เทคนิคเหยื่อปลอม และ คันตีเหยื่อปลอม: SiamFishing : Thailand Fishing Community
กระดาน
คห. 51 อ่าน 26,782 โหวต 28
เทคนิคเหยื่อปลอม และ คันตีเหยื่อปลอม
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
ตั้ง: 24 ก.ค. 51, 09:53
บทความนี้ แปลและเรียบเรียงโดย อัครพร จันทพันธ์ คอลัมนิสท์ประจำนิตรยสารเย่อกับปลา

เทคนิคเหยื่อปลอม Attracting & Triggering, The Balance Th

หรือ เทคนิคการตีเหยื่อปลอมให้ปลาสนใจหันมากินเหยื่อปลอมของเรานั้นเอง ต้องอ่านนะครับ ไม่อ่านเสียดาย แย่เลย ครับ


การตกปลาโดยใช้เหยื่อปลอมในบ้านเรามาในปีสองปีที่ผ่านมานี้ไม่ทราบว่าผมมีความรู้สึกไปเองเพียงคนเดียวหรือเปล่าแต่ผมมีความรู้สึกว่ามันขยายตัวตื่นเต้นตื่นตัวกันอย่างไรบอกไม่ถูกเหมือนกันผมเห็นรอกตีเหยื่อปลอมวางขายกันตามร้านอุปกรณ์ตกปลากันมากขึ้นเหยื่อปลอมยี่ห้อแปลกๆใหม่ๆก็เข้ามาชนิดที่ว่านับญาติกันไม่ทันเอาเลยทีเดียว ไหนจะบ่อตกปลาที่เปิดบริการขึ้นมาใหม่เพื่อมือเหยื่อปลอมโดยเฉพาะ ไหนจะเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างทยอยเดินเข้าบ่อตกปลาประเภทที่ว่านี้มากขึ้นและกระจายออกไปในทุกเพศทุกวัย ผมว่าการตกปลาโดยใช้เหยื่อปลอมในบ้านเรากำลังเจริญเติบโตครับและเจริญเติบโตในอัตราที่น่าดูชมเสียด้วยไม่ไวและไม่ช้าจนเกินไปโตเร็วไปผมกลัวมันจะไปเหมือนการตกกุ้งครับ จะเขียนอะไรให้ท่านนักตกปลาที่รักของผมอ่านกันซักทีในชั่วโมงนี้ก็เห็นจะหนีเรื่องราวของการใช้เหยื่อปลอมไปลำบากเสียหน่อยยิ่งไอ้ผมต้องอาศัยข้อมูลดิบจากเว๊ปไซท์ของต่างประเทศเข้าไปด้วยหนีกันไม่ค่อยพ้นหรอกครับ ส่วนไอ้ครั้นจะพูดถึงเรื่องเทคนิคไอ้โน่นไอ้นี้เหมือนที่เคยแซมๆผ่านหูผ่านตาท่านนักตกปลามาบ้างบางทีมันก็น่าเบื่อซะจนกลัวท่านทั้งหลายจะว่าเอา จนมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ขณะที่ผมกำลังมึนกับการหาเรื่องราวที่น่าสนใจนำมาฝากท่านนักตกปลาบังเอิญผมได้ไปอ่านเอาเจ้าบทความบทหนึ่งซึ่งพออ่านไปจนจบความรู้สึกแรกเลยที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือนี่เหละใช่เลยคำตอบที่นักตกปลาหลายต่อหลายท่านเพียรพยายามค้นหาคำตอบมาแสนนานทุกอย่างได้ถูกรวบรวมเอาไว้ในบทความชิ้นนั้นโดยสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการตีเหยื่อปลอมอย่างเช่น “ทำไมปลาไม่งับเหยื่อแต่มีความรู้สึกว่าปลาว่ายชนหรือว่ายตามเหยื่อตลอด” “ทำไมปลาถึงไม่กินเหยื่อเลยจนกระทั่งเรายกเหยื่อขึ้นจากผิวน้ำหรือว่ามันอยู่ไกล้ๆ” “ทำไมเหยื่อปลั๊คอย่างพวก Fat Rap ถึงตกได้แต่ปลาช่อนขนาดเล็กเสียเป็นส่วนใหญ่ในขณะที่เหยื่อยางอย่างเช่นหนอนหรือจิ้งจกยากมีความเป็นไปได้กับปลาช่อนขนาดยักษ์มากกว่า” และอีกร้อยแปดพันเก้าปัญหาของการใช้เหยื่อปลอมผมว่าผมเจอคำตอบสำหรับท่านทั้งหลายและล่ะครับ

ไอ้เจ้าบทความนี้นั้นเค้ามีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “The Attracting Triggering Concept” ครับผมให้แปลเป็นไทยแบบตรงๆมันจะฟังแล้วเข้าใจยากครับผมเลยตั้งชื่อให้กับมันเป็นภาษาไทยซะใหม่ว่า “ทฤษฏีไม่หกหรือไม้กระดกสำหรับการใช้เหยื่อปลอม” เป็นไงครับฟังแล้วเป็นไทยดีมั๊ยครับ ส่วนทำไมต้องเป็นไม้กระดกหรือไม้หกนั้นรบกวนติดตามต่อไปอีกนิดครับท่าน

แนวคิดหรือทฤษฏีอันนี้นั้นผู้เขียนเค้ามีความมุ่งหมายที่จะให้ท่านนักตกปลาทั้งหลายที่ใช้เหยื่อปลอมได้เรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของการสร้างสมดุลย์ในการใช้งานเหยื่อปลอมปล่าวครับไม่ใช่ว่าลากเหยื่อแล้วเป๋ถึงต้องมานั่งสร้างสมดุลย์แต่เป็นการสร้างสมดุลย์ระหว่างสองปัจจัยด้วยกันคือหนึ่ง Attracting และ Triggering ครับ Attracting แปลเป็นไทยก็ประมาณ”ความสามารถในการเรียกร้องความสนใจ” ส่วน Triggering ถ้าเป็นไทยก็จะอยู่ในราวๆ ”ความสามารถในการที่จะทำให้ปลาตัดสินใจได้ว่านี่คือเหยื่อที่สามารถกินได้”

เหยื่อปลอมและการใช้งานเหยื่อปลอมนั้นแฝงเอาไว้ด้วยคุณลักษณะทั้งสองอย่างข้างต้นในเหยื่อปลอมทุกตัวและการใช้งานทุกครั้งเพียงแต่ไม่ค่อยได้รับการสนใจหรือสนใจน้อยจนทำให้การใช้งานเหยื่อปลอมนั้นไม่บรรลุผลเท่าที่เราๆต้องการกัน
ว่าแล้วก็มาทำความรู้จักกับคุณลักษณะที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า Attracting หรือความสามารถในการเรียกร้องความสนใจจากปลาล่าเหยื่อกันก่อนโดยเริ่มด้วย Attracting ตัวแรกซึ่งก็คือ

1 - เหยื่อปลอมที่มีขนาดใหญ่ แน่นอนอยู่แล้วว่าเมื่อเหยื่อปลอมที่ท่านนักตกปลาใช้นั้นมีขนาดใหญ่หรือมีช่วงลำตัวที่กว้างมันนเป็นจุดสนใจหรือทำให้ปลาล่าเหยื่อต่างๆสามารถจะมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนกว่าเหยื่อที่มีขนาดเล็ก

2 - สีสรรค์ที่สดใสผิดไปจากธรรมชาติ สีที่เด่นชัดขึ้นมาจากสภาพแวดล้อมอย่างเช่นเหลืองไพล(เหลืองออกเขียว) หรือสีส้ม รับรองว่าโดดเด่นขึ้นมาจากพื้นหลังที่เป็นสีตุ่นๆแน่ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะเรียกร้องความสนใจจากปลาล่าเหยื่อต่างๆให้เข้ามาป้วนเปี้ยนไกล้ๆตัวเหยื่อได้เป็นอย่างดีประมาณตัวอะไรฟะเนี่ยสีแสบตาซะ

