Luzifer Photo ตอน : พื้นฐานการถ่ายภาพ (ก๊อปเขามาอีกที): SiamFishing : Thailand Fishing Community
<12345>>>
กระดาน
คห. 130 อ่าน 45,201 โหวต 14
Luzifer Photo ตอน : พื้นฐานการถ่ายภาพ (ก๊อปเขามาอีกที)
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.51: 18 พ.ย. 50, 02:13
ผู้ที่กำลังจะซื้อกล้องถ่ายรูปตัวใ
ผู้ที่กำลังจะซื้อกล้องถ่ายรูปตัวใหม่ หากที่บ้านมีคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว หรือคิดจะมีคอมพิวเตอร์ในอนาคตอัน
ใกล้ มักคิดเปรียบเทียบระหว่างกล้องดิจิตอลกับกล้องที่ใช้ฟิล์มว่าจะเลือกซื้อกล้องแบบใดดี หากเป็นเมื่อต้น
ที 2544 หรือก่อนหน้านั้นคงตัดสินใจได้ไม่ยาก เพราะกล้องดิจิตอลในขณะนั้นราคาค่อนข้างสูง และคุณภาพ
ยังห่างจากกล้องใช้ฟิล์มอยู่มากพอควร (เปรียบเทียบในราคาใกล้ ๆ กัน) ส่วนกล้องดิจิตอลที่คุณภาพเทียบ
ได้กับฟิล์มถ่ายภาพ ราคายังเกือบล้านหรือมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งยากที่นักถ่ายภาพสมัครเล่นทั่วไปจะลง
ทุนซื้อ
แต่กล้องดิจิตอลปัจจุบันคุณภาพดีขึ้นมาก ในราคาไม่แพง ส่วนกล้องที่คุณภาพเทียบได้กับฟิล์ม ราคาอยู่ที่
หลักแสนถึงสามแสนบาท ซึ่งลดลงมากว่าเดิมมาก แต่อาจจะยังสูงอยู่สำหรับนักถ่ายภาพสมัครเล่นทั่วไปซึ่ง
ไม่ได้ทำเงินกับการถ่ายภาพ
การจะติดสินใจซื้อกล้องแบบใด คงต้องดูข้อได้เปรียบเสียเปรียบของกล้องชนิดนั้นๆ เสียก่อนที่จะตัดสินใจ
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.52: 18 พ.ย. 50, 02:14
ข้อได้เปรียบของกล้องดิจิตอล


1. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะกล้องดิจิตอลไม่จำเป็นต้องใช้ฟิล์ม จึงไม่ต้องเสียค่าฟิล์ม ค่าล้างฟิล์ม
และค่าอัดขยายภาพในการดูภาพ ยกเว้นแต่ต้องการพิมพ์ภาพออกมาถึงจะต้องใช้วัสดุสิ้นเปลือง หากคิดค่า
ฟิล์มเนกาติฟม้วนละ 100 บาท ค่าล้าง 30 บาท และค่าอัดขยายภาพ 5 บาท/ใบ ค่าใช้จ่ายในการถ่ายภาพ
จะตกม้วนละ 310 บาท ส่วนกล้องดิจิตอลที่ให้คุณภาพเทียบเท่าฟิล์มกับการอัดขยายภาพในขนาด 4R จะ
ประมาณ 1800x1200 pixels หรือประมาณ 2.3 ล้านพิกเซล ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นต้น ๆ เท่านั้น
เท่ากับการใช้ฟิล์มประมาณ 70 ม้วนเท่านั้น หรือถ้าคิดเฉพาะค่าฟิล์มก็จะอยู่ที่ 200 ม้วน

2. สามารถเห็นภาพและแก้ไขภาพได้ทันที ไม่ต้องรอ กล้องดิจิตอลในปัจจุบันจะมีจอ LCD อยู่ด้านหลัง ทำ
หน้าที่แสดงภาพที่ถ่ายแล้วให้เห็น ซึ่งเป็นจุดที่ดีมาก ๆ ของกล้องดิจิตอล ผู้ใช้สามารถดูภาพได้ทันทีหลัง
จากถ่ายภาพเสร็จ หากภาพถูกใจ ใช้งานได้ก็บันทึกลงบนแผ่นเก็บข้อมูล แต่ถ้าภาพผิดปกติ เช่น สว่างเกิน
ไป มืดเกินไป สีผิดเพี้ยน องค์ประกอบไม่ดี ภาพเสียงจังหวะ ฯลฯ ก็สามารถถ่ายภาพใหม่ๆได้ทันที ไม่ต้อง
ไปลุ้นภายหลังว่าภาพจะออกมาเป็นอย่างไร ทำให้ได้จำนวนภาพสวยงามมากกว่าการใช้ฟิล์ม

