กระดาน
รีวิว
ตลาด
ประมูล
เปิดท้าย
เรือ
แหล่งตกปลา
ร้านค้า
ค้นหาข้อมูล
Login
สมัคร
27 ก.ย. 67
พันธุ์ปลาน้ำจืดและสัตว์น้ำของไทย: SiamFishing : Thailand Fishing Community
<
1
2
3
4
5
>
>>
กระดาน
คห. 229 อ่าน 412,556 โหวต 31
พันธุ์ปลาน้ำจืดและสัตว์น้ำของไทย
jungka
(336
)
1
คห.76: 3 ก.ค. 55, 20:46
สกุลปลายี่สก หรือ สกุลปลาเอิน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Probarbus, อังกฤษ: Striped barb) เป็นชื่อสกุลปลาน้ำจืดจำพวกหนึ่ง ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae)
อองรี เอมิล โซวาค นักมีนวิทยาชาวฝรั่งเศสเป็นผู้บรรยายลักษณะทางอนุกรมวิธานของปลาสกุลนี้ในปี ค.ศ. 1880 และในปีถัดมาได้กลับมาบรรยายเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง โดยปลาที่เป็นต้นแบบมีความยาว 34 และ 53 เซนติเมตร ตามลำดับ ลักษณะที่สำคัญอีกประการ คือ มีฟันที่ลำคอหนึ่งแถว จำนวนทั้งหมดสี่ซี่ มีหนวดที่ริมฝีปากบนหนึ่งคู่ ครีบหลังมีก้านครีบแขนงเก้าก้าน ก้านครีบเดี่ยวของครีบหลังสั้น แข็ง และมีขอบเรียบ ตามลำตัวมีเส้นขีดตามแนวนอนแตกต่างกันออกตามแต่ละชนิด
จัดเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่อีกจำพวกหนึ่งในวงศ์นี้ โดยขนาดเมื่อโตเต็มที่อาจยาวได้ถึง 135 เซนติเมตร ปลาตัวเมียเมื่อถึงฤดูวางไข่อาจมีน้ำหนักตัวถึง 36 กิโลกรัม โดยช่วงที่ไข่สุกพร้อมที่จะถูกปล่อยออกมาผสมกับน้ำเชื้อของตัวผู้อยู่ในช่วงปลายปีจนถึงต้นฤดูร้อนของปีถัดมา[1]
มีการกระจายพันธุ์อยู่ในลุ่มแม่น้ำโขงและที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทย และมีพบได้ที่แม่น้ำปะหัง ในมาเลเซียอีกด้วย
เป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยมาก จึงถูกจับจนใกล้จะสูญพันธุ์แล้วในธรรมชาติ แต่ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วด้วยวิธีการผสมเทียม
มีชื่อเรียกในภาษาอีสานว่า "เอิน" ขณะที่สามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย จะเรียกว่า "ปลาเสือ"
ตูนเด็กวัด!
คห.77: 3 ก.ค. 55, 20:47
++++1คับน้า
jungka
(336
)
คห.78: 3 ก.ค. 55, 20:51
ปลาพรมหัวเหม็น เป็น ปลาน้ำจืด อีกชนิดนึง ของบ้านเรา ซึ่งตอนนี้ จากการสำรวจ พบว่า จำนวน ประชากร ของปลาชนิดนี้ ตามแหล่งน้ำสาธารณะ ต่างๆ ได้ลดจำนวนลงกว่า ในอดีต เป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจาก หลายประการ เช่น จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ จำนวนของเสีย ที่ถูกปล่อยลง แหล่งน้ำธรรมชาติ มี{จำนวนเพิ่มตามไปด้วย จากสาเหตุ ที่กล่าวมา ทำให้ แหล่งน้ำ ธรรมชาติ เกิดการเน่าเสีย ส่งผลกระทบโดยตรง ต่อ ปลาพรมหัวเหม็น
ข้อมูล ทั่วๆ ไป ของ ปลาพรมหัวเหม็น
ลักษณะทั่วไป เป็นปลาที่อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ลำตัวค่อนข้างยาว หัวทู่ ปากอยู่ต่ำและมีขนาดเล็ก ริมฝีปากล่างมีติ่งเนื้อเล็ก ๆ อยู่รวมเป็นกระจุก บริเวณข้างลำตัวเหนือครีบอกมีแถบสีดำพาดตามขวาง 1 แถบเพศผู้และเพศเมีย ลักษณะภายนอกเหมือนกัน เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสกุลเดียวกันและกล่าวกันว่าที่หัวมีกลิ่นเหม็น คาวจัด ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า ปลาพรมหัวเหม็น ถิ่นอาศัย อยู่ในแหล่งน้ำนิ่งและไหล พบทั่วไปในแม่น้ำลำคลอง หนองบึงและอ่างเก็บน้ำทั่วไป อาหาร กินอาหารพวกตะไคร่น้ำ พืชน้ำ ขนาด ความยาวประมาณ 13-50 ซ.ม. ประโยชน์ ปรุงเป็นอาหารได้
