สังหารหมู่ครับ

ตกลงชอบ วัด อะไรแน่

หมายเหตุ *** ปลาหมอเทศ นั้นคือ ปลานิล นั่นเองครับ  แต่ชาวบ้านสับสนว่าต่างจากปลานิลก็คือ ปลาหมอเทศที่ช่าวบ้านเข้าใจนั้นเป็นปลานิลที่หลุดหรือถูกปล่อยให้โตตามธรรมชาติ ทำจึงมีขนาดตัวที่เล็กกว่าปลานิลที่อยู่บ่อเลี้ยง  (ปลานิลอายุ 4 เดือนก็ออกใข่ผสมพันธุ์ใด้แล้ว จึงทำให้สายพันธุ์ด้อย-โตช้า)  ท่านเห็นปลานิลขนาดเท่าฝ่ามืออมใข่อยู่ใมนปากจึงไม่ใช่เรื่องแปลก  ปลานิลนั้นมีหลายสีเท่าที่ผมเคยเห็นนั้น มี 2พวก 1..สีเขียว.สีดำ.สีเทา.สีน้ำตาล(พวกนี้เป็นปลานิลพันธุ์ดั้งเดิม) . .....2สีแดง.สีส้มเหลือง.สีขาว.ใสไม่มีสีที่ผิวจนเห็นเนื้อ(พวกนี้เรียกว่าปลานิลแดง) ปลานิลแดงจะโตเร็วกว่าปลานิลธรรมดา แต่จะสู้ปลานิลพันธุ์จิตรลดา3ไม่ใด้  ------------เริ่มแรกปลานิลนั้นเข้ามาในไทยโดยเจ้าชายจากประเทศญี่ปุ่นน้ำมาถวายในหลวง  และใด้ถูกเลี้ยงใว้ในพระตำหนักสวนจิตรลดา  และต่อมาใด้ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กรมประมง ใด้นำไปเพาะพันธุ์แจกจ่ายให้แก่ประชาชน ชื่อพันธุ์จิตรลดา3 จึงเป็นชื่อรุ่นที่3ที่เพาะใด้จากพระตำหนัก ปลานิลรุ่นที่1นั้น ส่วนมากจะอยู่ตามเขื่อน ผมเคยเจอที่เขื่อนกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรึ ขนาดเท่าปลาแรดตัวใหญ่ น้ำหนัก 4.5กิโลกรัม --------------- จากรูปด้านบน คห.7  คาดว่าปลาที่ตกใด้บริเวณนั้นน่าจะมีอาหารสมบูรณ์มาก  ดูใด้จากปลาตัวเล็กมุมล่าด้านขวา สันหลังโค้งเนื้อเยอะเหมาะแก่การนำมาทำพันธุ์ มาก  ยังไงก็คราวหน้าถ้าเจอปลานิลที่อมไข่อยู่ก็กรุณาช่วยปล่อยด้วยนะครับ เพราะไข่นั้นใด้รับการผสมแล้วไม่นานคงเป็นตัว  ปลาตัวเมียที่อมไข่บางครั้งก็หิวจนเผลอมากินเบ็ดใด้  แต่ถ้าอยากเอาไข่มาฝักเลี้ยงเองก็เอาไข่ออกจากปากปลาแล้วมาใส่ตู้หรือถังเปิดปั้มลม24ชม.ไม่ต้องแรงมากแค่ให้น้ำใหลผ่านไข่สะดวกไม่กี่วันก็จะฝักเป็นตัว  ระหว่างขนย้ายไข่ปลาจะอยู่ในน้ำที่ไม่มีลมเป่าใด้ประมาณ2-4ชม. ...................... ปล.ผมก็ชอบไปวัด