3. สามารถเลือกเก็บเฉพาะภาพที่ชอบ และลบภาพที่ไม่ชอบทิ้งได้ เราสามารถถ่ายภาพเผื่อเอาไว้เยอะ ๆ ได้
โดยไม่ต้องกลัวเปลือง แล้วมาดูภาพในภายหลังว่า จะเอาภาพใดไว้ และลบภาพใดออกไปจากแผ่นเก็บ
ข้อมูลได้ สะดวกในการทำงานมาก

4. ไม่มีสารพิษหรือมลภาวะในการใช้งาน เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมีในกระบวนการถ่ายภาพ ในบางกระบวน
การอาจจะใช้บ้าง เช่น การพิมพ์ภาพ แต่ก็ใช้สารเคมีและเกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ากระบวนการ
ถ่ายภาพด้วยฟิล์มมาก ๆ

5. ไม่ต้องรอถ่ายภาพให้หมดก็สามารถดูภาพได้ และนำภาพไปใช้งานเมื่อไรก็ได้ หากเป็นฟิล์มเราจะต้อง
ถ่ายภาพให้หมดม้วนถึงจะนำไปล้างได้ หรือถ้าไม่หมดม้วนก็ต้องทำการตัดฟิล์มล้าง ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยง
ต่อการเสียหาย และสิ้นเปลืองมาก
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.53: 18 พ.ย. 50, 02:16
6. การจัดเก็บสะดวกกว่า เพราะเป็นข้อมูลดิจิตอล เราสามารถเก็บภาพอุปกรณ์ความจุสูงและราคาไม่แพง
เช่น CD (หรือ DVD ในอนาคต) CD 1 แผ่นราคาประมาณ 20 บาท ความจุ 650 MB สามารถเก็บภาพคุณภาพสูงได้นับร้อยภาพ ไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ สามารถเรียกใช้ได้ง่าย และเราสามารถจัดหวดหมู่
ภาพได้ง่ายกว่า ส่วนฟิล์มนั้น จัดเก็บยาก แบ่งหมดหมู่ลำบากกว่ามาก เปลืองพื้นที่ในการเก็บ เช่น งานรับ
ปริญญา หากอยู่ใน CD แผ่นเดียวจะเก็บรักษาได้ง่ายกว่าเป็นอัลบั้ม 10 อัลบั้มแน่นอน

7. ภาพไม่เสื่อมตามกาลเวลา เนื่องจากข้อมูลเป็นดิจิตอล หากเราไม่ทำแผ่นเก็บข้อมูลชำรุด รูปเราจะคง
สภาพไม่เสียหายไปตามกาลเวลา ส่วนภาพจากฟิล์มจะเสื่อมสภาพจากความร้อน สารเคมี และความชื้น เก็บ
ได้ไม่นานก็จะเสื่อมสภาพ หมดอายุ รูปที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบันจะถูกเก็บเป็นไฟล์ดิจิตอลกัน
เป็นส่วนใหญ่แล้ว

8. สามารถทำสำเนาได้ไม่จำกัด และได้คุณภาพเท่าต้นฉบับ เนื่องจากเป็นข้อมูลดิจิตอลเป็นตัวเลข สามารถ
ทำสำเนาเหมือนต้นฉบับได้ 100% จำนวนเท่าใดก็ได้ ต่างจากการก็อปปี้ภาพที่เป็นฟิล์ม คุณภาพจะตกลง
เรื่อย ๆ ตามขั้นตอน

9. สามารถนำไปใช้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น ส่ง E-Mail, WebPages, ใช้ในงานโฆษณา,
ทำสิ่งพิมพ์ ไม่ต้องนำภาพไปสแกนเหมือนภาพจากฟิล์ม

