หมาล่าเนื้อ 2.: SiamFishing : Thailand Fishing Community
กระดาน
คห. 17 อ่าน 2,961 โหวต 10
หมาล่าเนื้อ 2.
นวล(610 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ตั้ง: 2 มี.ค. 54, 10:43
หมาล่าเนื้อ 2.
2.  สู้เพื่ออยู่

เสียงเห่ากรรโชกของหมาหลายตัวไกลออกไปชายป่า บอกให้วิทยาลากขาลงบันไดไม้ไผ่ผุใกล้พังลงจากบ้านสองสามขั้น
“อะไรอีกล่ะ...พวกเอ็ง”
วิทยา ในวัยกลางคน แทนที่จะปราดเปรียวคล่องแคล่วเหมือนคนทั่วไป นาทีนี้ เขามีเพียงร่างอันผอมเกร็ง ผมยาวรุงรังหนวดรุมล่ามสกปรก ค่อยๆประคองขาที่พิการก้าวลงบันได พลางบ่น
“เห่อ อยู่แถวนี้ทำไงถึงจะตาย น่ะ”
.........................................................................................................................................

“ครับ...อยู่ต่อก็ได้ครับ  สบายครับ”  วิทยารับคำจากเอนก หัวหน้ากะให้ทำงานล่วงเวลาต่ออีก 12 ชม.
“ไม่มีอะไรมากหลอก พี่มีนัด ฝากด้วยก็แล้วกัน” เอนกย้ำก่อนจะขับรถออกไป
  โรงงานแห่งนี้ทำการบรรจุสารเคมีบางอย่าง วิทยาไต่เต้าจากเด็กส่งของในบริษัทมาจนเป็นผู้ช่วยหัวหน้ากะเวรกลางวัน ไม่มีงานอะไรมากไปกว่า ตรวจดูเช็คบรรจุภัณฑ์ทั้งหลายให้เรียบร้อยก่อนจัดเก็บเขาโกดัง เพื่อรอขนส่งต่อไปให้ลูกค้า สารเคมีบางชนิดชื่อยาวจนวิทยาไม่สนใจที่จะรู้ว่า ภายในมันคืออะไร รู้แต่ว่าไอ้ที่มีรูปเปลวไฟนั้น มัน อันตราย...!
  เสียงระเบิดดังกึกก้อง เปลวไฟลุกโชติช่วง มีแต่เสียงร้องโอดครวญของความเจ็บปวด เสียงร้องดังในลำคอของใครบางคนร้องขอชีวิตจากเปลวเพลิง วิทยาสะบัดหัวด้วยความมึนงงอยู่ชั่วครู จึงพบร่างของตนเองกระเด็นออกมาจากโต๊ะทำงานมาอยู่ที่มุมของห้อง
  ควันไฟคละคลุ้งไหลเลื่อยดังเพชฌฆาต ค้นหาและสูบกินสรรพชีวิตที่มันเจอะเจอ วิทยาพยุงตัวเองลุกขึ้นแต่ต้องทรุดลงหวบเสียวแป๊บที่ขาซ้าย มีเหล็กแหลมทิ่มแทงทะลุต้นขาซ้ายเลือดไหลอาบเปรอะเปื้อนกางเกงทำงานสีเทาของเขา
“พี่วิท ช่วยผมด้วย...........”
วิทยากัดฟันเหยียดขาพยุงตัวลุกขึ้นอีกครั้ง มองไปตามเสียงที่เรียกเขา ฝ่าควันไฟเหม็นฉุนออกไป มีร่างของลูกน้องเขาอีกคน กึ่งนั่งกึ่งนอนร้องเรียกเขาไม่ขาด
“ช่วยผมด้วยพี่ ผมยังไม่อยากตาย”
วิทยาลากขาซ้ายที่ยังมีเหล็กคาอยู่ไปหาที่มาของเสียง
“ปะ ไม่ตายหลอก พี่ช่วย”
“คุณค่ะ คุณค่ะ นั่งลงก่อนค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยพูดและดึงร่างวิทยาให้นั่งลงท้ายรถกระบะ แต่นั้นไม่สามารถรั้งให้วิทยา หยุดความรีบเร่งที่จะกลับหวนเข้าไปหาเปลวเพลิงอีกครั้ง....
