ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ทริปท่องเที่ยว-ตกปลาที่เป็นทางการที่สุดตั้งแต่ผมเคยนำเสนอมา แหะๆ

ขอนำเพื่อนๆไปเที่ยวชมอุทยานพันท้ายนรสิงห์ แล้วมุ่งหน้าสู่หมายตกปลา-ทานอาหาร ณ ครัวริมทะเล ครับ

(บ้านพันท้ายนรสิงห์ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร)

---------------------------------------------------
                เกร็ดประวัติศาสตร์

ของสุดยอดข้าราชการ ที่มีความซื่อสัตย์ ความเด็ดเดี่ยว และความจงรักภักดี อย่างมิอาจหาใครเสมอเหมือน
---------------------------------------------------
เมื่อครั้งรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา (สมเด็จพระสรรเพชรญ์ที่ ๘)
ได้เสด็จประพาสด้วยเรือหลวงเอกไชยจะไปทรงเบ็ด ที่ปากน้ำเมืองสาครบุรี(สมุทรสาคร)
เมื่อปีพ.ศ.๒๒๔๗ เรือพระที่นั่งมาถึงตำบลโคกขามคลองนั้นคดเคี้ยวนักพันท้ายนรสิงห์
ผู้ถือท้ายเรือพระที่นั่งแก้ไขมิทันที ศรีษะเรือพระที่นั่งกระทบกิ่งไม้อันใหญ่เข้าก็หักตกลงในน้ำ
พันท้ายนรสิงห์ก็ตกใจจึงกระโดดขึ้นจากเรือพระที่นั่งขึ้นไปอยู่บนฝั่งแล้วร้องกราบทูลว่า
..ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าฯพระราชอาญาเป็นล้นเกล้าฯ
ขอจงทรงพระกรุณาโปรดให้ทำศาลขึ้นที่นี้สูงประมาณเพียงตา
แล้วจึงตัดศรีษะข้าพระพุทธเจ้าแล้วเอาศรีษะเรือพระที่นั่งที่หักลงขึ้นบวงสรวงไว้ด้วยกันที่นี้ตามพระราชกำหนดด้วยเถิดพระเจ้าข้า..

แม้พระเจ้าเสือจะประทานอภัยโทษก็ยังยืนยันว่าขอให้ทรงทำตามพระราชกำหนดเพื่อไม่ให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่พระองค์
โดยยกอ้างเอาพระราชกำหนดที่จดแจ้งไว้ว่า พันท้ายผู้ใดทำศรีษะเรือพระที่นั่งหักให้ถึงมรณโทษให้ตัดศรีษะเสีย
พระเจ้าเสือได้ฟังดังนั้นก็โปรดให้ฝีพายทั้งหลายปั้นดินเป็นรูปคนแทนตัวพันท้ายนรสิงห์แล้วให้ประหารรูปปั้นดินนั้นแทน
พันท้ายนรสิงห์ก็กราบทูลว่าผู้คนได้ฟังเหตุเช่นนี้ก็จะติฉินนินทาพระเจ้าอยู่หัวว่าเอาพระราชกำหนดมาทำเป็นเล่นไป
จะทำให้พระองค์ต้องเสื่อมเสียขอโปรดพระกรุณาตัดศรีษะข้าพระพุทธเจ้าตามพระราชกำหนดเถิดพระเจ้าข้า
ขอกราบทูลฝากบุตรและภรรยา และถวายบังคมลาตาย
พระเจ้าเสือดำรัสวิงวอนไปหลายครั้ง พันท้ายนรสิงห์ก็หายอมไม่จึงต้องจำใจรับสั่งให้ตัดศรีษะพันท้ายนรสิงห์
เพื่อยืนยันให้พระราชกำหนดกฏหมายนั้นต้องทำตามและเป็นการปกป้องไม่ให้พระเจ้าอยู่หัวต้องเสื่อมเสีย
แม้ตัวตายก็ยอมจึงได้รับการเคารพกราบไหว้มาตราบนานเท่านาน
-----------------------------------------------------

ใครชอบใจกดโหวตด้วยจ้า
Thanks in advance

--------------------------------


เช้าวันเสาร์ (25 สค 2550) สัญญาจะพาแฟนไปหาที่เที่ยวแถวราชบุรี แถวๆตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ออกจากบ้านสิบโมงครึ่งแวะกินก๋วยเตี๋ยว ร้านเจียง รังสิต คลองสาม อิ่มๆ ราคาถูกกว่าเจียงในห้างกว่าครึ่งครับ