3 - แอ็คชั่นแบบราบเรียบหรือแบบเสมอต้นเสมอปลาย ก็คือประมาณว่าเหยื่อปลอมตัวหนึ่งถูกผลิดและออกแบบมาจากโรงงานให้ว่ายน้ำยังไงก็จะว่ายน้ำหรือมีแอ็คชั่นแบบนั้นไปตลอดเมื่อลากด้วยความเร็วสม่ำเสมอและไม่ไปโดนเข้ากับอะไร ตัวอย่างที่เห็นชัดในกรณีนี้ก็คืออย่างเช่นเหยื่อปลั๊คซักตัวหนึ่งหรือเหยื่อสปินเนอร์เบท ออกแบบมาให้ว่ายน้ำอย่างไรก็จะเป็นเช่นนั้นไปตลอดอายุการใช้งานของมัน ไอ้การว่ายน้ำแบบทื่อๆหรือแอ็คชั่นแบบสม่ำเสมอนี้นั้นก็สร้างความสนใจให้กับปลาล่าเหยื่อได้เช่นเดียวกันครับเพราะมันสามารถมองเห็นได้ง่ายครับและนอกจากนั้น ปลาเหยื่อที่ว่ายน้ำช้าๆและเกือบจะเป็นเส้นตรงนั้นง่ายครับสำหรับปลาล่าเหยื่อที่จะพุ่งเข้างับโดยที่จะไม่ผิดพลาด แต่ในหลายๆครั้งของการลากเหยื่อแบบนี้การค่อยๆว่ายน้ำเป็นเส้นตรงของเหยื่อปลอมก็ดูไม่สมเหตุสมผลนักที่จะอ้าปากงับเหยื่อตัวดังกล่าว ประมาณว่า”มาแล้วเว๊ยหมูว่ายเป็นเส้นมาเลยเข้าไปงับเล่นหน่อยดีกว่า” แต่พอเข้าไปไกล้ๆ “อะไรฟะเนี่ยตูอ้าปากจะงับมันอยู่แล้วยังว่ายเฉยไม่แยกแสตูอีกไปดีก่าสงสัยเจอของปลอมเข้าแล้ว” (อธิบายซะเห็นภาพมากไปป่าวครับเนี่ย) เอาล่ะไปต่อ

4 - เสียงที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เสียงนั้นเดินทางได้ดีในน้ำครับประมาณว่ามันจะดังกว่าอยู่บนบกเสียอีก เสียงเดินทางได้ดีในน้ำก็จริงแต่มันแย่ในเรื่องของทิศทางครับเพราะเราจะไม่สามารถจับทิศทางได้เลยว่ามันมาจากทางไหนอันนี้นักประดาน้ำเค้าทราบดีครับ เหยื่อปลอมหลายต่อหลายชนิดสามารถให้กำเหนิดเสียงได้ดังเอามากๆเลยทีเดียวเมื่อลากด้วยความเร็วที่สูง เมื่อปลาได้ยินเสียงที่เหยื่อปลอมต่างๆเหล่านี้สร้างขึ้นมันจะออกกันมาจากที่ซ่อนครับเพื่อมองหาที่มาแต่ก็อย่างที่ว่าแหละครับมันเหมือนมันดังมาจากรอบทิศทาง แต่ถึงอย่างไรเสียงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งสามารถเรียกร้องความสนใจจากปลาได้ดีครับ

5 -การลากเหยื่อด้วยความเร็วต่ำหรือช้า เหยื่อที่เคลื่อนที่ผ่านหน้าปลาล่าเหยื่อด้วยความเร็วที่ต่ำหรือช้าสำหรับปลาล่าเหยื่อแล้วนั้นนั่นเท่ากับว่าเป็นเหยื่อที่มันสามารถจัดการได้ง่าย แต่ถ้าหากเจ้าปลาล่าเหยื่อนั้นมีความรู้สึกว่าเหยื่อที่มันกำลังให้ความสนใจอยู่นั้นมันเคลื่อนที่ช้าเอามากๆเจ้าปลาล่าเหยื่อต่างๆมันก็จะทำแค่เพียงเอาจมูกดุนเหยื่อแต่ไม่งับครับ เรื่องนี้เรื่องจริงครับผมสังเกตุดูจากในตู้ปลาของผมที่มีพีค๊อกซ์อยู่ด้วยกัน 14 ตัวมันแค่เอาจมูกดุนๆจริงๆครับไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ

ทั้งหมดทั้งสิ้นที่ผ่านมานี้นั้นเป็นคุณลักษณะในด้านของ Attracting หรือความสามารถเรียกร้องความสนใจจากปลาล่าเหยื่อครับ แต่แค่เพียงคุณลักษณะที่สามารถสร้างจุดสนใจให้กับปลาล่าเหยื่อได้แต่เพียงอย่างเดียวมันไม่ทำให้ปลาล่าเหยื่อต่างๆไล่งับเหยื่อปลอมของเราหรอกครับมันอาจะจะแค่เพียงหันมามองหรือว่ายเข้ามาดูและหันหลังกลับไปมันยังต้องมีคุณลักษณะในด้านของ Triggering หรือคุณลักษณะในการที่จะทำให้ปลาตัดสินใจได้ว่านี่คือเหยื่อที่มันสามารถกินได้ ซึ่งคุณลักษณะในประเภทนี้นั้นจะประกอบไปด้วยนี่ครับ

1 - เหยื่อปลอมที่มีขนาดเล็กหรือเหยื่อขนาดเล็ก เรื่องจริงของการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมก็คือว่าเหยื่อปลอมขนาดเล็กนั้นมักจะใช้งานได้ผลดีกว่าเหยื่อปลอมที่มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่สภาพน้ำใส เหยื่อตัวใหญ่ปลาเห็นได้ง่ายกว่าก็จริงแต่นั้นก็ทำให้ปลาสามารถจับความผิดปรกติที่มีของเหยื่อตัวดังกล่าวได้ง่ายขึ้นไปอีกด้วยเช่นกัน และนั่นอาจเป็นสาเหตุให้ปลาแปลความหมายในสิ่งผิดปรกติที่มันมองเห็นว่าเป็นสิ่งที่มันไม่สมควรเอาสุขภาพของเหงือกและฟันเข้าไปเสี่ยง เหยื่อปลอมที่มีรูปร่างผอมเพรียวนั้นเป็นที่ต้องการของปลาล่าเหยื่อมากกว่าเหยื่อปลอมที่มีลำตัวค่อนข้างหนา ส่วนเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไรหรือครับเหยื่อหรือปลาเล็กที่มีรูปร่างผอมและยาวนั้นมันกินและกลืนได้ง่ายกว่านั่นเองครับเพราะปลาเล็กส่วนใหญ่ที่มีรูปร่างเช่นนี้ยกตัวอย่างง่ายๆปลาช่อนอ่ะ มันไม่มีครีบตรงกระโดงที่แข็งและคมซึ่งสามารถทำร้ายลำคอของปลาล่าเหยื่อต่างๆได้ผิดกับปลาลำตัวกว้างอย่างปลานิลหรือปลาหมอเจ้าปลาลำตัวกว้างเหล่านี้การกลืนพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับตำคออยู่พักใหญ่เลยแหละผมว่า ด้วยเหตุนี้ปลาใหญ่ๆหรือปลาที่มีอายุเยอะจึงมักชอบอะไรที่มันลื่นๆคอมากกว่าปลาอย่างปลาหมอหรือปลานิล ซึ่งนี้ก็เป็นอีกสาเหตุซึ่งทำให้พักนี้เราเห็นมีแต่เหยื่อปลอมตัวยาวๆออกวางขายกันมาก

2 -สีของเหยื่อปลอมที่เป็นธรรมชาติ และสีที่ออกเงาๆ เหยื่อตามธรรมชาติของปลาล่าเหยื่อต่างๆมักจะมีสีที่กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมที่พวกมันอยู่อาศัยอย่างเช่นพวกที่อยู่อาศัยบริเวณท้องหรือก้นแหล่งน้ำก็มักจะมีสีออกคล้ำๆ น้ำตาลๆ หรือไม่ก็เขียว ส่วนหากเป็นพวกที่หากินอยูบริเวณผิวน้ำอย่างเช่นปลาเล็กปลาน้อยต่างๆก็มักจะมีสีออกเงินๆแววๆซึ่งใช้ในการพรางตัวของมันได้อย่างดีเมื่อต้องอยู่ไกล้กับบริเวณที่มีการสะท้อนของแสงแดดกับผิวน้ำ เหยื่อปลอมส่วนใหญ่จึงถูกออกแบบมาให้มีสีไปในสองแนวทางที่ว่านี้คือไม่สีออกตุ่นๆคล้ำๆก็ออกเงาๆแววๆไปเลย

