กระดาน
รีวิว
ตลาด
ประมูล
เปิดท้าย
เรือ
แหล่งตกปลา
ร้านค้า
ค้นหาข้อมูล
Login
สมัคร
27 พ.ย. 67
ทำไงดีเมื่อเจอถามว่า ตกปลาไม่กลัวบาปบ้างไง: SiamFishing : Thailand Fishing Community
<
1
2
3
4
กระดาน
คห. 96 อ่าน 13,835 โหวต 19
ทำไงดีเมื่อเจอถามว่า ตกปลาไม่กลัวบาปบ้างไง
webmaster
(2910
)
2
คห.76: 1 เม.ย. 52, 12:58
กว่าผมจะตอบคำถามนี้ได้แบบนิ่งๆ ผมต้องใช้เวลาคิดทบทวนอยู่หลายปีครับ
คำว่า "การทำบาป" ในสังคมไทย มักจะมีความหมายสื่อไปในทาง "การทำผิด หรือทำความเลว"
แต่อันที่จริงแล้ว "บาป" ต้องพิจารณา "ศาสนา" ประกอบด้วย เพราะแต่ละศาสนาจะมีแนวคิด
เรื่อง "บาป" แตกต่างกันไป
หากเป็นศาสนาพุทธ การตกปลา พิจารณาอย่างไรก็เป็นการเบียดเบียนสัตว์อื่น อย่างนี้ยังไงก็บาป
จะมากจะน้อย จะตกอยู่ที่คนทำหรือคนกิน ก็สุดแล้วแต่แนวคิดของแต่ละท่าน แต่ละนิกาย
สำหรับผม ถึงที่สุดแล้วศาสนาก็เป็นเรื่องของหลักคิด ความเชื่อ และแนวทางปฏิบัติ ที่ศาสดาแต่ละท่าน
ได้ให้ไว้ ในแง่ของการอยู่ร่วมกันในสังคม เรายึดถือกฎหมายซึ่งจะระบุไว้ชัดว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก
ประเทศส่วนใหญ่ในโลก ก็จะยึดถือกฎหมาย ไม่ใช่ศาสนา เป็นหลักในการตัดสิน
มาถึงจุดนี้ ก็เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่าสำหรับผมแล้ว การทำบาป กับการทำเลว มันคนละเรื่องกัน
และผมก็คิดว่าการตกปลา เป็นการทำบาป หากพิจารณาตามหลักศาสนาพุทธ
ส่วนที่ผู้ตั้งกระทู้ตั้งคำถามไว้ว่า
ทำไงดีเมื่อเจอถามว่า ตกปลาไม่กลัวบาปบ้างไง
ผมจะตอบว่าไม่กลัวบาป
และถ้ามีคำถามเพิ่มเติมไปอีกว่า
ทำบาปแล้วไม่กลัว ตก นรกเหรอ
ผมก็จะตอบว่า ไม่กลัว
และถ้ามีคำถามเพิ่มเติมอีกว่า
ทำไมถึงไม่กลัว ตก นรก
ผมก็จะตอบว่า ผมไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อเรื่องการมีอยู่ของนรก และสวรรค์
และถ้ามีคำถามเพิ่มเติมอีกว่า
ทำไมถึงไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ผมก็จะตอบว่า ให้ลองอ่านบทความในสยามฟิชชิ่ง เรื่อง
การตกปลา พุทธศาสนา และชีวิต
http://www.siamfishing.com/content/view.php?id=183&cat=article
............................................