5555555  อยากไปวัดด้วยจัง  สนุกกว่าที่คิดแยะเลย

ขอขอบคุณ  คุณ GTS_LV มากครับ ที่ให้ความกระจ่าง เรื่อง ปลานิล  ปลาหมอเทศ  และขอเรียนว่า ปลาพวกนี้มีอาหารอุดมสมบูรณ์ เพราะว่าอยู่ในบ่อพักน้ำที่เดิมใช้เลี้ยงกุ้งกุลาดำ  และ อีกไม่นาน เจ้าของบ่อก็จะเอา "กากชา" ใส่ลงไปเพื่อฆ่าปลาพวกนี้จนหมดสิ้น เนื่องจากปล่อยไว้ก็เป็นอุปสรรคต่ออาชีพ เลี้ยงกุ้งกุลาดำ (แย่งอาหารกุ้ง)    ไม่ต้องตกใจครับ  เป็นแบบนี้เกือบทุกบ่อ เกือบทุกแห่งที่มีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ  เขาจึงอนุญาตให้ไปตกฟรี ๆ รีบเอาไปได้เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดีครับ  แต่เขาก็ไม่ได้อนุญาตทั่วไป เนื่องจากเวลาที่มีกุ้งกุลาดำเติบโตอยู่ในบ่อ พวกนี้ต้องดูแลอย่างระมัดระวัง  สิ่งแปลกปลอมหรือ น้ำ  หรือ อากาศ สามารถเปลี่ยนให้กุ้งตายหมดบ่อได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง  จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงทิ้งกากชาให้ปลาตายทั้งบ่อ โดยไม่ให้ใครเข้าไปตกหรือเอาปลากลับไป  "เขาบอกว่าแค่ลูกเหม็นลูกเดียว ก็ทำให้เขาเสียหายได้หลาย ๆ แสน" เลยตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามในบริเวณบ่อเลี้ยงกุ้งเลย
                เหตุนี้ผมเลยต้องพาคุณแม่ไป "วัด"  บ่อย ๆ อิอิ

เรียนคุณเล็ก จากที่ผมได้ยินจากผู้ใหญ่นะครับ ปลาหมอเทศตัวจะป้อมกว่านี้ และปากก็จะเล็กกว่านี้ ก้าง 3 แฉกก็ไม่มีเหมือนปลาหมอ และมีอยู่ในประเทศไทยมานานแล้วชาวมอญบางใส้ไก่ ( อยู่ข้างสถาบันราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ) เลี้ยงไว้ในโหลสำหรับปล่อยในงานสงกรานต์ชาวมอญ ส่วนปลานิลนั้นมาจาก อินโดนีเฃีย มาโดยอาศัยขวดน้ำมันใส่ผมมา ญี่ปุ่นอากาศเย็นปลานิลไม่ชอบครับ

ขอเพิ่มเติมอีกนิดครับ ปลานิลนี้เป็นปลาที่รักลูก ๆ มาก เมื่อเวลามีภัยมาจะอมลูก ๆ ไว้ทั้งครอกเลย รอจนกว่าจะปลอดภัยจึงคายลูกออกมา  เคยเห็นมากับตา เพราะเคยเลี้ยงอยู่ในบ่อหน้าบ้าน ส่วนปลาบู่ เห็นเซื่อง ๆ นอนทั้งวัน รับประทานลูกปลาเล็ก ๆ หมดบ่อเลย เมื่อก่อนผมไม่ทานปลาบู่ แต่เห็นความโหดแล้วเอาเลย แดดเดียวก็ได้ นึกซีอิ้วก็ดี ถ้าตัวโต ๆ ย่างจิ้มเนื้อหนืบดี

เหอะๆๆๆๆๆๆ อยากไปมั่งจัง.........

พี่เล็กครับ ฝากความคิดถึงคุณแม่ และคุณพ่อด้วยนะครับ  รวมทั้งบุคลากร (ญ) ในร้านทั้งหมด (ละเว้นในครัวบ้างก็ได้นะครับ)  เอ....พี่ครับ  ผมดูรูปแล้ว  มันก็ปกติดีนี่ครับ 

พี่เล็กครับ ตอนนี้ยังไป "วัด" ที่นี่อยู่หรือเปล่าครับ

คันอาบู น่า"ลัก" จริง ๆ เลยครับ

ครอบครัวสุขสันต์

**นู๋ยุ้ย**

สนุกสุขสันต์ ครอบครัวมีสุข

  พี่เล็กครับผมฝากสวัดดีคุณแม่พี่เล็กด้วยครับถ้ามีอกาสผมคงได้เจอท่านครับ 

วัดนี้ อบอุ่นดีจริง ๆ เลยค่ะ พี่เล็ก

ปายวัดจิงๆ น่ารักจังค่ะ

                  โดนอีกแล้ว.............................ตรู 

วัดกัน มันส์ เลยนะ