ปลาพรมหัวเหม็น มี ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
GREATER BONY LIPPED BARB Osteocheilus melanopleura
jungka
(336
)
คห.79: 3 ก.ค. 55, 20:52
ปลาบัว เป็นชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Labeo dyocheilus อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) วงศ์ย่อย Cyprininae มีรูปร่างคล้ายปลากาดำ (L. chrysophekadion) ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน แต่มีส่วนหัวโตกว่า และมีจะงอยปากหนายื่นออกที่ปลายมีตุ่มเล็ก ๆ กระจัดกระจาย ปากค่อนข้างกว้างและเป็นรูปโค้งอยู่ด้านล่างของจะงอยปาก โดยมีส่วนหนังด้านบนคลุม ตามีขนาดเล็กอยู่ค่อนไปทางด้านบน มีหนวดสั้น ๆ 2 คู่ ลำตัวค่อนข้างกลม ครีบหลังเล็ก ไม่มีก้านครีบแข็ง ครีบหางเว้าลึก ปลาวัยอ่อนมีสีเงินวาว โคนหางมีจุดสีดำเห็นชัดเจน ขนาดโดยเฉลี่ย 50 เซนติเมตร หากินโดยแทะเล็มตะไคร่หรือสาหร่ายที่เกาะตามโขดหินหรือลำธารที่น้ำไหลเชี่ยว
เป็นปลาที่พบน้อย พบตั้งแต่แม่น้ำสาละวิน, แม่น้ำแม่กลอง, แม่น้ำโขง พบได้น้อยที่แม่น้ำเจ้าพระยา
ปลาบัว มีชื่อเรียกในภาษาอีสานว่า "หว้าซวง", "สร้อยบัว" หรือ "ซวง" ในเขตแม่น้ำเพชรบุรีเรียก "งาลู"
jungka
(336
)
คห.80: 3 ก.ค. 55, 20:53
ปลาพลวง (อังกฤษ: Mahseer barb) เป็นชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Neolissochilus stracheyi อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) จัดเป็นปลาในวงศ์ปลาตะเพียนที่มีขนาดใหญ่ ลำตัวยาว ด้านข้างแบน มีเกล็ดขนาดใหญ่ หัวเล็ก มีหนวด 2 คู่ อยู่ปากบนและมุมปาก ครีบหางเว้าเป็นแฉกลึก กระโดงหลังค่อนข้างสูงมีก้านแข็ง 1 อัน ครีบหูมีขนาดเล็ก ครีบท้องและครีบก้นมีขนาดใกล้เคียงกัน ลำตัวมีสีน้ำตาล ปนเขียว สีของปลาชนิดนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม บางแหล่งอาจจะมีสีน้ำตาลปนดำเข้ม มีแถบสีคล้ำพาดกลางลำตัวตามยาวไปใกล้โคนหาง ด้านท้องสีจาง ขนาดโดยประมาณ 60 เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 1.5 เมตร
อาศัยอยู่เป็นฝูงใหญ่นับ 100 ตัวขึ้นไป ตามแม่น้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสสะอาด เช่น บริเวณแหล่งน้ำเชิงภูเขา หรือตามลำธารน้ำตกต่าง ๆ ทั่วประเทศ
อาหารได้แก่ เมล็ดพืชต่าง ๆ เป็นปลาใหญ่ที่มักไม่มีใครนำมารับประทาน เนื่องจากทานไปแล้วเกิดอาการมึนเมา จึงเชื่อว่าเป็นปลาเจ้า แต่ความจริงแล้ว ปลาชนิดนี้ได้สะสมพิษจากเมล็ดพืชที่รับประทานเข้าไปในร่างกาย เช่นเดียวกับกรณีของปลาบ้า (Leptobarbus hoevenii) มีการรวบรวมลูกปลาจากธรรมชาติเพื่อขายส่งเป็นปลาสวยงาม
ปลาพลวง มีชื่อเรียกต่างออกไปตามภาษาถิ่นเช่น ภาคเหนือเรียก "พุง" หรือ "มุง" บางพื้นที่เรียกว่า "จาด" หรือ "โพ" หรือ "พลวงหิน" เป็นต้น และมีชื่อเป็นภาษากะเหรี่ยงว่า "ยะโม"
ในประเทศไทยสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถพบปลาพลวงได้เป็นจำนวนมาก ได้แก่ น้ำตกพริ้วและน้ำตกลำนารายณ์ จ.จันทบุรี อุทยานถ้ำปลาและอุทยานถ้ำธารลอด จ.แม่ฮ่องสอน
jungka
(336
)
คห.81: 3 ก.ค. 55, 20:54