23 ธันวาคม 2545
จะว่าไป ผมเองมีประสบการณ์ที่ไม่ดีนักกับศาสนาพุทธ เพราะพี่ชายผมซึ่งเข้าวัดเข้าวา มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ค่อนข้างจะมีแนวคิดและวิถีชีวิตแปลกแยกกับคนในครอบครัว ทำนองว่ายิ่งเข้าวัด ก็ยิ่งแปลกแยก พอเข้ามหาวิทยาลัยในปี 2529 ผมเจอกับชมรมพุทธในแนวที่วางตัวดุจผู้สูงส่งในธรรม ยกย่องเชิดชูการออกบวชตลอดชีพ มุ่งแสวงหาความสุขสูงสุดส่วนตน นั่นยิ่งตอกย้ำความขัดแย้งให้มากขึ้น
นอกจากการถูกตำหนิอย่างไม่ธรรมต่อการตกปลาแล้ว ความเหลื่อมล้ำต่ำสูง ปัญหาสังคมสารพัน ก็เป็นแรงผลักดันที่ผมมักจะนำไปโต้แย้งว่า แนวคิดเรื่องกฎแห่งกรรม ที่หยิบยกตัวอย่างขึ้นมานั้น ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมอีกมากมาย รวมไปถึงการถกเถียงความมีอยู่จริงของชีวิตหลังความตาย บางครั้งก็ไปไกลถึงการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตนอกโลก การแลกเปลี่ยนถกเถียงก็มักจะจบด้วยการส่ายหัวทำนองว่าผมเป็นประเภทบัวใต้น้ำ บ้างก็สรุปว่าผมมีมิจฉาทิฐิ บางคนก็จะปิดประเด็นด้วยคำพูดทำนองว่า เขายังศึกษามาไม่มากพอ จะอธิบายเรื่องนี้ก็ต้องถามผู้รู้
อย่างไรก็ตาม ลึกๆแล้วผมก็ยังคิดว่าพุทธศาสนา ไม่น่าจะมีมุมมองที่คับแคบเช่นที่ปรากฏเห็น และที่สำคัญที่สุด ในยามที่ผมเฉียดตายทีไร ผมรู้สึกว่าความเข้มแข็งทางจิตใจผมมักสูญหายไปหมด ความเชื่อมั่นว่าไม่มีชีวิตหลังความตายก็สั่นคลอน แนวคิดเรื่องนรกสวรรค์ที่เคยปฏิเสธกลับมาวนเวียนให้กังวล ผมจึงตกอยู่ในสภาวะที่ดูเหมือนจะมั่นคงทางตรรกะ แต่ไม่มั่นคงในระดับจิตใต้สำนึก จะทำใจให้เชื่อตามคนหมู่มากก็ทำไม่ได้ แนวทางที่ตัวเองจะไปก็ไม่ชัดเจน
ในเมื่อหาคำตอบจากใครไม่ได้ ก็น่าจะลองศึกษาเองดูบ้าง ด้วยความที่ไม่มีศรัทธามาเป็นตัวนำ หนังสือพุทธศาสนาที่อ้างถึงสิ่งที่เป็นเรื่องของความเชื่อ สิ่งเหนือธรรมชาติ ผมก็มักจะผ่านไปเลย ส่วนที่มุ่งเน้นในเรื่องการทำสมาธิ ผมก็เห็นว่า โดยสภาพแล้ว ผมก็ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้ จะพูดกันอย่างถึงที่สุด ผมคาดหวังว่าอย่างไรเสียพุทธศาสนา ก็น่าจะเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล แม้จะไม่สามารถอธิบาย หรือเป็นทางสว่างให้กับสังคมได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเป็นแนวทางให้ผู้ปฎิบัติได้ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นได้
จนกระทั้งในที่สุด ต้นปี 2541 ผมก็ได้ไปพบหนังสือซึ่งมีอธิพลต่อชีวิตผมที่สุดเล่มหนึ่ง ชื่อ "พุทธธรรม" ตอนนั้นผมไม่เคยได้ยินใครเอ่ยถึงหนังสือเล่มนี้มาก่อน รวมทั้งไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อของผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ อย่างไรก็ดี หนังสือเล่มนี้มีความพิเศษ โดดเด่นกว่าหนังสือธรรมมะทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่รูปเล่มที่ทำอย่าง ประณีต มีการอ้างอิงคัมภีร์ที่อย่างละเอียด ในส่วนสารบาญ แบ่งเป็นตอนๆ เริ่มตั้งแต่ ชีวิตคืออะไร? ชีวิตเป็นอย่างไร? ชีวิตเป็นไปอย่างไร? ชีวิตควรให้เป็นอย่างไร?
