริญญาหายไป" ที่ตั้งโดยคุณ santikiat
http://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=24992
- เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทต่อเจ้าของกระทู้ ผมเลยขออนุญาตตั้งกระทู้ใหม่
- นอกเหนือจาก "ทัวร์ทโมน" ใน นสพ. ข่าวสด แล้ว คอลัมน์ "สะเทินน้ำ สะเทินบก" ของคุณปริญญา ฯ ในนิตยสารอีกฉบับซึ่งผมติดตามเป็นประจำ คือ "มติชนสุดสัปดาห์ ลงเรื่องตกปลาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องลงเรื่องดูนกอีกเหมือนเดิม เช่นกัน
- ไม่เชิงถูกแบน แต่จากการชี้แจงของคุณปริญญา ฯ ทราบว่า เสียงส่วนใหญ่ของผู้อ่านไม่ชอบเรื่องตกปลา ชอบเรื่องดูนกมากกว่า สำนวนของคุณปริญญา ฯ เขียนเรื่องอะไรก็สนุกน่าอ่าน แต่หากใครได้อ่านเรื่องตกปลา จะรู้ว่าสุดยอด มันในอารมณ์ ประกอบด้วยมุขที่เหนือชั้น ภาษาธรรมดาแต่เรียบเรียงออกมาด้วยสำนวนชั้นสูง (แอบตกปลาในสนามกอล์ฟ มันมาก)
- ทำไม?
การตกปลาถึงไม่อาจทานกระแสได้ ต้องยอมหลีกทางให้
ด้องดูด้อยกว่ากิจกรรมอื่นตลอดไปหรือ ?
- ทำไม ?
การตกปลาถูกมองในด้านลบเสมอมา นานแค่ไหนแล้วและจะตลอดไปเลยหรือ ?
- ทำไม ?
เรื่องตกปลา ลงได้เฉพาะในหนังสือเกี่ยวกับการตกปลา นักตกปลาก็อ่านกันเอง รู้เอง รู้แล้วก็อ่านอีก ไม่มีสิทธิ์แทรกเข้าไปในหนังสืออื่น ๆ ที่มีผู้อ่านหลากหลาย คนที่ไม่รู้ อ่านแล้วจะได้รู้ สังคมตกปลาเป็นสังคมปิด ใครอยากรู้ก็เข้ามาเอง ไม่จำเป็นต้องเผยแพร่ ไม่จำเป็นต้องมีภาพลักษณ์ในสังคมที่ดี งั้นหรือ ?
- ใครควรแก้ไข ? ทำอย่างไรจึงจะเป็นที่ยอมรับ ? หรือไม่ต้อง ? เปลืองตัว อยู่เฉย ๆ ใครคิดอย่างไรช่างเขา ?
ขออนุญาตรับฟังความคิดเห็นเฉพาะท่านที่คิดว่าควรทำอะไรเพื่อใหัสังคมเข้าใจนักตกปลาขึ้นบ้าง ส่วนท่านที่เห็นว่าไม่จำเป็น ทางใครทางมัน หรือพอใจในสันโดษไม่แคร์สังคมอื่น หรือพวกเราเข้าใจกันเองก็เพียงพอแล้ว ประมาณนี้ ขออนุญาตแวะดูเฉย ๆ ก็ได้นะครับ
- หากadmin เห็นว่าประเด็นของผมผิดนโยบาย ขอให้พิจารณาลบได้ทันทีครับ
คห.จก.