...............................................................................................................
“อ้าว เอ็งมาจากไหนเนี๊ยะ”
แดงกระดิกหางน้อยๆ ด้วยสันชาติญาณที่รู้ได้ถึงน้ำเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
วิทยาตรงเขาไปใกล้ๆแดง เมื่อเห็นหางดาบนั้นกระดิกเขาเข้าไปลูบหัวมันเบาๆ มันเลียที่มือนิ่มเละเพราะเนื้อหนังที่แท้ดั่งเดิมหายไปจากไฟไหม้ครั้งก่อนของวิทยา เป็นการทักทายตอบ
“ชื่ออะไร?...เรา”
วิทยาเดินลากขากลับมายังกระท่อมริมน้ำชายป่า ที่ครั้งก่อนเคยเป็นที่อยู่ของครอบครัว มีพ่อและแม่ กับผืนไร่ไกลลิบตา ที่บัดนี้มีเพียงซากหญ้าและยูงยางสามสี่ต้นเท่านั้น แดงเดินตามวิทยากลับมาที่กระท่อมอันเป็นที่ซุกหัวและเหลียวมองหมาเจ้าถิ่นสามตัวที่เดินดมจมูกติดดินตามทางที่แดงเดินมา แต่ไม่มีเสียงเห่าให้กวนใจ
“จะมาอยู่กับข้า คงลำบากน่ะ อดตายเปล่า”
แดงกระดิกหางและนั่งลงที่ตีนบันไดขณะวิทยาลากตัวเองขึ้นกระท่อม ตักน้ำฝนจากชายคาใส่ปากและเหลียวมามองแดงอีกครั้ง
“แล้วแต่เอ็งก็แล้วกัน”
................................................................................................................................
เสียงปิดประตูรถกระบะคันเก่าของนาย กับเสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมรถที่สั่นสะท้านทั้งคันยุติ แดงกระโจนลงจากรถ กดจมูกดมก่อนจะหันใบหูกางรับเสียง ก่อนจะออกวิ่งกึ่งเดินไปตามเสียงที่มันสดับได้
พระจันทร์แรม 4 ค่ำ ยังสว่างกระจ่างฟ้า แม้จะเลยสองยามมานานแล้ว แดงเดินดมรอบๆต้นมะขวิด ก่อนจะนั่งลงแหงนหน้าขึ้นเบื้องบนของพุ่มใบโปร่ง แสงจันทร์สาดให้เห็นว่ามีสัตว์บางชนิดหลายตัวขยับอยู่เบื้องบน
เจ้าเขียววิ่งตามแดงมาห่างๆ จนเกือบชนแดงที่หยุดรอ
เสียงปืนลูกซองเบอร์ 12 กระหึ่มเสียดแก้วหู แดงยังคงนิ่งอยู่กับที่แต่มีเพียงสายตาเท่านั้นที่จับมองทุกความเคลื่อนไหว ไก่ป่า 3 ตัวล่วงหล่นคละปนกับกิ่งมะขวิดลงมา
เสียงเจ้าเขียวร้องเอ๋ง และวิ่งหางจุกตูดหายไป
“เก่งมากแดง”
ข้างกองไฟใกล้รุ่ง แดงนอนขดสบายตัวและลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ภายหลังมีเสียงเรียกจากเมียนาย
“แดง มากินข้าว เร็ว”
มื้อนี้มีเศษข้าวกับน้ำต้มรสเปรี้ยวของไก่ป่า แดงก้มหน้าก้มตากินอย่างเรียบร้อย เจ้าเขียวเดินขาลากมากินข้าวจากอีกอ่างไม่ห่างกัน นายตรงเข้าไปลูบหัวมัน ก่อนจะจากมาพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ เจ้าเขียววิ่งเข้าไปหลังเสียงปืนของนาย หวังจะคาบเอาไก่ป่ามาให้นาย แต่ความอวดดีจึงรับเอาลูกมะขวิดไปแทน ผลลัพธ์คือเดินขาลากอีกหลายวัน