10. สามารถแก้ไขภาพด้วยโปรแกรม Photo Editing ต่าง ๆ ได้ทันที เช่น แก้ตาแดง ลบสิว แต่งหน้า
เปลี่ยนฉากหลัง ส่วนภาพจากฟิล์มต้องทำการสแกนเป็นดิจิตอลก่อน แต่ถ้าจะแต่งภาพโดยใช้วิธีแบบเก่า
คือ ใช้สีแต้มที่ภาพ จะใช้เวลานาน ใช้ความชำนาญสูงมาก และได้งานไม่ดีเท่ากับระบบดิจิตอล
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.54: 18 พ.ย. 50, 02:17
ข้อเสียเปรียบของกล้องดิจิตอล


1. ตัวกล้องมีราคาสูง เมื่อเทียบกับกล้องที่ใช้ฟิล์ม กล้องดิจิตอลจะมีราคาสูงกว่าในระดับกล้องใกล้เคียงกัน
ราคากล้องดิจิตอลจะไม่ลดลงมากนักในอนาคต เพราะผู้ผลิตต้องพยายามตรึงราคากล้องไม่ให้ลดลงไปมาก
ซึ่งจะมีปัญหากับกล้องที่ตกค้างอยู่ในตลาด จะใช้วิธีการออกรุ่นใหม่ที่มีระบบการทำงานมากกว่าเดิม รูปร่าง
สวยงามน่าสนใจกว่าเดิม แต่ไม่ลดราคาลงไปมากนัก

2. ต้องมีอุปกรณ์ต่อเนื่องหลายส่วน เช่น ผู้ใช้กล้องดิจิตอลควรมีคอมพิวเตอร์ มีเครื่องพิมพ์ภาพระบบ Inkjet
หากต้องการขยายภาพเอง มีการ์ดเก็บข้อมูล ซึ่งอุปกรณ์ต่อเนื่องมีราคาค่อนข้างสูง

3. ตกรุ่นเร็วมาก เพราะเป็นสินค้าเทคโนโลยี เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา รุ่นเก่าจะเลิกผลิตและตกรุ่นไปใน
ทันที

4. ไม่สามารถอัพเกรดฮาร์ดแวร์ของตัวกล้องได้ เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ CCD รุ่นใหม่ เพิ่ม Ram หรือ
เปลี่ยน Processor ใหม่ได้ เพราะกล้องดิจิตอลถูกสร้างขึ้นมาเป็น Unit เดียว ไม่สามารถเปลี่ยนเฉพาะส่วน
เหมือนคอมพิวเตอร์ได้ หากต้องการความละเอียดของภาพเพิ่ม ต้องเปลี่ยนกล้องอย่างเดียว ผิดกับกล้องใช้
ฟิล์มที่สามารถเปลี่ยนไปใช้ฟิล์มรุ่นใหม่ที่คุณภาพสูงขึ้นได้

5. อายุการใช้งานสั้น ทั้งปัญหาเรื่องความทนทานของตัวกล้องที่ไม่ยืดยาวเท่ากล้องใช้ฟิล์ม อะไหล่ และ
ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนกล้องเพราะว่ามีกล้องรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมากกว่า ผู้ใช้กล้องดิจิตอลมักจะเปลี่ยนกล้องทุก
ๆ 1 หรือ 2 ปี เพราะสนใจกล้องรุ่นใหม่กว่า
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.55: 18 พ.ย. 50, 02:19
6. เปลืองพลังงานค่อนข้างมาก แม้ว่ากล้องรุ่นใหม่จะใช้แบตเตอรี่น้อยลงและแบตเตอรี่รุ่นใหม่สามารถเก็บ
ไฟได้มากขึ้น แต่กล้องดิจิตอลก็ยังใช้พลังงานค่อนข้างมาก กล้องรุ่นใหม่บางรุ่น ใช้แบตเตอรี่เปลืองกว่าค่า
ฟิล์มด้วยซ้ำ

7. ต้องมีการ์ดเก็บข้อมูลความจุสูง หากความจำในการ์ดเต็มต้องทำการถ่ายภาพออก เพื่อจะนำการ์ดมาใช้
งานใหม่ได้ ซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพจำนวนมาก ๆ ในแต่ละครั้งต้องพกกาคอมพิวเตอร์ไปเพื่อถ่ายโอนข้อมูลด้วยเสมอ