santikiat
(119
)
คห.1: 24 ก.พ. 50, 15:30
น้าหลามเชิญที่กระทู้ผมได้เลยครับยินดีมากครับอบอุ่นดี
โน้ต.RMUTT
(927
)
คห.2: 24 ก.พ. 50, 15:35
ตามความคิดผมนะครับ ผมมองเป็น2ประเด็นครับ
1 ผมคิดว่าเนื่องจากบ้านเรา ประชาชนส่วนใหญ่ ยังต้องเก็บเงินส่วนใหญ่ไว้กับสิ่งที่จำเป็น ทำให้การจับจ่ายซื้อของเกี่ยวกับการตกปลาในตลาดบ้านเราน้อยครับ อีกทั้งบ้านเรายังไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนเกี่ยวกับการตกปลาครับ แต่ผมมองแนวโน้มนะครับว่า ต่อไปน่าจะมีคนหันมาตกปลามากขึ้นเนื่องจากปัจจุบัน ราคาของอุปกรณ์มีการลดราคาลง ทำให้ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ และก็เริ่มมีการจัดตั้งกลุ่ม เพื่อเผยแพร่ความรู้ และแนวทางของสมาคมตกปลาทั้งหลายมากขึ้น
2 ผมกลับมองประเด็นนี้เป็นประเด็นหลักครับ เนื่องจากบ้านเราเนี่ย เป็นเมืองพุทธครับ การตกปลาเลยอาจมองดูเป็นการทำบาป ทั้งๆที่จริงมันก็ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เราก็จับมันมากินถ้ามันสามารถนำมากินได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ตกแบบอนุรักษ์ ไม่นำมาจนมันไม่สามารถพื้นพูจำนวนมันเองได้ หรือนำมาให้เนื้อหนังมังสา กลายเป็นธุรีโดยเปล่าประโยช์ครับ ผมว่าตรงนี้นะครับ ที่เราน่าจะเผยแพร่ความรู้ออกไป อยากให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันครับ สังคมเราก็น่าจะเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่ต้องโดนใครมองแบบเหยียดๆอะครับ
เนื่องจากเป็นความเห็นของผู้น้อยประสบการณ์ ผิดถูกประการณ์ใดต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ หรือ ผู้ดูแลเห็นว่าข้อความไหนไม่สมควร สามารถแก้ใขได้ครับ
เด็กโหลด
คห.3: 24 ก.พ. 50, 16:09
กีฬาตกปลา มันลูกชู้ครับ
sadism
(52
)
คห.4: 24 ก.พ. 50, 16:42
ที่ผมคิดคือ แฟนผม (nu_gink) เป็นผู้กำกับหนังสั้นน่ะครับ แล้วจะส่งประกวดอยู่ทุกปี ซึ่งบางปีเคยได้รางวัลชนะเลิศด้วย (ระดับประเทศน่ะครับ) ซึ่งผมได้คุยคร่าวๆว่าปีนี้อยากให้เค้าทำหนังสั้นเพื่อให้คนที่ดูได้เข้าใจในสิ่งที่เราทำ มองเราในทางที่เป็นบวกมากขึ้น ซึ่งความคิดอันนี้ยังดูไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่เพราะเค้าต้องเตรียมทำ thesis ในปีหน้าและผมก้อต้องไปฝึกงานในช่วงปิดเทอม ยังไงถ้าเกิดความคิดนี้จะได้ทำจริงๆขึ้นมาอาจจะต้องรบกวนคนในบอร์ดนี้ด้วยและกันนะครับ
ของอย่างงี้ต้องมาสัมผัสถึงจะรู้เหมือนแฟนผมจับไปตกทีเพ้อเลย
เล็ก-กทม
(195
)
คห.5: 24 ก.พ. 50, 17:03
ก็เหมือนๆกับไก่ชนครับ ทีแรกก็รู้จักกันแค่วงในเท่านั้น แต่พอหลังๆลุงแอ๊ดคารา....เข้ามาในวงการชนไก่ + คนที่สังคมรู้จัก นับหน้าถือตา เข้าไปในวงการไก่ชน คนทั่วไปก็สนใจมากขึ้น แต่ตอนนั้นก็มีกระแสต้านแรงมากๆ จากพวกกรีนปี๊ดดด
แต่ด้วยความที่คนเหล่านั้นมีชื่อเสียง เลยทำให้รายการ ทีวี หลายรายการเอามาเป็นประเด็นให้เถียงกันมันไปเลย อิอิ
ทำให้หลายคนรู้จักการชนไก่มากขึ้น เข้าใจมากขึ้น แต่สุดท้ายไม่รู้เวรกรรมมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้เกิดไข้หวัดนกขึ้นมาทำให้วงการไก่ชนหงอยกันไป เอิ๊กๆ คนใหม่ไม่กล้าเข้ามากลัวกันใหญ่ วงการไก่ชนเลยไม่โตเลย ไม่งั้นปานนี้คนเลี้ยงไก่ชนเพียบ
สรุป วงการตกปลาขาดพรีเซนเตอร์ที่ดีครับ ไม่มีพาวเวอร์พอ
คนที่พยายามจะพลักดัน พอเจอกระแสต้านมาก็ต้องถอย ไม่งั้นอาจอดตายได้ อันนี้เข้าใจไม่ว่ากัน ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
ถ้าเกิดเป็นพานเงินแท้
