กระดาน
รีวิว
ตลาด
ประมูล
เปิดท้าย
เรือ
แหล่งตกปลา
ร้านค้า
ค้นหาข้อมูล
Login
สมัคร
26 พ.ย. 67
Luzifer Photo ตอน : เทคนิคการถ่ายภาพ: SiamFishing : Thailand Fishing Community
<
1
2
3
กระดาน
คห. 108 อ่าน 53,277 โหวต 21
Luzifer Photo ตอน : เทคนิคการถ่ายภาพ
luzifer
(3326
)
คห.51: 4 ธ.ค. 50, 20:14
4.สร้างภาพให้มีมิติ
ช่างภาพควรมองหาส่วนประกอบสำคัญที่สามารถเติมเต็มพื้นที่ในภาพนอกเหนือจากตัวภูเขาอันจะส่งผลทำให้เกิดความ ต้องตาต้องใจมากยิ่งขึ้น เช่น การหาวัตถุที่น่าสนใจรวมเข้าเป็นฉากหน้า อาจจะเป็นเงาดำของต้นไม้ใหญ่ ทุ่งดอกไม้ น้ำตก หรือแม้แต่บรรยากาศในตัวมันเองเป็นต้น ทำให้เกิดมิติที่แตกต่างกันในส่วนที่อยู่ใกล้และฉากหลังที่อยู่ไกลออกไป ภาพในลักษณะนี้ภูเขาอาจเป็นส่วนสำคัญรองลงไปกว่าฉากหน้าก็ได้ เพราะอย่างไรเสียภูเขาก็ยังคงเป็นบรรยากาศที่น่าสนใจในภาพอยู่ดี
luzifer
(3326
)
คห.52: 4 ธ.ค. 50, 20:27
5.มองจากมุมที่สูงกว่า
เป็นเรื่องง่ายและเบสิคมาก สำหรับการถ่ายภาพภูเขาจากระดับพื้นดิน สิ่งที่จะทำให้ภาพเร้าอารมณ์มากขึ้นคือ การขึ้นไต่ขึ้นไปสู่ที่สูงแล้วบันทึกโลกจากมุมมองที่เหนือกว่า นำเสนออีกทิศทางหนึ่งของภูเขาที่แตกต่างออกไป ช่างภาพต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อยกว่าจะได้มุมมองดังกล่าว อาจต้องเดินทางขึ้นเขากันเป็นวันๆ แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้กลับมาอย่างแน่นอน ทั้งภาพถ่ายและความรู้สึก ช่างภาพอาจเพิ่มเรื่องราวในขณะเดินทางไต่เขาก็จะยิ่งเติมเต็มเนื้อหาให้กับภาพถ่ายภูเขามากยิ่งขึ้น
luzifer
(3326
)
คห.53: 4 ธ.ค. 50, 20:29
6.วางตำแหน่งโพลาไรซ์ให้ถูกทิศถูกทาง
ช่างภาพส่วนใหญ่มักจะใช้ฟิลเตอร์ โพลาไรซ์เพื่อขับสีสันของท้องฟ้าให้เข้มข้นขึ้นในการถ่ายภาพวิว แต่การจะได้ภาพเป็นที่น่าสนใจไม่ได้จบแค่การใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์แล้วถ่ายภาพวิวเท่านั้น ช่างภาพต้องเรียนรู้มุมสะท้อนของแสงอาทิตย์อันจะส่งผลให้ใช้ประโยชน์จากมุมโพลาไรซ์ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และยังสามารถวางตำแหน่งของภูเขาในภาพได้อย่างถูกต้อง โดยมุมที่ตั้งฉากกับดวงอาทิตย์จะเกิดผลในการใช้ฟิลเตอร์ชนิดนี้มากที่สุด การใช้งานให้ปรับมุมฟิลเตอร์พร้อมกับสังเกตความเปลี่ยนแปลงจากช่องมองภาพโดยเลือกเอาตำแหน่งการปรับฟิลเตอร์ที่เห็นว่าได้ภาพดีที่สุด
luzifer
(3326
)
คห.54: 4 ธ.ค. 50, 20:31
7.หมอกและแสงหลัง
