@เรื่องเล่าในการตกปลาแบบที่เจอสยองๆของน้าๆป้าๆครับ@: SiamFishing : Thailand Fishing Community
<12345>
กระดาน
คห. 120 อ่าน 26,112 โหวต 43
@เรื่องเล่าในการตกปลาแบบที่เจอสยองๆของน้าๆป้าๆครับ@
waoffline
คห.51: 18 พ.ย. 53, 14:49
เจอมาหลายเรื่อง เอาเรื่องนี้ก่อน เรื่อง ปลาก้างและปลาอนามัยกินเบ็ด สมัยเรียนที่เชียงใหม่ ไปตกปลาที่ห้วยตึงเฒ่า ตอนกลางคืน ซึ่งตอนนั้นเค้าปิดปรับปรุง แต่ก้อยังพอมีคนหลบๆเข้าไปตกได้ คืนนั้นไปตกกัน ผมกับรุ่นพี่ ไปกันสองคน  มีกลุ่มข้างๆมากัน 4-5 คน เฮฮากันหนุกหนาน ผมก็อุ่นใจว่า ปกติมาตกไม่ค่อยมีเพื่อนหนาวๆร้อนๆทั้งคืน วงนั้นก้อกินเหล้า ร้องเพลงกันไป  พอสักสี่ทุ่มประมาณนั้น มีปลาลากเบ็ดโค้งคำนับเลย พวกก้อเฮ วิ่งมาอัดดึงๆๆ อัดๆๆ อยู่พักนึง จากสนุกกลาย งง แล้วก้อเงียบ พออัดปลามาใกล้ๆ ซึ่งกลุ่มนั้นอยู่ห่างจากผมไม่เกิน ห้าเมตร กลายเป็นว่าได้ปลาที่เน่าๆ แทบจะเหลือแต่ก้างปลามา กลุ่มนั้นก้อยังไม่คิดว่าอะไร คงเป็นเพราะเมาเหล้ากัน อีกสักครึ่งชั่วโมงให้หลัง ปลากินเบ็ดอีก ก้อเหมือนเดิมอัดปลากันไป พวกก้อเฮกันไป แต่คราวนี้เงียบกว่าเดิมเนื่องจากปลาที่ดึงกันเมือ่กี้ กลายเป็นผ้าอนามัยที่ใช้แล้วติดเบ็ดมาแค่นั้น จากนั้น เงียบสนิทครับผ่านไปสักครู่ ผมก้อไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ได้ยินเสียงเครื่องรถ อ้าววว เฮ้ยย กลุ่มที่อยู่ข้างๆมันหนีกลับกันไปหมดแล้ว เวรกรรมแล้ว คืนนี้ต้องตกปลา คนเดียวอีกแล้ว หวาดเสียวกันทั้งคืน เพราะพี่ที่ไปด้วยกัน หลับอย่างเดียว 
Darkmoon(3333 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.52: 18 พ.ย. 53, 15:18
อูยยยยยยยย  เดี๋ยวต้องถามเพ่  กพล  ทองพลับก่อน 

ส่วนผมออกไปตกปลาไม่เท่าไหร่  ตอนกลับ ถึงบ้าน  มีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมากๆ  จนลิมกลัวผีไปเลย 

ตามมาอ่านด้วยคนนะครับ 

brio_t(12 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบแดง
คห.53: 18 พ.ย. 53, 15:21
ผมเป็นคนนึง ที่ไม่เคยเห็นเป็นตัวเป็นตนนะครับ 


บ้านเก่า ผมอยู่ติดกับเมรุเผาศพของวัดอาษาสงคราม  อ.พระประแดง  เรียกได้ว่าผูกพันมากับวัดเลย  ทั้งงานบุญงานศพ  บริเวณ หน้าวัดก็เป็นคลอง ซึ่งในอดีตก่อนที่จะมีการทำเขื่อนกันปากคลองในปีที่น้ำท่วมใหญ่ กทม (น่าจะปี 39)  ทุก ๆ ปีจะมีคนจมน้ำตายที่บริเวณหน้าวัดเสมอ  ผมจึงเห็นบ่อยคนจมน้ำตายบ้าง ลอยมาจากที่อื่นบ้างมาขึ้นที่ท่าหน้าวัด  แล้วนำมาไว้ในวัด  ซึ่งพอมีคนจมน้ำตาย  ก็จะมีคนแถวบ้านช่วยกันงม ช่วยกันหา  มีอยู่ครั้งนึง  ที่มีผู้ชายคนนึงจมน้ำตาย บริเวณ ใต้สะพานข้ามคลอง ซึ่งอยู่หน้าวัดนั่นแหละ    ก็ได้มีคนใจบุญหลาย ๆ คน มาช่วยกันงมหา  แต่......หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอทั้ง ๆ ที่น้ำก็ไม่ได้แรง ซึ่งปกติถ้าคนจมน้ำก็จะอยู่บริเวณที่จมนั่นแหละ    แต่ครั้งนี้ไม่มี  หากันอยู่นาน  หลายชม.    จนในที่สุดก็ต้อง พึ่งสิ่งศักดิ์กับคนทรง  ซึ่งก็มาทำพิธีตรงข้างคลองกลางถนนริมคลองนั่นแหละ  หลังจากที่เขาทรงถามแล้วว่าศพนี้อยู่ที่ไหน  คนทรงก็ได้บอกว่า  ศพนี้ เป็นศพตัวแทน  ซึ่งวิญญาณเก่าจะไปเกิด  เค้าบอกว่าศพนี้อยู่ที่ใต้ต้นไม้ที่มีผลหวาน ๆ    แล้วยังบอกอีกว่า ถ้าจะหาเจอ จะต้องคนที่ลงไปหาเป็นผู้ชาย แล้วต้องเปลื้องผ้าออก    เพราะวิญญาณนี้เป็นผู้หญิง เอาศพไปซ่อนไม่ให้หาเจอ    แล้วคนทรงก็นิ่งไป  การเริ่มค้นหาจึงเริ่มกลางคืน  แต่.......ปัญหาคือ ต้นไม้ที่มีผลหวานมันคือต้นอะไร  ต่างคนก็ต่างคิดเพราะ  ริมน้ำไม้มีต้นไม้ที่มีผลไม้หวาน ๆ  สุดท้ายยังไงก็นึกไม่ออก  จึงตัดสินใจกันว่า จะจับมือต่อ ๆ กันขวางคลองแล้วเดินไล่หา  หลังจากที่ เดินไล่หากัน  พอเลยใต้สะพาน จุดที่คนจมน้ำลงไป  ไม่ไกลประมาณ  10-15 เมตร  ก็มีคนเดินไปโดน  จึงร้องตะโกนว่าเจอแล้ว  ต่างก็มาช่วยกันหา  แล้วนำขึ้นมาจนได้  ตอนนำขึ้นมาศพนี้ได้ไปเกี่ยวกับ ต้นตะขบ  ซึ่งเมื่อก่อนอยู่ริม น้ำ แล้วก็ล้มไปอยู่ในน้ำนานมาก จนไม่มีใครนึกถึง  เมื่อก่อนต้นนี้ผมก็ปีนเก็บมากินอยู่     