ไปตกปลาให้นักข่าวทำกันไม่นานผมว่าวงการตกปลาคงได้เกิดแน่ๆครับ
หมายเหตุ ที่โพสมานี้ เป็นความเห็นและทัศนคติส่วนตัวนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เอิ๊กๆ (สะกดถูกป่าวเนี๊ย)
น้าป๋าต่อ
(458
)
คห.6: 24 ก.พ. 50, 17:15
ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้กีฬาชนิดนี้กำลังถูกมองและทำความเข้าใจจากผู้ใหญ่หลายท่านครับ ผมว่ามีคนสนใจมากๆนะแต่ยังติดอยู่กับความคิดเดิมๆของผู้ใหญ่บางคน ผมเลยชวนท่านไปเที่ยวและได้เห็นการทำประมงน้ำตื้นที่ผิดกฏหมาย ที่สำคัญท่านได้เห็นการระเบิดปลาด้วยครับ เลยได้เรียนกับท่านว่า"นักตกปลาได้ปลา1ตัวแต่จะมีปลาเพิ่มขึ้นจากการหวงแหนทรัพยากรทางน้ำขึ้นอีกเยอะเพราะถ้าไม่หวงก็จะไม่มีให้ตกกันอีก" แล้วนักตกปลาส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีกินมีใช้นะครับ เสียงดังได้ อีกไม่นานคงเห็นสิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นครับเพราะตอนนี้มีลูกหลานของผู้ใหญ่ในบ้านเรามาตกปลากับผมค่อนข้างเยอะ และพวกนี้แหละครับที่จะผลักดันให้สิ่งที่เราหวังไว้มีโอกาสที่จะได้การยอมรับจากสังคม ขอให้ทุกคนช่วยกันนะครับการที่เราไปอธิบายให้ผู้ใหญ่ฟังนั้นสู้พาท่านไปเจอกับตัวเองดีกว่า ผู้ใหญ่บางคนนะครับพูดอย่างไรก็ไม่เข้าใจครับผมใช้วิธีนี้ครับคือ พอปลาติดเบ็ดแล้วส่งคันใส่มือครับให้ท่านได้ลองดู หล้งจากนั้นนะครับจะมานั่งคุยกับผมที่ร้านประจำเลยครับ บางท่านอ่านเวปของเราแล้วไปคอยเจอตัวจริงที่ร้านก็มีครับ
การที่เราจะมีโอกาสที่ดีนั้นทำโดยคนๆเดียวไม่ได้ครับ ต้องช่วยกันหลายๆฝ่ายแต่ที่สำคัญที่สุดนะครับ ต้องฟันฝ่าความเชื่อของคนรุ่นเก่าๆบางคนให้ได้โดยนิ่มนวลที่สุดนะครับ แล้วจะดีเอง
T backpacker
(706
)
คห.7: 24 ก.พ. 50, 17:53
++ ตามความคิดผมนะครับ ++
..ผมว่าตอนนี้กีฬาปลาหรือการพักผ่อนด้วยการตกปลา ได้รับการยอมรับจากสังคมและผู้คนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนพอสมควรครับและเริ่มจะดีขึ้นเรื่อย ดูได้จาก
@ การขยายตัวของฟิชชิงปาร์ค ซึ่งต่างจังหวัดนั้นกำลังขยายตัวมากในขณะนี้
@ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ตกปลาต่างๆมีมากขึ้น
@ เวปตกปลา ต่างๆ และยอดผู้เข้าชมมากขึ้น
@ และที่สำคัญการตกปลาได้เริ่มเข้าไปในทุกกลุ่ม ทุกเพศทุกวัย ซึ่งการตกปลาแต่ก่อนเป็นกลุ่มเฉพาะผู้มีฐานะพอที่จะซื้ออุปกรณ์ได้ ตอนนี้ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้
ผมเองก้อดีใจ เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุด เห็นมีแต่คนขี่มอเตอร์ไซด์ สะพายคันเบ็ดไปตกปลากัน ซึ่งแถวบ้านผมบอกตรงๆว่าเยอะมาก
++++ ปัญหา-ข้อคิด-เสนอแนะ ++++
*** คนไทยเป็นคนพุทธ มองว่าตกปลามันบาป ทารุณ แต่ก็แปลก มีแต่คนชอบกินปลากันทั้งนั้น ไปในตลาดก็สั่งแม่ค้าให้เอาไม้ทุบหัวแล้วเอามาทำกับข้าวที่บ้าน
*** สื่อหลายๆอย่าง ที่สำคัญ โทรทัศน์ นำเรื่องการตกปลามาเสนอน้อยมากนอกจากในหนังสือและสื่อทางอินเตอร์เน็ต เพราะเสนอไปมีเสียงทางด้านลบกลับมาแน่ ยิ่งตอนนี้มีการจัดเรทการดูด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยก็พวกที่ชอบรับประทานปลาอีกนั่นแหละ
*** แต่ที่ผมว่าที่น่าพอนำเสนอผ่านสื่อใหญ่ๆได้ ก็คือ การเอากีฬาตกปลากับการปลุกจิตสำนึกในการอนุรักษ์และเรื่องการท่องเที่ยวมารวมเข้าด้วยกัน น่าจะไปด้วยกันได้ดี
*** ต้องมีการรวมเป็นสมาคมที่ใหญ่ขึ้น และต้องเข้มแข็ง
*** ให้ผู้ใหญ่ทางบ้านเมืองนำเรื่องการตกปลาไว้ในแผนการพัฒนาท่องเที่ยวและกีฬาบ้างและมีการประชาสัมพันธ์มากขึ้น ต้องมีการประสานงานกับทางสมาคมตลอด(ผมไม่รู้ว่ามีหรือยังถ้ามีแล้วก็ขออภัยไว้ด้วยครับ)
***และที่สำคัญค่ายเยาวชนฯ กับการอนุรักษ์ ผมเห็นด้วยมากเลยครับแต่ขอให้ทำต่ออย่างเนื่องและขยายไปในทุกๆพื้นที่ครับถ้าทำได้
+++++ ความเห็นเล็กๆน้อยๆครับ ถูกผิดอย่าว่ากันนะครับ +++++