ขับรถออกมาจากถนนเลียบคลองสามแล้วมุ่งหน้าฟิวเจอร์พาร์ค เปิดหนังสือแผนที่ท่องเที่ยว
แผนที่ระบุว่าเป็นตลาดน้ำยามเช้า
อ้าว ตายละหว่า กำลังเคว้งคว้างกับเป้าหมาย "ต่อ"เพื่อนน้องหงส์ก็โทรมาพอดี วันนี้ไปไหนกันดี
เอ่อ รู้ได้ไงว่ากะลังคิดกันอยู่เลย โจทย์ข้อนี้ แหะๆ

ฉับพลันก็คิดถึงแผนสองที่ปิ๊งป๊างตั้งแต่น้าๆมาลงหมายกุเลาซอยวัดพันท้ายให้ฟังบ่อยๆ
เลยสรุปเป้าหมายโดยทันที ไปเที่ยวกินอาหารทะเลที่ร้าน ครัวริมทะเล สุดทางซอยวัดพันท้ายนรสิงห์กันไหม

น้องหงส์ทำตารู้ทัน (ก็แม๊ ขนคันเบ็ดมาเพียบท้ายรถ คริๆๆๆ)


สุดท้ายจึงตกลงว่าเดี๋ยวเราไปเจอกันที่นั่น ทั้งๆที่ต่างคนก็ต่างไม่รู้ทาง เอิ๊กๆ


อาศัยว่าเคยดูแผนที่จากน้าๆในเว็ปสยามฟิชชิ่งมาเมื่อหลายวันก่อน
จึงขับรถขึ้นทางด่วนที่ดินแดงมาลงพระราม2 แล้วมุ่งหน้าข้ามถนนวงแหวนตะวันตก
จากนั้นก็เลี้ยวออกทางคู่ขนานแถวๆสะพานกลับรถ ราวๆ กม.ที่16

ก็จะเห็นป้ายบอกเลี้ยวซ้ายไปวัดพันท้ายนรสิงห์ชัดเจนครับ

เลี้ยวรถเข้ามาแล้วรราวๆ 1 กม. จะพบวัดแรกในภาพนี้ก่อนครับ

จากนั้นขับรถเข้าไปอีกราวๆ 6 กม.
มีป้ายบอกทางตลอด ถนนสภาพค่อนข้างดี
สภาพอุทยานพันท้ายนี้ ยังค่อนข้างใหม่ เพราะ
กรมศิลปากรเพิ่งจัดสร้างและมีบริษัทเอกชนร่วมสนับสนุนเงินทุน

ที่ริมน้ำหลังศาลจะมีคลองและป่าชายเลนให้เดินศึกษาธรรมชาติได้


ระเบียงในภาพเป็นบริเวณริมน้ำที่ใช้ทำพิธีประหารท่านพันท้ายนรสิงห์ครับ 

ศาลพันท้ายนรสิงห์ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 72 ตอนที่ 2
เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2498 กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้น
อยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงมาไม่มากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบๆ ศาลไว้ประมาณ 100 ไร่
เพื่อจัดตั้งเป็น "อุทยานพันท้ายนรสิงห์" ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าของจริงในท่าถือท้ายคัดเรือ
(ภาพล่างซ้ายคือหลักประหารครับ)

ร่วมสักการะ และ ทำบุญ เพื่อสมทบทุนค่าดูแลสถานที่ครับ
น้องหงส์เสี่ยงเซียมซี ผลออกมาดีมากๆครับ เก็บๆๆ

ขอระลึกถึงน้ำใจซื่อตรงของท่านพันท้ายด้วยความยกย่องอย่างสูงครับ

ขอพรให้ผมไม่แห้วในทริปนี้ด้วยเทอญ 

--------------------------------------------------------
พันท้าย นรสิงห์
ถือท้ายนิ่ง ระวังนาวา
เอกชัย แล่นเข้าคลองมา
ลุถึงท่า โคกขาม ตำบล

คลองคด คัดเรือไม่ไหว
โขนเรือโดนไม้ หักปี้ป่น
นรสิงห์ รู้โทษตน
กระโดดขึ้นบนฝั่งถวายชีวิตตัว