ปลาเวียน (อังกฤษ: Thai Mahseer, Greater Brook Carp) เป็นชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tor tambroides อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) เป็นปลาในวงศ์ปลาตะเพียนขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง รูปร่างลักษณะคล้ายปลาพลวง (Neolissochilus soroides) ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกัน เว้นแต่ริมฝีปากบนมีแผ่นหนังยื่นออกมาทำให้ดูคล้ายจงอยปากงุ้มลง และรูปร่างลำตัวที่เพรียวกว่า ขนาดเฉลี่ยโดยทั่วไปประมาณ 60 เซนติเมตร ขนาดใหญ่สุดที่พบ 1 เมตร
อาศัยตามแหล่งน้ำสะอาดตามต้นน้ำลำธาร มีพฤติกรรมในอพยพย้ายถิ่นลงมาทางปากน้ำในฤดูฝน ตามรายงานพบว่า ปลาที่อาศัยในแม่น้ำแม่กลอง เมื่อถึงฤดูฝนจะว่ายตามกระแสน้ำลงไปจนถึงปากนี้ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "ปลาเหล แม่น้ำ" นานประมาณ 4-8 สัปดาห์ จากนั้นจะหวนกลับไปยังต้นน้ำ แสวงหาสถานที่อันเหมาะสมเพื่อผสมพันธุ์ จะวางไข่ในช่วงเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม
เคยเป็นปลาที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี เพราะเนื้อนุ่มละเอียด มีไขมันสะสมในเนื้อเยอะ ซึ่งปัจจุบันพบได้น้อย จนแทบกล่าวได้ว่าหมดไปแล้ว เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลาย
jungka
(336
)
คห.82: 3 ก.ค. 55, 21:04
สกุลปลาแปบควาย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Paralaubuca) เป็นชื่อสกุลของปลาน้ำจืดจำพวกหนึ่งชนิด อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) วงศ์ย่อย Alburninae
มีรูปร่างโดยรวมคือ มีรูปร่างยาว ลำตัวแบนข้างมาก ปากเล็ก ตาโต ท้องเป็นสันคม ด้านท้องค่อนข้างกว้างออก ครีบอกยาว ครีบหางเว้าลึก เกล็ดเล็กละเอียดสีเงินแวววาว เส้นข้างลำตัวไม่ต่อเนื่องกัน เกล็ดแถวที่อยู่หน้าครีบหลังไม่เลยเข้ามาถึงระหว่างนัยน์ตา เกล็ดตามเส้นข้างลำตัวมีจำนาน 50-85 แถว มีขนาดโตเต็มที่โดยเฉลี่ย 15 เซนติเมตร มักอยู่เป็นฝูงใหญ่ มีการอพยพขึ้นล่องตามแม่น้ำเพื่อวางไข่และหากินเป็นฤดูกาล มักอยู่ในแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลเชี่ยว หากินใกล้ผิวน้ำ พบตั้งแต่แม่น้ำโขงถึงแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนถึงมาเลเซีย กินแมลงหรือสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร
jungka
(336
)
คห.83: 3 ก.ค. 55, 21:05
ปลาซิว (อังกฤษ: Minnow) เป็นชื่อสามัญในภาษาไทยที่เรียกปลาน้ำจืดขนาดเล็กหลายชนิด ในหลายสกุล ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) อันดับปลากินพืช เช่น สกุล Rasbora ที่มีลำตัวยาว ตัวใส, สกุล Danio, สกุล Esomus ที่มีหนวดยาวเห็นชัดเจน, สกุล Chela ที่มีรูปร่างอ้วนป้อม โดยมากแล้วเป็นปลาที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ขนาดลำตัวไม่เกิน 5 เซนติเมตร หากินบริเวณผิวน้ำ
แต่ก็ยังมีหลายสกุล หลายชนิดที่กินเนื้อหรือกินลูกปลาเล็กเป็นอาหาร และมีขนาดลำตัวใหญ่กว่านั้น เช่น ปลาซิวอ้าว (Luciosoma bleekeri) หรือ ปลาสะนาก (Raiamas guttatus) เป็นต้น
โดยปลาจำพวกปลาซิวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ ปลาบ้า (Leptobarbus hoevenii) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดได้ถึง 80 เซนติเมตร
นอกจากนี้แล้ว ปลาซิว ยังอาจจะเรียกรวมถึงปลาในวงศ์อื่นหรืออันดับอื่นได้อีกด้วยที่มีรูปร่าง ลักษณะคล้ายเคียงกัน เช่น ซิวแก้ว (Clupeichthys aesarnensis) ในวงศ์ปลาหลังเขียว (Clupeidae) อันดับปลาหลังเขียว หรือ ปลานีออน (Paracheirodon innesi) ในวงศ์ปลาคาราซิน (Characidae) อันดับปลาคาราซิน เป็นต้น