MrSHARK
(2963
)
คห.8: 24 ก.พ. 50, 19:36
- ขอบคุณทุกท่านครับ ได้ข้อมูลแง่คิดที่คาดไม่ถึงหลายประการ มุมมองและความเคลื่อนไหวเหล่านี้ถ้าทุกท่านไม่นำมาเผยแพร่ ก็ไม่มีใครรู้
- ในความรู้สึกผมเอง "กิจกรรมตกปลา" เคย "ทำท่าจะดี" มาหลายครั้ง เป็นกราฟก็ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ไม่เคยพุ่งขึ้นจนถึงจุดที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนที่เคยร่วมกันผลักดันได้คาดหวังไว้ แต่ภาพรวมปัจจุบันก็ยังถือว่า "ทรงตัว"
- เดี๋ยวนี้มีใครพูดถึง "บ่อตกกุ้ง" บ้างครับ
- วันแข่งขัน ASFT # 1 ที่ช่องแสมสาร ในระหว่างที่ชี้แจงกติกา ผมยืนฟังคุณอาวันชัย แจ้งอัมพร อยู่ จับความตอนหนึ่งโดยสรุปได้ว่า "ดีใจที่นักกีฬาผู้เข้าร่วมการแข่งขันให้ความสำคัญ / การตกปลาฝังรากลงในเมืองไทยมานาน คนที่เริ่มสมัยนั้น ถึงตอนนี้ก็อายุมากแล้ว บางคนก็ไปแล้ว การตกปลาก็ยังเดินหน้าถอยหลัง ยังไม่เข้าที่ / ต้องอาศัยพวกท่านรุ่นใหม่ ๆ นี่แหละ ช่วยกัน
- แนวคิดของผมยังยืนยันว่า กิจกรรมตกปลาหากตัดขาดจากกิจกรรมอื่นออกมาโดด ๆ โดยสิ้นเชิง ก็จะกลายเป็น "ลูกชู้" ทันที อย่างที่คุณเด็กโหลดว่าไว้ ถ้าจะให้ออกสู่สาธารณชนให้กว้างขวางกว่านี้ เราก็ต้องเกาะติดควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว การเดินทาง กิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ แฝง ๆ ไว้ว่างั้น ถึงจะกลมกลืน
- แต่ถ้าหากเค้ามองว่า ตกปลา ไม่มีอะไร นอกจาก "บาป" "การพนัน" "ของเล่นของคนมีกะตังค์" "ทำลายทรัพยากร" เราก็คง "ทรงตัว" อยู่แค่นี้อ่ะครับ
- เดี๋ยวขออนุญาตฟังคนอื่นต่อไป ขอบคุณครับ
cato
(11
)
คห.9: 24 ก.พ. 50, 19:51
คาดว่าคงต้องอาศัยพาวเวอร์จากกลุ่มบุคคลต่างๆอาทิเช่นโก๊ะตี๋ครับอิอิเจอเจอที่บึงเมื่อ9ปีที่แล้วอ่าครับใครรู้จักหรือสนิทลองชวนเค้าไปดูครับ
หนังสือพิมพ์กีฟาต่างๆน่าจะมีเพราะขนาดเปิดดูอินเทอร์เน็ตหมวดกีฟายังมีตกปลาเลย
dr.schwarzkopf
(203
)
คห.10: 24 ก.พ. 50, 19:51
l my opinion, people always reject "fishing" to be a "sport" cuz they thing is very BAD
Barramundi
คห.11: 24 ก.พ. 50, 19:58
กับดักใหญ่ของกีฬาตกปลา ก็คือมุมมองเรื่องบาปบุญคุณโทษสไตล์ไทยๆครับ ซึ่งหลายๆท่านที่ว่าก็ถูกต้องทั้งนั้น ชี้แจงเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง เขาไม่เห็นด้วยกับการเอาชีวิตคนอื่นมาเล่นสนุก แต่เขาทุกคนก็กินปลา (อันเป็นสาเหตุให้ปลาถูกทุบหัวมาทำเป็นอาหาร)
สื่อทีวีจะไม่กล้าแตะต้องเรื่องตกปลาเด็ดขาด ถูกต้องนะครับ
สิ่งที่พวกเราต้องช่วยกันคนละไม้ละมือไปพลางๆ ก่อนจะไปรณรงค์ต่อสู้กับคนอื่น ต้องยกระดับเกมตกปลาของท่านให้ดูดีตามสมควรด้วย ประเภทไปตกปลาที่ไหน ก็ทำสถานที่นั้นเน่าไปด้วยเศษปลา หรือสกปรกไปด้วยเศษขยะ ถุงพลาสติก ขวดเบียร์ขวดเหล้า (บางทีทุบแตกอีกต่างหาก) ต้องช่วยกันเตือนและแก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้ให้หมด
เอาสั้นๆก่อน เขียนยาวไปคนอ่านจะเมื่อยตาเปล่าๆ
ค่อยมาแจมทีละประเด็นดีกว่า
footfish
(9172
)
คห.12: 24 ก.พ. 50, 20:11
ตราบใด ที่การตกปลา ยังถูกมองว่าเป็น "การล่า" อยู่
คำว่า "กีฬาตกปลา" ก็คงแทบจะไร้ ความหมาย
"ยินดีต้อนรับ นักกีฬาตกปลาทุกท่าน"................