ต่างคนก็สงสัยว่าตรงที่หาเจอ นั้นก็วนหากันหลายรอบแต่ไม่เจอ  พอแก้ผ้าลงหาเจอเลย 

แล้วอีกเรื่องก็คือ

ป่าช้า วัดอาษาสงคราม เป็นป่าช้าเดียวกับ วัดพญาปราบปัจมิตร  (ผมมารู้ตอนหลังว่าเคยลงใน หนังสือ ผีดุ ด้วย เพื่อนเอารูปมาให้ดู)  ในป่าช้านี้ จะมี เมรุเผาศพเก่า  อยู่ตรงบริเวณทางสามแยกพอดี  ทางนี้เป็นทางเดินผ่านในป่าช้า เพื่อออกไปถนนใหญ่ (ทางลัด)  ผมโดยที่ปกติก็อยู่กับวัดมาตั้งแต่เด็ก  เมรุเผาศพ ก็วิ่งเล่นกันประจำ  (ก็มันโล่งดี ไม่มีรถ) โดยกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันแถวบ้าน      เงินที่เค้าใส่โลงศพตอนเผา เวลาเผาเงินเหล่านี้ก็จะตกลงมาสู่ด้านล่าง  ใต้เมรุ  ถ้าวันไหนที่ ประตูเมรุ ไม่ได้ปิด พวกผมก็จะเข้าไปหาเงิน ในนั้นมา เลือกเอาที่เหรียญดี ๆ ไม่ดำ หรือเบี้ยวมาก (ไฟเผานาน ๆ มันเบี้ยว)  แล้วเอาไปขัดที่ท่าน้ำ ให้สะอาด  แล้วเอาไปซื้อขนม กิน  เพราะบ้านมีเงินน้อยครับ    หรือว่า ในป่าช้า  ผมก็วิ่งเล่นกันหาช้อนปลามาปิ้งกิน      แต่วันนั้นที่เดินผ่าน  ป่าช้า บริเวณหน้าเมรุเก่า  ซึ่งปกติก็ผ่านหลายครั้งแล้ว  ตอนนั้นออกจากบ้านประมาณ ตี1  เพื่อไปขายของ ตอนนั้นในใจก็กลัวบ้างไม่กลัวบ้าง  ตอนกลางคืนวันนั้นอากาศอุ่น ๆ  ผมเดินมาสังเกตุเห็นบริเวณหน้า เมรุเก่า  มีกลุ่มควันลอยอยู่ ซึ่งควันนี้แปลกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เหมือนควันที่เค้าเผาฟางหญ้า ขาว ๆ แต่นิ่ง  อยู่กลางถนน ในกอหญ้าข้างทางก็ไม่มีควัน  หรือเค้าเผาอะไร  เมื่อมันขวางอยู่กลางถนน  ผมก็เดินผ่านเข้าไปในควัน ขนาดไม่ใหญ่ เดินได้ 3-4 ก้าวก็ทะลุออกอีกด้าน แต่ที่รู้สึกได้คือในควันนั้น  เย็น ไม่มาก  แต่...ขนลุกครับ    พอผ่าน ควัน ก้อนแรก ข้างหน้า ก้มีอีกก้อน  ผมก็เดินผ่านไปอีกความรู้สึก ก็เหมือนก้อนแรก คือ ขนลุก  แต่พอออกจากควัน อากาศ ข้างๆ  ก็อุ่นเป็นปกติ    พอเดินออก จากป่าช้ามาเป็น เมรุของวัดพญาปราบฯ พอดี  หมาวัดนับ 10  ก็หอนขึ้นมาทันที  ผมก็ทำใจครับ ไม่กลัว  แล้วจะทำไงให้หมามันหยุดหอน  (ผมเล่าให้พี่ฟัง ก็พูดอย่างติดตลกว่า  หมามันคงคิดว่าเรากลัวมันเลยหลอกเรา  ก็เลยหอนซะเลย )  ผมจึงทำเป็นแกล้งวิ่งไล่หมา แต่ก็จริงๆ  อยากให้มันหยุดหอนมากกว่า  แล้วก็เดินออก นอกวัดเร็ว ๆ