สิ่งอันเป็นความปรารถณาของผู้รักการถ่ายภาพหุบเขาทั้งหลายคงหนีไม่พ้นทะเลหมอก ที่ช่างภาพ ต้องขนอุปกรณ์เป็นระยะทางไกลขึ้นสู่ไหล่เขาสูงจนได้ระดับ แต่นั่นก็คุ้มค่าเพราะช่างภาพสามารถใช้ความลี้ลับของทะเล หมอกทำให้ภูเขามีความลึกลับน่าค้นหาได้เป็นอย่างดี ยิ่งยามใดที่ปรากฏทะเลหมอกขึ้นยังบริเวณหุบเขาและมีแสงส่องเข้ามาทางหลัง จะส่งผลให้ภาพหุบเขาเกิดเป็นเงาดำทึบตัดกับผืนหมอกที่กำลังสะท้อนแสงแลดูสวยงามจับใจ
luzifer
(3326
)
คห.55: 4 ธ.ค. 50, 20:32
8.รวมคนเข้าไปในภาพ
การแสดงสัดส่วนและขนาดเป็นสิ่งสำคัญในภาพถ่ายแทบทุกประเภท ในการถ่ายภาพภูเขาบางครั้งอาจใช้ต้นไม้ หรือก้อนหินเป็นส่วนประกอบ แต่ในบางโอกาสช่างภาพก็ไม่สามารถที่จะหาบางสิ่งบางอย่างมาใช้ทดแทนเพื่อบอกขนาดอันใหญ่โตของภูเขาและทิวทัศน์ที่กว้างไกลได้เลย การรวมคนเข้าไปในภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญในยามที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเช่นนี้ แถมยังเพิ่มความน่าสนให้กับภาพรวมทั้งบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางได้อีกด้วย
luzifer
(3326
)
คห.56: 4 ธ.ค. 50, 20:33
9.มองหาและเข้าใกล้
เพื่อที่จะช่วยสร้างความรู้สึกชัดลึกให้เกิดขึ้นในภาพวิวทิวทัศน์ ช่างภาพควรมองหาวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้วางเคียงคู่ประกอบกับภูเขาเข้าในภาพ อาจเป็นดอกไม้ น้ำตก หรือก้อนหินในบริเวณนั้นก็ได้ เพื่อที่จะเพิ่มจุดสนใจและสร้างความแตกต่างของสัดส่วนให้เกิดขึ้นกับภูเขา ช่วยเน้นให้เห็นระยะทาง และเป็นการเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้เกิดขึ้นต่อภาพภูเขาได้ดีอีกลักษณะหนึ่งเช่นกัน แต่ต้องระมัด ระวังเรื่องระยะชัดลึกของภาพให้ดี หากมีสิ่งที่อยู่ใกล้กล้องมากๆ ต้องใช้รูรับแสงแคบเพื่อให้ได้ภาพที่มีระยะชัดลึกสม่ำเสมอทั่วทั้งภาพ
luzifer
(3326
)
คห.57: 4 ธ.ค. 50, 20:35
10.ตื่นแต่เช้าตรู่
แสงในช่วงบ่ายต้องถือเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ส่องแสงดั่งต้องมนต์มายา เพราะเป็นช่วงที่ให้แสงอบอุ่น ซึ่งช่างภาพนำมาใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี แต่ยังมีแสงอีกช่วงหนึ่งที่ทรงคุณค่าไม่แพ้กันนั่นก็คือแสงพระอาทิตย์ในช่วงเช้าตรู่ ด้วยสีฟ้าบริเวณชั้นบรรยากาศอันห่างไกล และแสงสีชมพูบนท้องฟ้า เมื่อสองสีรวมเข้าด้วยกันประกอบกับภูเขาเบื้องล่าง ทำให้ภาพที่ออกมากลายเป็นภาพภูเขาที่งดงาม ให้ความรู้สึกบางเบาและสงบเงียบ ช่างภาพภูเขาจึงควรใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ปล่อยให้สูญเปล่ากับการพักผ่อนหลับนอน