อนึ่ง คำว่า ปลาซิวในนัยทางภาษาไทยใช้เปรียบเทียบกับคนขี้ขลาดหรือใจไม่สู้ ว่า ใจปลาซิว เพราะปลาซิวโดยมากเป็นปลาที่ตายง่ายมากเมื่อพ้นจากน้ำ นอกจากนี้แล้วยังมักถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบคู่กับปลาสร้อยว่า ปลาซิว ปลาสร้อย หมายถึง สิ่งที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีความสำคัญนัก เพราะปลาทั้งสองจำพวกนี้เป็นปลาขนาดเล็ก พบได้ทั่วไป
jungka
(336
)
คห.84: 3 ก.ค. 55, 21:05
ปลาซิวอ้าว (อังกฤษ: Apollo shark) เป็นชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Luciosoma bleekeri อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) วงศ์ย่อย Danioninae มีรูปร่างค่อนข้างเพรียว ลำตัวค่อนข้างกลม ส่วนหัวและจงอยปากยื่นยาว ปากกว้าง ไม่มีหนวด ตาโต เกล็ดใหญ่ ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อน ด้านหลังสีคล้ำ มีแถบสีดำพาดตามแนวยาวของลำตัวตั้งแต่ตาไปจนถึงโคนหาง ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 30 เซนติเมตร มักอาศัยเป็นฝูงเล็ก ๆ หากินใกล้ผิวน้ำ กินปลาเล็กและแมลงเป็นอาหาร ส่วนมากพบในแม่น้ำ ตั้งแต่แม่น้ำแม่กลองจนถึงแม่น้ำโขง มักบริโภคโดยการปรุงสด และทำปลาร้า และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย
ซิวอ้าว ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น นางอ้าว, อ้ายอ้าว
jungka
(336
)
คห.85: 3 ก.ค. 55, 21:06
ชื่อสามัญ Silver shark
ชื่อวิทยาศาสตร์ Balantiocheilos melanopterus (Bleeker, 1851)
ลักษณะทั่วไปของปลาหางไหม้
ปลาหางไหม้เป็นปลาน้ำจืดที่มีรูปร่างเรียวแบนด้านข้าง ขนาดที่พบในประเทศไทยประมาณ 20 เซนติเมตร แต่ในเกาะบอร์เนียวพบขนาดยาวถึง 35 เซนติเมตร ส่วนปากอยู่ด้านใต้ของส่วนหัว ริมฝีปากบนหนาเป็นปุ่ม และริมฝีปากล่างมีร่องซึ่งมีลักษณะคล้ายถุงเปิดออกทางด้านหลัง ขอบด้านหลังของครีบหลังและครีบก้นเว้าเห็นได้ชัด ก้านครีบก้านสุดท้ายของครีบหลัง หนา แข็ง และมีหยักซี่เล็ก ๆ ครีบหางมีลักษณะเป็นหางสามเหลี่ยมเว้าลึก ไม่พบว่ามีหนวดเลย ลำตัวทางด้านหลังสีเทาอมฟ้า ข้างลำตัวสีเงินวาว ครีบทุกครีบสีเหลืองขลิบดำทางด้านหลังยกเว้นครีบหู ปลาชนิดนี้ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ๆ ในแม่น้ำ และลำธารทั่วไป มีนิสัยชอบกินทั้งพืช และสัตว์ เช่น กุ้งขนาดเล็ก แมลงน้ำ และสัตว์ขนาดเล็ก ฯลฯ ปลาชนิดนี้มีความสามารถในการกระโดดลอยสูงจากผิวน้ำได้สูงถึง 2 เมตร ปลาตัวเมียค่อนข้างก้าวร้าวกว่าปลาตัวผู้ ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม
การแพร่กระจาย
ปลาหางไหม้ในประเทศไทย พบอาศัยอยู่ในแม่น้ำ และลำธารทั่วไป ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำโขง นอกจากนี้ยังพบแพร่กระจายอยู่ลาว กัมพูชา มลายู สุมาตราและบอร์เนียว
สถานภาพ
ในอดีตเคยมีปลาหางไหม้ชุกชุมในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มแม่น้ำโขง มีชุกชุมเป็นพิเศษในบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ สาเหตุของการใกล้สูญพันธุ์ เกิดจากการจับปลาหางไหม้เป็นจำนวนมากจากแหล่งน้ำธรรมชาติในระยะ 20 ปีที่แล้ว และการเน่าเสียของแหล่งอาศัยได้ทำให้ปลาชนิดนี้หมดไปจากแหล่งน้ำในหลายบริเวณ อย่างน้อยที่สุดก็หมดไปจากแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ปัจจุบันยังพอพบได้จากแหล่งน้ำอื่น ๆ ปีละ 5-10 ตัวเท่านั้น