ได้เห็นป้ายนี้ ก็รู้สึกปรีดา ขึ้นอีกเยอะ..................
เส้นทาง ของกีฬาสายนี้ ถึงจะดูว่า ขาดความอบอุ่น
จากสังคม...................................................
ไร้สิ้นซึ่งความเหลียวแล .................................
แต่เราก็ไม่เคยท้อแท้................................และ
เราก็ได้หาโอกาส ทำกิจกรรมนี้ร่วมกับสังคมอย่างเสมอมา
............................................................ผมจะรอ
...............วันที่สังคมจะยอมรับ................พวกเรา..ครับ
น้าป๋าต่อ
(458
)
คห.13: 24 ก.พ. 50, 20:24
แต่ถ้าหากเค้ามองว่า ตกปลา ไม่มีอะไร นอกจาก "บาป" "การพนัน" "ของเล่นของคนมีกะตังค์" "ทำลายทรัพยากร" เราก็คง "ทรงตัว" อยู่แค่นี้อ่ะครับ
อันนี้จริงครับบางคนที่โทรมาหาผมว่าต้องใช้รอกแบบโน้นใช้คันแบบนี้ราคาแพงๆ มันเป็นแค่แฟชั่นของคนเท่านั้นเอง มีอยู่ช่วงนึงที่ก๊ฬานี้บูมมากคือช่วงที่ทุกบ่อใช้กติกาเดียวกันหมดจำกันได้ไหมครับ
1.ใช้สายไม่เกิน12ปอนด์(บ่อ)
2.ใช้เบ็ดไม่เกิน1ตัว(บ่อ)
3.กรณีปลาน้ำหนักเท่ากันให้สายเล็กชนะ(บ่อ)
4.ห้ามจับสายหน้าจนกว่าลูกหมุนจะแตะปลายไกด์(ทะเล)
และยังมีอีกมากมาย ส่วนในการแข่งขันนั้นผมไม่ทราบเพราะไม่เคยแข่งแต่ก็พอทราบกฏอยู่บ้าง ตอนนั้นที่บึงสำราญกีฬาตกปลาบูมมากช่วง2525-2537นักกีฬาเดินชนกันต็มไปหมดเช่น พี่เฉลียง เทพเฉลิม(มือทะเล) พี่น้องตระกูลเอี้ยวฉาย อ.ดำ พี่สุเทพ สุขศร มร.มาจีดะ และอีกหลายคน ทุกคนล้วนยึดกฏระเบียบข้างต้นมาตลอด ใน นสพ ก็มีเลาะขอบบ่อ(บ้านเมือง) ตกปลาบ่อ(ดาวสยาม)และอีกมาก ช่วงนั้นวงการกีฬาตกปลาบูมมาก แต่ไม่มีตัวยืนในวงการที่จะผลักดันวงการเลยครับ ตอนนี้พี่เฉลียงไปเป็นนักวิ่งแล้ว เสียดายเมื่อก่อนเวลาออกทะเลกับแกจะไปเรือไต๋อ้วน(ตราด)แล้วพอได้ปลามาแค่พอกินแกก็จะให้กลับเอามาทำอาหารกินกันที่ร้านTCFที่ห้วยขวางพี่ ธิดาทำอาหารอร่อยมากๆ จะมีนักตกปลาชั้นแนวหน้าในเมืองไทยมานั่งกินและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันแทบทุกวัน เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วครับ ความสุขแบบนั้น พอทุกคนมีความสุขก็อยากจะให้กีฬานั้นอยู่นานๆแต่เดี๋ยวนี้ทุกอย่างในวงการตกปลากลายเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว ผมออกตกปลาทะเลครั้งล่าสุดไต๋บอกว่าให้ตกปลาเยอะๆผมก็งงว่าจะเอาไปทำไมแกบอกว่าจะเอาไปขายที่สะพานปลาผมเลยบอกว่าผมอยากได้แค่พอกินขอให้ได้ตกปลาก็พอแล้วไต๋ตอบว่าแล้วคุณจะมาเสียเงินตกปลาทำไมเขาตกปลามาขายกันทั้งนั้นแหละเพื่อที่จะได้หักค่าเรือ ค่าเดินทาง ฯลฯผมงงเลยครับ เวลาที่ผมไปตกปลาตามบ่อเหมือนกัน