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีความมุ่งหมายที่จะแสดงหลักธรรมเป็นไปอย่างเที่ยง ตรงที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้วท่านจะอ้างเฉพาะสิ่งที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเท่านั้น โดยยึดหลักของความสอดคล้องของหลักธรรมโดยรวม พร้อมทั้งนำเอาพุทธประวัติมาพิจารณาประกอบในส่วนที่จำเป็น ทำให้พุทธศาสนาในการตีความของท่าน มีความน่าเชื่อถือตามหลักวิชาการเป็นอย่างยิ่ง และด้วยความตั้งใจที่จะให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าถึงพุทธธรรมได้ หากไม่จำเป็นต้องใช้บาลี ท่านก็จะเลี่ยง หากจำเป็นต้องใช้ ท่านก็จะอธิบายประกอบอย่างละเอียด
ผมเพิ่งมาสังเกตว่า ในช่วงสามสีปีที่ผ่านมา ผมมีความสนใจที่จะอ่านหนังสือพุทธศาสนา ไปพร้อมความสนใจในการอ่านหนังสืออารยะธรรมที่สาบสูญ หนังสือดาราศาสตร์ รวมไปถึงหนังสือที่เกี่ยวกับดาวเคราะห์น้อยและอุกาบาต ส่วนแรกทำให้ผมได้พบปัญญาที่ยิ่งใหญ่ รวมไปถึงแนวทางการพัฒนาชีวิตให้ดีงามขึ้น ส่วนที่สองผมทำให้ได้เห็นว่าชีวิตในเป็นเรื่องชั่วคราวโดยแท้ ในระดับเอกภพแล้วโลกเรานั้นเพิ่งรวมกันเป็นก้อนกลมได้ไม่นาน ชีวิตบนโลกปรากฏขึ้นมาได้ก็หลังจากที่โลกเริ่มเย็นตัว ส่วนเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งปรากฎขึ้นบนโลกในระยะ หลัง และอารยะธรรมในยุคปัจจุบันดำรงอยู่ได้จนถึงวันนี้ ก็เป็นเพียงแค่ความโชคดีที่ธรรมชาติให้โอกาสเราในชั่วขณะ
ถึงจุดนี้ ผมรู้สึกว่า ความกังวลใจในชีวิตหลังความตายที่มักจะเผยตัวเมื่อชีวิตอยู่ในยามคับขัน นั้นลดลงไปมาก เพราะความคิดดังกล่าว เอาเข้าจริงๆแล้ว ก็มีพื้นฐานมาจากแนวความเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิดซึ่งซ่อนความเชื่อการดำ รงค์อยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างเป็นนิรันดร์ ขณะที่ความจริงแล้วมนุษย์เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตหนึ่ง ที่เพิ่งปรากฏขึ้นในซอกหนึ่งของจักรวาลเมื่อเร็วๆ นี้เอง
.............................................
POMBINTHAI
(40
)
คห.77: 1 เม.ย. 52, 13:10
นายนู๋
คห.78: 1 เม.ย. 52, 13:21
ชอบคำตอบ น้า ป้อมที่สุดครับ
มด ขี้ขม
(478
)
คห.79: 1 เม.ย. 52, 14:24
เยี่ยมครับน้าเว็บ
KK FISHING
(3483
)
คห.80: 1 เม.ย. 52, 14:58
ขอบคุณครับน้าเว็บที่ร่วมแสดงความคิดเห็นของผม
ขอบคุณครับ
kk fishing
ผู้เสนอบทความ
takecontrol
(24
)
คห.81: 1 เม.ย. 52, 23:37
ป้าผมถามว่าจะไปตกปลาเหรอไม่กลัวบาปหรือไง ผมเลยถามป้าแกว่า ป้ากินไก่กินหมูไหมครับ..........