8. ขายต่อราคาตกมาก พอตกรุ่นแล้ว ราคากล้องจะราว ๆ 50% เลยทีเดียว โดยเฉพาะกล้องความละเอียด
ต่ำ หากชอบเปลี่ยนกล้องบ่อย ๆ ต้องพยายามขายกล้องออกในช่วงที่กล้องยังไม่ตกรุ่นหรือตกไม่นานนัก

9. หาร้านอัดขยายภาพได้ยาก ส่วนใหญ่จะมีเครื่อง Inkjet อยู่ที่บ้านกันอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการอัดขยายภาพ
เป็นรูปถ่ายโดยใช้เครื่อง Digital Print อย่าง Frontier 350 ซึ่งให้ภาพคุณภาพเท่าภาพถ่ายจากฟิล์ม จะ
ลำบากสักหน่อยในการหาร้านอัดขยาย เพราะเครื่องยังไม่แพร่หลายมากนักในตลาด (ฟูจิจะมีประมาณ 400
เครื่องในสิ้นปี 2547 ส่วนยี่ห้ออื่นมีบ้างแต่น้อยมาก)

แม้ว่า การจะได้ภาพดิจิตอล มีหลายวิธีทาง เช่น ใช้เครื่องสแกนเนอร์สแกนภาพจากฟิล์มหรือภาพถ่าย ใช้
กล้อง VDO ซึ่งให้ภาพไม่ดีนัก แต่กล้องกล้องดิจิตอลยังคงเป็นหนทางที่น่าสนใจที่สุดในการถ่ายภาพ
ดิจิตอล เพราะกล้องดิจิตอลประหยัดกว่ากับการใช้งานมาก ๆ ในระยะยาว ให้ความสะดวก เห็นภาพได้ทันที
ปรับแต่งภาพได้หลากหลาย โอกาสถ่ายภาพเสียหรือผิดพลาดต่ำ นอกจากใช้งานถ่ายภาพแล้ว กล้อง
ดิจิตอลยังสามารถใช้งานอื่น ๆ ได้อีกมาก เช่น ในปัจจุบัน กล้องดิจิตอลยังใช้ฟังเพลงในระบบ MP3 ได้ เช่น
กล้อง FinePix 50I ของฟูจิ ใช้บันทึกเสียงแทนเทปบันทึกเสียง ใช้ถ่ายภาพวิดิโอ ใช้เป็นกล้องวิดิโอวงจร
ปิด ถ่ายภาพพร้อมบันทึกเสียงลงในภาพได้ และในอนาคตยังจะทำงานอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ประโยชน์
ของกล้องดิจิตอลจึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่ถ่ายภาพอย่างเดียว แต่จะมีคุณสมบัติต่าง ๆ มากมายในเชิง
Information Technology เช่น เป็นโทรศัพท์มือถือ เล่นอินเตอร์เนท เป็น GPS ฯลฯ
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.56: 18 พ.ย. 50, 02:19
เมื่อไรที่ควรเลือกใช้กล้องดิจิตอล


หลายคนอาจจะกำลังคิดจะซื้อกล้องสัก 1 ตัว หากมีกล้องใช้ฟิล์มอยู่แล้ว บ้านมีคอมพิวเตอร์ และต้องใช้งาน
ภาพดิจิตอล ส่วนมากจะเลือกซื้อกล้องดิจิตอล แต่ถ้าไม่ เป็นการตัดสินใจยากเหมือนกันว่าจะซื้อกล้อง
ดิจิตอลที่ให้ความสะดวกสบาย หรือกล้องใช้ฟิล์มซึ่งใช้งานง่ายกว่า แนะนำให้อ่านข้อดีข้อด้อยของกล้อง
ดิจิตอล และคิดถึงการใช้งานของตัวเอง คงจะตัดสินใจได้ไม่ยาก ซึ่งผมขอให้คำแนะนำดังนี้

1. ถ้าต้องการภาพไปใช้ในอินเตอร์เนท ทำเวป ส่งเมล เอาภาพไปใช้กับงานพิมพ์ขนาดไม่ใหญ่นัก แทรก
ภาพในเอกสาร Word Exel หรือ Pagemaker แนะนำให้ใช้กล้องดิจิตอล