----------------------------------------------------------------------------------
วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนครับ........เหนื่อย
พรุ่งนี้มาเก็บเกี่ยวความรู้กันต่อครับ
luzifer
(3326
)
คห.58: 5 ธ.ค. 50, 22:14
สวัสดีคราบน้าpuppa_eve
สุดยอดเลยครับน้าลู
+1 ความรู้มากมาย ขอบคุณครับ
ครับน้าอากาศ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ จ้ะ
แลกกะรูปทูพีชอ่ะ โพสเลยๆๆๆๆๆ
สุดยอดวิชาเลยครับ ทำได้หมดนี้รับรองเทินร์โปรทันที
เอิ้ววว...............หนทางยังอีกยาวไกลครับน้าเต่า
+1ครับน้าลู กับความรู้ดีๆที่ให้ครับ
ขอบคุณคณีบน้าสุชาฎา
สวัสดีครับน้าเล็กแปดริ้ว
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ....น๊ะจ๊ะตาใหม่....
สวัสดีครับน้ายุทธ_ระยอง
ความรู้ ทั้งนั้น
สาระล้วนๆครับ เก็บเกี่ยวกันให้เต็มที่ไปเลย
เยี่ยมเลยครับน้าลู ขอบคุณที่มาแบ่งปันกันครับ
จะก็อปมาลงให้บ่อยๆครับน้าอะเดย์
แล้ววันนี้จะลงอะไรดีน๊ออออออออ ............................
luzifer
(3326
)
คห.59: 5 ธ.ค. 50, 22:23
บทห้าว่าด้วย เทคนิคการทิ้ง/ละลายฉากหลัง
เทคนิคการละลายฉากหลัง สามารถปรับใช้ได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
luzifer
(3326
)
คห.60: 5 ธ.ค. 50, 22:23
บทห้าว่าด้วย เทคนิคการทิ้ง/ละลายฉากหลัง
เทคนิคการละลายฉากหลัง สามารถปรับใช้ได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
luzifer
(3326
)
คห.61: 5 ธ.ค. 50, 22:23
การกำหนดรูรับแสง
ซึ่งเป็นเทคนิคพื้นฐานที่สุดในการที่จะถ่ายภาพให้หลังเบลอ นั่นคือ หลังจากได้ตัวแบบแล้ว ก็ให้ปรับขนาดรูรับแสงให้กว้างที่สุด ส่วนใครจะถนัดใช้โหมดไหนก็ให้โยกสวิทช์ไปยังโหมดนั้น ๆ เช่น
*โหมด AV(EV) : ข้อดีของโหมดนี้ คือ กล้องจะปรับความเร็ว(ชัตเตอร์)ให้สัมพันธ์กับขนาดรูรับแสงที่เราได้ปรับตั้งไว้แต่ต้น รวมถึงปรับค่าไวบาลานด์เป็นค่าอัตโนมัติ ลักษณะแสงที่ตกกระทบของการใช้โหมดนี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้แสงธรรมชาต) จะค่อนข้างสมดุล พอดี ๆ แต่...หากใครต้องการใครต้องการค่าแสงตามใจฉันซักหน่อย เช่น ต้องการให้โอเวอร์นิด หรืออันเดอร์หน่อย... ก็ให้โยกไปที่
*โหมด P : โหมดนี้จะสามารถกำหนดค่าความเร็วชัตเตอร์ได้ด้วยตนเอง ส่วนค่าอื่น ๆ จะเป็นค่าอัตโนมัติ
แต่หาก..ปรับค่านี้ก็แล้วแต่ยังไม่ได้ดั่งใจ...ก็ให้ปรับไปที่...