“พี่ ผมอยากไปนั่งห้างเฝ้าโป่ง ซักหนที่ไหนดี”
เสียงนายคุยกับใครที่มาหาสองคน จากเย็นย่ำไปจนดึกดื่นจึงปิดไฟเข้าบ้านกัน แดงที่นอนขดข้างกองไฟ ล่วงรู้ถึงหน้าที่ในไม่ช้า เพราะมีรถกระบะคันโตจากที่อื่นมาจอดค้างคืนที่หน้าบ้าน
    แดงเดินนำหน้า ตามด้วยเขียวและนายกับเพื่อนายอีกสองคน ข้ามห้วยสองสามห้วยและเดินผ่านป่าสูงชันอีกหลายชั่วโมง จนมาหยุดริมห้วยแห้งซักแห่ง แดงเดินสำรวจรอบๆพื้นที่ที่นายหยุดพักนั่งสูบบุหรี่และคุยกับเพื่อน เขียวนั่งเฝ้าเป้อาหารของนาย
แดงพบแอ่งดินกว้างฝั่งตรงข้ามของห้วย มันปีนขึ้นจากแอ่งดมสำรวจขึ้นไปตามทางด่านทั้งซ้ายและขวา แต่จู่ๆมันก็หยุดนิ่งยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้น กลิ่นสาบคาวลอยติดจมูกมัน แดงถอยหลังหูตั้งและหางเหยียด มันหันหลังค่อยๆวิ่งเหยาะๆกลับมาหานาย
“มีอะไร แดง”
แดงนั่งมองหน้านาย และเดินขยับตาม เมื่อนายเดินไปทางไหน มันจะมานั่งมองหน้านายตลอด
“มีอะไรหรือแดง ใจเย็นๆ” นายตบที่หน้าอกแดงเบาๆ
  ต้นไทรฝั่งตรงข้ามโป่งนั้น ระยะห่างราว 80 เมตร นายและเพื่อนอีกสองคนปีนขึ้นไปหาที่นั่งบังไพรสำหรับเฝ้าโป่งที่ว่าคืนนี้ โดยมีแดงและเขียวนั่งรอที่โคนต้นไทร แสงแดดสาดส่องผ่านกิ่งก้านสาขาของไทรใหญ่ลงมาได้เพียงเล็กน้อยและไม่นานก็มืดสนิท เสียงแมลงกลางคืนและสัตว์เลื้อยคลานเคลื่อนไหวใต้ไปไม้เสียงกรุงกรับครืดคราด แดงยังคงนอนเงียบไม่ขยับตัว เช่นกันเจ้าเขียวก็ทำตามอย่าง มีแสงไฟสาดจากเหนือหัวของมันเป็นลำยาวส่องไปที่โป่งเป็นครั้งคราวนานๆที
    แดงกระสากลิ่นบางอย่าง มันแค่เอี้ยวคอหันหน้าและใบหูไปทางโป่ง มีเพียงเสียงขู่ในลำคอเบาๆ บนต้นไทรมีการขยับ
  แสงไฟสาดพุ่งปราดไปทางโป่งและเสียงปืนดังลั่นป่า แดงกระโจนพรวดวิ่งเข้าหาโป่งอย่างรวดเร็ว กลิ่นสาบและคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว  แดงตรงเข้าคว้าที่คอของสัตว์บางอย่างที่กลิ่นตัวเหม็นฉุน เสียงร้องอู้ดอี๊ด แรงสะบัดดิ้นรนทำให้แดงตัวลอยแต่คมเขี้ยวของแดงที่ฝังท้ายถอยของเจ้าสัตว์นั้นมิได้หลุดจากออกไป
  เสียงนายวิ่งกระหืดกระหอบมาที่โป่ง
“ปล่อย แดง”
มีเสียงปืนอีกนัดยุติการเคลื่อนไหว และควันฝุ่นฟุ้งค่อยๆจางหายไป
“หมูป่า”
    เพื่อนของนายหัวเราะเบาๆขณะสาดไฟฉายไปที่หมูป่าตัวเมียนอนหายใจรวยริน ขาหน้าของมันยังกระตุกอยู่ ที่ขาหลังมีรอบทางยาว 4-5 ทางเลือดยังไหลรินสดๆ แดงนั่งเลียคราบเลือดที่ข้างปากช้าๆกระดิกหาง ขณะนายเข้ามาตบที่หน้าอก เจ้าเขียววิ่งมาถึงทีหลังและเข้าดมที่ตัวหมู มันเห่าและผงะหนีเมื่อหมูกระตุก มีเสียงหัวเราะเบาๆของนายและเพื่อนาย แต่นั้นยังไม่ใช่....
