ทรืปที่แล้วผมเอาเรือลำใหญ่แพรอาภรณ์ ออกตกปลาอินทรีย์ที่ปราณบุรี จบทริปนั้นผมตั่งใจว่าจะเอาลำเล็กลงที่หาดเจ้า เพชรบุรี เพื่อออกไปลอยสายตกปลาอินทรีย์คนเดียว และแล้วผมก็ทำตามความตั่งใจที่วางไว้

ช่วงนี้เพื่อนผมหลายคนถามผมว่า ทำไมมึงไม่ตีกอล์ฟเลยว๊ะ กูเห็นทำแต่เรือ แล้วก็ออกตกปลา คำตอบที่ผมให้คือ…กอล์ฟเป็นกีฬาชนิดเดียว ที่เราสามารถเล่นได้จนแก่ ถึงแม้ว่าวันนั้นเราจะเกษียณแล้วก็ตาม แต่ขับเรือออกตกปลากลางทะเล ถ้าจะรอทำตอนเกษียณคงจะเป็นไปไม่ได้ การเอาเรือขึ้น-ลงทะเลคนเดียว เพลานี้เป็นเรื่องง่ายมากๆ แต่ถ้าตอนอายุเข้าเลข 6 อย่าว่าแต่เอาเรือขึ้นลงเลย แม้แต่ลากเรือไปไกลๆก็อาจจะไม่รอด

ดังนั้นตีสามของวันอาทิตย์ ในยามที่ทุกคนหลับไหล ผมจึงตื่นขึ้นมาลากเรือออกจากบ้าน เพื่อมุ่งหน้าหาดเจ้า จ.เพชรบุรี ด้วยร่างกายที่กระฉับกระเฉง
เพราะรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จมูกของผมจะกระสากลิ่นไอทะเลอีกครั้ง ซึ่งนั่นคือสัญญาณบ่งบอกถึงการพักผ่อนที่มีความสุขของผมกลางทะเล
จากการพยากรณ์อากาศเช้าวันนี้ ลมจะพัดมาจากทิศเหนือ แต่จะไม่แรงมาก และแน่นอนว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับเรือสักเท่าไหร่ เพราะมันจะเบากว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา

เพียงแค่ 45 นาทีจากฝั่ง ผมก็มาลอยลำโต้คลื่นอยู่กลางทะเลคนเดียว ปัญหาคือกระแสน้ำพัดขึ้นเหนือ แต่ลมเป็นลมเหนือพัดลงทิศใต้ นั้นหมายความว่า ลมกับกระแสน้ำพัดสวนทางกัน หรือน้ำทางลมทางนั่นเอง

การปล่อยเหยื่อเพื่อตกปลาอินทรีย์จึงเป็นเรื่องยากนิดหนึ่ง เพราะเรือจะลอยตามกระแสลม แต่เหยื่อจะลอยตามน้ำไปทางหัวเรือ และเมื่อนั้นสายสมอก็จะเป็นอุปสรรคถ้าปลากินเหยื่อ

อุปกรณ์ที่ผมเลือกใช้ในการตกปลาอินทรีย์คือรอก Abu 7000c Syncro ทั้งสามชุด  ด้วยการปล่อยสายความยาวไกล กลาง และใกล้ ตามลำดับ
หลังจากปล่อยสายได้แค่พักใหญ่ ปลาอินทรีย์ตัวแรกก็เข้าฉวยเหยื่ออย่างดุดัน มันวิ่งยาวเหมือนม้าถูกควบออกจากซอง แต่ด้วยระบบเบรค HT100 ที่โมล์มาอย่างดี จึงไหลลื่นไม่สะดุจให้หวาดเสียว

เกมส์จบลงด้วยอินทรีย์ตัวแรกของทริปขนาด 5 โลกว่าๆ หลังจากได้ตัวแรกไม่นาน กระแสน้ำเปลี่ยนเป็นไหลลงใต้ ตอนนี้เท่ากับกระแสน้ำ และลมพัดไปทางเดียวกัน มันทำให้การตกปลาง่ายมากขึ้น

เหยื่อว่ายออกจากท้ายเรือเป็นแนวเดียวกันทั้งสามสาย และแล้วชั่วโมงทองของการรอคอยก็เริ่มขึ้น ปลาเข้าฉวยเหยื่อสลับกันไปทั้งสามคัน ทั้งสายไกล สายกลาง และสายใกล้ เรียกได้ว่าสมรภูมิแนวรบด้านทิศใต้ของเรือ ได้รับการโจมตีอย่างหนัก หลุดบ้าง ขาดบ้าง เจ้าเล่ห์หลอกเอาเหยื่อไปกินบ้าง สลับกันไปจนหายเหงา และแล้ว 4 โมงเย็นความสงบก็บังเกิดขึ้น

ซึ่งก็ถึงเวลาที่ผมต้องโบกมืออำลาท้องทะเลไว้แค่เพียงเท่านี้ เพื่อเอาเรือขึ้นฝั่ง และลากกลับเมืองกาญจน์ แต่ก็มิวายที่จะทิ้งความหวังไว้ว่า อีกไม่กีเพลาข้างหน้า ผมจะหาเวลามาพักผ่อนที่นี้อีกครั้ง

สรุปทริปนี้ผมได้ปลาอินทรีย์ 4 ตัว นับว่าเป็นการเปิดทริปที่สองของเรือได้อย่างสวยงามครับ……ขอบคุณท้องทะเลไทยที่ยังมีน้ำใจแบ่งปันบำเหน็จให้คนเดินทางไกลอย่างผม แล้วพบกันใหม่เมื่อใจอยากพักผ่อนอีกครั้ง…สำหรับทริปนี้ขอกล้าวคำว่า…ราตรีสวัสดิ์ครับ

#ตกปลากับเรือแพรอาภรณ์

มีน้าท่านหนึ่ง inbox มาถามว่า…เรือลำเล็กที่ผมใช้ออกทะเลตกปลาอินทรีย์นั้นเป็นเรือแบบไหน และขนาดเท่าไหร่…
คำตอบคือ…เป็นอลูมีเนียมขนาด 13 ฟุต กว่าง 170 ซม. ครับ

แต่ทำทรงทุนอับเฉาแบบเรือบางปิดตายทั้งลำ ตั่งแต่ท้องเรือ และทุ่นซ้ายขวาโดยทุนแต่ละข้างจะกันห้องแยกกันข้างละ 3 ห้อง
ดังต่อให้น้ำเข้ามาทั้งลำก็จะไม่มีวันจม และเรือจะไม่พลิกคว่ำ เพราะตัวทุ่นอากาศทั้งสองข้างจะอยู่สู่งกว่าท้องเรือครับ

เครื่องที่ผมเกาะเป็นเครื่อง Yamaha 50hp 2st ทริปที่ผ่านมาวิ่งออกไปตกปลา ไปกลับรวมทั้งวิ่งจูงเหยื่อเวลาน้ำตายด้วยทั้งวัน รวมระยะทางทั้งสิ้น 27 ไมล์หมดน้ำมันไป 16 ลิตร ขากลับทะเลเรียบมาก จนผมสามารถทำความเร็วได้ 24 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งนับว่าเร็วพอสมควรสำหรับเรือเล็กที่ขับในทะเล

ข้อมูลคร่าวก็เป็นตามนี้ครับ…

ตามนี้ครับ…