นรสิงห์ ทูลถวายชีวิต
เมื่อทำผิด ไม่คิดกลัว
เกียรติศักดิ์รักยิ่งกว่าตัว
ยอมเสียหัว ไม่ยอมเสียวินัย

จนพระทัยสั่งให้ประหาร
แล้วสร้างศาลคู่กันไป
เอาศรีษะนรสิงห์ไว้
กับโขนเรือคู่เคียงกัน.....
------------------------------------------------------------

จบการเที่ยวชมวัดครับ 

------------------------------------------------------------
จากนั้นก็เดินทางต่อมาอีกราวๆ 5 กม.
ตลอดรายทางเป็น บ่อตกปลา และร้านอาหารมากมาย
เห็นแล้วอยากจอดรถลงไป ป๊อป Duel 3D ครับ

แต่หันไปมองคนข้างๆแล้ว เกรงจาย

เลยเอาแค่แวะ ซื้อกุ้งเป็นที่ครัวริมวัง ติดมือไปด้วย เผื่อฟลุ๊คๆ เกิดได้กะพง มีเฮแน่คร้าบ

จากนั้นก็บากบั่น ลุยทางลูกรังสลับกับทางปูนไปอีกราวๆ 4กม.

จนถึงหน้า อบต. จะพบสะพานข้ามคลอง ให้เลี้ยวขวาขึ้นไป (เดี๋ยวมีแผนที่ให้ครับ)
ลงสะพานจะเห็นป้านร้านครัวริมทะเล และร้านอ้วน??? อะไรสักอย่าง
ก็ให้เลี้ยวขวาไปตามทางลูกรังเลียบริมแม่น้ำอีกราวๆ 1 กม ก็ถึงครับ

ไปถึงช้าเพราะมัวเที่ยว พี่ต่าย พี่ถนอมและต่อได้สั่งอาหารอร่อยๆมารออยู่พอดีครับ


นึกแล้วหิวเลย หรอยเจงๆ

------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------

พี่หนอมถามเด็กเสิร์ฟว่าอะไรอร่อย
น้องบอกว่าไม่รู้พี่ เพราะอร่อยทุกอย่าง

คร้าบๆๆ ต้องลองเอง ก็ด้ะๆ

อันนี้เมนูหลักที่สั่งมากินกันครับ
เมนูออเดิร์ฟ พวกส้มตำปูม้า ข้าน้อยถ่ายรูปไม่ทันจริงๆ มานแซร่บหลาย คริๆๆ


แนะนำข้าวผัดปูครับ อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาแล้วครับ ยกนิ้วโป้งให้เลย

------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------

พอหนังท้องตึง หนังตาก็ อ๊ะๆๆๆ ไม่หย่อนครับ แต่สายเอ็นจะตึงตามในไม่ช้า

กองทัพเดินด้วยท้อง คว้ากล้องสำรวจหมายและกระแสน้ำก่อนเลยครับ

ถามผู้ใหญ่เสิร์ฟ(หรือเรียกน้าเสิร์ฟดี) น้าเค้าบอกว่า ให้ตีออกไปเลยแนวหลักที่เลี้ยงหอยที่เห็นน้ำไหลพุ่งๆนั่น
หรือหย่อนตกใกล้ๆระเบียงที่นั่งทานอาหารกันอยู่นี้ก็ได้

เลยประกอบสายเอ็น+ตะกั่วขีดครึ่งใส่ชุดแปดฟุต สายหน้ายาวเกือบเมตร ตีออกไปลงกลางน้ำแดงๆก่อนเลย

จ้วบ - เสียงตะกั่วลงน้ำ อืมคันแปดฟุตนี่มันดีดไกลดีแท้ เด็กเสิร์ฟผู้ช่วยน้าเสิร์ฟตะลึง

แต่หัวเราะขำใส่เพราะไม่ตะลึงที่เห็นตะกั่วขนาดขีดครึ่งปลิวไปตามกระแสน้ำครับ แหะๆ ทำไงดีฟระ ช่างมันละกัน แบบนี้ปลากินไม่รู้ตัวชัวร์ (ฮืม)

จากนั้นก็ประกอบอีกสองคันเกี่ยวกุ้งใกล้ตาย หย่อนลงริมระเบียงใกล้ๆ
แล้วนั่งจิบเบียร์รอครับ

