ธาตุบรรจุอัฐิของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ตั้งอยู่ทางด้านหน้าสิม
สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๘ โดยพระนางปทุมมา พระอัครมเหสีเพื่อบรรจุอัฐิของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระธาตุประดับกระจกองค์นี้สร้างคร่อมทับพระธาตุเล็กๆองค์หนึ่งที่มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๓๖๓

จ่ายค่าปี้ไป ๑๐,๐๐๐ ก็ขอเข้าไปในสิมหน่อยนะฆะ
พระพุทธรูปภายในสิม ฆ่ะ

พาเที่ยวได้ทุกซอกทุกมุมจริงๆ น่าสนุกครับ

ความสวยงามบนบานประตูสิม

สวัสดีฆ่ะน้ามัจฉานุ ... เสียดายที่ไปไม่ครบทุกวัด เอาไว้กลับไปเก็บตกกับเพื่อนอีกรอบนึงฆ่ะ 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เด็กนักเรียนส่วนมากอายกล้อง ต้องอาศัยจังหวะนี้ล่ะฆ่ะ หนีไม่พ้น 

ป้ายเขตโรงเรียน จำกัดความเร็ว
ปกติแล้วรถที่วิ่งในเมืองลาว ใช้ความเร็วต่ำกว่าบ้านเรามากฆ่ะ

เดินวนกลับมาผ่านหน้าบ้านพัก ... ไอ่เราก็คิดแล้วเชียวว่าทำไมมันคุ้นๆตาชอบกล
งั้นไม่แวะบ้านแต่เดินเลยไป Dara market เพื่อไปวัดอีกฟากนึงฆ่ะ
เจอเจ้าตัวนี้นอนสบายเลย ... สังเกตุมาหลายตัวแล้ว หน้าตาออกแนวนี้กันเยอะมาก

เพลินเลย ... แค้นใจตรงที่เดินวนกลับมาอีกรอบนึง
เจอยืนอยู่อีกฝั่งถนน ไอ่เราก็ผิวปากเรียก ดั๊นเห่าใส่ซะได้

มาที่วัดอาฮาม เจอหนุ่มน้อยคอยเรียกน้องหมาไว้ให้
ชื่อจอห์นนี่ซะด้วย (ชื่อนุ้งหมานะ) 

ภาพสวยมากๆๆครับน้า

วัดอาราม หรือชื่อเรียกในภาษาลาวว่า วัดอาฮาม สิมมีลักษณะแบบเชียงขวา ด้านหน้าสิมมีรูปสิงห์ปูนปั้น ๒ ตัวทาด้วยปูนขาว เมื่อมีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ได้ค้นพบสิ่งมีค่าหลายอย่างถูกฝังอยู่ที่พื้นสีมา

อยากไปบ้างเหมือนกัน

วันนี้เทียวเต็มอิ่มเลยครับ บ้านผมอยู่ใก้ล ส.ป.ป ลาว แค่คืบยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย ขอบคุณ ป้าหมวย ด้วยที่พาเทียว 

สวัสดีฆ่ะน้าเรืองศักดิ์

วัดวิชุนราช
วัดแห่งนี้เจ้าชีวิตวิชุลราชโปรดให้สร้างขึ้น และได้ตั้งชื่อวัดตามพระนามของพระองค์ เมื่อสร้างเสร็จก็ได้อัญเชิญพระบางจากวัดมโนรมย์มาประดิษฐานไว้ที่วัดวิชุน วัดนี้มีความสำคัญด้วยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์
ในปีพ.ศ. ๒๐๙๑ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) กับพระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย (พระแก้วขาว) หรือพระจันทรรัตนะ จากเมืองเชียงใหม่มาพร้อมพระองค์แล้วประดิษฐานไว้ที่วัดนี้
วัดนี้ยังเป็นวัดที่กระทำสัตย์ระหว่างเจ้าองค์นกและเจ้าอินทโสมที่รบเพื่อแย่งชิงเมืองหลวงพระบางกัน โดยให้สัตย์ว่าจะไม่ทำร้ายกันที่ภายในสิมวัดวิชุน

ปีพ.ศ. ๒๓๗๐ เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนีย์) แม่ทัพของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯปราบกบฎเจ้าอนุรุทธได้แล้วอัญเชิญพระบางไปไว้ที่กรุงเทพฯ