2. ถ้าถ่ายภาพบ่อยมากๆ แต่ไม่ได้ขยายภาพใหญ่โตอะไรมากนัก ไม่ได้ขยายภาพทุกภาพ ใช้ดูทาง
คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ แนะนำกล้องดิจิตอล

3. ถ้าต้องการความทันสมัย เป็นแฟชั่น ดูเท่ห์ เก๋ ล้ำยุค ไม่ห่วงเรื่องราคา พร้อมจะจ่ายเงิน แนะนำกล้อง
ดิจิตอล

4. ถ้าถ่ายภาพเพื่อความสนุก ไม่ได้เอาคุณภาพอะไรนักหนา ถ่ายภาพสัพเพเหระได้ทั้งวัน แนะนำ กล้อง
ดิจิตอล

5. ต้องการดูภาพทันทีที่ถ่ายเสมอ ต้องการความแน่นอน แนะนำ กล้องดิจิตอล

6. ถ้าต้องการอัดขยายภาพแจกจ่ายเพื่อนฝูง ให้ญาติผู้ใหญ่ดูภาพ ไม่ชอบดูภาพทีเปิดคอมพิวเตอร์ที เลือก
กล้องใช้ฟิล์ม

7. ถ้าต้องการความเร้าในการถ่ายภาพ ชอบลุ้นภาพเวลาล้าง เป็นพวกอนุรักษ์นิยม แนะนำกล้องใช้ฟิล์ม

8. ถ้าใช้กล้องถ่ายภาพน้อยมาก ต้องการประหยัด ต้องการความทนทาน เลือก กล้องใช้ฟิล์ม

9. ไม่รู้จะเอาภาพไปใช้อะไรกันแน่ ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ไว้ก่อน เลือก กล้องใช้ฟิล์ม

10. ถ่ายภาพเพื่ออัดขยายขนาดใหญ่มาก ๆ ชอบภาพจากกระบวนการอัดภาพ ไม่ชอบภาพเป็นจุด ๆ ของ
Inkjet เลือก กล้องใช้ฟิล์ม
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.57: 18 พ.ย. 50, 02:24
จบแล้วคร๊าบ

พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ

ระบบต่าง ๆ ของกล้องดิจิตอล



โปรดติดตามชม ตอนต่อไป

คห.58: 18 พ.ย. 50, 02:51
รัฐ(162 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.59: 18 พ.ย. 50, 04:00
+1 ไปก่อน เด๋วค่อยตื่นมาอ่านตอนบ่ายๆ ไปนอนละไม่ไหวแฮงค์+อ่อนเพลีย
คห.60: 18 พ.ย. 50, 12:16
ตายแว้วววววววววว มาเข้าเรียนไม่ทันตั้งเยอะแน่ะ
จะเรียนทันมั้ยอ่ะส์
เด๋วกลับมาอ่านเลคเชอร์ละกัน 
Nayz(164 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.61: 18 พ.ย. 50, 12:35
สอนเรื่องวิธี ตั้ง AV  ปรับ ความไวชัตเตอร์ และอื่นๆ ของ 350d หน่อยคับ เพิ่งเคยเล่น canon เพราะว่า nikon 80d ส่งซ่อมอยู่ - -"
footfish(9172 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.62: 18 พ.ย. 50, 12:48
anjoras(445 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบเทา
คห.63: 18 พ.ย. 50, 13:28
+1ให้ครับ คงเมื่อยน่าดู 
anjoras(445 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offlineใบเทา
คห.64: 18 พ.ย. 50, 13:28
ลืม 
JBL(18 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.65: 18 พ.ย. 50, 20:08
+1 
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.66: 18 พ.ย. 50, 22:20
สวัสดีค๊าบ วันนี้มาต่อกันเลย

ส่วนของน้าเนย์ ผมมีคู่มือ350D(ภาษาไทย) เป็นไฟล์ pdf ถ้าจะเอา โพสเมลล์ไว้เลยครับผม


ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตนะคร๊าบ  
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.67: 18 พ.ย. 50, 22:22
ระบบต่าง ๆ ของกล้องดิจิตอล