jungka
(336
)
คห.86: 3 ก.ค. 55, 21:07
เดี๋ยวต่อใหม่นะคับ
ธนาทร
คห.87: 3 ก.ค. 55, 21:27
Sky21
คห.88: 3 ก.ค. 55, 21:49
++
Eak_ลูกพระเจ้าตาก
คห.89: 3 ก.ค. 55, 21:56
ขอบคุณครับน้าสำหรับข้อมูล
vvvv
(59
)
คห.90: 3 ก.ค. 55, 22:10
+++++
+++++
นายชักช้า
(9999
)
คห.91: 3 ก.ค. 55, 22:13
++
jungka
(336
)
คห.92: 3 ก.ค. 55, 22:37
ขอเพิ่มเติมปลาหมูที่ตกหล่นไปนะคับ
ปลาหมูข้างลาย
ชื่อสามัญ Tiger botia
ชื่อวิทยาศาสตร์ Syncrossus hymenophysa (Bleeker, 1852)
ลักษณะทั่วไปของปลาหมูลาย
เป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ปลางวง เป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ตามดินดาน หรือ ดินทราย ที่มีกระแสน้ำไหลเอื่อย ๆ ชอบอยู่ตามซอกหรือตามโพรง ลำตัวมีสีสันสวยงดงาม ลำตัวป้อม ด้านข้างแบน จะงอยปากเล็กเรียว ตรงปลายมีหนวดเป็นกระจุก ปากมีขนาดเล็ก ตาเล็ก มีเงี่ยงแหลม ปลายแยกเป็นสองแฉก ครีบหางปลายแยกเป็นแฉกลึก ครีบหลังอยู่กึ่งกลางลำตัว ขนาดของครีบหู ครีบท้อง และครีบก้นมีขนาดใกล้เคียงกัน ลำตัวมีสีเหลืองแกมเขียวมีริ้วสีน้ำเงินเข้มพลาดขวางลำตัวประมาณ 11 แถบ ครีบหู และครีบก้นเป็นสีเหลือง ขนาดใหญ่ที่พบมีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ขนาดที่พบส่วนมากมีขนาด 12-15 เซนติเมตร
การแพร่กระจาย
ปลาหมูข้าลาย พบแพร่กระจายทั้งใน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน่าน แม่น้ำยม บึงบอระเพ็ด เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบในแม่น้ำโขง
jungka
(336
)
คห.93: 3 ก.ค. 55, 22:39
ปลาหมูหางแดง
ชื่อสามัญ Redtail botia
ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia modesta (Bleeker, 1864)
ลักษณะทั่วไปของปลาหมูหางแดง
เป็นปลาขนาดเล็ก ลำตัวเรียวยาว มีขนาดประมาณ 5-10 เซนติเมตร ส่วนหลังโค้งลาดมายังส่วนหัวและส่วนหาง จะงอยปากเรียวแหลม ปากเล็ก ริมฝีปากบนมีหนวดสั้นอยู่ 3 คู่ ตาเล็ก มีเงี่ยงแหลมปลายแยกเป็น 2 แฉกอยู่หน้าตา ใช้ในการต่อสู้ และป้องกันตัว ครีบหลังใหญ่ ครีบหางปลายแยกเป็นแฉก ส่วนครีบหู ครีบท้อง และครีบก้นมีลักษณะปลายมน สีของลำตัวเป็นสีเขียวปนเทา หลังมีสีเทาเข้ม ท้องสีเทา มีแถบสีดำจางที่โคนครีบหาง กินตัวอ่อนแมลง และหนอนที่อยู่ตามโคลนตม ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงตามบริเวณพื้นโคลน ตอไม้ รากไม้ และซอกหินใต้น้ำ
การแพร่กระจาย
ปลาหมูหางแดงพบมากในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำโขง
clashfan
(3770
)
คห.94: 3 ก.ค. 55, 22:40
++++8++++ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ................
jungka
(336
)
คห.95: 3 ก.ค. 55, 22:40
ชื่อสามัญ Red tail หรือ Tinfoil barb
ปลาตะเพียนทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Barbonymus altus (Günther, 1868)
ลักษณะทั่วไปของปลาตะเพียนทอง
ลำตัวเป็นสีน้ำตาลทองซึ่งในช่วงวัยเจริญพันธุ์มีสีลำตัวเป็นสีเหลืองทอง ลักษณะโดยทั่วไปเหมือนกับปลาตะเพียนขาว คือ ลำตัวแบนข้าง หัวเล็ก ปากเล็ก ริมฝีปากขอบส่วนโค้งยกสูงขึ้น ความยาวของลำตัวเท่ากับ 2.5 เท่าของความสูง จะงอยปากแหลม มีหนวดเส้นเล็ก ๆ 2 คู่ ลำตัวเป็นสีเงิน ส่วนหลังมีสีคล้ำ ส่วนท้องสีขาว โตเต็มที่มีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร แต่ปลาตะเพียนทองมีสีสวยงามกว่า ที่ฐานของครีบหางเป็นสีแดงส้ม ครีบหลัง ครีบท้อง และครีบก้นมีสีส้ม ซึ่งสีลดลงเมื่อปลาอายุมากขึ้น การกินอาหารกินพืช และสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร วางไข่ในฤดูฝน โดยวางไข่บริเวณน้ำไหล เป็นไข่แบบครึ่งจมครึ่งลอย
