พื้นฐาน ชิงหลิว: SiamFishing : Thailand Fishing Community
12>
กระดาน
คห. 314 อ่าน 252,417 โหวต 129
พื้นฐาน ชิงหลิว
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ตั้ง: 28 ธ.ค. 51, 22:27
พื้นฐาน ชิงหลิว
มานั่งนึกย้อนไปถึงตอนที่เริ่มต้นสนใจชิงหลิว
ไม่รู้ว่ากระทู้อะไรถ้าขึ้นต้นหรือเกี่ยวข้องกับชิงหลิวเป็นขอเข้าไปอ่านหน่อย.....แต่ก็ไม่ยักมีใครลงเรื่องพื้นฐานของชิงหลิวสำหรับผู้เริ่มต้นไว้....
เลยขอลองจัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น......ของผู้เริ่มต้นสนใจ
ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้ชำนาญการจริงๆ...และอย่าถือเป็นหลักการหรือเอาไว้อ้างอิงใดๆๆ...เอาไว้อ่านเพื่อเรียนรู้พื้นฐานแล้วกันครับน้าๆๆ
เอ้ามาเริ่มกันเลย
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.1: 28 ธ.ค. 51, 22:31
เริ่มกันที่คันเบ็ดก่อนเลย.....
เท่าที
เริ่มกันที่คันเบ็ดก่อนเลย.....
เท่าที่นิยมอยู่มี สองประเภทคือ
1. คันแนวสไลต์....มีสองแบบย่อยลงไปเท่าเคยเห็น คือ แบบด้ามยาวประมาณ เมตร และ แบบด้ามสั้น ประมาณ 50 ซม เวลาใช้ดึงออกแบบเสาอากาศ  แบบนี้ในเมืองไทยมีผู้ใช้เยอะกว่า
2. คันแนว ทูแพ๊ค ประกอบขึ้นรูปโดยการเอามาต่อๆๆกัน  พอดีไม่มีในครอบครองเลยไม่มีรูปมาให้น้าๆๆได้เห็นต้องขอโทษด้วยครับ
การเลือกคันนั้นควรดูปลาที่เราจะเจอบ่อยๆๆที่สุด ( น้ำหนัก และความแรงของการสู้ของปลา )
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.2: 28 ธ.ค. 51, 22:37
มาดูกันที่คันเสาอากาศ.....ในเมืองไทย
มาดูกันที่คันเสาอากาศ.....ในเมืองไทยเป็นที่นิยมมากที่สุด
1. แบบด้าม( ท่อนที่หนึ่ง ) ยาว ประมาณ 1 เมตร ถ้าคันระยะ 5.4 เมตรอย่างในรูป( คันที่สีน้ำตาล ) จะมี 6 ท่อน ครับ
2. แบบด้าม( ท่อนที่หนึ่ง ) ยาว ประมาณ 50ซม  ถ้าคันระยะ 4.5 เมตรอย่างในรูป(คันที่สีเทาดำ )  จะมี  9 ท่อนครับ
การถอดออกเริ่มจากคลายเกลียวที่ด้านท้ายคันแล้วดึงท่อนที่อยู่ด้านในสุดออกมาก่อนถ้าท่อนปลายติดปลายไหมดึงไม่ออกก็ไม่เป็นไรครับ
และเท่าที่เห็นบ่อยที่สุดในระยะหลังจะเป็นแบบด้ามยาวครับ มีให้เลือกหลายยี่ห้อทั้งในตลาดและในเวปก็เลือกเอาตามความชอบครับน้า
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.3: 28 ธ.ค. 51, 22:40
เกลียวที่ท้ายของด้ามเมื่อ  ขัน ออกม
เกลียวที่ท้ายของด้ามเมื่อ  ขัน ออกมา....มีไว้เพื่อถอดทำความสะอาดและซ่อมท่อนต่างๆในคันแบบเสาอากาศจะมี ห่วงไว้เพื่อคล้องสายเซพตี๋ ในกรณีของ คันแบบ ทูแพ๊คจะไม่มีห่วงที่จุกที่ท้ายคัน