*โหมด M : โหมดนี้เราจะสามารถปรับขนาดความเร็วชัตเตอร์ ค่าไวท์บาลานด์ ค่า ISO ค่าชดเชยแสง อัตราแฟรช และค่าอื่น ๆ ได้ตามใจฉันอย่างแน่นอน
ในสภาพแสงน้อย หากต้องการให้ได้ภาพที่เป็นแสงธรรมชาติจริง ๆ ก็ควรระวังเรื่องกล้องสั่นด้วย
อย่างไรก็ดี เทคนิคนี้จะบังเกิดผลเป็นที่น่าพอใจยิ่งก็ต่อเมื่อ ควรปรับที่อัตรา1:1 ซึ่งหมายความว่า เพราะหากปรับขนาดรูรับแสงที่ 2.8 แล้ว ผู้ถ่ายเองจะต้องเป็นเดินเข้าหาตัวแบบเองจนกว่าจะได้ขนาดเฟรมเป็นที่น่าพอใจ เพราะหากผู้ถ่ายยืนจุดเดิมแล้วใช้การดึงซูมแล้วไซร้ ค่าของแสงเข้า(f-stop)ก็จะมีอัตราเป็นปฏิภาคกับขนาดช่วงซูมทันที...ส่วนว่าจะมาก/น้อยเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของกล้องรุ่นนั้น ๆ..
(ยกเว้นกล้องบางยี่ห้อ..เช่น FZ10/20 ซึ่งจะมีค่ารูรับแสง 2.8 ตลอดช่วงซูม)
luzifer
(3326
)
คห.62: 5 ธ.ค. 50, 22:24
เทคนิคการเลี่ยงฉากหลัง, ผลักฉากหลัง
ต่อเนื่องจากข้างบน แต่อาศัยความพิถีพิถันอีกนิดในการกำหนดฉากหลัง นั่นคือ การเลี่ยงฉากหลังที่จะรวบกวน(แย่งจุดสนใจ)จากตัวแบบไปจนหมดสิ้น กล่าวคือ พยายยามหาฉากหลังที่มีโทนสีมืดกว่าตัวแบบ ในบางกรณีอาจจะสว่างกว่าก็ได้ แต่ก็ไม่ควรให้มีสีสันเจิดจ้ารบกวนมากเกินไป
แต่..ในบางครั้งก็อาจจะต้อง "มีการจัดฉาก" กันบ้าง กล่าวคือ อาจจะต้งมีการการผลัก หรือดึงฉากหลังให้ออกห่างตัวแบบให้มากที่สุด (สมัยเรียนวิชาการถ่ายภาพ..อาจารย์มักกำชับว่านักศึกษาทุกคนควรพกผ้าโทนสีเข้ม, ดำ ที่ไม่สะท้อนแสง เช่น ผ้ากำมะหยี่ ขนาดอย่างน้อย 1.5x1.5 เมตร และเชือกไว้ในกระเป๋าเสมอ ทั้งนี้เพราะบางครั้งจำเป็นที่เราจะต้องเอาผ้ามาทำเป็นฉากหลังเสียเอง หรือในบางกรณีก็อาจจะจำเป็นต้องใช้เชือกผูกโยงเพื่อดึงฉากหลัง(สิ่งรบกวน)ให้พ้นจากตัวแบบให้มากที่สุด
ในกรณีที่ผู้ถ่ายไม่สามารถเข้าใกล้ตัวแบบได้มากกว่ากว่านั้นอีกแล้ว...จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยอาศัยการซูมเข้าช่วย ก็พยายามปรับขนาดรูรับแสงให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็พยายามหามุมภาพที่มีหลังฉากหลังอยู่ห่างจากตัวแบบให้มากที่สุด