การแพร่กระจาย
ปลาตะเพียนทองอาศัยอยู่ในแม่น้ำ ลำธาร และทะเลสาบ นอกจากนี้ยังพบแพร่กระจายอยู่ ลาว กัมพูชา มลายู และ อินโด
wanna2940
(1333
)
คห.96: 3 ก.ค. 55, 22:42
++++++1 ติดตามชมติดตามเชียร์ค่ะ
jungka
(336
)
คห.97: 3 ก.ค. 55, 22:42
ปลากาแดง
ชื่อสามัญ Rainbow sharkminnow
ชื่อวิทยาศาสตร์ Epalzeorhynchos frenatum (Fowler, 1934)
ลักษณะทั่วไปของปลากาแดง
ปลากาแดง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กาแดงนคร อยู่ในสกุลเดียวกับปลาทรงเครื่องดูคล้ายปลาทรงเครื่องมาก แต่แตกต่างที่ลำตัวค่อนข้างยาว เรียวกว่า ตัวไม่ดำอย่างปลาทรงเครื่อง เป็นปลาที่มีลักษณะ มีรูปร่างยาวเพรียว คล้ายฉลาม หัวเล็กปากเล็ก มีหนวด 4 เส้น ครีบมีขนาดใหญ่ และสูง จัดเป็นปลาที่สวยงามชนิดเนื่องจากมีครีบต่าง ๆ เป็นสีแดงสด หรือ สีส้มอมแดง ตัดกับลำตัวสีดำ มีเส้นสีดำคาดตา และจุดสีดำรูปไข่ บริเวณโคนที่คอดหาง ในอดีตจับได้จำนวนมากจากแม่น้ำโขง ที่จังหวัดนครพนม จึงได้ชื่อว่า กาแดงนครพนม และพบที่แม่น้ำสงคราม กินอาหารจำพวกสาหร่าย และตะไคร่น้ำที่ขึ้นตามโขดหิน แพลงก์ตอนสัตว์ และเศษพืชเน่าเปื่อย ปลาชนิดนี้มีขนาดเล็กเพียง 12 เซนติเมตรเท่านั้น
การแพร่กระจาย
ถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบในแม่น้ำภาคกลางตั้งแต่ แม่น้ำเจ้าพระยา บางปะกง และแม่น้ำแม่กลองที่ราชบุรี กาญจนบุรี ภาคเหนือที่สุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบที่แม่น้ำโขง
jungka
(336
)
คห.98: 3 ก.ค. 55, 22:45
ปลาทรงเครื่อง
ชื่อสามัญ Redtail sharkminnow
ชื่อวิทยาศาสตร์ Epalzeorhynchos bicolor (Smith, 1931)
ลักษณะทั่วไปของปลาทรงเครื่อง
ลักษณะของปลาทรงเครื่องจะมีลำตัวยาวเรียว จะงอยปากสั้นทู่ นัยน์ตาค่อนข้างโต ว่ายน้ำปราดเปรียว ลำตัวแบนข้าง มีสีดำหรือน้ำเงินเข้มปนดำ ไม่มีก้านครีบแข็ง ครีบสูง และมีขนาดใหญ่สะดุดตา ครีบหางมีขนาดใหญ่ และเว้าลึกเป็นแฉกสีแดง หรือแดงอมส้ม และครีบอื่น ๆ มีสีเทาจาง ปลาทรงเครื่องมีหนวดสั้น ๆ 2 คู่ ปากมีขนาดเล็ก ริมฝีปากบนงุ้ม ยาวกว่าริมฝีปากล่าง ปากอยู่ในระดับขนานกับพื้นท้องน้ำ ขอบของริมฝีปากบนมีลีกษณะเป็นขอบครุย บริเวณข้างลำตัวมองเห็นจุดสีดำอยู่ข้างละ 1จุด อยู่เหนือครีบอก มีความยาวประมาณ 9-10 ซม. ตัวใหญ่มาก ๆ ที่พบมีขนาดประมาณ 12 ซม. ในวงการปลาสวยงามเรียกปลาชนิดนี้ว่า ปลาฉลามหางแดง เพราะมีหุ่นเพรียวเป็นปลาที่ปราดเปรียว และว่องไว คล้ายฉลาม ปลาทรงเครื่องเป็นปลาปากคว่ำ ชอบซอนไซ้หากินตามพื้นตู้ ก้นบ่อ และชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ กินอาหารพวกสาหร่าย ตะไคร่น้ำที่ขึ้นตามโขดหิน
การแพร่กระจาย
ปลาทรงเครื่อง ตามประวัติพบเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น พบในลุ่มน้ำแม่กลองที่กาญจนบุรี เจ้าพระยา บึงบอระเพ็ด และบางปะกง เคยเป็นหนึ่งในชนิดพันธุ์ที่ผู้เชี่ยวชาญ สำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม จัดให้อยู่ในสถานภาพของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ แต่ในปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้