สุดท้าย โดนสวดซะบทใหญ่เลยครับ 5555
sumate
คห.82: 2 เม.ย. 52, 00:34
จะบอกพวกคุณน้าๆที่โดนคำถามนี้กันนะครับ
แหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดบนผืนโลกใบนี้คือมหาสมุทรครับ รวมทั้งออกซิเจนที่อยู่บนโลกใบนี้ได้มาจากมหาสมุทรเกิน 70เปอร์เซ็นต์ จากการสังเคระห์แสงของแพลงค์ตอนพืชที่อยู่ระดับไม่ลึกมากนักในมหาสมุทร
คุณไม่สามารถเลี้ยงชีวิตคนบนโลกด้วยแหล่งอาหารบนบกได้เพียงพอครับ แล้วที่สำคัญคุณรู้ไหมว่ายังมีมนุษย์บนโลกใบนี้ ตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร แบบยังไม่รู้เลยว่าจะมีอาหารตกถึงท้องบ้างหรือไม่ ไม่รู้เลยว่าพวกเค้าจะเป็นโรคขาดสารอาหารตายหรือไม่ได้ข้อมูลมาจากแหล่งวิชาการครับ ว่า ถ้าอยากให้มนุษย์บนโลกใบนี้มีอาหารกินกัน เราต้องช่วยกันอนุรักษ์ทรัพย์ยากรย์ในมหาสมุทร เพราะโลกนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นมหาสมุทรครับ จำเป็นมากที่ต้องเอาปลามาบริโภค เพื่อสารอาหารที่เพียงพอ ขนาดตอนนี้มีการจับสัตว์น้ามในมหาสมุทรมามากมาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษยชาติ
ในความเห็นส่วนตัวผม ยอมจับสัตว์น้ามโดยรู้จักการบริหารทรัพยากรที่ดีพอเพื่อคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ มาให้เพื่อนมนุษย์บนโลกได้พ้นจากความหิวโหย เมื่อท้องอิ่มก็มีสติปัญญาที่จะรักษาโลกใบนี้ให้สวยงามต่อไปเต็มไปด้วยอารยธรรมที่สวยงาม ดีกว่าครับ
luzifer
(3326
)
คห.83: 2 เม.ย. 52, 01:40
ผมกลัวบาปครับ แต่กลัวจะอดตายมากกว่า (ไอตัวผมก็สังเคราะห์แสงเองไม่ได้ด้วยสิ)
joyboy
(125
)
1
คห.84: 2 เม.ย. 52, 02:02
ตามหลักพระพุทธศาสนา การเบียดเบียนมันบาป...เราตกปลา...เบียดเบียนมันบาป...เราก็รู้...เราเบียดเบียนหมู-วัว-กุ้ง-หอยฯลฯ...มันก็บาป เราก็รู้...แต่ที่เขาบอกว่าตกปลามัน(ดู)บาป...ก็ช่างเขา....ถึงเราบาปแต่เราก็ยังรู้ตัว...ดีกว่าคนที่ทำบาปมากมายโดยไม่รู้สักนิดว่าตัวเองกำลังทำบาป..................
"ฉันมันบาป โทษกัน ฉันไม่ว่า
แต่อย่ามา บอกว่า เลิกได้ไหม
ขอสักอย่าง เถิดที่รัก ขอจากใจ
......................................"
ท่อนสุดท้ายขอแรงน้าๆช่วยต่อให้ทีนะครับ
--เงียบปาก--
(234
)
คห.85: 2 เม.ย. 52, 02:15
เหะๆๆๆๆ
เบื่อมากกับคำถามเเบบนี้
ผมเคยโดน ม๊า ถามคำถามเเบบนี้
ผมก็จะตอบกลับไปในทันที่ว่า
ม๊าอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยครับ ไม่อยากทะเลาะด้วย
ถ้ายังพูดอีก ผมก็จะตอบกลับไปอีกว่า
ที่กิน หมู กินไก่ กินเนื้อทุกๆอย่าง มันไม่บาปหรอ