การทิ้ง/ละลายฉากหลัง นอกจากเทคนิคพื้นฐานดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ก็ยังจะมีเทคนิคอื่น ๆ อีก นั่นคือ
luzifer
(3326
)
คห.63: 5 ธ.ค. 50, 22:24
การทำหลังดำ
ในกรณีเช่นนี้กล้องในระดับ Pro, DSLR/SLR จะได้เปรียบกล้องคอมแพ็คค่อนข้างมากทีเดียว เทคนิคนี้จะมีลักษณะตรงกันข้ามกับทคนิคหลังเบลอข้างต้นโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ วิธีการปรับเทคนิคนี้ก็คือ หลังจากปรับไปที่โหมด M แล้ว ให้ปรับขนาดรูรับแสงให้แคบที่สุด ปรับความเร็วชัตเตอร์สูงสุด หรืออาจจะรวมไปถึงต้องปรับค่าชดเชยแสง ค่า ISO ค่าไวท์บาลานด์ ฯลฯ (ภาพที่ปรากฎในหน้าจอจะอันเดอร์มากจนมองแทบไม่เป็นตัวแบบเลยก็ได้) หลังจากนั้นจึงค่อยไปปรับอัตราค่า fill flash เพื่อกำหนดให้ตกกระทบที่ตัวแบบ
หมายเหตุ :
สำหรับผู้ที่มีกล้องที่สามารถแยกแฟรช(sync flash)ได้ก็ยิ่งดีแล้วใหญ่ ทั้งนี้เพราะจะมีความสะดวกในการใช้เทคนิคนี้เป็นอย่างมากทีเดียว เพราะในการ fill flash นั้นจะสามารถกำหนดทิศทางการเข้าของแสงจากทิศทางใดก็ได้ เช่น กำหนดให้เข้าทางด้านซ้าย/ขวา หน้า/หลัง กดแสงลงมาจากด้านบน หรือเงยทะแยงจากด้านล่างก็ยัง หรือทิศทางอื่นใดก็ได้ รวมทั้งสามารถนำแฟรชเข้าไปจ่อ ใกล้ ๆ ตัวแบบ และสามารถจะกำหนดอัตราแสงตกระทบได้มากมาก/น้อยตามต้องการ เช่น ในกรณีการถ่ายภาพชิ้นงาน ถ่ายแบบ หรือ อื่นใด...ต้องการเน้นเฉพาะจุดได้
จุดเด่นของการใช้เทคนิคนี้ ก็คือ จะได้ภาพที่มีลักษณะ ?หลังดำ? คือ ตัวแบบเด่น ฉากหลังมืด
ข้อแนะนำ :
ถ้าจะให้ดี..หากเป็นไปได้ควรใช้วิธีเลี่ยงฉากหลัง หรืออาจจำเป็นต้อง ?จัดฉาก? โดยการผลักให้ฉากหลังออกห่างจากตัวแบบให้มากที่สุด...เพื่อไม่ให้มารกรุงรังอยู่ใกล้ ๆ ตัวแบบนั่นเอง
luzifer
(3326
)
คห.64: 5 ธ.ค. 50, 22:27
การกำหนดรูรับแสง(แคบ)
เทคนิคการกำหนดรูรับแสง(แคบ)นี้มีวีการแทบจะเหมือนๆ กับเทคนิคหลังดำดังกล่าว เพียงแต่ให้ดีกรีความเข้มในการปรับให้อ่อนลงมาหน่อยเท่นั้น กล่าวคือ ในกรณีที่ต้องการถ่ายตัวแบบ แต่..มีข้อแม้ว่าให้ได้ฉากหลังด้วย
เงื่อนไข คือ อย่าให้ฉากหลังมารบกวนหรือดึงจุดสนใจไปจากตัวแบบมากเกินไป เช่น กรณีต้องการถ่ายตัวแบบ (นางแบบน่ะแหละ) กับฉากหลังที่เป็นแนวถนน ไฟประดับสถานที่ อาคารประดับไฟ หรือสถานที่อื่นใด