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.4: 28 ธ.ค. 51, 22:49
คันที่นำเข้ามาส่วนมากผลิตในประเทศ
คันที่นำเข้ามาส่วนมากผลิตในประเทศจีนครับ
ระยะคันนั้นเท่าที่เป็นที่นิยมแพร่หลายจะเริ่ม ที่
1....ระยะ 3.6 เมตร ( ในรูปด้านขวามือ คันสีขาว จะเป็นตัวเลขภาษาจีน เป็นรูปเหมือน..กากะบาทหรือไม้กางเขน ด้านใต้ จะมีขีด สองขีด ) แปลเป็นไทยได้ความหมายว่า 12 หรือ สิบสองฟุต เท่ากับ สามเมตรหกสิบเซ็นติเมตร
2....ระยะ 4.5 เมตร ( ในรูปคันตรงกลางคันสีน้ำตาล เช่นกันมีตัวเลขจีนสองตัวอ่านตามแนวดิ่ง ) แปลเป็นไทยว่าสิบห้า ฟุต หรือเท่ากับระยะสี่เมตรห้าสิบเซ็นติเมตร
3....ระย  5.4 เมตร ( ในรูปคันด้านซ้ายคันสีน้ำตาลเช่นกันมีตัวเลขจีนอ่านตามแนวดิ่ง ) แปลเป็นไทยว่า สิบแปดฟุต หรือระยะห้าเมตรสี่สิบเซ็นติเมตร...
ที่นี้เมื่อน้าๆๆไปเลือกซื้อก็สามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องถามที่ระยะ เพราะที่นี้เราอ่านตัวเลขเป็นแล้ว
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.5: 28 ธ.ค. 51, 22:51
น้าลองไปที่เพทายน่าจะดีที่สุดครับ ลาดกระบัง 54 แถวหัวตะเข้
ถ้าในหนองจอกก็ลอง ที่อามีนทร์ก็สนุกดีนะครับ
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.6: 28 ธ.ค. 51, 22:51
การติกสายเซพตี๋แบบคล้องที่ห่วงท้า
การติกสายเซพตี๋แบบคล้องที่ห่วงท้ายคัน
ของจริงต้องขันเกลียวให้สุดนะครับ ....เดี๋ยวหลุดจะเดือดร้อน
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.7: 28 ธ.ค. 51, 22:56
การคล้องสายเซพตี๋ที่ด้าม
คันเพื่อ
การคล้องสายเซพตี๋ที่ด้าม
คันเพื่อป้องกันจุกที่ท้ายคันคลายเกลียวหลุด...หรือคันรุ่นที่ไม่มีห่วงที่ท้ายคัน

เทคนิดการผูกสายเซพตี๋จัดทำโดยน้า เต่า โทรฟี่ ครับ
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.8: 28 ธ.ค. 51, 23:05
มีแบบที่นิยมกัน ดังรูป
การผูกชุดลา
มีแบบที่นิยมกัน ดังรูป
การผูกชุดลายสต๊อปเปอร์ 
ลายสต๊อปเปอร์ตัวสีแดง    ( ด้านซ้าย ) ปลายสายจะผูกเข้ากับลูกหมุน
ลายสต๊อปเปอร์ตัว สีเหลือง (ด้ามขวา )  ปลายผูกเงือนแล้วพันกับปลายคันที่เส้นไหม  ควรร่นให้ลายสต๊อปเปอร์ทั้งสองตัวชิดกับยางที่เสียบทุ่นเพื่อไม่ต้องให้ทุ่นเคลื่อนจากระยะที่เราปรับแต่งแล้ว

การผูกเงื่อนสายเมนในการตกชิงหลิว จัดทำโดย น้าต๋วยครับ
ต้องขออนุญาติน้าต๋วยเพื่อเผยแพร่ต่อไปในครั้งนี้ด้วยครับ
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.9: 28 ธ.ค. 51, 23:08
ที่ปลายคันจะมีเส้นไหม....