แต่ที่ว่าเห็นเป็น ตัวตน อ่ะ ไม่มีหรอกครับ 

คห.54: 18 พ.ย. 53, 15:57
สยอง สยอง ทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะน้ำมันพราย 

เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เจอกับตัว บางคนอาจไม่เชื่อ ผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ไม่ลบหลู่ พลังงานหรือวิญญาณ อาจจะมีจริงแต่จะมาเป็นผี แลบลิ้นปริ้นตา ควักใส้ หักคอ ไม่เคยเจอครับ

...ขอยกตัวอย่างซักนิดครับ อย่างผีกระสือนี่ ถ้ามีจริง มันจะน่ากลัวตรงไหนครับ ลอยมาแต่หัวกับใส้ ถ้าเจอจะเอาคัน 6.6 ฟุต ฟาดให้ล่วงเลย 
คห.55: 18 พ.ย. 53, 16:18
+ สวัสดีครับน้า มารอชมด้วยคนครับน้า
brio_t(12 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบแดง
คห.56: 18 พ.ย. 53, 16:25
ใคร ชอบออกตกปลากลางคืน วคืนวันเสร์บ้างเดี๋ยวไปกับผม ขี่มอไซด์ไป ออกจากรังสิตคลอง 11 ครับ  ตกถึงซักเที่ยงคืนพอ เพราะหลัง เที่ยงคืน จนถึง ตี 4 เงียบ  เวลาตกก็ซัก 2-3 ชม. ปลาเพียบ  แต่มันมืด ขอคนไม่กลัวความมืด 
คห.57: 18 พ.ย. 53, 17:34
เรื่องของผม เกิดขึ้นที่ ไซเรนซ์ เอ๊
เรื่องของผม เกิดขึ้นที่ ไซเรนซ์ เอ๊ย ปิล๊อก ฮิลล์  ครับ

ไปถ่ายภาพที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ขึ้นไปปิล๊อก และกลับมานอนที่เขาแหลม
คห.58: 18 พ.ย. 53, 17:43
ไปกับคนนี้ ((พยานปากเอก)) และคุณประจั
ไปกับคนนี้ ((พยานปากเอก)) และคุณประจักร ครับ
คห.59: 18 พ.ย. 53, 17:46
เดินทางจาก กทม.ไปถึง ที่นี่ ตอนตี4 ทา
เดินทางจาก กทม.ไปถึง ที่นี่ ตอนตี4 ทางเข้าเปลี่ยวและวกวนสุดๆ แถมคนขับไม่เคยไปอีก ไปตาม GPS บอก

ระหว่างทาง เจอทั้งเม่นตัดหน้า เก้งข้างทาง และอื่นๆที่ วับๆแว๊บๆ อีก
คห.60: 18 พ.ย. 53, 17:47
ที่พักมีไหมไม่ทราบแต่ ถึงตี4 จะติดต
ที่พักมีไหมไม่ทราบแต่ ถึงตี4 จะติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ไหนได้

ก็ต้องเข้าไปที่ลานกางเต้นท์ล่ะครับ แต่........................

ไม่มีเต้นท์มาครับ ขอบอก 
คห.61: 18 พ.ย. 53, 17:52
เมื่อไม่มีเต้นท์ ก็เอาเสื่อที่มีไป
เมื่อไม่มีเต้นท์ ก็เอาเสื่อที่มีไปปูนอนตรงนี้ ((((ไม่ได้ถ่ายตอนก่อนนอน)))

คุณฐิติ กับผมมานอนกัน 2 คน ลูกผมกับคุณประจักร นอนในรถ

ประมาณว่า เอนหลังลงนอนเลย เพราะง่วงมาก นอนได้สักพัก กำลังเคลิ้มๆ

ก็รู้สึกว่ามีเสียงแว่วๆ และมีมือมาจับที่แขน ก็เลยลืมตามอง แต่ไม่เห็นเพราะมืดมาก

ไดยินแต่เสียงพูดว่า  ผมไปนอนในรถน๊ะครับ พี่ใหญ่ น้ำค้างแรงกลัวเป็นหวัด

ผมก็ไม่ได้ว่าไร เพราะง่วงนอนมาก และมองไม่เห็นอะไรด้วย

นอนต่อดีกว่า คิดแบบนั้น มีเวลา 2 ชม.ก็ยังดี  แต่.........

หลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่รู้ตัวอีกที่ เหมือนถูกกระตุกแขนที่กายหน้าผากไว้ 1 ครั้ง

ใจคิดว่าคุณฐิติ มาปลุก แต่ลืมตาขึ้น ก็ไม่เห็นใคร มองฟ้า ก็ยังมืดๆอยู่

เลยลุกขึ้นมองรอบตัว คิดว่า อาจเป็นสัตว์ ก็ไม่มี
คห.62: 18 พ.ย. 53, 17:56
น้าใหญ่ครับผมกำลังตามลุ้น...อยู่ครับมีภาพประกอบด้วย น้าใหญ่
zomby(1418 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.63: 18 พ.ย. 53, 18:02
ไปนอนขวางทางผ่านเค้ารึป่าวค้าบ น้าใหญ่
คห.64: 18 พ.ย. 53, 18:02
ตัดสินใจ เดินมาที่รถ ก็อย่างที่เห็
ตัดสินใจ เดินมาที่รถ ก็อย่างที่เห็นครับ แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ้.... ถึงเนื้อถึงตัวกันเลยหรือนี่

นึกได้ว่า นอนไม่ได้สวด และไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลย แหมมมมม ก็คิดว่าแค่ 2 ชม. 