---------------------------------------------------------------

ปลามาแล้วคร้าบบบบบ
ขอโทษที่ให้รอนาน 

---------------------------------------------------------------

นั่งชมวิว-ถ่ายรูปกันอยู่จนราวๆห้าโมงครึ่ง
เปลี่ยนเหยื่อไปสองรอบแล้วหมดกุ้งไปห้าตัว
เอาไงดีหว่า ลางแห้วจะมาแล้วครับท่านพันท้าย น้ำแรงเหลือเกิน

น้าเสิร์ฟกับเด็กเสิร์ฟเดินมาให้กำลังใจ และ(เพิ่ง)จะมาแนะว่า
วันนี้น้ำแรงและขุ่นกะพงน่าจะไม่มีมาครั่บ
ลองตกปลากดดูดีกว่า เย็นแล้วปลากดน่าจะมีตัว

โอเช ผมเก็บคันขึ้นแล้วเปลี่ยนสายหน้าให้สั้นลงไม่เกินคืบ
เปลี่ยนเป็ดตาเล็กลงจากเบอร์ 13 มาเป็น 9
จากนั้นก็เอาเนื้อกุ้งตายเกี่ยว ตกในระยะใกล้ระเบียงทั้งหมดครับ

แล้วก็สำเร็จ ตัวแรกน้ำหนักน่าจะราวค่อนขีด กองเชียร์เริ่มใจชื้น แต่ยังไม่วายโดนแซวว่ารังแกเด็ก

กำลังวุ่นวายกับการหาที่ขังปลา คันหกฟุตก็กระตุกอย่างแรง กองเชียร์ตะโกนบอกพร้อมกับที่ผมโดดคว้าคันวัดทันที
อยู่ เย้ ตัวใหญ่ๆ ตะโกนซะดังเลยเรา พ่อครัววิ่งมาดู แซวว่าเดี๋ยวเกิดมันหลุดแล้วจะยิ่งตัวใหญ่ คริๆ
(แหะๆ ช่ายครับ ปลาหลุดตัวโตเสมอ) ตัวนี้สู้เบ็ดดีจริงๆ จากนั้นก็ปั่นขึ้นมา
ตัวอ้วนปั้ก น่าจะหนักราวสองขีดเศษ เพื่อนบอกสงสัยมันจะมีไข่แฮะต้อม
อ๊ะ มีไข่ก็แจ่มสิค้าบ หวานละๆ


------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------

จากนั้นปลาก็ฉวยอีก จังหวะเดินไปเติมเครื่องดื่ม วิ่งมาวัดลมซะงั้น
สงสัยการดื่มสุราจะทำให้ความสามารถในการตกปลาลดลง แหะ
เหยื่อก็ใกล้หมดเต็มที แต่แล้วจังหวะที่คว้าแก้วมาจรดริมฝีปาก
คันหกฟุตด้ามสั้นก็กระดิกปลายเรียก แทบปาแก้วครับ คว้าคันมาวัด โชะ อะอยู่
ก็ได้ตัวที่สามตามขึ้นมาตอนเวลาประมาณ หกโมงเศษ

แล้วก็โดนขัดจังหวะอีกครั้งด้วย ปลากระพงทอดน้ำปลา หอมฉุย
เพียงจานนี้เท่านั้นที่สามารถเบรคผมจากการตกปลาได้ คริๆๆ ซร้วบ อื้ม อร่อย


ดูเวลาได้หกโมงครึ่ง น้ำเริ่มไหลเฉื่อย(น้ำตาย) ปลาก็ไม่ค่อยฉวยเหยื่อแล้ว
พอเริ่มอิ่มก็เดินไปเข้าห้องน้ำ แวะคุยกับเจ้าของร้าน เค้าแนะว่าให้หามุมเงียบๆ ตกดูอีกที
เพราะปลากดและดุกทะเลมันไม่ชอบเสียงคุยและเสียงเพลง

อ้าว เหรอครับ เดี๋ยวลองตรงทางเดินเข้าเลยละกัน
ว่าแล้วก็เอาคันแปดฟุตมาตีออกไปตรงตำแหน่งที่พนักงานร้านช่วยบอกว่าไม่มีซั้งเลี้ยงหอย
แล้วก็เดินมาเอาเครื่องดื่ม
ไม่ถึงสองนาทีเดินกลับมาพอดีจังหวะปลายคันกระตุกยวบๆ โอ้
ยวบๆ ตึ๊กๆอีกทีก็วัดสวนเลย อยู่ครับ
ใหญ่เสียด้วย
ดื่มด่ำอยู่แป๊บนึงก็ปั่นลอยขึ้นมา โอ้
ตัวใหญ่กว่าที่เคยได้มา ชั่งดู หนักสามขีดเด๊ะๆ