เมื่อซื้อม
ที่ปลายคันจะมีเส้นไหม....
เมื่อซื้อมาแล้วควรหยอดกาวร้อนที่ไหมในช่วงที่สอดอยู่กับปลายคัน
ในส่วนที่ไหมพ้นจากปลายคันไม่ต้องหยอดกาวเพราะจะทำให้ไหมแข็งไม่อ่อนให้ตัวเมื่อเวลาสู้ปลา....
หลังจากหยอดกาวแล้วควรผูกปมอย่างในรูป
เพื่อที่จะใช้เงื่อนผูกสายเมนในรูปก่อนคล้องเข้าไป....
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.10: 28 ธ.ค. 51, 23:11
น้า  Anternetive  ต้องถอดเกลียวที่ท้ายคันออกแล้วถอดคันที่ลบะท่อนจากด้านท้ายตรงที่เป็นเกลียวอย่างในรูป ถ้าท่อนปลายถอดไม่ออกเพราะติดปมที่ไหมก็ไม่เป็นไรให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดทิ้งให้แห้งค่อยสอดกลับเข้าไปครับน้า
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.11: 28 ธ.ค. 51, 23:13
เกือบลืมนี่เป็นลายสต๊อปเปอร์อีกแบ
เกือบลืมนี่เป็นลายสต๊อปเปอร์อีกแบบ แบบนี้ไม่ค่อยมีวางขายทั่วไป....
สะดวกในการใช้งานมากครับ เพราะเป็นทั้งที่เสียบทุ่นและลายสต๊อปเปอร์ในตัวเดียว
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.12: 28 ธ.ค. 51, 23:16
ลูกหมุ่น สำหรับผมแล้ว ชอบเป็นส่วนต
ลูกหมุ่น สำหรับผมแล้ว ชอบเป็นส่วนตัวที่จะใช้ลูกหมุ่นให้เล็กและเบาที่สุด โดยไม่ต้องถ่วงตะกั่วฟิวส์ก็ถ่วงให้ทุ่นตั้งได้
ในรูปผมมักใช้ตัวเล็กสุดที่ด้านซ้ายมือบ่อยที่สุดครับ
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.13: 28 ธ.ค. 51, 23:18
ฟิวส์และ ตาเบ็คขนาดที่ผมใช้บ่อยที่
ฟิวส์และ ตาเบ็คขนาดที่ผมใช้บ่อยที่สุด....
ในรูปด้านขวาบนที่ซองเบ็ดคือ...แกนที่พันฟิวส์....เพื่อถ่วงน้ำหนัก
ไม่ค่อยเห็นขายเลยต้องพยาบาม ค้นดูในรูป เป็นแกนเหล็กแบบที่น้ำหนักเบามากหาซื้อยาก
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.14: 28 ธ.ค. 51, 23:23
ทุ่นชิงหลิวแบบต่างๆๆ.....
ซ้ายสุดคือท
ทุ่นชิงหลิวแบบต่างๆๆ.....
ซ้ายสุดคือทุ่นหางนกยูงแบบที่ใช้สำหรับน้ำลึกมากๆๆไม่ค่อยเห็นขายโดยทั่วไป
ตัวกลางที่เป็นสีขาวและติดกันด้านขวามือจะเป็นทุ่นที่มีขายแพร่หลายใช้ได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก...