ท่านฐิ ถามว่า พี่ใหญ่ เป็นอะไร ผมยังไม่บอก แต่มาบอกตอนกลับแล้ว ดันบอกว่า สมเรียกมานอนในรถ

ไม่ยอมมา 
คห.65: 18 พ.ย. 53, 18:03
เสียวว้อยๆ
kinu(254 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.66: 18 พ.ย. 53, 18:03
อ้างถึง: นักล่าแห่งลำน้ำจาง posted: 17-11-2553, 23:01:14


ไม่มีเรื่องเล่าสยองเท่าไหร่ครับ แต่มีวิธีทำน้ำมันพรายมาให้น้าๆอ่านกัน

ไหนๆกระทู้นี้ ก็มาเรื่องแบบนี้แล้ว...

ขอฝากไว้สักเรื่องแล้วกันนะครับ

ขอบอกว่า ไม่อ่านแล้วจะเสียดาย 
.....

  วีธีทำน้ำมันพรายครับ ดีดเป๊ะ ดีดเป๊ะ กระโดดใส่เลย ***//////

ช่วงนี้ลองสำรวจดูวัด หรือโรงพยาบาลใกล้ๆบ้าน ว่ามีผีตายท้องกลมบ้างหรือเปล่า ท้องแฟบๆ อย่าไปสนใจ เมื่อได้เป้าหมายที่ต้องการแล้ว เตรียมอุปกรณ์

เทียนไข 1 เล่ม ถ้าโลภมากก็อนุญาตเพิ่มเป็น 2 เล่ม

ไฟแช็ค 1 อัน ไม่ควรใช้ไม้ขีดไฟ เพราะเวลาผีมา ลมมักจะแรง แล้วมือเราก็อาจจะสั่นด้วย

ถ้วยสำหรับใส่น้ำมัน กี่ใบแล้วแต่จำนวนเทียน

ชวนเพื่อนไปด้วย 1 คน เผื่อผีไม่ยอมจะได้ช่วยกันขู่ เพื่อนสายตาสั้นไม่ต้องชวนไป เดี๋ยวมาลนผิดที่ มาลนไฟที่คางเรา จะหมางใจกันเปล่าๆ

เพื่อนที่วิ่งช้าๆ เป็นคนที่เราควรจะชวนไปด้วยเป็นอย่างยิ่ง

อย่าลืมแขวนพระ ไม้กางเขน กระเทียม กระบี่ และอื่นๆ ที่ผีไทย และผีนานาชาติกลัวไปด้วย เนื่องจากเราไม่รู้ว่าผีนับถือศาสนาใด

ก่อนลงมือ ดูฤกษ์ดูยามให้ดี ผีจะได้ไม่หลอก เช็คดูกับกรมอุตุฯด้วยว่าต้องไม่มีฝน ถ้ามีฝนโดยเฉพาะฝนตกหนัก ควรไปยืนตากฝนร้องเพลงเศร้าๆหน้าบ้านคนที่เรารักมากกว่า อาจจะได้คะแนนเห็นใจ

เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว อย่าลืมตรวจสอบว่า มีการสวดศพกี่วัน ไม่ใช่พระกำลังกุสลาธรรมาอยู่ แล้วเราไปงัดโลงเหยงๆ เราอาจจะเป็นศพไปด้วย

ก่อนจะออกจากบ้าน ทดสอบลมหายใจก่อน โดยวิธีอุดจมูก แล้วหายใจทีละข้าง ข้างไหนหายใจสะดวก ให้ก้าวท้าวข้างนั้นก่อน ถ้าสะดวกทั้งสองข้าง ก็ก้าวเท้าทั้งสองข้างพร้อมกัน แต่ถ้าไม่สะดวกทั้งสองข้าง ควรไปหาหมอได้แล้ว

ระหว่างที่ก้าวเท้า ถ้ามีเสียงจิ้งจกทัก ให้หยุดทันที... มองหาจิ้งจก ทักทายตอบตามมารยาท แล้วค่อยก้าวต่อไป

พอมาถึงวัด ตรงไปที่ป่าช้าทันที ไม่ควรแวะหาเจ้าอาวาส หรือหลวงพี่องค์ใด เพราะงานนี้ไม่จำเป็นต้องครบพระรัตนตรัย มีเพียงพระพุทธที่คล้องคออยู่ ก็พอแล้ว ถึงบริเวณป่าช้า หาเป้าหมายที่ต้องการ โดยตรวจชื่อดูตามโกดังเก็บศพ ถ้าเป้าหมายชื่อ นาค ควรกลับไปตั้งหลักที่บ้าน แล้วหาเป้าหมายใหม่ดีกว่า ไม่น่าเสี่ยง แม้จะไม่ได้อยู่พระโขนงก็ตาม

เมื่อเจอเป้าหมายที่ต้องการแล้ว เอาโลงออกจากช่องเก็บศพ เอาศพออกจากโลง ตามแต่วิธีของแต่ละคน อันนี้แล้วแต่ความกล้า ว่าจะอยู่ในระดับใด ถึงตอนนี้ หมาจะเริ่มหอน ลมจะพัดแรง มือซ้ายถือเทียนไขที่เตรียมมา มือขวาจับเพื่อนไว้แน่นๆ กันเพื่อนหนี (ถ้าถนัดซ้าย ก็ใช้มือขวาถือเทียนไข มือซ้ายจับเพื่อน จะมั่นคงกว่า) ให้เพื่อนจุดไฟแช็ค พร้อมเอามือป้องลมกันไฟดับ (สังเกตว่า มือเพื่อนจะไม่ว่างทั้งสองข้าง เผื่อกรณีฉุกเฉิน เราจะเผ่นได้โดยสะดวก)