โดยเราสามารถปรับกล้องในลักษณะให้รูรับแสงแคบได้ดังนี้ครับ คือ
ปรับไปที่โหมด M : ปรับขนาดรูรับแสงให้แคบสุด ปรับความเร็วชัตเตอร์ในระดับหนึ่ง ปรับค่าไวท์บาลานด์(เพื่อให้ตรงกับสภาพแสงในขณะนั้น) หรืออาจจะหมายรวมไปถึงจะต้องปรับค่าชดเชยแสง และค่า ISO ด้วยก็ได้ โดยให้วัดแสงที่ฉากหลัง...ปรับจนกว่าฉากหลังอันเดอร์อย่างน้อย 2-3 สต็อปขึ้นไป(หรือจนกว่าจะพอใจ)
จากนั้นจึงค่อยไปปรับอัตรา fill flash ยิงแสงไปยังตัวแบบ (จะให้แสงที่ตัวแบบพอดี ๆ หรืออันเดอร์นิด โอเวอร์หน่อย นั่นก็แล้วแต่ความพอใจ)
จุดที่น่าสนใจของการปรับด้วยเทคนิคนี้ก็คือ นอกจากจะขับเน้นให้ตัวแบบโดดเด่นแล้ว เรายังจะได้ฉากหลังอีกด้วย(ให้รู้ว่าถ่ายบริเวณใด) แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ บรรดาแสงไฟหลอดต่าง ๆ ไม่ว่าจะมาจากรถยนต์ ไฟราวประดับ ไฟอาคาร ฯลฯ จะมีประการแฉกสวยงามแปลกตาออกไป
luzifer
(3326
)
คห.65: 5 ธ.ค. 50, 22:32
หมายเหตุ
การใช้เทคนิคนี้สามารถปรับนำไปใช้กับการถ่ายภาพในกรณีที่ตัวแบบ และฉากหลังมีค่าความต่างของแสง(contrast) มากเกินไป แต่..เราต้องการให้ได้ทั้งตัวแบบและโลเคชั่นหรือฉากหลังด้วยในคราวเดียวกัน เช่น ชายทะเล หรือบริเวณน้ำตก หรืออื่นใด ซึ่งฉากหลังมักจะมีแสงแดดจัด (แต่ตัวแบบหลบอยู่ในที่ร่มไม่ยอมออกไป..กลัวผิวเสียอะไรประมาณนั้น)... แต่กระนั้นก็ยังอยากจะได้วิวทะเลหรือน้ำตกสวย ๆ ด้านหลังด้วย ซึ่งหากเราถ่ายโดยใช้โหมดอัตโนมัติหรือโหมดสำเร็จรูปที่กล้องให้มา (ซึ่งกล้องก็มักจะวัดแสงให้พอดีที่ฉากหลังแทน) ตัวแบบด้านหน้าก็จะมืดตึ๊ดตื๋อ ไม่เป็นไปอย่างใจต้องการ
luzifer
(3326
)
คห.66: 5 ธ.ค. 50, 22:33
แนะนำ
วิธีการที่จะได้ภาพออกมาอย่างที่ต้องการนั้น... ?แทบจะเหมือนกับที่กล่าวมาข้างต้น? เพียงแต่ให้เราวัดแสงที่ฉากหลังที่พอดี หรือเป็นที่น่าพอใจ (ซึ่งแน่นอนว่าภาพตัวแบบที่ปรากฏในจอนั้นอันเดอร์หลายสต็อป) หลังจากนั้นผู้ถ่ายจึงไปปรับอัตราการ fill flash เพื่อให้ไปตกกระทบที่ตัวแบบ
(ซึ่งอาจจะใช้วิธีการถ่ายเทสต์ดูจนกว่าจะได้สภาพภาพที่ตัวแบบเป็นที่น่าพอใจ หรืออย่างในกรณีของกล้องฟิล์มก็อาจจะใช้วิธีการถ่ายคร่อม)