jungka
(336
)
คห.99: 3 ก.ค. 55, 22:48
ต่อไปจะเป็นประเภทปลา เสือ นะคับ
ปลาเสือสุมาตรา
ชื่อสามัญ Tiger barb
ชื่อวิทยาศาสตร์ Puntius partipentazona (Fowler, 1934)
ลักษณะทั่วไปของปลาเสือพ่นน้ำ
ปลาเสือสุมาตราเป็นปลาที่มีขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายปลาตะเพียนแต่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั่วไปลำตัวมีสีเหลืองทอง มีแถบสีดำพาดขวางลำตัว 5 แถบ ตั้งแต่หัว หน้าครีบหลัง บนครีบหลัง เหนือครีบก้น และปลายคอดหาง บริเวณปลายครีบมีสีส้ม ปลาเสือสุมาตราเป็นปลาที่ว่ายน้ำตลอดเวลา และมีความว่องไว ค่อนข้างทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ปลาตัวผู้มีสีเข้มสดใส ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงบริเวณผิวน้ำ แต่มีนิสัยก้าวร้าว โตเต็มที่มีขนาด 5 เซนติเมตร
การแพร่กระจาย
ปลาเสือสุมาตราเป็นปลาที่พบแพร่กระจายอยู่ทั่วไปในแถบทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณหมู่เกาะสุมาตราบอร์เนียว กาลิมันตัน มาเลเซีย และประเทศไทย ซึ่งในประเทศไทยพบในบริเวณ แม่น้ำ ลำธาร และอ่างเก็บน้ำเกือบทั่วทุกภาคของไทย
การเพาะพันธุ์ปลาเสือสุมาตรา
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์
ปลาตัวผู้มีรูปร่างเพรียวแลดูยาว และแบนข้างมากกว่าตัวเมีย บริเวณปาก และครีบ มีสีออกแดง ส่วนตัวเมียมีลำตัวใหญ่ และป้อมกว่า ส่วนบริเวณปากมีสีไม่เข้มเหมือนตัวผู้ ปกติตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้
การเพาะพันธุ์
ปลาเสือสุมาตราเพาะพันธุ์โดยการวางไข่ ไข่จะมีส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มม. ไข่มีสีออกค่อนข้างเหลือง ไข่ปลามีลักษณะเป็นไข่ประเภทเกาะติด ลูกปลาใช้เวลาในการฟักตัวออกจากไข่ประมาณ 36 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส ตู้เพาะพันธุ์ควรใช้ตู้ปลาขนาด 12x20 นิ้ว โดยใส่สาหร่ายลงในตู้ เพื่อให้ไข่ปลาเกาะได้ น้ำควรเป็นน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อ และกำจัดคลอรีนแล้ว เมื่อเตรียมอุปกรณ์ พร้อมแล้วให้นำพ่อแม่พันธุ์ปล่อยลงในตู้ ปกติปลาชนิดนี้ไข่ในช่วงเช้ามืด จำนวนไข่ในแต่ละคอกเฉลี่ยประมาณ 200-300 ฟอง เมื่อพบปลาวางไข่เป็นที่เรียบร้อย แล้วให้ตักพ่อแม่ปลาออก
การอนุบาลลูกปลา
เมื่อลูกปลาฟักออกเป็นตัวแล้วยังไม่ต้องให้อาหาร ประมาณ 2 วัน ลูกปลายังคงใช้อาหารสำรอง และเมื่อลูกปลาอายุ 3 วัน ควรให้อาหารโดยใช้ไข่ต้มสุกแล้วนำเฉพาะไข่แดงมาบดให้ละเอียด แต่อย่าให้อาหารปลามากจนเกินไปเพราะทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย หรือถ้ามีโรติเฟอร์ก็ควรให้กินในระยะนี้ เพราะทำให้ลูกปลามีอัตราการรอดตายสูงขึ้น หลังจากนั้นควรเริ่มให้ลูกไรเป็นอาหารอาหารสำหรับลูกปลา ปลาเสื่อสุมาตรา สามารถกินได้แทบทุกชนิด รวมทั้งอาหารสำเร็จรูป
jungka
(336
)
คห.100: 3 ก.ค. 55, 22:52
ปลาเสือตอ
ชื่อสามัญ Tiger fish , Siamess tigerfish , Gold datnoid
ชื่อวิทยาศาสตร์ Datnioides undecimradiatus (Roberts & Kottelat, 1994)
ลักษณะทั่วไปของปลาเสือตอ