กองเชียร์บอก แกงส้มๆ

น้าเสิร์ฟ บอก อะได้เล้ย จัดให้ๆ
ว่าแล้วก็หิ้วไปส่งให้พ่อครัวครับ

------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------

จากนั้นยี่สิบนาทีเมนูหม้อสุดท้ายก็ตามมา
แกงส้มปลากดทะเล รสชาดแซ่บ แต่ซดได้คล่องคอ
เนื้อปลาสุกพอดีรสชาดสดหวาน
เอื๊อก เล่าแล้วอยากกินอีกจัง

พี่ๆใช้กระบวยควานไปมา เฮ้ย ไข่อะไร เป็นพวงเชียว
พอดู๊ยังก๊ะไข่"จั๊กกิ้ม"(สำเนียงจาวเหนือคับ จั๊กกิ้ม คือ จิ้งจก)
อ้อ ไข่ปลากดนั่นเอง
สาวๆไม่กล้ากิน จนต้องเน้นย้ำให้ลองแล้วจะรู้
ว่าเอาไข่ปลาคาร์เวียร์มาแลกก็ไม่ยอม
จากนั้นก็แบ่งกันหมดเรียบในพริบตา

รสขาดไข่ปลากดสุกจะหวานมัน เคี้ยวแน่นหนึบคล้ายสาคูต้มแต่ผิวแน่นไม่เยิ้มไม่ติดฟัน ที่สำคัญไม่คาวอย่างไข่ปลาแซลมอนครับ


------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา โอกาสหน้ายังมีเสมอ
เรียกพนักงานมาคิดเงิน
บิลล์ออกมา 3147 บาท สำหรับสมาชิกเจ็ดคนหารกัน

คุ้มไม่คุ้มอยู่ที่คน แต่พวกเราว่าคุ้ม
เพราะอาหารอร่อย บริการเยี่ยม บรรยากาศดี มีปลาให้ตก
แบบนี้เอาไปเต็มห้าดาวค้าบ (เสียแต่ร้านอยู่ค่อนข้างไกลและช่วงถนนลูกรัง 3-4km ลำบากนิดนึง)

------------------------------------------------------------

ขอขอบคุณน้าๆที่มาโพสต์แนะนำกันไว้ ให้คณะผมตามแกะรอยมาได้ครับ 

แล้วอย่าลืมชวนผมด้วยล่ะน้าโน้ต น้า Kong _(Skitter) Pop

------------------------------------------------------------
จบแล้วครับผม

ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆที่ไปด้วยกัน และขอบคุณผู้เข้าชมทุกท่านครับ


ต้อม BiG FiSH team
สงสัยอะไร โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 191

เอ้ย 081 6667336 ครับผม

------------------------------------------------------------
พันท้ายนรสิงห์ ดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แห่งคลองโคกขาม
------------------------------------------------------------

"คลองโคกขาม" จ.สมุทรสาคร ปัจจุบันสองฝั่งคลองยังเต็มไปด้วยต้นโกงกาง มีธรรมชาติอันร่มรื่น สวยงามและสงบ
ซึ่งในอดีต ณ สถานที่แห่งนี้เป็นลำคลองคดเคี้ยว มีสายน้ำแยกไปหลายสาย
จนเป็นเหตุให้เกิดประวัติศาสตร์แห่งโศกนาฏกรรมครั้งปลายกรุงศรีอยุธยากับทหารเอกของ "พระเจ้าเสือ"
นามว่า "พันท้ายนรสิงห์" ที่ต้องมาจบชีวิตที่ริมคลองโคกขามแห่งนี้
ครั้นต่อมาจึงเกิดเรื่องเล่าถึงความลี้ลับมหัศจรรย์ของดวงวิญญาณ "พันท้ายนรสิงห์" อย่างมากมายชนิดเล่ากันไม่รู้จบ
จนชาวสมุทรสาครเชื่อว่า ดวงวิญญาณของท่านพันท้ายนรสิงห์ ยังคงสถิตวนเวียนอยู่ที่ ๆ ถูกประหารนั่นเอง