luzifer
(3326
)
คห.67: 5 ธ.ค. 50, 22:38
บทที่หกว่าด้วย การควบคุมฉากหลังในการถ่ายภาพมาโคร
ในการถ่ายภาพมาโคร จำพวก แมลง ดอกไม้ เห็ดป่าต่างๆ
นอกจาก subject ที่เราจะต้องทำให้มันดูน่าสนใจทั้งด้วยตัวของมันเอง
กับการจัดองค์ประกอบเลือกวางตำแหน่งในภาพแล้ว
ฉากหลังก็นับว่าเป็นสิ่งที่จะเสริมเติมความสมบูรณ์ของภาพ ชนิดที่เรามองข้ามไม่ได้เลย
หลายๆภาพมีsubjectที่ลงตัวมาก ขาดอยู่ที่ฉากหลังที่ไม่สามารถขับความโดดเด่นของsubjectได้อย่างเต็ม
ที่เท่านั้นเอง
วิธีการทำให้ฉากหลัง ไม่ให้มารบกวนกับsubjecหรือให้รบกวนน้อยที่สุดtนั้น มีอยู่หลายวิธี แต่วิธีง่ายที่สุดที่
ใช้กันอยู่เป็นประจำในการถ่ายภาพแทบจะทุกประเภท
นั่นก็คือการทำให้เบลอไงครับ...
การเลือกใช้รูรับแสงให้กว้างที่สุด ทิ้งฉากหลังออกไปให้ไกลให้มากที่สุด
เข้าใกล้subject ให้ได้มากที่สุด เหล่านี้ล้วนแต่เป็นวิธีการเบื้องต้นที่จะละลายฉากหลังได้ครับ
กล้องทุกตัวที่สามารถปรับระบบพื้นฐานเช่นปรับรูรับแสงได้ หรืออย่างน้อยก็มีโหมดมาโครให้เลือกใช้
ก็น่าจะสามารถถ่ายในลักษณะนี้ได้นะครับ ขอเพียงแต่เราเลือกมุมที่เหมาะสมเท่านั้นเอง
รูปตัวอย่างพวกนี้ผมใช้กล้อง Nikon CP4500ตัวเล็กๆถ่าย ปรับไปที่โหมดมาโคร เดินวนไปวนมา เลือกดูมุม
ที่คิดว่ามีฉากหลังทิ้งห่างออกไปมากที่สุด แล้วก็ถ่ายแบบง่ายๆเลยครับ
luzifer
(3326
)
คห.68: 5 ธ.ค. 50, 22:40
อีกวีธีที่จะสามารถควบคุมฉากหลังได้ ก็คือการใช้แสง(lighting) ควบคุมครับ
สภาพแสงที่subjectกับฉากหลังต่างกันมากกว่า1.5-2 สตอป อธิบายง่ายๆก็คือ subject สว่างกว่าฉากหลัง
มากๆ
หรือให้ง่ายเข้าไปอีกก็คือ subjectอยู่ที่สว่าง ฉากหลังอยู่ในที่มืดนั่นแหล่ะครับ
ถ้าเจอสภาพแสงแบบนี้ก็สบายเลยครับ เลือกวัดแสงไปที่subject หมุนกล้องให้ฉากหลังอยู่ในส่วนมืดๆ เราก็
จะได้รูปหลังดำๆแล้ว
แต่ในบางสถานะการณ์ (บ่อยๆ) เราจะไม่สามารถควบคุมองค์ประกอบเหล่านี้ได้หรอกครับ อาทิเช่น
- ใช้รูรับแสงกว้างๆ ความชัดลึกก็ไม่สามารถครอบคลุมกับ subject ทั้งหมดได้
- หาฉากหลังที่ทิ้งห่างออกไปไม่ได้
- หาฉากหลังมืดกว่าsubject ไม่ได้