ปลาเสือตอเป็นปลาในวงศ์ Family Lobotidae ซึ่งปลาในวงศ์นี้ ในแหล่งน้ำจืดของประเทศไทย พบเพียง 2 ชนิด คือ ปลาเสือตอ และปลากระพงลาย ปลาทั้งสองชนิดมีรูปร่างคล้ายกันมากต่างกันที่ลายบนตัวปลาซึ่งในปลาเสือตอมีเส้นลายดำพาดขวางประมาณ 6 แถบ แต่ในปลากระพงลายเส้น ลายดำมีถึง 8-10 แถบ และสีของปลาเสือตอเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล ส่วนของปลากระพงลาย เป็นสีเงินอมเทา ปลาเสือตอเป็นปลาที่มีรูปร่างค่อนข้างแปลก หัวแหลมท้ายกว้าง ลำตัวค่อนข้างลึกแบนข้าง ลำตัวสีครีมหรือสีน้ำตาลอ่อน จุดเด่น คือ มีลายดำพลาดขวางลำตัว 6 ลาย จะงอยปากยื่นยาว ปากกว้างสามารถยืดหดได้ ดวงตากลมมีขนาดใหญ่ ส่วนหัวลาดลงเป็นปลายแหลม และมีครีบ 7 ครีบ ครีบหลังแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นหนามแหลมแข็งแรง 12 อัน ครีบท้อง 1 คู่ อยู่ใต้ครีบอก ครีบก้นเป็นหนามแข็ง 3 อัน และส่วนที่เหลือเป็นก้านครีบอ่อน ครีบหางมีลักษณะกลมแบบพัด ในแหล่งน้ำธรรมชาติพบมีความยาวประมาณ 40 ซม. สำหรับปลาเพศผู้หรือเมียค่อนข้างดูยาก
ปลาเสือตอที่พบในประเทศไทยมีลายบนตัวแตกต่างกันเป็น 2 พวก โดยพวกแรกมีลายสีดำที่มีขนาดใหญ่ พื้นที่ของเส้นดำกลางตัวกว้างพอ ๆ กับส่วนของสีพื้น ซึ่งเป็นสีอ่อน มักรู้จักในชื่อเฉพาะว่า ปลาเสือตอลายใหญ่ และอีกชนิดหนึ่งลักษณะเส้นของลายดำที่พาดแต่ละเส้นมีขนาดเล็ก โดยเล็กกว่าชนิดลายใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่านั้น ปลาลายเส้นเล็กนี้เป็นปลาที่พบทั่วไปเป็นส่วนใหญ่เรียกว่า ปลาเสือตอลายเล็ก ตามธรรมชาติปลาเสือตอชอบหากินอยู่ในระดับน้ำลึกประมาณ 2-3 เมตร ไม่ชอบที่มีพันธุ์ไม้น้ำขึ้นหนาแน่น แต่ชอบอยู่ในที่มีเสาหลัก ต่อไม้ใต้น้ำ อุปนิสัยคอยจ้องจับเหยื่อโดยแฝงตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ซึ่งการชอบอาศัยอยู่ที่ตอไม้นี่เอง จึงถูกเรียกว่าปลาเสือตอ อาหารของปลาเสือตอ ได้แก่ ปลาขนาดเล็ก และลูกกุ้ง การกินอาหารของปลาเสือตอโดยการพุ่งเข้าฮุบเหยื่ออย่างว่องไว ขณะที่กินอาหารปลาจะมีสีที่สดใส และมักกางหนามของครีบหลังตั้งขึ้น เป็นปลาที่มีประสาทตาไว คอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ปลาเสือตอเป็นปลาที่รักสงบไม่ก้าวร้าวสามารถเลี้ยงรวมกันได้หลายตัว และสามารถเลี้ยงปนกับปลาอื่นที่มีขนาดไล่เลี่ยกันได้ ปลาเสือตอในภาคกลาง ปัจจุบันนี้ได้ลดจำนวนลงมาก และกำลังจะสูญพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง
ปลาเสือตอที่พบในแหล่งน้ำทางภาคอีสาน เป็นปลาเสือตอลายเล็ก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coius undecimraciatus หรือในชื่อเรียกที่รู้จักในตลาดปลาสวยงามว่า "เสือตอลายเล็ก" พบมากในแม่น้ำโขงแถบจังหวัดหนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี ยโสธร ในแม่น้ำมูล มีจำนวนค่อนข้างมาก ราคาซื้อขายขนาดเล็ก 2 นิ้วฟุต ตัวละ 20-50 บาท
ปลาเสือตอลายใหญ่ และเสือตอลายคู่ (ลาย 7 ขีด) ปลาเสือตอทั้ง 2 ชนิด นี้ต้องนำเข้ามาจากประเทศเขมร เป็นปลาที่จับจากแหล่งน้ำธรรมชาติ คือ ทะเลสาบในประเทศเขมร โดยมีพ่อค้าคนกลางเก็บรวบรวม ปลาเสือตอทุกขนาดลำเลียงเข้ามาในประเทศไทย เพื่อขายส่งต่อไปยังต่างประเทศทั่วโลกเป็นสินค้าปลาสวยงามนิ้วละ 60-100 บาท
การแพร่กระจาย
การแพร่กระจายของปลาเสือตอ มีชุกชุมบริเวณภาคกลางของประเทศไทย ในแม่น้ำเจ้าพระยา บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีพบที่แม่น้ำน่าน และแม่น้ำโขง ส่วนในต่างประเทศพบที่ กัมพูชา สุมาตรา พม่า บอร์เนียว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
<
1
2
3
4
5
>
>>
no ads
siamfishing.com © 2024