3 - การเคลื่อนที่หรือแอ็คชั่นที่ไม่สามารถคาดเดาได้หรือแบบสุ่ม ทำไมปลาล่าเหยื่อขนาดใหญ่ๆหรือการที่จะให้ตกปลาได้เป็นจำนวนมากๆเราถึงต้องมีการสร้างแอ็คชั่นให้กับเหยื่ออย่างเช่นกระตุกไปกระตุกมาบ้างล่ะหรือลากๆหยุดๆ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในโลกกลมๆใบนี้ไม่มีปลาเล็กๆหรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆตัวไหนว่ายน้ำเป็นเส้นตรงไปตลอดและด้วยความเร็วสม่ำเสมอครับ การเคลื่อนที่ของพวกสัตว์น้ำเล็กๆเหล่านี้เป็นไปโดยการสุ่มครับเดี๋ยวซ้ายบ้างขวาบ้างแล้วแต่อารมณ์มันครับเบื่อๆก็ว่ายถอยหลังซะอย่างนั้นปลาล่าเหยื่อต่างคุ้นเคยกับอาการเอาแน่เอานอนไม่ได้ของเหยื่อมันมากกว่าที่จะมาว่ายเป็นเส้นตรงทื่อๆอย่างที่เราพยายามทำให้มันคุ้นเคย เหยื่อปลอมที่มีคุณลักษณะในข้อนี้มากที่สุดเห็นจะหนีไม้พ้นพวกเหยื่อยางและเหยื่อประเภทจิ๊ก เพราะแอ็คชั่นที่เหยื่อพวกนี้สร้างออกมานั้นมันไปเกี่ยวเนื่องกับสภาพใต้น้ำซึงแน่นอนครับอะไรบ้างก็ไม่รู้และเมื่อหัวจิ๊กต้องขึ้นเนินใต้น้ำบ้างตกหลุมใต้น้ำบ้างไปชนกันไอ้โน่นกับไอ้นี่ใต้น้ำบ้างแอ็คชั่นที่ออกมามันนก็จะคนละเรื่องกับเหยือปลั๊คซักตัวที่ถูกลากผ่านน้ำที่ไม่มี่อุปสรรคไดๆ

4 - เสียงตามธรรมชาติ ว่าไปแล้วตามธรรมชาติจริงๆของสัตว์ทั้งหลายที่รู้ตัวว่าวันนึงมันจะต้องถูกชาวบ้านเข้าจับกินเป็นอาหารมันจะไม่พยายามสร้างเสียงไดๆขึ้นมาเพื่อให้ตัวของมันกลายเป็นแฮ๊ปปี้มิลก่อนเวลาอันควรหรอกครับหรือถ้าในบางตัวที่อดกับเข้าไม่ได้จริงๆก็อาจจะมีเสียงเล็ดลอดออกมาบ้างนิดหน่อยซึ่งแน่นอนว่าเสียงที่เจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่แถวล่างๆของห่วงโซ่อาหารนี้ทำขึ้นมามันต้องเป็นไปในรูปที่ไม่เป็นแบบแผนหรือแบบสุ่มหรือตูนึกอยากจะส่งเสียงก็ส่งเสียง ซึ่งผิดกับเสียงที่ได้จากเหยื่อปลอมครับที่มันจะดังอยู่ตลอดและไม่เปลี่นแปลงหากเราไม่เปลี่นจังหวะหรือความเร็วในการลากเหยื่อ เพราะฉะนั้นถ้าเทียบกันแล้วระหว่างเหยื่อปลอมที่สามารถสร้างเสียงได้กับเหยื่อปลอมที่ไม่สามารถสร้างเสียงได้ปลาล่าเหยื่อจะเกิดอารมณ์อยากจะงับเหยื่อที่ไม่มีเสียงมากกว่าครับ(แต่อย่าลืมว่าเสียงเป็นตัวเรียกร้องความสนใจนะครับเดี๋ยวเรามาสรุปกันตอนท้าย)

5 - การกรอสายหรือลากเหยื่อด้วยความเร็วสูง เหยื่อปลอมที่เคลื่อนที่ผ่านหน้าปลาล่าเหยื่อไปด้วยความเร็วสูงมีความหมายแค่เพียงประการเดียวครับสำหรับเจ้าปลาล่าเหยื่อ “มันกำลังจะหนีแว๊วววต้องจัดการ”

เป็นไงครับ Attracting และ Triggering ไม่ต้องพิจรณาให้มันมากมายแต่ประการไดอ่านมาแค่นี้ท่านนักตกปลาทั้งก็คงจะเริ่มทราบกับแล้วใช้มั๊ยครับว่าไอ้เจ้าปัจจัยทั้งสองที่ผมว่ามานี้นั้นมันคนละเรื่องเดียวกันเลยประมาณว่า Attracting ว่าขาว ไอ้เจ้า Triggering ก็จะว่าดำไปซะซึ่งนี่แหละครับที่ผมเอามันมาเปรียบกับไม้กระดกหากเราเลี้ยงให้ไม้กระดกสมดุลย์มันก็จะไม่เอนไปข้างไดข้างหนึ่งเปรียบได้กับหากเราเลี้ยง Attracting และ Triggering ซึ่งอยู่กันคนละปลายของไม้กระดกให้มันสมดุลย์ผลที่ได้ก็คือความสำเหร็จในการตกปลาของเราครับ เหยื่อปลอมที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณลักษณะ Attracting ก็จะไม่มีคุณลักษณะในเรื่องของ Triggering เลย เรียกร้องความสนใจจากปลาได้ดีจริงครับแต่พอปลาเข้าไกล้แล้วก็สะบัดหางหนีเพราะมันคิดว่าไม่น่าจะกินได้อันนี้ก็ใช้ไม่ได้ ส่วนเหยื่อที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณลักษณะในเรื่องของ Triggering ปลาเห็นแล้วอยากจะงับใจแทบขาดก็จริงครับแต่มันจะมีประโยชน์อะไรหากเจ้าปลาล่าเหยื่อเหล่านั้นหาเจ้าเหยื่อปลอมที่ว่านี้ไม่เจอซักที มาถึงตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของท่านนักตกปลาทั้งหลายและล่ะครับว่าจะผสมผสานปัจจัยต่างๆให้เข้ากันได้อย่างไรจึงจะบังเกิดผลซึ่งเป็นที่น่าพอใจที่สุดกับตัวท่านเอง ยกตัวอย่างประสพการณ์ตรงของผมเองเลยแล้วกันนะครับเพื่อจะทำให้ท่านนักตกปลาทั้งหลายเข้าใจภาพรวมและการนำเอาแนวคิดที่ว่านี้ไปใช้ได้ง่ายขึ้นครั้งหนึ่งผมไปตกปลากะพงกับเค้านี่แหละที่บ่อพี่หนุ่มไม้แรกของผมเป็นปลายางยอดฮิตสีเขียวปี๋ลากไปมาอยู่นานทุกอย่างเงียบครับซึ่งเท่ากับว่าทั้ง Attracting และ Triggering ของเจ้าปลายางตัวนี้ยังไม่เข้าขั้นทั้งคู่ผมจึงมีความคิดที่จะเพิ่มคุณลักษณะทางด้าน Attracting ให้กับเหยื่อผมก่อน(ซึ่งควรเริ่มที่เจ้านี้แหละครับอย่าเพิ่งไปเพิ่มที่ Triggering ก่อน) ผมจัดการเปลี่ยนจากปลายางสีเขียวเป็น”กรั๊บ”(หนอนหางโค้งตัวสั้นๆ) นั่นคือยังคงคุณลักษณะเหยื่อตัวเล็กตามแบบคุณลักษณะที่ดีทางด้าน Triggering ไว้แต่ผมเพิ่มคุณลักษณะทางด้าน Attracting เข้าไปครับโดยคราวนี้ สีเป็นสีชมพูสด ได้คะแนนทางด้าน Attracting ไปเต็มๆ ลากไปลากมาอยู่สองสามรอบมีความรู้สึกว่ามีปลาให้ความสนใจเหมือนกันครับนุงๆกระตุกกระตุกที่ปลายสายแต่ไม่ยอมงับซักที ซึ่งอันนี้เป็นไปตามตำราเป๊ะผมใช้เหยื่อสีผิดธรรมชาติเพื่อเรียกร้องความสนใจจากปลาผมทำสำเหร็จในเรื่องเรียกร้องความสนใจครับแต่ขณะนี้ไม้กระดกของผมเอียงมาทาง Attracting เต็มๆเลยมันเลยแค่เอาจมูกมาดุนๆเฉยๆเพราะด้วยความที่ผมใช้สีที่ผิดธรรมชาติเยอะปลาเลยไม่กล้างับเหยื่อซึ่งตอนนี้น้ำหนักทาง Triggering นั้นเบามากผมต้องหาทางเพิ่มน้ำหนักทางด้านนี้เข้าไปครับ ผมลองเปลี่ยนความเร็วในการลากเหยื่อให้เร็วขึ้นซึ่งนี่เป็นคุณลักษณะข้อหนึ่งของทาง Triggering ครับและมันได้ผลทันทีเลยทีเดียวปลากะพงฉวยเหยื่อเข้าเต็มปากและเพื่อเป็นการยืนยันทฤษฏีก็ต้องมีตัวที่สองและสามตามมาเพื่อความแน่ใจ สรุปเลยคือครั้งแรกผมเพิ่มสีเพื่อเรียกร้องความสนใจจากปลาซึ่งได้ผลในระดับที่ดีเยี่ยมสำหรับในแง่ของการเรียกร้องความสนใจแต่ก็อย่างที่ว่าไว้ในตอนต้นแหละครับเมื่อด้านไดด้านหนึ่งมากไปมันก็เสียสมดุลย์ผมเลยต้องชดเชยด้วยการลากเหยื่อให้ไวขึ้นเพื่อเพิ่มคุณลักษณะในการที่จะทำให้ปลากะพงตัดสินใจงับเหยื่อโดยทำเหมือนว่าเหยื่อกำลังจะหนีและปิดโอกาศในการตัดสินใจของปลาให้น้อยลง ซึ่งนั้นเป็นการเพิ่มน้ำหนักของไม้กระดกอีกข้างให้มากขึ้นจนมันสมดุลย์พอดีผลที่ออกมาก็คือปลากะพงที่อยู่ที่ปลายสายครับ