"พันท้ายนรสิงห์" คือทหารเอกผู้กล้าหาญคนหนึ่งที่ยอมสละชีวิตเพื่อนายที่ตนรัก และเพื่อรักษากฎหมายให้คงความศักดิ์สิทธิ์
เรื่องราวของทหารกล้าผู้นี้ เกิดขึ้นในปลายกรุงศรีอยุธยา สมัยแผ่นดินพระเจ้าเสือ "พันท้ายนรสิงห์" มีชื่อเดิมว่า "พัน"
เป็นชาวบ้านป่าโมก เมืองอ่างทอง มีความสามารถทางแม่ไม้มวยไทย จนล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณพระเจ้าเสือ
เป็นที่พอพระทัยมากจึงเรียกตัวนายพันให้เข้าเฝ้า และโปรดเกล้าฯ ให้เป็นมหาดเล็ก ต่อมาเพราะความซื่อสัตย์ นิสัยดี และมีฝีมือ
นายพันจึงได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นนายท้ายเรือประจำพระที่นั่งนามว่า "พันท้ายนรสิงห์"
บ้านเมืองในสมัยพระเจ้าเสือระส่ำระสาย เกิดกบฏเป็นหลายก๊ก หลายฝ่าย มีข่าวถึงพระเจ้าเสือในทางลบตลอดเวลา
ว่ามีพระทัยโหดเ++้ยม ลุ่มหลงแต่สนม กำนัล ลูกสาวชาวบ้าน แถมสั่งฆ่าคนเป็นผักปลา ชาวบ้านจึงไม่พอใจคิดกบฏ
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นครั้งที่ พระเจ้าเสือเสด็จประพาสคลองโคกขาม เพื่อทรงเบ็ด
และเยี่ยมราษฎร ขณะนั้นมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งรอดักจะปลงพระชนม์ แต่ข่าวรั่วไปถึงหูพันท้ายนรสิงห์
ทำให้พันท้ายนรสิงห์หนักใจต้องคิดหาทางแก้ เพราะใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ชาวบ้านถูกประหาร
อีกใจก็เกรงพระเจ้าเสือจะเป็นอันตราย
สุดท้ายขณะขบวนเรือเสด็จประพาส จะแล่นผ่านกลุ่มกบฏนั้น
พันท้ายนรสิงห์ก็ตัดสินใจ หันหัวเรือพระที่นั่งให้ชนกับตลิ่ง เพื่อระงับการเสด็จฯ
ตัวพันท้ายนรสิงห์เองก็รีบขึ้นฝั่งนั่งประนมมือรอรับโทษประหารทันที
และแม้พระเจ้าเสือจะไม่คิดเอาโทษ แต่เพื่อการรักษากฎหมายบ้านเมืองให้ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
พันท้ายนรสิงห์จึงไม่ยอม เพราะสมัยนั้นมีกฎมณเฑียรบาลว่า "ผู้ใดกระทำให้หัวเรือพระที่นั่งชนกับตลิ่ง หรือกิ่งไม้เป็นเหตุให้หัวเรือหัก
หรือจม มีโทษถึงประหารชีวิต" ซึ่งพระเจ้าเสือก็ไม่อาจทัดทานได้ สุดท้ายพันท้ายนรสิงห์จึงถูกประหารชีวิต จากนั้นก็สร้างศาลขึ้นริมคลอง
และนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์ และหัวโขนเรือตั้งไว้คู่กันบนศาล

เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์แม้เหตุการณ์จะล่วงเลยมากว่า 200 ปี แต่ก็ยังคงเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังยกย่องในความเสียสละ
และความจงรักภักดี โดยเฉพาะชาวบ้านบริเวณคลองโคกขาม ต่างเชื่อมั่นในดวงวิญญาณของพันท้ายนรสิงห์ว่ามีจริง
และยังคงอยู่ปกปักรักษาลูกหลานจนถึงปัจจุบัน
เรื่องนี้ยืนยันได้จากชาวบ้านย่านคลองโคกขามทุกครัวเรือน ซึ่งเล่าตรงกันว่า สมัยก่อนมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ริมคลองโคกขาม
ทำการขุดบ่อปลา พอตกกลางคืน มีชายรูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ แต่งชุดทหารมาเข้าฝัน บอกว่าให้ขุดขยับไปอีกหน่อยจะเจอของเก่า
เมื่อขุดตามที่บอกก็พบ "เรือโบราณ" เป็นไม้ตะเคียน ซึ่งอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ นำขึ้นมาไม่นานก็ผุพังลงไป
นอกจากชาวบ้านจะขุดพบซากเรือโบราณแล้ว
ไม่นานกรมศิลปากรก็เข้ามาสำรวจขุดค้นจนพบ "หลักประหาร" พันท้ายนรสิงห์ พร้อมทั้งหัวโขนเรือพระที่นั่ง
ซึ่งหัวโขนเรือนี้ไม่นานก็ผุพังลงอีกเพราะเป็นไม้เนื้ออ่อน