1. การกำหนดขนาดภาพ (Image Size)


ขนาดภาพของกล้องดิจิตอล คือ จำนวน Pixels ในภาพที่บันทึกลงบนการ์ดเก็บข้อมูล ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3
รูปแบบใหญ่ ๆ คือ

1. จำนวน Pixels บน Image Sensor หมายถึงจำนวน Pixels ทั้งหมดที่อยู่บน Image Sensors

2. จำนวน Pixels ที่ถูกใช้งานในการบันทึกภาพ จะเรียกว่า Effective Pixels จำนวน Effective Pixels จะน้อย
กว่าจำนวน Pixels ทั้งหมดบน Image Sensor บางครั้งเราเรียกว่า Optical Resolution

3. จำนวน Pixels ที่บันทึกลงบนภาพ มักเรียกว่า Recording Pixels หรือ Output Pixels เป็นจำนวน Pixelsจริง
ที่จะถูกบันทึกลงบนการ์ดเก็บข้อมูลโดยจะมีจำนวนใกล้เคียงกับ Effective Pixels แต่กล้องบางตัวอาจจะมี
Recording Pixelsมากกว่า Effective Pixels ถึง 1.5 หรือ 2 เท่า ซึ่งจำนวน Pixels ที่เพิ่มขึ้นมานั้น ได้จากการ
จำลองข้อมูลจาก Effective Pixels ขึ้นมา เพื่อให้ภาพมีจำนวน Pixels มากขึ้น แต่คุณภาพโดยรวมจะไม่เพิ่มขึ้น

โดยปกติการเลือกซื้อกล้องดิจิตอลหรือการเลือกขนาดความละเอียดของภาพมาใช้งาน จะพิจารณาจากจำนวน
Effective Pixels กล้องที่มีจำนวน Effecive Pixels มากมีแนวโน้มว่าจะมีคุณภาพดีกว่ากล้องที่มีจำนวน
Effecive Pixels น้อย แต่ทั้งนี้ ขึ้นกับขนาดของ Image Sensor ขนาดของ Photo detector ความลึกสี ระบบ
ประมวลผล เลนส์ และส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.68: 18 พ.ย. 50, 22:24
กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะเลือกจำนวน Pix
กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะเลือกจำนวน Pixels ในการถ่ายภาพได้หลายค่า เช่น กล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล อาจ
จะเลือกถ่ายภาพได้ที่ 5 ล้านพิกเซล, 3 ล้านพิกเซล, 1ล้านพิกเซล, และ 7 แสนพิกเซล โดยทั่วไป เราสามารถ
เข้าไปเลือกความละเอียดของภาพได้โดยการเข้าไปที่ Menu (หรือ Setting) แล้วเข้าไปที่ Image Size (หรือ
Quality) จะปรากฏเมนูในการตั้งความละเอียดของภาพขึ้น

โดยทั่วไป ภาพที่มีจำนวน Pixels มาก จะสามารถนำไปขยายภาพขนาดใหญ่ได้ดีกว่าภาพที่มีจำนวน Pixels
น้อย ให้ความคมชัด ความละเอียดที่ดีกว่า ภาพแตกเป็นสี่เหลี่ยมได้ยากกว่า แต่จำนวน Pixels ที่มากกว่า ก็ต้อง
ใช้เนื้อที่ของหน่วยความจำในการเก็บข้อมูลมากกว่า สิ้นเปลืองพลังงานในการประมวลผลมากกว่า กล้องทำงาน
ช้ากว่า ทั้งการเก็บข้อมูลและการเรียกดูภาพบนการ์ดเก็บข้อมูล การตั้งความละเอียดไว้สูงสุดอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดี
ที่สุดในการบันทึกภาพด้วยกล้องดิจิตอล เรามีวิธีในการเลือกความละเอียดของภาพโดยพิจารณาจากการนำ
ภาพไปใช้งาน
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.69: 18 พ.ย. 50, 22:27
1. ถ้าต้องการถ่ายภาพเพื่อส่ง E-Mail หรือ
1. ถ้าต้องการถ่ายภาพเพื่อส่ง E-Mail หรือใช้ทำ Presentation ้ในคอมพิวเตอร์ ความละเอียด 1 ล้านพิกเซลถือ
ว่าเพียงพอ