    เสี้ยววินาทีนั้น แดงลุกยืนหันไปมองที่ทางด่านเหนือโป่ง ตาแดงกรำคู่นึงจับจ้องและมองมาสบตามัน แดงเห่ากระโชก นายขยับถอยจากซากหมูแต่สะดุดล้ม  เพื่อนนายสองคนร้องถาม
“อะไร...อะไร”
    ไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัวทัน เสือโคร่ง 8 ศอกกระโจนออกจากทางด่านเหนือโป่งลงมา มันเข้าตะปบเพื่อนนายคนที่หันหลังให้ ล้มลง นายกระชากปืนสั้นออกจากเอวทั้งยังก้นจ้ำเบ้าอยู่ เพื่อนนายอีกคนวิ่งหนีห่างไปทางห้วยพร้อมเจ้าเขียว แดงกระโจนออกไปทางซ้ายเข้าบังด้านหน้านาย เห่าและขู่ นายยิงปืนใส่เจ้าหัวโต 1 นัดแต่ช้าไป มันกัดเข้าที่คอเพื่อนของนายและกระชากหิ้วกระโดดขึ้นโป่งไปอย่างง่ายดาย นายยิงปืนใส่มันจนปืนขัด
  เพื่อนของนายคนนั้นไม่มีโอกาสได้ร้อง หรือแม้แต่รู้ตัวว่าชะตาชีวิตของตนได้จบลง แดงกระโจนตามเจ้าแมวยักษ์วิ่งไล่มันเข้าไปตามทางด่าน โดยมีนายวิ่งล้มลุกคลุกคลานตามมาพร้อมเพื่อนอีกคน แต่เมื่อไปถึงตรงทางสามแยก ก็ไม่ทันการแล้ว เพื่อนนายนอนร่างไร้วิญญาณในมือยังกำปืนสั้นอยู่ แดงวิ่งตามเจ้าแมวยักษ์หายเข้าไปในป่าลึก มีเสียงของแดงเห่าอยู่ไม่ขาด ก้องไปทั่วราวป่า แต่ไร้วี่แววของนายและเจ้าเขียวจะตามมา
  หมูป่าตัวนั้นหนีเสือใหญ่ข้ามมาที่โป่งเพราะบาดเจ็บ แต่โชคร้ายของเพื่อนนายที่ไปขวางทางเสือหิวเลยต้องจบชีวิตอย่างง่ายดาย
....................................................................
  เช้าแล้วเสียงคนมากมายและรถคันใหญ่สามคันมาจอดที่หน้าบ้าน แดงตรงไปกินข้าวที่อ่างเหมือนเคย แต่ครั้งนี้จนบ่ายคล้อยก็ไม่เห็นนายหรือเมียนายลงมาจากบ้าน มันพอรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ข้าฝากมันด้วย มันเก่งและฉลาด อยู่ที่นี่มันบ้านของมัน ข้าเอามันไป คงไม่ได้”
    นายเดินมาลูบหัวแดง แดงกระดิกหางบิดขี้เกียจและลุกขึ้นเดินตามนาย แต่นายบอก “คอย” น้ำเสียงของนายสั่นเครือ แดงไม่รู้เลยว่า คำว่า “คอย” นั้น มันนานแค่ไหน
  แดงนั่งลงมองนายขึ้นรถ และขบวนรถเคลื่อนจากไป ทิ้งไว้เพียงฝุ่นและแสงแดดแห่งฤดูร้อน และกลับมานอนขดที่ข้างกองไฟเก่านั้น “คอย” คอยนายของมัน...