ปีพ.ศ. ๒๓๘๒ สมเด็จพระนั่งเกล้าฯทรงตั้งพระราชวงศ์สุกเสริมเป็นพระเจ้าล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง ซึ่งได้ทรงอัญเชิญพระบางกลับเมืองหลวงพระบางทางบก เมื่อมาถึงเมืองเชียงแมนก็กระทำพิธีเฉลิมฉลอง ๙ วัน ๙ คืน แล้วนำกลับมาประดิษฐานไว้ที่สิมวัดวิชุน และทรงตั้งพิธีรับน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ถวายสัตย์ต่อหน้าพระบางตลอดสมัยที่เป็นเมืองขึ้นของสยาม

ปีพ.ศ. ๒๔๓๗ สมเด็จพระเจ้าสักรินทร์ทรงอัญเชิญพระบางไปประดิษฐานไว้ที่วัดใหม่สุวรรณภูมาราม ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นสถานที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยา แต่หลังจากที่มีการรวมแขวงเวียงจันทน์, พวน, หัวพัน, หัวของ ก็เห็นว่าสถานที่นี้คับแคบเกินไป จึงย้ายสถานที่ประกอบพิธีกรรมไปที่วัดวิชุนดังเดิม

ปีพ.ศ. ๒๔๓๙ สมเด็จพระเจ้าสักรินทร์ทรงรื้อวัดวิชุนหลังเก่าที่ชำรุดลงเสีย แล้วทรงปฎิสังขรณ์ใหม่ทั้งหลังตามแบบเก่า

สิมวัดวิชุนเชื่อว่าได้รับอิทธิพลของวิหารแบบไทลื้อสิบสองปันนา บานประตูไม้แกะสลักเป็นศิลปะแบบเชียงขวาง สิมแห่งนี้มีจารึกโบราณกล่าวถึงการสร้าง ที่มาของเสาไม้ภายในสิม รวมถึงชื่อเสาต้นต่างๆ

ก่อนเข้าสิมต้องจ่ายค่าปี้ (ตั๋ว) แต่...ไม่ต้องเข้าก็ได้เนอะ 

สวัสดีจ้ะน้าที
น้าเอกลองข้ามฝั่งโขงไปเยือนเพื่อนบ้านดูก็ดีนะฆะ อิอิ

พระเจดีย์พระปทุม หรือ พระธาตุดอกบัวใหญ่ เป็นพระธาตุขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงแปลกกว่าธาตุใดๆในหลวงพระบาง คนลาวเรียกว่า พระธาตุหมากโม เพราะมีรูปร่างคล้ายแตงโมตัดครึ่ง หรือ ทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุมีเปลวไฟคล้ายยอดพระพุทธรูปแบบสุโขทัย

วงเวียนเล็กๆระหว่างเดินไปวัดมโนรมย์

เจอนุ้งหมาหน้าตาแบบนี้อีกแล้วอ่ะ หน้าโหลนะเราอ่ะ

ดูท่าเค้าสิฆะ ดูผู้ดี๊ผู้ดี

วัดมโนรมย์สัททาราม (มะโนรมสัททาราม)
ชื่อของวัดแปลว่า เป็นที่ชอบใจ งดงาม
วัดมโนรมย์สร้างขึ้นโดยพระเจ้าสามแสนไท เป็นวัดเก่าแก่อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองสำริดองค์ใหญ่ นับว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดเก่าแก่ที่สุดในหลวงพระบางและในราชอาณาจักรล้านช้าง มีพุทธลักษณะคล้ายพระพุทธรูปสุโขทัย มีจารึกถึงน้ำหนักพระพุทธรูปองค์นี้คือ เก้าล้านเจ็ดแสน หรือ ๑๒ ตัน เมื่อพวกฮ่อมาปล้นสดมภ์ในพ.ศ. ๒๔๓๐ พระพุทธรูปถูกทำลายเสียหายไปมากและได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ด้วยซีเมนต์หุ้มด้วยทองคำเปลวอีกครั้ง

สิมหลังนี้สร้างขึ้นใกล้กับวัดร้างเก่าแก่ชื่อวัดเชียงกลาง ด้านหลังของสิมมีร่องรอยของวัดเชียงกลางที่ยังหลงเหลืออยู่คือแท่นพระพุทธรูปและพระพุทธรูปเก่าๆจำนวนหนึ่ง โดยได้สร้างหลังคาและฝาผนังขึ้นใหม่เพื่อบังแดดฝน

ยับเยินเชียวลูกเอ๊ยยยยยยยยยยย

แหงนคอตั้ง

เจอชาวบ้านขับรถเข้ามา อุ๊ย ๆ ๆ ๆเค้ามีอะไรกันอ่ะ

ไม่กล้าเข้าไปอ่ะ เกรงใจเค้า

เดินผ่านวัดหมื่นนา (ขออภัยลืมถ่ายรูป)
ไปข้ามแม่น้ำคานที่สะพานเหล็กฆ่ะ