2. ต้องการไปใช้งานพิมพ์ งานอัดขยายภาพด้วยเครื่อง Printer คุณภาพสูง (Photo Quality) ควรดูว่าจะขยาย
ภาพขนาดเท่าไร จากนั้นเอาขนาดภาพคูณด้วย 300 จะได้ขนาดของภาพที่ควรตั้ง เช่น ขยายภาพขนาด 4x6
นิ้ว ควรตั้งที่ความละเอียด 4x300 , 6x300 = 1200x1800 pixels = 2.16 ล้านพิกเซลถ้าอัตราขยายภาพสูงมาก ๆ แต่กล้องไม่สามารถตั้งความละเอียดตามที่ต้องการได้ ควรตั้งความละเอียดไว้ที่สูง
สุดเท่าที่กล้องจะสามารถทำได้ แต่ต้องทำใจเอาไว้นิดหน่อยว่า ภาพอาจจะแตกและคุณภาพไม่ดีนัก เมื่อมอง
ในระยะใกล้

3. ใช้งานพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์แบบ Inkjet ให้ใช้ขนาดภาพที่ต้องการใช้งานคูณด้วย 150 แต่ถ้าเป็นเครื่อง
Inkjet ที่มีความละเอียดสูงมาก ๆ ต้องคูณด้วย 300
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.70: 18 พ.ย. 50, 22:28
 :grin:
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.71: 18 พ.ย. 50, 22:28
 :ohh:
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.72: 18 พ.ย. 50, 22:30
การกำหนดคุณภาพของภาพ (Image Quality)


กล้องดิจิตอลโดยทั่วไปจะเก็บภาพเป็น Photoshop TIFF File, JPEG File หรือ RAW Files คุณภาพของภาพที่
ได้จากไฟล์แบบต่างๆ จะมีคุณภาพแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราเรียกคุณภาพที่แตกต่างกันจากการรูปแบบการเก็บ
ภาพนี้ว่า Image Quality สามารถเข้าไปตั้งค่า Image Quality ได้โดยการเข้าไปที่ Menu (หรือ Setting) แล้ว
เข้าไปที่ Image Quality
Image Quality มักจะแบ่งออกเป็นระดับคือ

1. High จะเก็บภาพแบบ TIFF File 8 bit/color ซึ่งจะไม่มีการบีบอัดข้อมูล ทำให้ได้คุณภาพสูงสุดจากกล้องตัว
นั้น แต่จะใช้เนื้อที่การเก็บภาพมาก ไฟล์มีขนาดใหญ่ ประมวลผลช้า เปลืองพลังงาน และทำให้ใช้ระบบถ่าย
ภาพบางอย่างไม่ได้ หรือได้น้อยลง เช่น ระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง เป็นต้น เหมาะสำหรับการเก็บภาพที่ต้องการ
คุณภาพสูงสุด

2. Fine , Normal , Basic จะเก็บภาพในรูปแบบของ JPEG File 8 bit/color ซึ่งมีการบีบอัดข้อมูล ทำให้เกิด
การสูญเสียคุณภาพของภาพไป โดยที่ Fine จะบีบอัดข้อมูลน้อยที่สุด ไฟล์มีขนาดใหญ่กว่า และ Basic บีบอัด
ข้อมูลมากที่สุด และไฟล์มีขนาดเล็กที่สุด โดยทั่วไป หากใช้ภาพเพื่องานอัดขยาย แนะนำให้ตั้ง Fine แต่ถ้า
ต้องการเก็บภาพลง CD หรือใช้กับคอมพิวเตอร์ แนะนำให้ใช้ Normal และถ้าต้องการใช้ส่ง E-Mail แนะนำให้
ใช้ Basic ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดของการ์ดเก็บข้อมูลและจำนวนภาพที่ต้องการบันทึก