พอได้1-2ตัวผมก็พอแล้วแต่มีคนที่ตกอยู่ข้างๆผมถามว่าทำไมไม่ตกเยอะๆจะได้คุ้มกับการที่มานั่งแกร่ว ผมตอบว่าผมมีความสุขแล้วเขาก็มองผมแปลกๆ ตอนนี้การตกปลาเหมือนการเสี่ยงทำการค้าเลย ค่าบ่อ+ค่าเหยื่อ=ต้นทุน จำนวนปลาที่ได้เท่ากับกำไร?????? งงครับ สำหรับผมแล้วการตกปลาคือการพักผ่อนและเป็นกีฬาที่ต้องรักษาวินัยของตัวเอง ต้องมีการฝึกซ้อม มีการวางแผน และที่สำคัญต้องรู้จักแพ้ชนะครับ เฮ้อ!!!!อยากผลักดันให้บรรยากาศเก่าๆมันกลับมาอีกครับ ผมรักกีฬานี้มากและตอนนี้มันได้กลายเป็นวิถีชีวิตของผมแล้วครับ
krissana
(968
)
คห.14: 24 ก.พ. 50, 20:30
ไม่เด่นไม่ดัง ไม่เป็นไรครับ ขอให้ทำแล้วมีความสุขเป็นพอครับ......
น้าป๋าต่อ
(458
)
คห.15: 24 ก.พ. 50, 20:34
ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบบ
oakiepr
(2
)
คห.16: 24 ก.พ. 50, 20:35
ทุกความคิดเห็นคมๆกันทั้งนั้นครับเห็นด้วยกับทุกท่านครับ
T backpacker
(706
)
คห.17: 24 ก.พ. 50, 20:51
ช่วยๆกันหน่อยครับ
+++ เอาความคิดมาแชร์กัน +++
suchat
(71
)
คห.18: 24 ก.พ. 50, 21:14
ยุ้ยพัทยา
(61
)
คห.19: 24 ก.พ. 50, 21:40
เย้ๆ!!!!!!
ได้ก็ฟลุ๊ค
(210
)
คห.20: 24 ก.พ. 50, 21:42
ขออนุญาติออกความเห็นครับ
ทำไม สังคมไม่ยอมรับ?? ผมมองว่าเป็นเรื่องของ
1. ความเคยชินครับ ชินที่เห็นสัตว์เป็นอาหารและทาสของมนุษย์มาช้านาน โดยสร้างคำว่ามนุษยธรรม-เมตตาต่อสัตว์ มาเป็นกฏเกณ แบบมีเงื่อนไข(ห้ามสัตว์เหนือกว่าคน)
ชินกับคำสอนที่โดนครูปลูกฝังแต่เล็กแต่น้อยว่าม้ามีไว้ขี่ ช้างมีไว้ลากซุง ไก่ ปลา หมู เกิดมาเป็นอาหารของคน คนส่วนใหญ่เลรู้สึกเฉยๆ เมื่อเห็นคนเหวี่ยงแห รู้สึกเฉยๆ เมื่อเห็นไก่ในฟาร์ม แต่การเห็นความทรมาน เป็นเรื่องที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ เลยรู้สึกสงสาร(ทั้งๆที่ตะกี้กินกุ้งเต้นมา) เลยพาลเกลียดคนตกปลาไปด้วย
ที่กล่าวมา ผมเห็นว่าไม่เกี่ยวกับหลักศาสนาหรอกครับ ผมมองว่า คนที่ไม่ยอมรับการตกปลา โดยเอาหลักศาสนาพุทธมาอ้างคือคนปัญญาอ่อนครับ ศาสนาพุทธห้ามฆ่าสัตว์ แต่เรายังกินเนื้อได้อย่างอเร็ดอร่อย ร้านกุ้งเต้นยังได้รับความนิยม ภัตตาคารแบบ เลือกเอาหน้าตู้ก็เป็นที่นิยม(อู๊วววว ต้องสดๆ อร่อยยย
)ไปโลตัส เห็นปลาแรดว่ายน้ำน่ารัก ปูน้อย เดินดุ่มๆ รอคนขี้สงสารอยากกินของสดชี้ชะตา สั่งพนักงาน ประหารชิวิตให้โดยที่ตัวเองไม่ได้ทำ ไม่ได้เห็น(บาปน้อยกว่าคนทำ) ไปตลาดก็ยังเห็นศพ(หมู ไก่ ปลา)แขวนอยู่เต็มแผงไม่เคยมีใครมองว่าท้องตัวเองเป็นป่าช้ากันซักคน
แบบนี้ยังมีหน้ามาต่อต้านการตกปลาโดยอ้างหลักศาสนาอีกหรือครับ
มีต่อครับ
ได้ก็ฟลุ๊ค
(210
)
คห.21: 24 ก.พ. 50, 21:54
