!!!!!!!เรื่องเล่าจากในวัง!!!!!!!: SiamFishing : Thailand Fishing Community
กระดาน
คห. 15 อ่าน 2,321 โหวต 6
!!!!!!!เรื่องเล่าจากในวัง!!!!!!!
pennapa9988(193 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ตั้ง: 8 ก.ย. 51, 23:10
> เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ
> ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
> เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
> และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
> และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
> ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ'
> แม่ค้าตอบว่า 'ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
> และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ'
> เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
>
>
>
>
> ---------------------------------------
>
>
>
> เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
> นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย
> ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
> ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
> ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
> นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
> แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
> ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
> แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
>
>
>
>
> ------------------------------------
>
>
>
> อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
> เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
> ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
> ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
> เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
> 'ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..'
> มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
> ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
> พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
> มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
> ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
> และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว'
> เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
>
> -------------------------------------
>
> เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
>
>
>
> เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
> ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า 'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์'
>
> --------------------------------------
>
>
>
> เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง
> ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน
> และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
> ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
> ว่า 'ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
> ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
> กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ'
> เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
> 'เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...'
> ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
> เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
>
>
>
>
> -----------------------------------
>
>
>
>
> มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
> ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ
> แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า
> 'ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า'
> ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
> 'เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'
>
>
>
>
> ------------------------------------
>
>
>
> เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
> อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
> แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
> 'ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์'
> ในหลวงทรงตรัสว่า 'ขอเดชะ พระหมดแล้ว '
>
>
>
>
> ------------------------------------
>
>
>
>
> วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
> ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
> พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
> ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
> แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
> 'ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง'
> แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
> แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
> แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
> แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
> ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
> 'เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
> ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก'
>
>
>
>
> ---------------------------------------
>
>
>
> ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
> พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
> มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา
>
> คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
> ก็กราบบังคมทูลว่า 'เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
> อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ'
> พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า 'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง'
> แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
> ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
> เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
>
>
>
>
> ------------------------------
>
>
>
>
> เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
> มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
> อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
> ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
> ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
> 'เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'
> และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
> ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
> พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
> ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
> ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
> เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
> ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
> >
> *
> *
> *

ทำการ login ก่อนส่งความเห็น
siamfishing.com © 2024