ส่วนตัวขวาสุดเป็นทุ่นเพื่อตกแบบลอยกลางน้ำ
ส่วนตัวสีเหลืองที่สองจากซ้ายผมเอาทุ่นปกติไปโมไว้ใช้เองเพราผมรู้สึกชอบใจทุ่นที่เบามากๆๆแต่หาซื้อได้ไม่ถูกใจเลยลงมือจัดเองเลย
ทุ่นจะแบ่งน้ำหนัก ( แรงยกหรือการลอยตัว ) เป็น เบอร์ โดยที่ตัวทุ่นจะมีเลขบอกอยู่ครับน้าๆๆ
เบอร์ยิ่งน้อย ( แรงยกจะน้อย ) .. เบอร์ที่สูง ( แรงยกยิ่งมาก )
ก้านสีที่ยาวกว่าจะสามารถตั้งระยะ( ทุ่นที่ผิวน้ำ ) ได้สะดวกดีกว่า..
ในการถ่วงทุ่นด้วยฟิวส์ ตัวฟิวส์ความเคลื่อนตัวได้ไม่ล๊อคตายกับลูกหมุน
เพราะจะมีผลต่ออาการของทุ่นเมื่อปลาเข้ามากิยเหยื่อ
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.15: 28 ธ.ค. 51, 23:27
ในการตั้งทุ่นนั้น....สำหรับผู้เริ่มส
ในการตั้งทุ่นนั้น....สำหรับผู้เริ่มสนใจจะสับสนเรื่องทำยังไงถึงจะรู้ว่าทุ่นของเรามีอาการยังไงในน้ำผมมักแนะนำให้....
ลองจัดหาลูกหมุ่นและตัวเบ็ดมาผูกแล้วติดทุ่นดอกที่เราชอบใจแล้วลองตั้งดูในถังสีหรือโอ่งก็ได้....
ในรูป เมื่อผมผูกลูกหมุน+ตาเบ็ดแล้ว ทั้งสองจะมีน้ำหนักแบบที่เมื่อวางลงในขวดน้ำนี้แล้วจะจมลงที่ก้นขวดเกือบจะทันที....ทั้งๆๆที่ลูกหมุนตัวเล็กนิดเดียว
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.16: 28 ธ.ค. 51, 23:33
ในรูปเมื่อผมเสียบทุ่นเข้าที่ยางน้
ในรูปเมื่อผมเสียบทุ่นเข้าที่ยางน้าๆๆจะสังเกตุเห็นลูกหมุนและตาเบ็ดถูกทุ่นดอกเล็กๆๆนี้ยกจนตาเบ็ดลอยพ้นผิวดิน ( ก้นขวด )
ในรูปแสดงให้เห็นว่าทุ่นดอกนี้มีแรงพยุงมาก เพราะ เมื่อผมร่นลายสต๊อปเปอร์เข้าใกล้ลูกหมุน ทุ่นยกชุดลูกหมุนและตาเบ็ดลอย ...
ในทางการตกแบบชิงหลิวการที่เหยื่อลอยอยู่พ้นพื้นผมถือว่าเป็นการตกแบบลอยกลางน้ำแล้ว...
ในรูปคือการตั้งทุ่นแบบ บาลานซ์ แต่ยังไม่  บาลานซ์จริงๆๆ...แต่ก็พอใช้ได้แล้ว ...ถ้าจะปรับให้เป็นบาลานซ์ต้องถ่วงฟิวส์เพิ่มเข้าไปครับ
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.17: 28 ธ.ค. 51, 23:37
บาลานซ์หน้าดิน....แบบที่ได้ยินบ่อยๆๆ
บาลานซ์หน้าดิน....แบบที่ได้ยินบ่อยๆๆคือแบบในรูปครับ.....
ตาเบ็ดต้องแต๊ะดินแต่ไม่นอน.....
ลูกหมุนลอยอยู่กลางน้ำ.....
สายหน้าควรยาวสัก 25 เซ็นติเมตร เมื่อผูกลูกหมุนแล้ว
ทุ่นที่ยังไม่มีเหยื่อต้องลอยเสมอคอทุ่น.....
เมื่อใส่เหยื่อแล้วก็ต้องร่นทุ่นขึ้นให้ห่างลูกหมุ่นจนถึงระดับผิวน้ำ....