2. การสั่งสอนครับ ก็ต่อเนื่องจากข้อ1นะครับ คือ เรียนรู้มาว่าการ กระทำที่ นอกเหนือจากการ อาหาร ทาส เพื่อนเล่น แล้ว คือการไม่มีมนุษยธรรม ไร้ความปราณี แต่ถ้าทำในกรอบที่บอกมา ไม่เป็นไร
3. ความเห็นแก่ตัวครับ ต่อเนื่องจากข้อ2 ขอยกตัวอย่างง่ายๆคือคนเรา กลัวบาป เพราะถ้าทำบาปแล้วกรรมจะตามทัน(แปลว่า ถ้าทำบาปแล้วได้บุญ... ทำบาปดีกว่าคร้าบ) ไม่ค่อยเห็นใครสอนนักเรียน สอนลูกสอนหลานว่า ถ้าไปทำมัน มันจะเจ็บนะ มันจะกลัวนะฯลฯ เพราะฉะนั้นอย่าไปทำเลย
ส่วนใหญ่จะเห็นแต่ อย่าทำนะ เดี๋ยวบาป เดี๋ยวชาติหน้าเป็นงั้นเป็นงี้
หลายท่านอาจงง ว่ามันเกี่ยวกับตกปลายังไงฟะเนี่ย ตอนต่อไปครับ
หมูบางปลา
คห.22: 24 ก.พ. 50, 22:10
อยู่ที่จุดยืนของแต่ละฝ่าย ย่อมมีตนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ในบางครั้ง บางคนไม่มีข้อโต้เถียง ก็อ้างว่าเป้นการทรมานสัตว์
โดยใช้ความเมตตาของตนเองเป็นมาตรฐาน โดยอีกฟ่ายบอกเป็นกีฬา เป็นการผ่อนคลาย เพราะฉนั้นคงต้องใช้เวลาอีกมาก
ในการปรับความเช้าใจ และจุดยืนของแต่ละฝ่าย แต่กับคนรุ่น
ใหม่ ยอมรับมากขื้น คงอีกไม่นาน
หรั่งนครสวรรค์
(305
)
คห.23: 24 ก.พ. 50, 22:43
การตกปลา.....................กับ...................การอนุรักษ์
ปลาในบ่อฟิ่ชชิ่งปาร์ค........กับ...................ปลาในธรรมชาติ
ปลาในธรรมชาติ...............กับ...................ปลาในเขตหวงห้าม
...(ผมว่าสังคมไทยยังแยกแยะไม่ถูก)...เค้าเพียงแต่มองว่า การตกปลาก็คือการตกขึ้นมากิน.......
neaw
(930
)
คห.24: 24 ก.พ. 50, 22:51
คนไทยบางส่วน มักเชื่อทางศาสนาพุทธ ไม่ถึงแก่น
เช่น เล่นพระ องค์ละ เป็นล้าน ๆ ผมว่า เป็นการเล่นของเก่ามากกว่า เอาเงินล้าน ไปบริจาคสาธารณกุศล ยังได้บุญมากกว่าเลย คนเรา ทำดี ได้ดี ถึงห้อยพระองค์เป็นล้าน แต่ใจคดโกง ก้อเป็นบาป
อยากเล่า ประสบการณ์ทำงาน รับราชการผม เคยเจอ เพื่อนร่วมงาน เป็นผู้บริหาร ในห้องทำงานเขา มีแต่พระบูชา ทุ่มเงินมากมาย ไปบูชา แต่โคดโกงเลย ลูกน้องทุกคนเกลียดเป็นอึ เพราะเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว เอาแต่เงิน แล้วเอาเงินนั้น ไปบูชาพระแพง ๆ อย่างนี้ ได้บุญไม๊ เป็น คนดี หรือไม่
ผมตกปลา ทำบาป ผมพูดได้เต็มปาก ไม่เคยทำอย่างที่เล่าให้ฟังข้างบน
แต่ไม่อยากอธิบายว่า ผมทำอะไรที่ดี ๆ เพราะอาจจะโดนหมั่นไส้
ศีล 5 บอกว่า อย่าฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต เป็นบาป นั่นหมายถึง การไปเบียดเบียน ถ้าฆ่า มากิน ไม่บาปครับ เพราะมนุษยชาติ อยู่มาได้จนถึงวันนี้ ก้อเพราะสัญชาตญาณการล่า ฉะนั้น การล่า เอามากิน ดำรงชีวิต เป็นเรื่องจำเป็น