เป็นไงครับอ่านแล้วอาจงงๆนิดนึงผมเขียนเองบางบรรทัดผมยังงงๆเองเลยการไล่เหยื่อหรือไล่รูปแบบของการใช้เหยื่อปลอมในลักษณะนี้ผมว่ามันใช้งานได้ดีจริงๆครับถ้าท่านนักตกปลาท่านไดอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจรบกวนให้อ่านอีกรอบครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักตกปลาที่อายุยังอยู่ในช่วงเยาวชนของชาติ ค่อยๆอ่านค่อยๆทำความเข้าใจเสียเวลานิดนึงแต่คุ้มครับ และต้องขออภัยสำหรับภาษาอังกฤษในฉบับนี้ที่พ่นเอาไว้ซะเพียบเลยคือให้เขียนเป็นภาษาไทยมันจะยาวซะเปล่าๆน่ะครับเลยต้องขออภัยเอาไว้ด้วย อ่านแล้วก็ลองไล่เหยื่อเอาตามแบบที่ว่านี่แหละครับไล่โดดไปโดดมาระหว่างสองข้างของไม่กระดก เหยื่อปลอมประเภทนึงเรามีครบไม่ทุกสีไม่เป็นไรครับหาคุณลักษณะด้านอื่นทดแทนเอา ก่อนจากกันในฉบับนี้ก็ตามธรรมเนียมครับ WWW.NCBF.COM มีเรื่องราวดีๆให้ท่านนักตกปลาทั้งหลายได้เข้าไปแสวงหาอ่านกันเหมือนเช่นในทุกฉบับสำหรับฉบับนี้ขอบคุณท่านนักตกปลาทั้งหลายที่ติดตามอ่านจนจบและสวัสดีครับ
“มันดีจริงๆนะครับท่านม่ายได้โม้”


การเลียนแบบปลาที่มีสีสันน่าสนใจและบาดเจ็บ (Fat Rapping)

วิธี Fat Rapping ใช้ในการล่าปลาที่เคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็วอยู่ตามชายฝั่ง เช่น ตามพงหญ้า กอบัว พืชลอยน้ำชนิดต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวของเหล่าปลานักล่า
เหยื่อที่ใช้ในการนี้อาจแบ่งแยกได้เป็น 3 ชนิด คือ

เหยื่อชนิดดำตื้น

ส่วนมากแล้วมักจะใช้ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เพราะเหยื่อชนิดนี้จะ เพราะเหยื่อชนิดนี้จะมีสีสันกระจ่างเป็นมันวาว ลองทดสอบดูก่อนว่าบริเวณดังกล่าวที่จะหย่อนเหยื่อมีที่กำบังใต้น้ำชายฝั่งหรือไม่
จากนั้นทำการหย่อนเหยื่อลงไปในทุก ๆ ซอก และทุก ๆ ช่อง ที่คิดว่าอาจจะมีปลานักล่าซ่อนตัวอยู่ ต่อจากนั้นก็กู้สายเบ็ดขึ้นจะด้วยวิธีการใดก็ตาม เช่น สาวสายที่มีเหยื่อ Shallow Runner Fat Rap กลับมาหาตัวอย่างรวดเร็ว การกระทำอย่างรวดเร็วเช่นนี้สามารถก่อให้เกิดแสงวาบขึ้นมาทำให้ปลาสนใจ หากว่าพื้นน้ำอยู่ในสภาพเรียบสงบก็จงปล่อยให้เหยื่อลอยอยู่อย่างน้อย 2 - 3 วินาที จึงค่อยกรอสายเบ็ดเข้ามา

เหยื่อชนิดดำลึก

ส่วนมาแล้วจะใช้เหยื่อชนิดนี้ในเวลาที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงจากขอบฟ้า เพราะเหยื่อชนิดนี้จะมีสีสันที่ออกจะทึบ เมื่ออยู่ในน้ำจะดูเป็นเงาดำ เหยื่อ Deep Runner Fat Rap จะมีตัวถ่วงในตัวเหยื่อเอง และเหยื่อจะจมลงไปอย่างรวดเร็วได้ 10 - 12 ฟุต
วิธีใช้ก็ควรจะลากเหยื่อให้ช้าลงกว่าแบบแรกโดยการกระตุกสายที่ปลายคันเบ็ดเรื่อย ๆ และพยายามปล่อยสายให้ยาวพอที่เหยื่อจะจมอยู่ในระดับใต้พื้นน้ำ

เหยื่อชนิดที่มีขนาดจิ๋ว

เหยื่อชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีสีสันลวดลายที่แพรวพราวหรือเรียกอีกอย่างว่าสีสันที่ฉูดฉาดเกินความเป็นจริง แต่ที่สำคัญคือมีขนาดที่เล็กจึงเหมาะสมที่จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก สายเบ็ดเล็ก
เป็นเหยื่อที่นักตกปลาส่วนใหญ่จะมีไว้สำรองในกรณีที่เหยื่อที่กล่าวข้างต้นทั้งสองชนิดใช้ไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะว่าปลานักล่ามีขนาดเล็กและเหยื่อที่ใช้มีขนาดใหญ่โตจนดูน่ากลัวมากกว่าน่ากิน เหยื่อชนิดนี้จึงเหมาะสมและมีผลเต็มที่เพราะมันมีลักษณะรูปร่างคล้ายคลึงกับที่ปลาส่วนมากมักใช้เป็นอาหาร เหยื่อชนิดนี้รู้จักกันในชื่อ Mini Fat Rap
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นตัวอย่างการใช้งานของเหยื่อปลาปลอมในเงื่อนไขต่าง ๆ กัน ส่วนองค์ประกอบในการนำไปใช้งานจริง ๆ นั้น เมื่อเพื่อน ๆ นักตกปลาแต่ละคนได้นำไปใช้แล้วอาจจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป


ปลามองเห็นเหยื่อได้อย่างไร?