พอเทียนไขติดไฟดีแล้ว เอาไปลนที่ใต้คางของผี เสียงจะดังฉี่ๆ คล้ายทอดปลา ถ้ารู้สึกหิว ให้ออกไปซื้อของกินได้ที่ร้านเซเว่นฯ หน้าวัด แล้วค่อยกลับมาใหม่ ช่วงนี้ยังไม่ต้องทำอะไร รอจนศพลุกขึ้นนั่ง ให้เพื่อนหยิบภาชนะมารองที่ใต้คางของผี อย่าลืมย้ำให้เพื่อนถือภาชนะด้วยมือทั้งสองข้าง (มือขวาเรายังจับเพื่อนไว้แน่นเช่นเดิม) น้ำมันพรายจะหยดลงภาชนะ ผีจะเฮี้ยนหรือไม่เฮี้ยน ดูได้ตอนนี้ ถ้าผีส่งเสียง โอย..โอย เราควรจับเพื่อนให้แน่นยิ่งขึ้น แต่ถ้าเพื่อนร้อง โอย..โอย แสดงว่าเราจับเพื่อนแน่นเกินไปแล้ว

ผีบางตนที่เฮี้ยนมากๆ อาจจะมีการหักคอให้หวาดเสียว พอผีเอื้อมมือมาปุ๊บ เราจะรู้ได้ทันทีว่าพระเราศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ถ้าพระดี ผีจะแหกปากร้องร้องลั่น ด้วยความกลัว ถ้าพระเก๊ เราก็จะแหกปากร้องด้วยความเจ็บแทน ตอนนี้เครื่องรางของขลังต่างๆ ที่เตรียมมา ให้ลืมไปก่อน แนะนำให้ใช้เท้าข้างใดข้างหนึ่ง ยันแรงๆ (หรือที่เรียกว่าถีบ) ไปที่ยอดอกของผีหลายๆครั้ง จนกว่าผีจะปล่อยเรา

พอน้ำมันเต็มภาชนะ เอาเทียนออกจากคางผีช้าๆ อย่าเพิ่งดับไฟ เพราะช่วงนี้ผีอาจตุกติก มีลูกเล่น ให้เรากระดิกเท้าเบาๆเตือน ผีก็จะลงนอนแต่โดยดี เอาผีใส่โลง เอาโลงใส่ช่องเก็บศพ เก็บข้าวเก็บของกลับบ้าน เป็นอันเสร็จพิธี พอถึงตอนนี้ ลมจะสงบ ไก่จะเริ่มขันพอดีตามสูตร

ก่อนจะนำไปใช้งาน อย่าลืมสังเกตสีของน้ำมันก่อน ถ้าเป็นสีแดง ออกเทน 91 เหมาะสำหรับชายรุ่นใหม่ (New Generation) ผู้สดใส ร่าเริง มองโลกในแง่ดี ส่วนน้ำมันสีเหลืองอำพัน ออกเทน 95 เหมาะสำหรับผู้ชายรอบจัด เจ้าชู้ แต่ถ้าเป็นสีเหลืองคล้ำๆ ละก็ เหมาะสำหรับชายมาดแมน ผู้ใช้แรงงานเป็นอย่างมาก ใช้ไม่ตรงกับที่ระบุก็ได้ แต่คุณภาพอาจจะลดลง

วิธีใช้ เมื่อเจอคนที่เราหมายปอง รีบเทน้ำมันพรายใส่นิ้วชี้ ไม่ควรใช้นิ้วกลาง เนื่องจากน่าเกลียดมาก เวลาเราชูนิ้วกลางโร่เข้าไปหาเหยื่อ ปริมาณน้ำมันพราย ก็แล้วแต่เราจะเอาขั้นไหน ถ้าหยดสองหยด ก็ ลืมตัว มัวเมาเฝ้าพิศวาส แต่ถ้าจะเอาถึงขั้น หลงรูปจูบกระดาษที่วาดไว้ ละก็ ใช้วิธีสาดเอาเลยดีกว่า

น้ำมันพรายจะต้องป้ายให้โดนผิวหนังเหยื่อ ดังนั้น เราจะต้องเล็งให้แม่น ตรงข้อศอก ดีที่สุด เพราะตรงนั้นป้ายง่าย ไม่หวาดเสียว แต่ถ้าเหยื่อใส่เสื้อแขนยาว ก็เปลี่ยนมาเล็งที่หลังมือแทน ถ้าเหยื่อใส่ถุงมือ ก็เปลี่ยนมาที่แก้ม ถ้าเหยื่อยังใส่หน้ากากอีก ก็เลิกสนใจเถอะ หมอนั่นมัน บ้าแน่ๆ

ป้ายแล้ว อย่าลืมให้เบอร์โทร หรือ อีเมลแอดเดรส ด้วย เสร็จแล้วกลับมานอนยิ้มหวาน รอโทรศัพท์ที่บ้านได้ ไม่เกินสามวันเจ็ดวัน... เหงือกแห้ง

* เครดิต * ขอขอบคุณ นายตั้ม จากทะเลไท ครับ   





อย่างฮาครับ
คห.67: 18 พ.ย. 53, 18:07
ฟ้าสว่าง ก็เลยเดินสำรวจจุดที่ผมไปน
ฟ้าสว่าง ก็เลยเดินสำรวจจุดที่ผมไปนอนเมื่อคืน เดินผ่านต้นไม้ต้นนี้ แล้ว ขนแขนกับต้นคอ มันลุกครับ