............................................................................................................................
“ปะ ไปหาอะไรกินกัน”
  แดงเดินตามนายไปอย่างช้าๆ หมาเจ้าถิ่นยังเดินตามหลังมาติดๆ แต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ๆแดง
ป่าไผ่ลวกยามหน้าแล้ง ส่องสีทองเมื่อยามแดดตรงหัว แดงเดินนำหน้านาย จมูกดมไปรอบๆบริเวณ และออกเดินต่อ มันมาหยุดที่รูโคนกอไผ่ มีคุ้ยดินเปียกชื้นยังใหม่อยู่ มันดมเข้าไปในรูและนั่งรอนายที่เดินลากขาขึ้นเนินมาหามันช้าๆในมือมีเสียม  แดงเห่าเบาๆครั้งเดียว
“เก่งนี่หว่า รู้ด้วย”
  แดงเดินข้ามห้วยน้ำแค่หน้าแข้งนำหน้านายกลับบ้านเมื่อตะวันคล้อยลับเหลี่ยมเขา วันนี้แดงได้กินข้าวมื้อแรกจากนายใหม่ของมัน แม้รสชาติอาจจะไม่อร่อยหนักแต่อย่างน้อยมันก็มีหัวใจของนายเป็นที่ตั้งแลกด้วยความภักดีของมันอีกครั้ง
  แดงนอนขดที่หลุมดินที่หมาเจ้าถิ่นขุดเอาไว้หน้ากระท่อมนาย พวกมันสามตัวสละให้ผู้มาใหม่ ที่มาช่วยให้พวกมันมีกินไปอีกมื้อ หนังและกระดูกของอ้น 2-3 ตัว เพียงพอให้ท้องหายหิวไปอีกหลายมื้อ
  เช้าแล้วแดงออกเดินสำรวจรอบๆกระท่อมของนาย ไม่นานนายก็ออกจากกระท่อม ค่อยๆก้าวลงบันไดมา หมาเจ้าถิ่นสามตัวหายหัวไป แดงเดินตรงกระดิกหางเข้าไปหานาย นายลูบหัวแดงด้วยความเอ็นดู
“ท่าเอ็งจะเป็นหมาพราน คงหลงมา อยากอยู่กับข้าก็ได้ แต่ข้าไม่ใช่พราน ไม่ใช่คนมี วันนี้พรุ่งนี้ยังไม่รู้  ตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้เลย”
  แดงไม่เข้าใจความหมาย มันกระดิกรับเท่านั้น นายพยุงร่างขยับลุกยืน คว้าเสียมติดมือ มีปืนแก๊ปสะพายออกเดินลากขาซ้ายจากไป ก่อนจะก้าวต่อ แดงที่ขณะนี้ยืนนิ่งรอนายเรียก
“ปะ ไปด้วยกัน....”
  แดงกระดิกหางด้วยความยินดี หัวใจพองโต มันออกวิ่งนำหน้านายและเหลียวกลับมามองนายเป็นครั้งคราว แม้ว่า 13 ขวบของมันจะมาไกลสำหรับ “หมาล่าเนื้อ” แล้ว แต่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง มีความรักและความเอ็นดูจากนายใหม่ที่มอบให้มัน ชีวิตที่เหลืออยู่ของมันคงคุ้มค่า....
..................................................................................................................................
วันนี้เรามีชีวิตที่ดีหรือยัง ใช่ว่าต้องดีที่สุด  แต่ต้องให้คุ้มค่า.

หมาล่าเนื้อ 1.
กำเนิดวิถี
http://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=629763

ทำการ login ก่อนส่งความเห็น
siamfishing.com © 2024