นักตกปลาหลายคนถือว่า  การใช้เหยื่อปลอมนั้นท้าทายมากกว่าเหยื่อจริง  บางคนก็บ่นว่ามันแพงเกินไป  และส่วนใหญ่ที่สุดแล้วก็ใช้เหยื่อทั้งสองประเภทสลับกันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  เหยื่อปลอมนับเป็นอุปกรณ์ตกปลา อย่างหนึ่งที่เราคงปฏิเสธได้ยาก  อย่างน้อยที่สุดมันก็สะดวกในการพกพา  ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามันอาจมีประสิทธิภาพ เหนือกว่าเหยื่อสดหรือเหยื่อหมักในบางสถานการณ์

ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งในเรื่องนี้ก็คือนักตกปลาน้อยคนนักจะมีหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อเหยื่อปลอมอย่าง แท้จริง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักเกณฑ์ในการเลือกสีสันของเหยื่อ  ไม่ว่าจะเป็นปลั๊ก  สปูน  สปินเนอร์  จิ๊ก  หรือพวกเหยื่อยาง ส่วนมากแล้วจะซื้อตามใจชอบ  หรือไม่ก็ว่าตามกันไป  หากสีไหนได้ผลขึ้นมาก็จะมีการเลื่องลือกันอย่าง ไม่มีที่สิ้นสุด  จนทำให้เหยื่อแบบนั้นสีนั้น  ขาดตลาดอยู่เนืองๆ

อันที่จริงการปรากฏของสีของเหยื่อที่อยู่ใต้น้ำ  แตกต่างจากสีที่เราเห็นบนบกมาก  น้ำเป็นตัวกรองแสงที่มี ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม  และคลื่นแสงของดวงอาทิตย์จะเจาะทะลุทะลวงน้ำได้ไม่เท่ากัน  แสงอาทิตย์ประกอบด้วยสี 7 สีอย่างที่รู้กันคือม่วง  คราม  น้ำเงิน  เขียว  เหลือง  แสด  แดง  ในบรรดาคลื่นแสง เหล่านี้สีแดงเจาะทะลุน้ำได้น้อย ที่สุดไม่ว่าน้ำจืดหรือน้ำเค็ม  และในความลึกเกินร้อยฟุตลงไปก็จะมีเพียงคลื่นแสงสีน้ำเงินกับเขียวเท่านั้นที่ลงไปถึงสภาพดังกล่าว  มีผลต่อสีของวัตถุใต้น้ำมาก  สีของเหยื่อปลอมจะไม่เหมือนสีที่เราเห็นในร้านขายอุปกรณ์ตกปลา เมื่อมันอยู่ในน้ำ

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า  สีแดงนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลในความลึกแค่สิบฟุตอันเป็นความลึกที่เหยื่อตกปลาน้ำเค็มเกือบทุกชนิดร่อนลงถึง ฉะนั้นถ้าใครคิดว่าเหยื่อของตนเย้ายวนใจปลาเพราะมันมีหัวแดงโร่  ก็ต้อง ปรับความเข้าใจเสียใหม่  ในระดับยี่สิบฟุตนั้นสีแดงกลายเป็นสีดำสนิทไปเลย  ในขณะที่สีส้มกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเป็นที่แจ่มชัดว่าจิ๊กสีจัดจ้านทั้งปวงไม่มีความหมายในความลึกระดับนี้ เลยระดับหกสิบฟุตไปแล้ว  แม้แต่สีส้มก็ กลายเป็นสีดำ  สีเหลืองกลายเป็นสีขาว  ส่วนสีน้ำเงินและเขียวจะเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย

บริษัทผลิตเหยื่อรู้เรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว  จึงหันมาใช้สีสะท้อนแสงหรือที่เรียกว่าฟลูออเรสเซนต์มาทา เหยื่อบางรุ่นจากนั้นก็ขายให้นักตกปลาในราคาที่แพงกว่าเหยื่อที่ทาสีธรรมดา สีฟลูออเรสเซนต์นั้นสามารถคงสีเดิม ได้ถึงในระดับความลึก 150 ฟุต  อย่างน้อยนักวิทยาศาสตร์ก็ลงไปพิสูจน์มาแล้วด้วยตาตัวเอง

การใช้เหยื่อฟลูออเรสเซนต์นั้นทำให้ปลาเห็นเหยื่อง่ายขึ้นอย่างแน่นอน  แต่ต้องอยู่ในระยะที่ไม่ไกลเกินไปนัก  นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบอีกว่าน้ำนั้นไม่ได้กรองแสงในแนวดิ่งอย่างเดียว  แม้แต่ในแนวราบก็กรองแสงและ ลบสีชนิดต่างๆทิ้งไปด้วย  พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ  ยิ่งเหยื่ออยู่ไกลสายตาเท่าใด  สีของมันก็ยิ่งถูกบิดเบือนเท่าน้น  ข้อนี้บริษัทผลิตเหยื่อไม่เคยเอ่ยถึง
         

มีการทดลองในเรื่องนี้กับเหยื่อปลอมสีส้มสะท้อนแสง  ซึ่งเป็นสีที่นิยมกันมากสีหนึ่ง  เมื่อมองจากระยะประมาณ 50ฟุต  สีของมันกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มแบบช็อกโกแลต  ใกล้เข้ามาในระยะ15-20 ฟุตเหยื่อจึงเปลี่ยนเป็นสีส้ม ตามเดิม  และสว่างขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้เข้าไปอีก  สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นในความลึกทุกระดับและเหมือนกันทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม

หลายคนคงเคยพบสภาพที่ปลาตามเหยื่อมาจากมุมไหนก็ไม่รู้  แต่พอเข้ามาถึงระยะ 4-5 ฟุต  ก็แฉลบหนี ออก ไปทันทีเป็นไปได้ไหมว่าตอนที่ปลาเห็นเหยื่อครั้งแรกจาก ที่ไกลนั้น  มันเห็นเป็นสีดำหรือน้ำตาล  พอไล่กวด มาจะทันดันกลายเป็นสีแสดส้มสว่างโร่  จึงตกใจเผ่นหนีเกือบไม่ทัน

ในทางตรงกันข้าม  ลักษณะเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเหยื่อสีคล้ำๆธรรมดา  หรือเหยื่อที่ไม่สะท้อนแสงทั้ง หลาย  แม้ว่าในระดับความลึกเกิน10 ฟุตไปแล้วสีของมันจะเปลี่ยนไป  แต่ไม่ว่าปลาจะอยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็จะ เห็นเหยื่อเป็นสีเดิม

ครั้งต่อไปลองใช้เหยื่อขี้เหล่ดูบ้างสิครับ  ท่านอาจจะตกใจและแปลกใจตัวเอง  ที่ไม่เคยนึกชอบมันมาก่อนเลย  แต่มันเวิร์คอย่างไม่คาดติด 

ที่โพสต์มาทั้งหมดนี้คัดลอกมาจาก นิตยสาร "ตกปลา"  ปีที่ 16 ฉบับที่ 53 เดือน พฤษภาคม-มิถุนายน 2545. เขียนโดย...พันศึก  สู้ปันสิน  ถ้าข้อความข้างต้นทั้งหมดนี้มีส่วนดีที่เป็น ประโยชน์กับส่วนรวม  ผมผู้โพสต์ ขอมอบสิ่งที่ดีเหล่านั้นให้กับท่านผู้เขียนและหนังสือที่ตีพิมพ์  แต่ถ้าบทความข้างต้นมีข้อผิดพลาดประการใดผมผู้ โพสต์ขอน้อมรับและขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ.