เมื่อคืน ผมนอนใต้ต้นไม้ต้นนี้พอดีด้วย
คห.68: 18 พ.ย. 53, 18:13
ก็เลยคิดว่า ยังไงมาทักทายกันแบบถูก
ก็เลยคิดว่า ยังไงมาทักทายกันแบบถูกเนื้อถูกตัวกันแล้ว ผมก็เลย ขอจับต้องบอกกล่าวกันบ้าง

ขอแค่ว่า อย่าตามไปไหนมาไหนด้วย ก็แล้วกัน ผมแค่มาขออาศัยนอนแป๊ปเดียว แล้วก็เย็นวาบ

เหมือนลมโชยมาอีกที  เป็นอะไรผมไม่ทราบ แต่ผมไม่ใช่คนกลัวผี และไม่เคยเห็นผี แบบจะๆ

แต่ครั้งนี้ มาถึงตัวเลย แต่ก็ไม่เห็นเหมือนเดิม

คราวหน้าไปอีก จะไม่ลืมบอกกล่าวก่อน เผื่ออะไรที่มานี่ใจดีอาจได้เลขเด็ด 
คห.69: 18 พ.ย. 53, 18:18
น้าใหญ่ครับผมกำลังตามลุ้น...อยู่ครับมีภาพประกอบด้วย น้าใหญ่


ครับ ท่านผู้การ ผมส่งกระทู้นี้ไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าไปเจออะไรมา แบบละเอียดนัก



ไปนอนขวางทางผ่านเค้ารึป่าวค้าบ น้าใหญ่


ตอนนั้นมันมืดสนิทเลยครับ ไม่ได้สำรวจอย่างถ้วนถี่ ตรงไหนเรียบๆก็ปูเสื่อเลย อีกอย่าง ง่วงมากด้วย

แหมมมมม..ผมว่าชื่อล็อคอิน ZOMBY คงไม่ต้องกลัวผี แล้วมั้งครับ 

เสียวว้อยๆ


ตอนนั้นผมก็เสียวๆเหมือนกันครับ 
คห.70: 18 พ.ย. 53, 18:26
เคยๆๆเหมือนกันครับ
zomby(1418 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.71: 18 พ.ย. 53, 18:29
แหมมมมม..ผมว่าชื่อล็อคอิน ZOMBY คงไม่ต้องกลัวผี แล้วมั้งครับ 



  หึๆๆๆ....ผีเรอะ....กลัวที่หนายล่ะ.....ตอนกลางวันอะ.... 

  สมัยหนุ่มๆก็มีบ้างครับ รุ่นพี่พาไปรับน้องในป่าช้า อ๊ะ!ท้าทายกันแบบนี้ ยอมไม่ได้นะเนี่ย สรุปว่าไปนั่งดริ๊งกัน 2 คน ใต้แสงจันทร์ ( ไม่ได้โรแมนติกเล้ย แถมกองเชียร์กับสักขีพยานหายหัวเรียบ ) ก็นั่งมองหน้าวัดใจกันว่า ใครจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายยยยย...........เหล้าหมด เลยพร้อมใจกันกลับมากินต่อที่หอ ไม่เจออะไรเลย โชคดีค่อดๆๆ สาธุๆๆ

  ถ้าเป็นสมัยนี้นะ ยุไม่ขึ้นร้อกกกก อย่าหวังเลยยยย
คห.72: 18 พ.ย. 53, 19:25
สวัสดี น้ามัสขอบคุณครับที่ส่งเรื่องฮ่าๆมาให้อ่านคร๊าบบบบบ

สวัสดี น้า kanok ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า soulless09 ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า อะปิ๋วทีม ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า โม่งMong_Actionlure ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า DEEPBLUE ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า ยักษ์ใจดี ขอบคุณเรื่องราวของน้าครับ...เป็นผมอยู่คนเดียวเจอกระซิบแบบนี้ก็เดินเข้าบ้านเหมือนกันและครับ...เอาไป4กระโหลกครับ

สวัสดี น้า ไก่ชน..ขอบคุณครับน้าแป๊ะน้าแอ๊ปแกเลยต้องบวงสรวงเลยก่อนลงอ่างไม่ใช่แกขอให้ปลาตัวใหญ่ๆเหรอน้าแป๊ะ

สวัสดี น้า ต้อง ขอบคุณครับ

สวัสดี น้าอาร์มBG ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า saosin ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า สตางค์ ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า อินทรีพัทลุง ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า batoo ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า tiess ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า เสือติดปีก ขอบคุณครับที่เล่าสู่กันให้ได้ทราบเรื่องเสื่อรดน้ำศพ...ดีเขาไม่แบกน้าไปด้วยโทรศัพท์ช่วยไว้แท้ๆ....เอาไป4กระโหลกครับ

สวัสดี น้า 888 ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า tidchu ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า โตโต้มาเฟีย.ขอบคุณครับ.สนุกๆครับเล่าสู่กันฟังครับน้าโต

สวัสดี น้า phanuwat05 ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า กระบี่เดียวดาย ขอบคุณครับน้าเดียวแบบนี้เขาเรียกว่าเพื่อนมาส่งครับ...เขาจะนึกถึงเพื่อนที่สนิทๆก่อนแน่ๆครับ...เอาไป4กระโหลกครับ