นอกเหนือจากความเร้นลับของพันท้ายนรสิงห์ ที่ปรากฏแก่ชาวบ้านในคลองโคกขามจนต้องเล่าต่อ ๆ กันมาแล้ว
คุณงามความดี ความเสียสละของพันท้ายนรสิงห์ ก็ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนในสังคมปัจจุบันได้ระลึก และปฏิบัติเป็นแบบอย่าง

------------------------------------------------------------
Big fish is like ghosts, which everyone talks about but few have seen.

น้าป๊อป_เปอร์ กล่าวไว้ที่ลายเซ็นต์ อิๆ
------------------------------------------------------------

เจ้าของร้านบอกว่าแถบปากอ่าวนี้ปลาจะกินดีเวลาหัวน้ำขึ้น-ลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันขึ้น 12-15 ค่ำ ของทุกเดือนครับ

ค้าบ ไม่อยากจะบอกว่าใช้สายหน้าตั้งสามสิบปอนด์ สายในสปูน 15Lbs
เพราะกลัวปลาใหญ่ผิดคิวน่ะครับ เป็นเซียนปลาหลุดประจำ
เจอกันบ่อยๆ
ลงน้ำกร่อยหลายครั้ง ขาดต่อหน้าต่อตาแล้วโดนเพื่อนโกรธอีกครับ 

ถ้าใครมีโอกาสไป ขอแนะนำให้เตรียมสวิงซ้อนกุ้งฝอยไปด้วยครับ
เอาไปซ้อนพวกลูกปลากะตักและลูกปลากระบอก มันว่ายแฉลบสะท้อนแสงอยู่ใต้ผิวน้ำปากอ่าวนับแสนตัว
ตีเบ็ดลงไปทีกระโดดกันวุ่นวาย 

หวัดดีค้าบน้าเบนซ์ค้าบ 

สตูผมโดนตากล้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 7 เดือนหน้าครับ

แต่ ไม่เป็นไร เสาร์อาทิตย์ที่1-2 ถ้าน้าเบนซ์มีจัดทริปผมจะไปค้าบ 

เพียงแต่น้าอาจตกใจที่ผมจะแต่งชุดไปแนวมัมมี่ๆนิดนึง กร๊ากๆ
สู้ไม่ถอยแว้ว ปล่อยหน้าที่ให้โฟโต้ช็อปทำหน้าขาวเอาทีหลังละกาน

หวัดดีครับ น้าป๊อป_เปอร์ น้าติ๊ก_วังรุ้ง
ขอบคุณสำหรับคำชมครับ 

สัปดาห์หน้ายังไม่มีแผนเลยครับ

สำหรับแผนที่แบบละเอียดนั้น ลองค้นที่ น้าต้น+เปิ้ล=เติ้ล ลงโพสต์ไว้ได้เลยคร้าบ ให้เครดิตที่กระทู้นี้เลยจ้า
http://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=27939

จะให้ดีไปคืนนี้เลยครับ ขึ้น 14 ค่ำ
ไม่แห้วแน่นอน
กุ้งก็ขอแบ่งซื้อจากพ่อครัวได้เลยครับ

วันนั้นกุ้งสดหมดเลยขอซื้อเค้ามา 20 บาท ได้กุ้งแกะเปลือกเต็มถ้วย พอคิดเงิน เจ้าของบอกไม่ต้องคิด ให้ฟรีอีกครับ