                                                               



ผมไปอ่านเจอมาครับ หวังว่าจะให้ความรู้กับน้าๆ ทุกท่านนะครับผม
เครดิต pla-game.com และ พี่บอย fishing4you   
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.1: 24 ก.ค. 51, 09:59
Heat Stroke......อันตรายที่แฝงมากับความร้อน..ตกปลาตากแดด..!

นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะ นี้สภาพอากาศในประเทศไทยร้อนจัดกว่าทุกปี มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหลาย โรค ที่ สธ.เน้นในขณะนี้คือ โรคในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเกิดบ่อยที่สุด แต่ โรคที่ยังมีการพูดถึงกันน้อยมากคือ โรคลมแดด ซึ่งเกิดในช่วงที่สภาพอากาศ ร้อนจัด ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มีประชาชนเสียชีวิตจากสาเหตุนี้ปี ละประมาณ 371 คน ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานใครเสียชีวิต ซึ่งทางการ แพทย์เรียกว่า ฮีทสโตรก (Heat stroke) เป็นภาวะวิกฤติของร่างกาย จะไม่ สามารถควบคุมความร้อนได้

นายแพทย์มงคล กล่าวว่า โรคลมแดดนี้ เป็นอาการที่เกิดจากการได้รับความ ร้อนมากเกิน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังหรือเล่นกีฬาในภาวะอากาศร้อนจัดเป็น เวลานาน อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง อาการสำคัญ ได้แก่ ตัวร้อนจัด เพ้อ หรือหมดสติ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดลดลง ช็อก ผิวหนัง แห้งและร้อน ระดับความรู้สึกตัวลดลง การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว กระ สับกระส่าย เอะอะ ก้าวร้าว หมดสติ เกร็ง ชัก โดยกลไกการทำงานของร่างกาย หลังจากที่ได้รับความร้อน จะมีการปรับตัวโดยส่งน้ำหรือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะ ภายใน เช่น สมอง ตับ และกล้ามเนื้อ เป็นต้น ทำให้ผิวหนังขาดเลือดและน้ำไป หล่อเลี้ยง จึงไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ ทำให้อุณหภูมิร่าง กายสูงขึ้น ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ เกิน 40 องศาเซลเซียส ถือเป็นภาวะ ฉุกเฉินที่ต้องให้การรักษาอย่างรีบด่วน เนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิตร้อย ละ 17-70

นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า การช่วยเหลือผู้ที่มีอาการเป็นลมแดด ให้นอน ราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ถอดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ ร่วม กับการใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน หรือเทน้ำเย็นราดลงบนตัวเลย เพื่อลด อุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลง และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ในรายที่ อาการยังไม่มาก ควรให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้ แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคน หนุ่มสาว ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ที่ต้องกินยาควบ คุมความดัน เช่น ยาขับปัสสาวะ ซึ่งมีผลขับสารโซเดียมออกจากร่างกาย ทำให้มี โอกาสเกิดความผิดปกติของระดับเกลือแร่ได้เร็วกว่าผู้อื่น รวมทั้งผู้ที่ เป็นโรคอ้วน หรือผู้ที่อดนอน เนื่องจากจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความร้อน ที่ได้รับช้ากว่าปกติ

อากาศช่วงนี้ร้อนจัด....ร้อนมากๆเลยนะฮะ..บางที่บางแห่งอุณหภูมิเลย 40 องศา....พวกเราออกตกปลาตากแดด...มีโอกาศเสี่ยงกับอาการ " ฮีทสโตรกมาก " เนื่องจากโดนความร้อนสะสมเป็นเวลานาน เสียเหงื่อจัด อันตรายถึงชีวิตเลยนะฮะ...ทางแก้คืออย่าให้ร่างกายขาดน้ำ..ดื่มน้ำมากๆนะฮะ!

อย่าหักโหมมากนะฮะ...ตกปลาได้ตัวแล้วก้อมานั่งพักดื่มน้ำบ้าง ถ้ายังใบ้อยู่ ยังแห้วอยู่ (แบบพี่หมี) อย่าฝืนฮะทำใจ..ฮ่าฮ่าฮ่า..!

อากาศร้อนๆแบบนี้ ออกตกปลา..ดื่มน้ำเยอะๆนะครับ....!

บทความทั้งหมดนี่ผมไปก๊อบมาเนื่องจากเห็นว่ามันมีประโยชน์ ก็เลยนำมาฝากน้าๆ ทุกท่านนะครับผม

เครดิต pla-game.com
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.2: 24 ก.ค. 51, 10:08
[b] เกร็ดเล็ก ๆ ของเรื่อง Action Rod Taper และ Rod Power
เกร็ดเล็ก ๆ ของเรื่อง Action Rod Taper และ Rod Power ของคันเบ็ดตีเหยื่อปลอม

หากกล่าวย้อนไปในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักตกปลามือแม่น้ำ หนอง คลอง บึง หรือบ่อตกปลา นั้น คันเบ็ดที่เพื่อน ๆ ใช้กัน มักมีคำระบุแอ็คชั่นคันเบ็ด ไว้อยู่ด้วย ซึ่งคำว่าแอ็คชั่น ของคันเบ็ดที่ที่ระบุไว้นั้น มักพบอยู่ 3 คำหลัก ๆ ซึ่งได้แก่คำว่า Light และ Medium และคำสุดท้ายคือ Heavy

นอกจากนั้นยังแบ่งย่อยได้อีกประมาณ 3 แบบ หากแต่แอ็คชั่นเหล่านั้นได้ถูกระบุไว้ ในชนิดคันเบ็ดสำหรับตกปลาที่ใช้งานได้ทั่ว ๆ ไป เช่นคันสำหรับตกด้วยเหยื่อสด หรือขนมปังปั้นตระกร้อ หรือแม้แต่คันตกปลาทะเล ก็พบว่ามีการระบุคำว่า Action : แล้วตามต่อด้วยข้อมูลแอ็คชั่นของคันเช่นกัน


เพื่อน ๆ หลายท่าน เมื่อเข้าสู่รูปแบบการตกปลา ด้วยเหยื่อปลอม ก็มักจะแสวงหารูปแบบของคันเบ็ดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเกมส์ชนิดนี้ ซึ่งคันตีเหยื่อปลอมทั่ว ๆ ไป นั้น เราไม่สามารถใช้คันเพียง 1 คันให้เหมาะสม ที่สุด กับการใช้งานเหยื่อปลอมทุกชนิดได้


ดังนั้นบริษัทผลิตคันเบ็ดสำหรับงานเหยื่อปลอมทั้งหลาย จึงได้ระบุแอ็คชั่นออกมาเป็นคำที่ไม่คุ้นเคยสำหรับนักตกปลาอย่างเรา ๆ ซึ่งคำเรียกนั้น คือข้อระบุ Taper ของคัน

เมื่อแรกเริ่มผมเอง และคิดว่าหลาย ๆ ท่าน เมื่อได้ยินคำว่า Fast หรือ Slow ที่นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมบางคนพูดกัน ก็มักจะเกิดความสงสัย ว่าคำเหล่านี้ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย

กับความสับสนในเรื่องนี้ คำอธิบายต่อไปนี้อาจพอจะคลายข้อสงสัยให้ได้บ้างครับ แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม

คำว่า Rod Taper ของคันเบ็ดตีเหยื่อปลอมโดยทั่วไปนั้น หมายความให้เข้าเข้าใจได้ง่าย ๆ คือลักษณะสภาพความโค้งงอ หรือสภาพการดัดโค้งของคันเบ็ด เมื่อได้รับโหลดหรือแรงกระทำ ซึ่ง คำว่า Action ก็นิยมเรียกแทนคำว่า Taper ด้วยเช่นกันครับ
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.3: 24 ก.ค. 51, 10:09
Rod Taper แบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ตามบริษัทผู้ออกแบบและผลิตคันเบ็ดออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานกับเหยื่อปลอมได้เหมาะสมที่สุดดังต่อไปนี้ครับ (คำอ่านอาจเพี้ยนเสียงไปได้จากที่ผมพิมพ์ไว้ให้นะครับ )