สวัสดี น้าsyndrome ขอบคุณครับ

สวัสดี น้า atis14 สยองดีครับลูกมะพร้าวไล่ตามเลยเป็นผมยังไม่หันหลังมองก่อนแน่เลยครับโกยออกจากพื้นที่อันตรายนั้นก่อนแน่ๆครับน้า....เรื่องของน้าเอาไป4กระโหลกครึ่งครับเสียวใช้ได้เลยครับ
คห.73: 18 พ.ย. 53, 20:02
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเมื่อตอนไปตกปลาเมื่อประมาณห้าหกปีที่แล้วจนทุกวันนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าคืออะไร......หมายเป็นคลองเล็กที่แยกจากลำคลองใหญ่เข้าสู่ข้างในป่าพรุ บรรยากาศสองผั่งคลองก็เป็นป่าพรุ และมีพื้นที่โล่งขนาดประมาณสองไร่ ผมไปตกปลากับเพื่อนสองคนเวลาประมาณสี่โมงครึ่งเดินตีเหยื่อไปเรื่อยๆ ซึ่งคลองนี้ปลาชะโดชุมมาก..ระหว่างเดินตีเหยื่อลึกเข้าไปตามความยาวของลำคลองไปเรื่อยๆ....จนเวลาโพล้เพล้ผมเริ่มรู้สึกว่าเดินเข้ามาลึกพอสมควร พลันหูของผมกับเพื่อนสองคนก็ได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่างวิ่งอยู๋ในบริเวณที่โล่งด้านหลังห่างจากที่พวกผมยืนกันอยู๋ประมาณร้อยเมตร....
ได้ยินเสียงชัดมากเพราะบริเวณนั้นเปนพื้นที่น้ำขังประมาณหัวเข่า...ตอนแรกผมคิดว่าคงจะเปนตัวอะไรสักอย่างกำลังวิ่ง แต่แปลกเมื่อผมหันไปตามที่มาของเสียงสิ่งที่ได้ยินนั้นกลับเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....มิหนำซ้ำสิ่งที่ทำให้ผมข้องใจมากเวลานั้นก็คือช่วงเวลานั้นมันก็ไม่ได้มืดอะไรมากนักหากระยะแค่ร้อยเมตรหากเปนสิ่งมีชีวิตที่สามารถทำให้เกิดเสียงดังได้ขนาดนั้นพวกผมก็ต้องมองเห็นอย่างแน่นอน...หันไปมองหยุดหันหลังให้ดีงอีกเป็นอย่างนี้อยู่ประมาณสามครั้ง  ผมกีบเพื่อนเลยมองหน้ากันแล้วก็เดินตีเหยื่อเรื่อยๆกลับทางเก่าโดยไม่พูดอะไรกันเลยสักคำ.....เมื่อกลับถึงบ้านผมพยายามหาคำตอบในที่มาของสิ่งที่เกิดขึ้นโดยถามพ่อของผมซึ่งแกคุ้นเคยกับที่บริเวณนั้นดีมาตั้งแต่เด็ก....โดยพ่อผมได้เล่าว่าสมัยก่อนตอนพ่อผมเด็กๆที่ยังมีการปล้นฆ่ากันเป็นเหตุการณ์ปกติ สถานที่บริเวณนั้นคือที่ๆมีเหล่าบรรดาโจรหรือคนที่เป็นคู่อริกันเอาเหยื่อไปยิงทิ้งกันมากที่สุด............นี่อาจจะเปนสาเหตุที่ทำให้ผมเจอสิ่งแปลกประหลาดที่หาคำตอบไม่ได้จากสถานที่นั้นก็เปนได้

ป.ล.ทุกวันสถานที่สองฝั่งคลองแห่งนี้เต็มไปด้วยไร่ปาล์มน้ำมัน....บรรยากาศน่ากลัวแบบเก่าๆไม่หลงเหลืออยู่อีกเลย แม้แต่ปลาชะโดที่เคยชุกชุม
คห.74: 18 พ.ย. 53, 21:04
ผมก็มีเรื่องนึงที่อยากเล่าให้น้าๆฟังกันนะครับ

คือเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเองแต่ผมไม่เห็นคนที่ไปด้วยเห็น