- หรือถึงหาได้ มุมของ subject เองก็โดนบังคับ ไม่ให้ถ่ายมุมอื่นอีก
luzifer
(3326
)
คห.69: 5 ธ.ค. 50, 22:44
แต่ถ้าเราสามารถต่อแฟลชออกมาภายนอกกล้องด้วยสายพ่วง ปัญหานี้ก็จิ๊บจ๊อยครับ
หลักการการถ่ายภาพแบบนี้ก็คือ
- แสงของsubject จะควบคุมด้วยแสงแฟลช
- แสงของฉากหลังจะควบคุมด้วยการเปิดรับแสงของกล้อง
นอกจากฉากหลังที่มืดทึบแล้วที่บางคนอาจไม่ชอบ เราก็ยังสามารถปรับระดับความเข้มของฉากหลังให้เป็น
ไปตามอารมย์ที่เราต้องการได้อีกด้วยครับ
----------------------------------------------------------------------------------
ผมเพิ่งทำได้ 2 ข้อเอง
นี่ขนาด 2 ข้อนะน้าหรั่ง แต่ละรูปแจ่มๆทั้งนั้น
luzifer
(3326
)
คห.70: 5 ธ.ค. 50, 22:49
เทคนิคการถ่ายภาพคนให้สวยในสภาพแสงน้อยๆ
เรื่องแสงน้อย
สิ่งที่จะต้องใช้ และจำเป็นอย่างยิ่งก็คือ
ขาตั้งกล้อง
สปีดชัดเตอร์ต่ำ ประมาณ 1/45 หรือ 1/90 ก็อยู่ในช่วงที่
ถ่ายได้ ผลดี เพราะว่า..... นางแบบ หรือ นายแบบ ...
ยังพอที่จะอยู่นิ่งๆได้
โดยเฉพาะเรื่องแสง ปริมาณแสงน้อย ภาพที่ได้จะค่อนข้างสวย
เพราะความกระด้าง ของแสงมีน้อย
สภาพแสงจริงในธรรมชาติ ก็ยังคงอยู่
จัดแสงเพิ่มเติม ได้ไม่ยาก เพราะใช้ไฟธรรมดาๆได้
ไม่ต้องใช้หัวไฟสตูดิโอ ให้มันวุ่ยวาย
น่าเล่นครับ....
การใช้ไฟเสริม ...
ต้องระวังครับ..
1) โหมด ถ่ายภาพกลางคืน night mode (รูปคนกับดาว)
ถ้าเป็นไฟแฟลช อย่าให้แฟลชแรงเกินไป จนสภาพแสงเงา
เปลี่ยน แปลงไปจากสภาพก่อนยิงแฟลช
2) เมื่อต้องใช้แฟลช ต้องจำเอาไว้ว่า...การตบแฟลช์บางๆ หรือ เบลาวซ์แฟลช์
หรือยิงแฟลช สะท้อนรีเฟคเพื่อเป็นเสริมแสงเงา เท่านั้น
ไม่ได้เป็นการทำให้ภาพทั้งภาพสว่างขึ้น
3) ถ้าตัวแบบหน้าดำ หรือติดอยู่ในเงามืดมากไป ใช้แผ่น รีเฟล็ค สะท้อนแสงช่วยจะได้ผลดีครับ
luzifer
(3326
)
คห.71: 5 ธ.ค. 50, 22:55
วันนี้ขอจบแค่นี้นะครับ ง่วง เหนื่อย และอ่อนล้า
(ใครมีอะไรเพิ่มเติมก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ)
luzifer
(3326
)
คห.72: 6 ธ.ค. 50, 16:08
ไม่รุ้เรื่องอ่า แต่ตามมาโหวตให้
แหม๋...........มันเข้าใจง่ายกว่าฟิสิกส์ตั้งเยอะ
สวัสดีครับน้าdui525
<
1
2
3
ทำการ login ก่อนส่งความเห็น
siamfishing.com © 2024