ส่วนใครจะถนัดก้านสีพ้นหนึ่งหรือสองช่องสีก็เอาตามชอบ....
ถ้าต้องบาลานซ์หน้าดินผมถนัดแบบพ้นน้ำ สองช่องสี....เพราะต้องจับจังหวะที่หนุนก่อนยังไม่วัดจะจับจังหวะวัดตอนตอกลงมากกว่า
ถ้าตกแบบบาลานซ์ กลางน้ำ ผมถนัดให้พ้นน้ำประมาณสี่ช่องสีเพราะต้องจับจังหวะที่ตอกลง
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.18: 28 ธ.ค. 51, 23:39
การตั้งแบบบาลานซ์ นั้นก้านทุ่นควรจ
การตั้งแบบบาลานซ์ นั้นก้านทุ่นควรจะลอยที่ระดับนี้ที่ผิวน้ำตอนที่ยังไม่ได้ใส่เหยื่อครับ ผมว่านี่แหละ.......บาลานซ์.....ของจริง ( แรงยกของทุ่น=น้ำหนักลูกหมุ่น+ตาเบ็ด +ฟิวส์ในกรณีที่ถ่วงเพิ่มเพื่อลดแรงยกของทุ่น) ถ้าทุ่นตั้งได้ที่ระดับคอทุ่นโดยไม่ต้องถ่วงฟิวส์เพิ่ม...
จะบาลานซ์......ดีทุ่นจะไวสุดยอดครับ.....จับอาการได้ชัดวัดได้เร็วขึ้น
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.19: 28 ธ.ค. 51, 23:42
แบบนี้ถ่วงมากไปนิดเดียว สังเกตุว่า
แบบนี้ถ่วงมากไปนิดเดียว สังเกตุว่า ก้านสีจะจมน้ำลงไปทั้งๆๆที่ยังไม่ได้ใส่เหยื่อเลย จริงๆแล้วนี่ ถือว่าไม่ บาลานซ์เพราะทุ่นจมเกินจากคอทุ่นไปนิดนึง
แต่ผมก็ว่ารับได้....เพราะของจริงไม่เหมือนในห้องทดลอง...มีทั้งลม,ทั้งผิวดินไม่เสมอกัน,และถ้าก้านสีของทุ่นดอกนั้นยาวมากพอ...
จุดที่สีของทุ่นพ้นน้ำนี้เราต้องจดจำให้ได้เพราะเมื่อทุ่นลอยขึ้นมาถึงจุดนี้แสดงว่า เหยื่อหลุดไปหมดแล้วเปลี่ยนใหม่เลยไม่ต้องวัดให้เหนื่อยเปล่า  ( กรณี การตั้งทุ่นแบบ..บาลานซ์ )
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.20: 28 ธ.ค. 51, 23:47
ส่วนการตั้งทุ่นแบบไม้ตายส่วนใหญ่พ
ส่วนการตั้งทุ่นแบบไม้ตายส่วนใหญ่พวกเราจะถนัดอยู่แล้ว อธิบายโดยย่อ ....
คือเราต้องถ่วงด้วยฟิวส์ให้ลูกหมุนและเบ็ดจมลงพื้นดินแบบในรูปแรกที่ลุกหมุนและตาเบ็ดนอนอยู่ที่ก้นขวด...
สายหน้าควรที่จะยาวไม่เกินคืบนึงเพื่อจะได้รับรู้สัมผัสของปลาได้ไวๆ
แล้วยกทุ่นให้ห่างลูกหมุ่นไปที่ผิวน้ำให้พ้นน้ำแค่ช่องสีเดียวเพราะไม้ตายจะวัดเมื่อทุ่นหนุนขึ้นอย่างเดียว ตอกลงส่วนใหญ่วัดไม่ค่อยติด
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.21: 28 ธ.ค. 51, 23:49
ที่วางคัน.......
ส่วนมากจะเป็นลักษณะเส
ที่วางคัน.......