น้าเบ๊นซ์ค้าบ- งายคิดออกยัง วันเสาร์ไปหนายอ่ะ คิคิคิ
๐๐๐--- ก็ไปกับน้าเบนซ์ไงค้าบ วันนั้นเห็นทำเลบ่อต่างๆในซอยศาลพันท้ายแล้ว คันมือยิบๆ คริๆๆ ขอไปด้วยคนคร้าบ

น้า gungo --- บรรยากาศ น่านั่งจิบเบรีย์เย็นๆจิงครับน้า
๐๐๐--- พาคนรักหรือครอบครัวไปด้วยแจ่มคร้าบ แต่ระวังเด็กๆตกน้ำสักนิดนึง

ป้า Super-nemo ---- ไปแต่บ่อกุเลา กับกระพง และบ่อกุ้ง ยังไม่เคยไปเที่ยวแบบนี้สักที เดี๋ยวต้องลองไปบ้างแล้วล่ะ...ขอบคุณค่ะที่แนะนำ
๐๐๐--- ฝากตกดุกทะเลด้วยนะครับ เด็กเสิร์ฟบอกใต้ระเบียงมีดุกทะเลแวะเข้ามาบ่อยๆ ผมไม่ยักกะโชคดีบ้าง ตอนนี้ไม่รู้โลละเท่าไร น่าจะร้อยเศษๆ ครับ

น้ามาด --- อุอิ....อยากชวนน้าต้อม ไปถ่ายทำสารคดีประวัติเขื่อนปราณ มั่งอ้ะ..
๐๐๐--- ยินดีและ พร้อมเสมอคร้าบน้ามาด ผมช่วยขับรถได้ด้วยนะ ได้ข่าวว่าใช้พลังไฟในครัวเหมือนรถผมเลย  ไปทุกที่ ที่มี LPG คร้าบ

ขอบคุณน้าๆทุกท่านที่โหวตให้ครับ กระทู้ผมเป็นดาวส้มสมใจแล้ว คร้าบบบ 

น้าป๊อป_เปอร์ --- ป้าไข่ฝากมาบอก วันหลังไปหม่ำกันอีกนะ นะ นะ
๐๐๐--- ไปแน่นอนครับ เพราะแฟนผมก็ชอบบรรยากาศบ่อยืนยงมากที่สุด ผมว่าเดี๋ยวสองคนนี่สนิทกันเมื่อไหร่เป็นเมาท์กระจายไฟลุก (เพราะพวกเราโดนเผานั่นเอง )

น้า samurai_auto - มีร้อยให้ ร้อยครับ ว่าแต่ต้องนี้มีให้ยืมซักร้อยก่อนมั้ยครับ
๐๐๐--- ต้นเดือนเข้าร้านฟูจิ ปลายเดือนเพื่อนซี้คือมาม่า คร้าบ


ขอบคุณเพื่อนๆท่านอื่นๆที่มาทักทายเสมอครับ

น้องหงส์กำลังเร่งปั้นของชำร่วยอยู่ครับพี่benz น่าจะเสร็จทันแบบฉิวเฉียด อิๆ ตอนนี้ผมก็โดนเกณฑ์ให้ช่วยปั้นใบด้วย 

ปีหน้าเลยพี่ป๊อป อย่าลืมแจกการ์ดผมละกัน 

-------------------------

ฝากบอกเพื่อนๆที่เว็ปสยามนี้ครับ
คราวที่ผมไปคราวก่อน
มองจากร้านครัวริมทะเลที่ปากอ่าว จะเห็นเรือนลอยน้ำกลางทะเลห่างออกไปประมาณสองกิโลครับ ตัวเรือนแพสร้างโดยองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายครับ มีพื้นแพแน่นหนามีหลังคาทนแดดทนลม เรือชาวบ้านสามารถพาเราไปส่งที่นั่นได้ครับ แต่ลืมถามคนแถวนั้น จริงๆถามร้านครัวริมทะเลเขาคงจะรู้รายละเอียด เพราะเด็กเสิร์ฟบอกว่ามีคนไปพักและตกปลากันบ่อยๆ
ฤดูหนาวน่าชวนเพื่อนไปกิน-ดื่มดูโลมาพร้อมตกปลากลางทะเลแบบราคาประหยัดสักวัน
------------------------------
ใครทราบข่าวหรือสนใจอยากไป อย่าลืมชวนผมไปด้วยนะครับ ไปนั่งหนาวเฝ้าดุกทะเลกัน   

ต้อมเอง
081-66-67-336