เราตกกันเพลินจนเย็นครับ...ปลาตัวสุดท้ายของวันนี้ครับ

น้ำลึกมั้ยครับ หมายสวยตามชมครับ 

ปลารวมอาจารย์แหมบครับ...

อาจารย์แหมบโชว์โทรฟี่ของตัวเอง...

ผมเอามั่งจิ..

ปลารวมของผมครับ..

ผมก็ยังงง ๆ อยู่ครับว่า เอ..ปลาหมูผมได้เยอะมาก ทำไมไม่ค่อยเห็นตัว...พอดูก้นกระชัง...อะจ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก....กระชังพ้มมมมม....

โห...มานไปกี่ตัวละเนี่ย.. คือกระชังอันนี้เป็นกระชังหมานของผม อายุการใช้งานตั้งแต่ปี 2545 มันเลยแตก ก่อนหน้านี้ก็เย็บแล้วเย็บอีก..เล่นเอาอาจารย์แหมบหัวเราะกลิ้งเลย

นี่ไงครับ...ที่มาของชื่อกระทู้วันนี้...


ขอบคุณทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชม...คืนนี้นอนหลับฝันดีนะครับ...พรุ่งจะออกทริปมาให้ชมอีกนะครับ...ราตรีสวัสดิ์ครับ

+1 ครับตามดูด้วยคน

ชอบแนวนี้มากเลยคร้าบ  ขอบคุณที่นำมาให้ชมนะครับ

รอชมทริปหน้า

ยินดีด้วยครับ น้ำยาสถานเดียวเลยครับไม่ก้อลาบ+++

ปลาชุมจริงๆ หมายนี้

กาดำอีกแล้ว  แบบนี้ทอดมัน +++++++++

สุดยอดครับ ไว้ว่าง ๆ จะไปบ้าง

+1 ปลาชุมจริงๆครับ 

แจ่มคับน้า

+1เลยน้า สุดยอด

พี่ น่าสนใจจังครับ ผมอยู่ อิสาน แม่น้ำชีเยอะมากครับ แต่พี่ใช้เหยื่อ อะไร ครับ กินดีแท้

+1สำหรับทริพนี้ก่อนน่ะครับ ขอบพระคุณมากครับน้าสำหรับภาพครีบก้น คือเนื่องจาก "การจำแนกชนิดของปลากระมัง" คือ ในกลุ่มปลากระมังเท่าที่ถูกระบุในปัจจุบันมีอยู่
1) Puntioplites bulu (Bleeker 1851) บ้านเราน่ะจะเรียกเขาว่า ปลาตุม.
2) Puntioplites falcifer Smith 1929 บางตำราจะเรียกว่า ปลากระมังครีบสูง หรือ ปลาสะกาง
3) Puntioplites waandersi (Bleeker 1858-59) ปลากระมัง
4) Puntioplites proctozystron (Bleeker 1865) ปลากระมัง บางพื้นที่เคยได้ยินเขาเรียกว่า ปลากระมังตาโต.
ทั้ง 4 ชนิดนี้ มีวิธีการจำแนกชนิด ในความคิดส่วนตัวผม
1) เขาใช้แหล่งที่พบจำแนก ซึ่งวิธีนี้จะจำแนกง่ายหากปลาชนิดนั้นเป็นชนิดเดียวมีถิ่นที่พบกระจายบริเวณแถบนั้น แต่ถ้าถิ่นที่พบนั้นมากกว่า 1 ชนิด ปัญหาเกิดครับ แล้วเราจะมีวิธีแยกอย่างไร? ต้องลองดูวิธีที่ 2 ครับน้า.
2) ปลาในสกุลกระมังนี้ ผมจำแนกออกเป็น 2 กลุ่ม โดยใช้รอยยักของครีบก้นจำแนก คือ
    2.1) กลุ่มที่ "มี" รอยยักครีบก้น ในกลุ่มนี้มี 2 ชนิดครับผม.
          2.1.1) Puntioplites falcifer Smith 1929 บางตำราจะเรียกว่า ปลากระมังครีบสูง หรือ ปลาสะกาง
          2.1.2) Puntioplites proctozystron (Bleeker 1865) ปลากระมัง บางพื้นที่เคยได้ยินเขาเรียกว่า ปลากระมังตาโต.
    2.2) กลุ่มที่ "ไม่มี" รอยยักครีบก้น ในกลุ่มนี้มี 2 ชนิดครับ.
          2.2.1)  Puntioplites bulu (Bleeker 1851) บ้านเราน่ะจะเรียกเขาว่า ปลาตุม.
          2.2.2) Puntioplites waandersi (Bleeker 1858-59) ปลากระมัง
    แต่ปัญหา มันมีอยู่ว่า ปลาตัวที่น้าตกได้เป็นปลากระมังชนิดไหนใน2 ชนิดที่กล่าวมา คือข้อแตกต่างของปลา 2 ชนิดนี้คือ
1) ปลาสะกาง Puntioplites falcifer Smith 1929 จะมีครีบหลัง ครีบก้น ครีบหาง เป็นสีส้ม ส่วนอีกชนิดคือ ปลากระมังตาโต Puntioplites proctozystron (Bleeker 1865)สีครีบน่าจะออกสีเทาทึมๆ.
2) ผมลืมขออนุญาตรบกวนน้า ถ่ายภาพรอยยักของก้านครีบหลัง แต่ต้องถ่ายให้ครบก้านครีบหลังน่ะครับ เพราะจะดูจำนวนรอยยักนี้ คือ ในปลาสะกางรอยยักที่นับจะมีตั้งแต่ 26 รอยยักขึ้นไป ดังนั้นก้านครีบหลังนี่น่าจะยาว ถึงเรียกว่า ปลากระมังครีบสูง. ส่วนปลากระมังตาโต จำนวนรอยยักอยู่ที่ 17-22 โดยประมาณ.
3) จำนวนเกล็ดรอบคอดหาง ปลาสะกางอยู่ที่ 16 เกล็ดนขณะที่กระมังตาโตจะอยู่ที่  18-20 เกล็ดครับ.
  ปลากระมังในรูปผมดูน่าจะเป็น  Puntioplites proctozystron (Bleeker 1865) หรือ ปลากระมังตาโต ผมดูเทียบจากรูปวาดเอาครับน้า ขอให้สนุกกับ ชนิดของปลาในสกุลกระมังกันน่ะครับ ถ้าผมมีปัญญา ใจอยากจะทำคู่มือกับนักตกปลา โดยมีภาพถ่ายในรายละเอียดเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบ แต่ผมติดปัญหาหลายอย่าง จึงได้แต่ขอให้น้าๆโพสท์ภาพมาเก็บเอาไว้ล่ะครับ. ถ้าใครคิดจะทำคู่มือตรงนี้แล้วผมพอช่วยเหลือทางข้อมูลได้ก็ขอให้บอกน่ะครับ อีกส่วนนึงคือ ผมยังจำแนกได้แค่บางสกุลเท่านั้นน่ะครับ " คู่มือนักตกปลากับ siamfishing" อิ อิ อิ.

    :

สวัสดีครับน้า khainui2511 .......... สมกับที่เป็นตัวจริง