3. RAW เป็นไฟล์เฉพาะซึ่งต้องอาศัยโปรแกรมเฉพาะของกล้องในการเปิด ไม่สามารถใช้โปรแกรมทั่วไปในการ
เปิดได้ RAW File เป็นข้อมูลดิจิตอลที่มาจาก Image Sensor ไม่ผ่านการปรับแต่งใด ๆ จาก Processor ของตัว
กล้อง ทำให้ได้คุณภาพที่แท้จริงจากกล้องตัวนั้น ๆ โดยเฉพาะเรื่องการไล่ระดับโทนสี หรือ Bit Depth กล้อง
ดิจิตอลในปัจจุบันจะมีความลึกสีประมาณ 12 bit/color แต่เมื่อเก็บภาพเป็น TIFF File จะถูกบีบลงเหลือ 8
bit/color เท่านั้น การเก็บเป็น RAW File จึงให้จำนวนเฉดสีที่มากกว่า เมื่อเปิดด้วย Software เฉพาะ จะ
สามารถปรับแต่งสี ความคมชัด และคุณภาพอื่น ๆ ได้ จากนั้นถึงจะเปลี่ยน RAW File เป็น TIFF หรือ JPEG
เพื่อนำไปใช้งานอื่น ๆ ต่อไป

มืออาชีพจำนวนมากที่นิยมถ่ายภาพด้วย RAW FILE และเก็บภาพต้นฉบับลง CD แบบ RAW FILES เนื่องจาก
ไม่สูญเสียคุณภาพ โดยเฉพาะความลึกสี (Bit Depth) สามารถใช้ Software ในการปรับคุณภาพภายหลังได้
ปรับภาพได้หลากหลายรูปแบบ และแก้ไขใหม่ได้ถ้าไม่พอใจ และถ้าภายหลังมี software รุ่นใหม่ออกมา ก็จะ
ทำให้ภาพมีคุณภาพดีขึ้นด้วย ในขณะที่การเก็บแบบ TIFF FILE หรือ JPEG ไม่สามารถปรับเปลี่ยนคุณภาพของ
ภาพในภายหลังได้ เมื่อจะใช้งาน จึงค่อยแปลง RAW FILES เป็น TIFF หรือ JPEG
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.73: 18 พ.ย. 50, 22:32
 [q]การตั้งความไวแสง[/q]

กล้องดิจิตอลไ
การตั้งความไวแสง


กล้องดิจิตอลไม่มีความไวแสงที่แท้จริงความไวแสงที่มีให้ปรับตั้งนั้นเป็นความไวแสงเทียบเคียง (ISO
Equivalent) เมื่อเทียบกับฟิล์มถ่ายภาพ ความไวแสงของกล้องดิจิตอลจะสามารถปรับตั้งได้หลายค่า มีตั้งแต่
ISO 100 ไปจนถึง ISO 3200 แล้วแต่รุ่นกล้องความไวแสงสูงจะช่วยให้สามารถใช้ขนาดช่องรับแสงแคบและ
ความเร็วชัตเตอร์สูงมาก ๆ ได้ ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้สะดวกการตั้งความไวแสงของกล้องดิจิตอล ส่วน
ใหญ่จะอยู่ที Menu > ISO &#63242;

แต่ก็จะเกิดปัญหาภาพมีสัญญาณรบกวนสูง เนื่องจากการเพิ่มความไวแสง กล้องจะต้องเพิ่มสัญญาณไฟฟ้าเข้า
ไปในระบบ ทำให้สัญญาณรบกวนสูงตามไปด้วย ผู้ผลิตกล้องดิจิตอลปัจจุบันพยายามแก้ปัญหาสัญญาณรบกวน
โดยการออกแบบวงจรหรือใช้ระบบประมวลผล เพื่อลดสัญญาณรบกวนลงให้เลือกน้อยที่สุด ผลจากสัญญาณ
รบกวนทำให้ภาพขาดความคมชัด สีไม่อิ่มตัว คล้าย ๆ กับเกรนแตกในฟิล์มความไวแสงสูง จะเห็นได้ชัดบริเวณ
ส่วนสีทึบหรือส่วนมืดของภาพ

ควรใช้ความไวแสงต่ำที่สุดเท่าที่ยังสามารถถ่ายภาพได้ในขณะนั้น จะได้ภาพที่ดีที่สุด
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.74: 18 พ.ย. 50, 22:33
 :blush:
luzifer(3326 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.75: 18 พ.ย. 50, 22:34
 :laughing:
<12345>>>
siamfishing.com © 2024