ส่วนมากจะเป็นลักษณะเสาอากาศ  มีที่ปรับมุมให้เอียงมากน้อยเพื่อวางคัน.... ระยะคันยิ่งยาวมากที่วางคันยิ่งต้องแข็งแรง......ในกรณีที่น้าจัดหาที่วางคันแบบอลูมิเนียมที่มีขายโดยทั่วไป....ควรหยอดกาวร้อนที่จุดของแท่งเหล็กที่มีน๊อดเพื่อกันไม่ให้น๊อดคลายตังหลุดหายแต่ควรหยอดเล็กน้อยแค่พอติดเดี๋ยวกาวจะ พาลไปทำให้แน่นจนเสียไปเปล่าๆๆและเหล็กแหลมที่ใช้ปักดินควรปรับแต่งที่ปลายให้แหลมขึ้นหย่อนด้วยหินลับมีดเพื่อให้ปักดินแข็งๆๆได้ดีขึ้น
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.22: 28 ธ.ค. 51, 23:49
เก้าอี้......หรือเสื่อก็แล้วแต่ถนัดส่
เก้าอี้......หรือเสื่อก็แล้วแต่ถนัดส่วนบุคคล....
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.23: 28 ธ.ค. 51, 23:53
ร่ม.....สิ่งจำเป็นที่ดูเหมือนไม่จำเป
ร่ม.....สิ่งจำเป็นที่ดูเหมือนไม่จำเป็น.....ถ้ามีก็สะดวกที่จะเลือกทำเลโดนใจได้โดยไม่ต้องกลัวร้อน....
ร่มที่ดีควรจะมีสีเคลือบแบบสีเงินๆๆในรูปเพราะว่าจะสะท้อนความร้อนได้ดีกว่า...
เมื่อซื้อมาควรปรับแต่งตรงด้ามที่จะเสียบพื้นดินให้แข็งแรงขึ้นก่อน เช่นต่อส่วนท้ายด้วยไม้หรือเหล็กที่มีปลายแหลมหน่อยๆๆ
เพราะตามหมายที่ไปหลิวส่วนมากดินจะแข็งมาก กดเทบจะไม่ลงเลยที่เดียว
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.24: 28 ธ.ค. 51, 23:55
สวิ้ง....
....ควรมีด้ามต่อที่ยาวมากที่ส
สวิ้ง....
....ควรมีด้ามต่อที่ยาวมากที่สุดเท่าที่น้าจะจัดหามาได้เพราะเวลาช้อน...ระยะคันยิ่งยาวยิ่งช้อนยาก...ถ้า ด้ามสวิ้งสั้น.....
ส่วน ตาข่ายที่สวิ้งถ้าได้ตาข่ายมีช่องห่างหน่อยจะดีมากเพราะจะช้อนง่ายและเมื่อปลดเบ็ดไว้เบ็ดไม่ติดที่ตาข่าย
เท่าที่ผ่านมาส่วนมากน้าๆๆมักจะแปลงโดยใช้คันชิงหลิวเก่าที่ชำรุดแล้วเป็นด้ามกันครับ......
ส่วนการแปลงคันที่เสียแล้วต้องมีส่วนวงแหวนเหล็กที่ทำตาข่ายมาแล้วที่มีเกลียวไว้แล้ว....ที่นี้น้าๆๆต้องไปให้ร้านที่รับ ตาบเกลียวทำเกลียวตัวเมียมาแปลงติดที่คันชองหลิวที่เสียแล้วอาจยุ่งยากบ้างเพราะเราต้องการสวิ้งที่ด้ามยาวกว่าที่มีวางขายอยู่...
mok(7679 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.25: 28 ธ.ค. 51, 23:56
กระเป๋าใส่สมบัติอันมากมายของชาวหล
กระเป๋าใส่สมบัติอันมากมายของชาวหลิวผู้นิยมการนั่งจ้องทุ่นกลางแดด....
12>
siamfishing.com © 2025