เเล้วถ้ายังพูดอีก
ผมก็จะตอบไปอีกว่า จำทีม๊าเคยให้ผมเลือกได้ไหม ระหว่างเลิกตกปลากับเลิกกินเนื้อวัว [ ตอนนั่นผมกินเเต่เนื้อวัวครับ เช้า กลางวัน เย็น ชอบมาก ]
ผมก็เลือกเเล้วว่า ผมขอเลิกกินเนื้อวัวเเล้วกันนะครับ
เเต่ถ้ายังถามอีก
ม๊า ผมปวด ขี้ ครับ เดียวไปขี้ก่อนครับ ตัดบท
ส่วนเพื่อน ก็เคยถาม
ผมก็จะตอบกลับไปว่า
มรึงหยุดพูดเลยนะ ตรูไม่ชอบ OK
ส่วนเเฟน ก็เคยถาม
ผมก็จะตอบกลับไปว่า
ลองตกดูสิเเล้วจะรู้ว่ามัน ซานุ๊กกกกกก ซาสนุกกกกกก ขนาดไหน
เเต่ถ้าเจอคำถามเเบบว่า ระหว่างตกปลากับเรา เธอจะเลือกใคร
ตรูเดินหนี หรือไม่ก็บอกไปว่ามันไม่เหมือนกัน อย่าถามเลยเหะ
บทสรุป
ตรูไม่กลัว
ถ้ากลัว ก็ หยุดตกเเล้วววววว
<(กินปลามากๆจะได้ฉลาด)>
คห.86: 2 เม.ย. 52, 03:38
ไม่มีถูก ไม่มีผิด
ไม่มีดี ไม่มีเลว
ไม่มีบาป ไม่มีบุญ
ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ที่มุมมองและวิธีคิด
หนุ่ย bnl
(701
)
คห.87: 2 เม.ย. 52, 08:45
ผมคิดว่าแล้วแต่เจตนานะครับ เราตกมากิน ตัวเล็กปล่อย
ถ้าคนอื่นมองว่าบาป ลองคิดดูง่ายๆเลยนะครับ เราซื้อปลาไปกิน
คนหาปลาก็ต้องเอามาขาย เท่ากับว่าเราสั่งให้คนหาปลาทำบาปอ่ะดิ
แล้วงี้ใครบาปกว่ากันอ้ะ
ผมคนนึงคิดว่าไม่บาปครับ เพราะมันเป็นวัฏจักร
brsp
(301
)
คห.88: 2 เม.ย. 52, 11:44
ใครบ้างไม่มีบาป มีทุกคนนั่นแหละ แต่จะมากหรือน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้จะเอาอะไรมาวัด เพราะฉะนั้นอย่าเก็บไปใส่ใจเลยครับ สำหรับผม ตกปลาคือกิจกรรมยามว่างอันดับแรกที่ผมคิดจะทำ
กุ้งหอยปูปลา
(34
)
คห.89: 2 เม.ย. 52, 13:39
ทำอย่างอื่นบาปกว่านี้อีก...
ไม่เห็นจะกลัวเลย...
ก็คนมันชอบนี่หว่า....
x - lay
(264
)
คห.90: 2 เม.ย. 52, 13:53
ถ้าการตกปลาแบบทำลาย...ตกมาทิ้งๆขว้างๆทำให้ชีวิตต้องศูนย์เปล้าไม่เกิดประโยชน์....สำหรับผมถือว่าบาบแต่ถ้าชีวิตที่เราเอามาเราใช้ให้เกิดปนระโยชน์สูงสุด....ผมไม่ถือว่าบาบ.....ถ้าการทำลายชีวิตโดยไม่สนใจวัตถุประสงค์....แค่คุณเกิดมาก็บาบแล้วกว่าคุณจะโตขึ้นมาคุณฆ่าอะไรไปบ้างทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว...แค่คุณกินไก่ก็บาบเนื่องจากสนับสนุนการฆ่าไก่....เปรียบเหมือนผู้จ่างวานฆ่าบาบกว่าผู้ฆ่า.....ฉนันสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
hall514
(47
)
คห.91: 2 เม.ย. 52, 14:24
ตกปลาเพื่อปากท้องอย่ามองว่าเป็นบาปเลยนะจ๊ะ
กินสัตว์อื่นซื้อเนื้อซื้อหมูที่ตลาดก็ใช้เงินซื้อเท่ากับว่าจ้างวานฆ่าเหมือนกันแหล่ะคับรับโทษหนักกว่าจำเลยที่1อีก