1.Extra Fast Taper (เอ็กตร้า ฟาสต์ เทเปอร์)
ลักษณะที่เห็นได้ง่าย ๆ คือโคนคันจะแข็งขึ้นไปตลอดจนเลยช่วงกลางคัน ปลายคันเบ็ดจะมีความอ่อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อดันปลายกัน หรือจับทิปตัวปลายงอดูจะพบว่าช่วงปลายคันเบ็ดมีความโค้งงอได้มากเป็นพิเศษ

ในขณะที่ช่วงตั้งแต่กลางคันเบ็ดลงมายังคงแข็ง มาก ๆ อยู่ครับ คันเบ็ดลักษณะเช่นนี้ ไม่พบมากนักในคันเบ็ดสำหรับตกปลาด้วยเหยื่อปลอมในเมืองไทย เพราะเป็นคันเบ็ดที่ออกแบบมาเฉพาะการใช้งานกับเหยื่อประเภทหนอน ยาง ที่มีน้ำหนักเบา ๆ เท่านั้น

เพราะปลายที่อ่อนช่วยในด้านการให้แอ็คชั่นกับเหยื่อเป็นอย่างมาก แต่ช่วงแข็งของคันนั้น เป็นช่วงที่เรียกกว่าให้พลัง (Rod Power)ในการสู้กับปลาเมื่อติดเบ็ดแล้วนั่นเอง คาดว่าคนไทยน้อยคนนัก ที่จับคันแอ็คชั่นนี้แล้วจะเลือกซื้อเพื่อมาใช้งานในช่วงเหยื่อที่เรานิยมใช้กันครับ

เหตุผลประการหนึ่งของการออกแบบคันลักษณะนี้นั้นก็คือ คุณสมบัติด้านการเซ็ตฮุค ฝังคมเบ็ดเข้าปากของปลา ซึ่งคัน Slow Taper ขาดข้อนี้ไปเมื่อใช้ร่วมกับเหยื่อที่จมอยู่ใต้น้ำมาก ๆ น่ะครับ

( สโลว์เทเปอร์ มักทำคันเบ็ดที่เป็น Light Power เป็นหลัก ซึ่งเหมาะสมกับเหยื่อจำพวกผิวน้ำมากกว่า เนื่องจากเหยื่อผิวน้ำมีแรงต้านการเซ็ทฮุคที่น้อยกว่าครับ )




2. Fast Taper (ฟาสต์ เทเปอร์)
คันเบ็ด ฟาสต์เทเปอร์ เห็นทีจะเป็นคันเบ็ดที่มีแอ็คชั่นฟังดูแล้วน่าใช้สำหรับหลาย ๆ คนครับ Fast Taper Rod นั้น มีการออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งมีผลต่อคุณสมบัติการใช้งานที่ต้องการความตอบสนองเรื่อง ของ Sensitive เป็นกรณีพิเศษ และ Rod Power ของคันเบ็ด Fast Taper นี้ ยังเป็นคันเบ็ดที่มีแรงดีดกลับในการต่อต้านแรงดึงจากปลาที่สูงอยู่มากอีกด้วย

เหยื่อปลอมที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยมากมักเป็นเหยื่อที่คืบคลาน หรือดำดิ่งลงไปด้านใต้น้ำครับ ซึ่งไม่เพียงแต่หนอนยางตัวโต ด้วยลักษณะของด้านปลายคันเบ็ดที่ไม่อ่อนจนเท่าในแบบแรกนั้น จะช่วยทำให้ คันเบ็ด Fast Taper นี้ใช้งานกับเหยื่อที่มีน้ำหนักได้มากขึ้น

อย่างเช่น สปูน กระดี่เหล็กอย่างที่บ้านเราเรียก หรือจะเป็นเหยื่อแคร็งค์เบท และไวเบรชั่น ที่ดำลึกไปถึงพื้นใต้น้ำครับ โดยเฉพาะเพื่อน ๆ ที่พิศมัยการใช้งานปลายางทั้งหลาย นั้นเรียกว่าเหมาะสมมาก ๆ เช่นกัน ทั้งนี้ Power ของคันที่มีมากพอให้เรากระตุก หรือลากเหยื่อให้ออกแอคชั่นจนปลาเข้ากันได้นั้น จะทำให้เรารู้สึกได้ถึงสภาพการเคลื่อนไหวของเหยื่อใต้น้ำตามแต่จินตนาการของแต่ละท่านอีกด้วย

3. Regular Taper (เรกกิวล่าร์ เทเปอร์ )
คันเบ็ด Regular Taper นี้นับเป็นแบบอย่างของคันเบ็ดดั้งเดิมที่ออกแบบและมีใช้งานมาก่อนที่จะแบ่งการออกแบบเป็นคันเบ็ด Taper ในเบบต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน กับเหยื่อชนิดต่าง ๆ มากขึ้นครับ

จากสภาพความโค้งงอ ของคัน และพลังของคันเบ็ดที่ยังรักษาไว้ได้นี้ ทำให้คันเบ็ด Regular Taper เป็นคันเบ็ดที่มีช่วงกว้างสำหรับการใช้งานกับเหยื่อในแบบต่าง ๆ ได้มากมาย ผลที่ได้จากการใช้งานคือการส่งเหยื่อที่ทำได้ง่าย แอ็คชั่นที่คันเบ็ดจะส่งผลต่อแอ็คชั่นของเหยื่อก็ทำได้กว้างครับ เรียกว่าใช้เหยื่อกันได้หลากหลาย ตั้งแต่การใช้เหยื่อหนอนยาง ไปจนถึงการใช้เหยื่อปลอมประเภทปลั๊กกันเลยทีเดียว
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.4: 24 ก.ค. 51, 10:20


[b]4.Slow Taper ( สโลว์ เทเปอร์)[/b] 
เป็นคันเบ็ด


4.Slow Taper ( สโลว์ เทเปอร์)
เป็นคันเบ็ดที่ออกแบบมาได้ชนิดที่เรียกกว่า ให้ความโค้งของคันแทบจะเป็นวงกลมสมบูรณ์ การเทลาดและโค้งงอของคัน นับแต่กลางคันนั้นให้แอ็คชั่นของคันที่สวยงาม ยิ่งเมื่อปลาติดเบ็ดนักตกปลาที่นิยมอัดปลาอย่างนุ่มนวลนั้น และชอบคันเบ็ดที่โค้งงอสวยได้รูป เวลาสู้กับปลาแล้วนั้น เห็นทีจะชอบคันเบ็ด Slow Taper กันอย่างแน่นอน

เหยื่อที่เหมาะสมกับการใช้งานกับคันเบ็ด Slow Taper นั้นได้แก่ ปลั๊ก ครับ ซึ่งในคันเบ็ด Slow Taper เองนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นคันเบ็ดที่อ่อนเสียเสมอไป เพราะนอกจาก Rod Taper แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเลือกพิจารณาในการใช้งานคือ Rod Power ครับ

Rod Power เป็นตัวบ่งถึงการใช้งานเหยื่อได้เช่นกัน โดยมาก นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมจะดูขนาดสาย และน้ำหนักเหยื่อเป็นหลักสำหรับการใช้งานคันเบ็ด ว่าจะนำมาใช้งานกับ เหยื่อเจิคเบททรงมินเนาทั้งหลาย หรือจะเป็นปลั๊กแคร็งค์เบทตัวอ้วน ๆ ลิ้นใหญ่ ๆ ที่มีการต้านน้ำมาก ๆ ขณะใช้งาน

งาน


สิ่งหนึ่งที่ที่การใช้งาน Slow Taper Rod กับเหยื่อประเภทปลั๊กนั้น คือช่วงแอ็คชั่นที่มีจุดเริ่มและจบที่ดูไม่กระโชก หรือเหยื่อว่ายรวดเร็วเกินไป และการส่งเหยื่อด้วยคันแอ็คชั่นนี้นั้น ทำได้ง่ายครับ หากแต่คันเบ็ด Slow Taper โดยมากในตลาดนั้น มักจะมีตัวเลือกไม่มากนัก และสำหรับนักตกปลาต้องการคันที่มีพาวเวอร์พอเพียงสำหรับเหยื่อตัวโต ๆ มักมีท่อนใหญ่ จนเกินไป จนนักตกปลาบางท่านอาจมองว่าไม่สวย ไม่น่าใช้งาน