เรื่องมือยู่ว่าผมไปตกปลาที่อ่างดอกกรายซอย7
แถวป่ายูคาลิปตัสไปกันหลายคนค้างคืนกัน2คืนแต่ผมขับมอไซร์ไปกลับ
ไม่ได้ค้างกับคนอื่นแล้วจนได้เมื่อวันที่2ขากลับก็เก็บของขึ้นรถกันเสร็จเรียบร้อย
ก็นั่งดริ้งกันสักพักนึงจนเวลาประมาณ1ทุ่มก็ได้ออกจากหมายโดยมีมอเตอร์ไซร์2คันและรถปิ๊คอัพ1คัน
คันแรกเป็นมอไซร์พวกพี่ผมขับออกมาก่อนแล้วตามมาด้วยผมขับมาคนเดียวเป็นคันที่2
และคันสุดท้ายก็เป็นรถปิ๊คอัพขับออกจากหมายมาระหว่างทางผ่านสวนยางเป็นทาง3แพ่รง
แล้วก็เป็นทางโค้งก็มีรถกระบะอีกคันขับแซงผมไปทีแรกผมก็เห็นว่าเป็นพวกพี่ที่มาด้วยกันก็เลยโบกมือทัก
แล้วพี่ผมอีกคนที่ขับมอไซร์ก็ขับหายไปไกลแล้วแต่พอขับออกมาถึงปากทางเข้าก็เจอพี่ที่ขับมอไซร์ออกมาก่อนผมก็จอดถามว่ารออะไรเค้าก็บอกว่าก็รอกพวกผมกันเห็นยังมากันไม่ถึงผมก็เลยบอกไปว่าผมก็เห็นเค้าออกมาก่อนแล้วผมขับมาคันสุดท้ายผมกับพี่ก็เลยตกลงกันว่างั้นรอก่อนก็ได้แล้วสักพักก็มีรถปิ๊คอัพตามมาจริงๆ
ซึ่งก็เป็นพวกพี่ผมที่มากันกะรถปิ๊คอัพจริงๆตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็ขับมอไซร์มาจนถึงกลางทางน้ำมันหมดอีกซึ่งจริงๆแล้วน่าจะหมดก่อนหน้านี้เพราะน้ำมันเหลือไม่ถึงครึ่งลิตรในถังแต่ทำไมขับออกมาได้ตั้งหลายกิโลจากที่กะๆดูก็ประมาณ10กว่ากิโลได้พวกที่ขับปิ๊คอัพตามมาก็ไปซ้อน้ำมันมาเติมให้ก็ขับมาถึงบ้านก็นั่งดริ้งกันต่อแล้งมีลุงคนนึงแกก็เอ่ยปากถามผมว่าได้จอดรับใครหรือปล่าวผมก็บอกว่าปล่าวแต่ลุงแกก็ยังบอกว่าเห็นคนซ้อนมากับผมซึ่งสวมชุดขาวทั้งชุดมากับผมด้วย(ตอนนี้พิมไปขนลุกซู่อยู่เลย) ซึ่งตอนนั้นมีคนอยู่บนรถกันหลายคนเค้าบอกว่าเห็นกันหมดทุกคนจนเค้าต้องจอดรถแล้วลงไปนับคนที่นั่งอยู่ท้ายกระบะว่ามีใครที่หายไปแล้วใครที่มากับผมจนหลังจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าตอนผมจะออกไปไหนก็แล้วแต่จะมีคนคอยตามผมไปด้วยตลอดจนต้องไปกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลความรู้สึกจึงหายไป
แต่ก่อนที่ผมจะเจอพวกพี่ผมเค้าเจอก่อนหน้าผม1วันคือตอนเช้ากำลังหุงข้าวทำกับข้าวกัน
แล้วพี่คนที่ทำกับข้าวเค้าได้บอกกับเจ้าที่ไว้ว่าขอปลาตัวใหญ่ๆถ้าได้แล้วอยากกินอะไรก็ให้มาบอก
พอพูดจบอยู่ดีๆก็มีลมมาจากใหนไม่รู้พัดเอาเต้นที่นอนปลิวมาโดนหม้อต้มขาหมูที่กำลังทำอยู่บนเตาเทกระจาดทั้งหม้อเลย

จนตอนนี้นึกถึงแล้วยังขนลุกอยู่เลย
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยเข้าไปซอย7อีกเลย

แต่ไม่วายมาโดนที่หน้าเขื่อนอีก



เป็นเวลาประมาณตี2ซึ่งอยู่กันประมาณ6-7คน
พวกผมไปกัน3คน
แล้วก็มีตกปลาอยู่ไกล้กันอีกกลุ่มนึงอีก3-4คน
ผมให้พี่เฝ้าเบ็ดอยู่คนเดียวผมก็ไปเดินตีปลากระพงอยู่ตรงสันเขื่อนกับลุง
แล้วพี่ที่เฝ้าคันเบ็ดอยู่ก็ตะโกนเรียกผมที่แรกผมคิดว่าปลากินเบ็ดผมก็เลยไม่ได้สนใจ
จนเค้าเรียกอยู่ประมาณ4-5รอบพี่แกก็บอกว่าเมิมไม่ต้องตกแล้วกระพงอ่ะมาอยู่กะกรูนี่
ผมก็เลยสงสัยขับรถกลับมาถามว่ามีอ่ะไรแกก็เลยเล่าให้ฟังว่าตอนแกนอนอยู่ในเต้นท์มีความรู้สึกเหมือนมีคนมาเดินดูเบ็ดแกก็ออกมาดูแต่ก็ไม่มีใครพอเข้าไปในเต้นก็ได้ยินเสียงเหมือนคนมาเดินวนรอบเต้นอีก
แกก็ออกมาดูก็ไม่มีใครจนครั้งสุดท้ายแกกลับเข้าไปในเต้นอีกรอบอยู่ดีๆมุมเต้นทั้ง4มุมก็ยกขึ้นแกก็ออกมาเดินดูก็ไม่มีใคร ผมก็เลยเอ่ยปากบอกไปว่าพวกเรามาหากินอย่ามาแกล้งกันเลยยังไงพรุ่งนี้ขอปลาตัวโตๆแล้วกันถ้าได้จะซื้อไก่ต้มมาถวาย  แล้วสักพักพี่ที่อยู่ซุ้มข้างๆก็ตื่นนอนแล้วเดินมาถามว่ามีไรกันเห็นยังไม่นอนอีก
ผมก็เลยถามพี่เค้าว่าเมื่อกี้พี่ไม่ได้ยินอะไรเลยหรอเค้าก็บอกว่าไม่ได้ยินอะไรเลยน่าแปลกทั้งๆที่เต้นพี่เค้าก็กางอยู่ไกล้กันห่างกันไม่ถึง5เมตรแต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย
พอตอนเช้ามาผมปรากฎว่าผมได้ปลายี่สกไทย1ตัว
ก็เลยต้องทำตามที่บอกเค้าใว้ซื้อไก้ต้มเข้าไปให้เค้าตามที่ตกลงกันใว้

สุดท้ายนี้อยากบอกกับน้าๆว่าเราไปที่ไหนเราควรจะยกมือใหว้บอกเจ้าที่เจ้าทางเค้าสักนิด
เพราะสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นยังมีอีกเยอะ เรื่องของผมก็มีอีกหลายเรื่องแต่เอาแค่2เรื่องก็พอ
เป็นน้ำจิ้ม
narita(4636 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.75: 18 พ.ย. 53, 21:09
<12345>
siamfishing.com © 2024