ว่าแล้วก็หิ้วกะเป๋าเบ็ดเดินออกนอกบ้านอิอิ
Boon24
(282
)
คห.92: 2 เม.ย. 52, 14:37
เจอบ่อยมากครับ ล่าสุดกับสุดที่รักของผมเองเลย
ผมก็ตอบกับไปว่า "ที่รักขอเหอะ ปลาที่ได้มาเธอกินมันเข้าไปนะแล้วไม่กลัวบาปเหรอ .....เงียบครับ
ส่วนตัวผมมองเป็นกีฬาครับ
แล้วมันก็สร้างความสมานสามัคคีให้เพื่อนๆในกลุ่มผมได้ดีเลยทีเดียว
เพื่อนผมก็ถามครับ แต่เวลาไปตกกันมันก็ทำตัวดีครับปากก็พูดไป
ไอ้คนที่พูดไม่ตกก็นั่งดู พอได้ปลามามันก็นั่งดูอีกพอทำปลาปรุงเสร็จเป็นแป๊ะซะ ชะ ชะช้า ไอ้นี้มรึงไม่กลัวบาปรึ มันตักปลาใส่ปากแล้วก็เงียบครับ
แต่ส่วนตัวก็กลัวอยู่นิดๆ เพราะตอนเด็กๆ ยายพาไปวัดทำบูญบ่อยๆ
แต่คนมันชอบตกปลาอะครับ
Boon24
(282
)
คห.93: 2 เม.ย. 52, 14:37
เจอบ่อยมากครับ ล่าสุดกับสุดที่รักของผมเองเลย
ผมก็ตอบกับไปว่า "ที่รักขอเหอะ ปลาที่ได้มาเธอกินมันเข้าไปนะแล้วไม่กลัวบาปเหรอ .....เงียบครับ
ส่วนตัวผมมองเป็นกีฬาครับ
แล้วมันก็สร้างความสมานสามัคคีให้เพื่อนๆในกลุ่มผมได้ดีเลยทีเดียว
เพื่อนผมก็ถามครับ แต่เวลาไปตกกันมันก็ทำตัวดีครับปากก็พูดไป
ไอ้คนที่พูดไม่ตกก็นั่งดู พอได้ปลามามันก็นั่งดูอีกพอทำปลาปรุงเสร็จเป็นแป๊ะซะ ชะ ชะช้า ไอ้นี้มรึงไม่กลัวบาปรึ มันตักปลาใส่ปากแล้วก็เงียบครับ
แต่ส่วนตัวก็กลัวอยู่นิดๆ เพราะตอนเด็กๆ ยายพาไปวัดทำบูญบ่อยๆ
แต่คนมันชอบตกปลาอะครับ
KK FISHING
(3483
)
คห.94: 2 เม.ย. 52, 14:46
แต่ละคำตอบสุดยอดครับน้า ส่วนตัวผมเจอกับคำนี้ก็บ่อยกับคนที่ถามผมนี้ยิ่งบ่อยมาก(ที่ทำงาน)ไม่ใช่คนที่บ้านนะครับและคนที่บ้านเคยถามผมนานแล้วผมก็ตอบเหตุผลให้พวกเขารับฟังและก็เงียบครับ เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริงไหมครับ
น่าเบื่อมากๆ
yu
(417
)
คห.95: 2 เม.ย. 52, 17:12
ต้องทำแบบเพื่อนผมครับ
เพื่อนผมตกปลาเก่ง ไปตกปลาทีไรได้ปลามาทีละมากๆกินไม่หมด
เวลามีคนถามว่าตกปลาไม่กลัวบาปเหรอ
คนไหนถามเพื่อนผมก็เอาปลาไปแบ่งให้กินทุกครั้ง
เดี๋ยวนี้เวลาไม่ได้ออกไปตกปลา คนที่ชอบถามคำถามเดิมๆก็ไม่ถาม
แต่มีคำถามใหม่มาว่า
" วันนี้ไม่ไปตกปลาเหรอ" แทน
ที่เล่ามาทั้งหมดเนี่ยเรื่องจริงร้อยเปอร์เซนต์ครับ คอนเฟริม
เฮร่าวิน
คห.96: 2 เม.ย. 52, 20:54
ผม ไม่กลัวครับ เพราะตั้งแต่เกิดมา มั่นใจครับว่า ผมได้ทำทำสิ่ง ที่ใครก็ไม่รู้กำหนด ว่ามันเป็นบาป ไปแล้วมากมาย ไม่เฉพาะการตกปลานะครับ ถ้ามันบาปก็ เป็นของผม คนเดียว ครับ คนอื่น ไม่ควรมาอิจฉา บาปของผม
<
1
2
3
4
ทำการ login ก่อนส่งความเห็น
siamfishing.com © 2024