5.Super Slow Taper ( ซูปเปอร์ สโลว์ เทเปอร์)
คันเบ็ด ที่มีลำโค่นอ่อนมาก ๆ อย่างแอ็คชั่นนี้นั้น เป็นคันเบ็ดขายดีมาก ๆ แอ็คชั่นหนึ่งเลยทีเดียว เพราะออกแบบมาสำหรับการใช้เหยื่อยอดฮิตอย่าง เหยื่อ Top water หรือเหยื่อผิวน้ำทั้งหลาย

ปกติแล้วเหยื่อผิวน้ำมักมีน้ำหนักเบา กว่าเหยื่อชนิดอื่นเมื่อมีขนาดตัวเหยื่อเท่ากัน การส่งเหยื่อด้วยคันแข็ง ๆ นั้น มักทำได้ไม่ดีนัก เรียกว่าไม่ได้ทั้งระยะ และไม่ได้ทั้งความแม่นยำ อีกทั้งการให้แอ็คชั่นเหยื่อผิวน้ำ ก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

คันเบ็ด ซูปเปอร์สโลว์เทเปอร์ จึงถูกออกแบบมาสำหรับ การใช้งานเหยื่อจำพวกผิวน้ำ ยู่สองแบบใหญ่ คือ ป๊อปเปอร์ และ เพลซิล ครับ สำหรับคันเบ็ดเทเปอร์ แข็ง ๆ นั้น อาจทำให้เหยื่อกระโดดน้ำ และการส่ายของเพลซิลนั้นผิดไป ซึ่งบางคนทำแอ็คชั่นได้ครับกับคันเทเปอร์อื่น ๆ แต่สำหรับ Super Slow Taper นั้น การให้แอ็คชั่นกับเหยื่อจำพวกผิวน้ำนี้ ทำได้ง่ายกว่ามาก เมื่อเหยื่อยู่ผิวน้ำ การเซ็ทฮุคด้วยคันที่ค่อนข้างอ่อน ก็ยังทำได้ดีครับ เพราะไม่มีแรงต้านจากเหยื่อที่จมน้ำมากนัก
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.5: 24 ก.ค. 51, 10:20
หลายท่านอาจนำคันเบ็ด Super Slow Taper นี้ไปใช
หลายท่านอาจนำคันเบ็ด Super Slow Taper นี้ไปใช้งานกับเหยื่อยางตัวเล็ก ๆได้เช่นเดียวกัน หากแต่คันที่มีลักษณะอ่อนเกินไปเมื่อใช้งานกับเหยื่อที่ดำน้ำอยู่ลึก ๆ นั้น จะให้ผลการเซ็ทฮุคที่ไม่ดีพอครับ ผู้ผลิตจึงได้ออกแบบ คันเบ็ด ชนิดที่ 1 หรือ Extra Fast Taper ไว้ให้ใช้งาน

นอกจากนี้ คันเบ็ดที่เหมาะสมกับการใช้งาน กับเหยื่อผิวน้ำ หรือเหยื่ออื่น ๆ อาจมีการปรับใช้ได้อีกเช่นกัน เช่น เราอาจเลือกคันเบ็ด light Power ที่มีลักษณะ เป็น Fast Taper มาใช้งานกับเหยื่อผิวน้ำได้เช่นกันเป็นต้น


อ่านมาถึงตอนนี้ เราจะเห็นว่า คันเบ็ดนั้น แยกกันไหวแบบไม่ขาดกัน กับเรื่องของ Rod Taper กับ Rod Power ครับ ซึ่งต่อไปนี้จะอธิบายไว้คร่าว ๆ ดังนี้

----Rod Taper จุดประสงค์หลักคือเรื่องของการส่งเหยื่อ และการให้แอ็คชั่นกับชนิดเหยื่อที่ใช้
----Rod Power อาจทำมาหลายแบบ ซึ่งในแต่ละแบบอาจมี Rod Taper ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ เน้นการดูขนาดสาย ขนาดและน้ำหนัก รวมถึงแรงด้านน้ำที่ได้จาก ตัวเหยื่อขณะใช้งานเป็นหลักครับ
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.6: 24 ก.ค. 51, 10:21
มารู้จักพาวเวอร์ของคันกันสักนิดคร
มารู้จักพาวเวอร์ของคันกันสักนิดครับ
Rod Power หมายความได้ถึง ความแข็งของคันเบ็ดที่มีผลต่อการเลือกใช้เหยื่อในขนาดน้ำหนักต่าง ๆ รวมถึงการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของสายเบ็ด และบางทีดูไปจนถึงขนาดของปลาที่จะตกอีดด้วย แต่ข้อระบุเรื่องน้ำหนักปลานั้นไม่เป็นข้อสำคัญในการออกแบบคันเบ็ดมากนัก


คันเบ็ดโดยมากในตลาดมัก ระบุ Rod Power แยกได้ดังนี้
1. Ultra light ใช้กับสายเบ็ดแรงดึงประมาณ 2-8 ปอนด์
2. Medium light ใช้กับสายเบ็ดแรงดึงประมาณ 6-12 ปอนด์
3. Medium ใช้กับสายเบ็ดแรงดึงประมาณ 8-14 ปอนด์
4. Medium Heavy ใช้กับสายเบ็ดแรงดึงประมาณ 8-16 ปอนด์
5. Heavy ใช้กับสายเบ็ดแรงดึงประมาณ 10-20 ปอนด์
6. Extra Heavy ใช้กับสายเบ็ดแรงดึงประมาณ 12-25 ปอนด์ ขึ้นไป

ทั้งนี้ ขนาดสายที่เหมาะสมนั้นไม่ได้ระบุเป็นข้อกำหนดตายตัวครับ มีการแบ่งออกเป็นหลายช่วง เพื่อความเหมาะสมกับเนื้อวัสดุ และขึ้นกับการผลิตคันเบ็ดของแต่ละบริษัทอีกด้วย จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเห็นว่า การออกแบบคันเบ็ดสำหรับตกปลาเหยื่อปลอมนั้น โดยมากออกแบบไว้สำหรับตกปลาแบสน้ำจืด ซึ่งไม่ได้เน้นที่ขนาดตัวปลาเป็นสำคัญ แต่เน้นที่จะทำมาเพื่อให้นักตกปลาเลือกใช้อุปกรณ์ได้เหมาะสมกับการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมชนิดต่าง ๆ นั่นเอง เหตุนี้เรามักเห็นภาพในหนังสือตกปลาแบสของต่างประเทศ ที่นักตกปลาเพียง 1 คน มักหอบหิ้วคันเบ็ดขึ้นเรือตกปลาจำนวน หลาย ๆ คันในคราเดียว

หากนักตกปลาท่านใด มีข้อมูลเพิ่มเติม หรือคำถามใด ๆ หากมีเพื่อนโพสต์ไว้ก็ช่วยกันตอบนะครับ เพราะสิ่งที่ผมเขียนไว้นี้เป็นเพียงขอ้มูลขั้นพื้นฐานเพื่อความเข้าใจในเรื่องของการออกแบบ Rod Taper และ Rod Power เท่านั้น
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.7: 24 ก.ค. 51, 10:24
บทความทั้งหมดที่นำมาฝากน้าๆ ทุกท่าน ต้องยกเครดิตให้ pla.game.com และ  พี่บอย fishing4you              
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.8: 24 ก.ค. 51, 11:05
รูปคุ้นๆ ยัง กะ น้าบอย โบโตย่า เลยครับ ( ใช่ป่าว หว่า )


ใช่ครับผม ถูกต้องนะคร๊าบบบ!!!! 
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.9: 24 ก.ค. 51, 11:20
^^  อะนะ 
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.10: 26 ก.ค. 51, 15:36
สงสัยเห็นคงขี้เกรียจ อ่านกันแน่เลย
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.11: 27 ก.ค. 51, 21:51
maledaz01(45 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบดำ
คห.12: 29 ก.ค. 51, 12:14
ดันหน่อย อิอิ
ทำการ login ก่อนส่งความเห็น
siamfishing.com © 2024