คนที่ ห้อยพระองค์เป็นล้าน ๆ , บอกตกปลา เป็นบาป ผมถามเหอะ ท่องบ่น สวดมนต์ได้ไหม พระอยู่ที่ใจครับ ผมไม่เคยคล้องพระ ห้อยคอ ถ้าใส่สร้อย ผมคล้อง ร.๙ ครับ และเบื่อมาก ๆ กับพวก เอาของเก่า บนคอมาอวดกัน
ผมท่องบ่นสวดมนต์ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องก่อนนอน แม้ตอนออกกำลังกาย เช่น เดิน วิ่ง ผมก้อ ท่องบ่น สวดมนต์ ไปด้วย บทบูชา ฯ บทกราบ ฯ , บทนมัสการ ฯ ..... จนถึง ชัยมงคลคาถา มหาการุณิโก บทแผ่เมตตา บทแผ่กุศล ผมจึงมั่นใจว่า พระอยู่ในใจผม ไม่ต้องไปหา วัตถุโบราณ เป็นล้าน ๆ มาประดับบารมี และ มองโลก แบบสัจจธรรม ตามความเป็นจริง ไม่งมงาย และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง พออยู่ พอกิน ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่เบียดเบียนคน ( ดี )
พอมาเรื่องตกปลา ก้อบอกว่าบาป ไม่ต้องมาบอก ก้อรู้ คนเรามันทำบาปกันทั้งนั้นแหล่ะ มันจะบาป ประเภทใด เท่านั้น คนดูนก ไม่ตกปลา บอกตกปลาบาป พอดูนกเสร็จ อาจเข้าโรงแรม ผิดศีลกาเม ฯ ก้อได้ ใครจะไปรู้ แล้วไปดูมันทำไมนกป่าอ่ะ เข้าป่า ก้อไปรบกวน การอยู่อาศัยมันแล้ว นั่นก้อเบียดเบียน
อยากตกปลา เราก้อตกไปเถอะครับ บาป เราก้อรู้ เพราะว่ามันบาปเนี่ยแหละ ถึงได้เวียนว่าย ตายเกิด บอกไปเลยว่า อยากเกิดเป็นคนอีกชาติ จะได้มีโอกาสมาตกปลาอีก ถึงจะต้องไปเกิดเป็นปลา ก้อดี เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไปลองให้เขามาตกเราบ้างก้อดี จะได้หมดเวร หมดกรรม
สังคมตกปลาเมืองไทย มันแคบครับ เพราะคนไทยงมงายเยอะ แห่กัน เหยียบกัน เพื่อที่จะแย่ง ก้อนปูน ก้อนดิน แล้วพวกนี้ก้อบอกว่า ตกปลา มันบาป
สรุป ไม่ต้องไปสนใจใคร อยากตก เราก้อไปตก ไม่กิน ก้อปล่อยมันไป ไม่ต้องดันให้ก้าวหน้าเป็นถึงกีฬาระดับสากลหรอกครับ ยาก ๆ ๆ ใครเห็นไม่ตรงกับเรา ก้อเดินหนีไปสะ แต่ถ้ามันยังเดินตามมาย้ำอีก ก้อต่อยไปสักหมัด
จบครับ... อาจแรง และ กระเทือน กลุ่มดูนก กลุ่มงมงาย บ้าง
แต่ผมพูด ความจริง
ได้ก็ฟลุ๊ค
(210
)
คห.25: 24 ก.พ. 50, 22:58
การแก้ปัญหาครับ
1. ง่ายที่สุดเลย คือ การทำให้การตกปลาเป็นเรื่องปรกติครับ ใครๆก็ตกปลา นายก อาจารย์ ฯลฯ แล้วมันก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเริ่มจากตัวเราเองด้วย ด้วยการพัฒนาสังคมตกปลาของเราให้น่าอยู่ก่อนครับ ขจัดพวกที่ได้ปลามา แล้วโยนขึ้นฟ้าด้วยความคึกคนอง หรือ เตะปลาลงบ่อ ทิ้งไป สร้างความเป็นระเบียบกับสังคมเราเองก่อนครับ(จะเห็นว่า เราจะเจอนักตกปลานิสัยไม่ดีบ่อยๆ) ให้คนนอกมองว่า สังคมตกปลา น่าอยู่ แล้วเค้าก็จะเข้ามาเองครับ
มีต่อครับ
1
2
3
4
>
siamfishing.com © 2024