พันธุ์ปลาน้ำจืดและสัตว์น้ำของไทย: SiamFishing : Thailand Fishing Community
<12345>>>
กระดาน
คห. 229 อ่าน 412,549 โหวต 31
พันธุ์ปลาน้ำจืดและสัตว์น้ำของไทย
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.26: 3 ก.ค. 55, 19:37
ปลาอุก ปลาน้ำกร่อยชนิดหนึ่ง มีชื่อ
ปลาอุก ปลาน้ำกร่อยชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cephalocassis borneensis อยู่ในวงศ์ปลากดทะเล (Ariidae) มีรูปร่างเพรียว หางคอดเล็ก หลังยกสูงเล็กน้อย จะงอยปากยื่นยาว หัวโตแบนราบเล็กน้อย ปากเล็ก ตาเล็กอยู่กลางหัว ครีบหลังมีก้านแข็งหนาและยาว ครีบไขมันเล็กมีสีคล้ำเล็กน้อย ครีบท้องใหญ่ ครีบหางเว้าลึก ตัวมีสีเทาอมเหลืองอ่อน ด้านท้องสีจาง ครีบสีจาง มีขนาดประมาณ 10 เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 20 เซนติเมตร

อาศัยในแม่น้ำตอนล่าง พบในแม่น้ำแม่กลองถึงแม่น้ำบางปะกง ในแม่น้ำเจ้าพระยาพบขึ้นไปสูงสุดจนถึง จังหวัดชัยนาท นิยมบริโภคตัวผู้ที่มีไข่ในปากเรียก "ไข่ปลาอุก" โดยนิยมนำมาทำแกงส้ม พบจับขึ้นมาขายเป็นครั้งคราวในตลาดของชัยนาท อยุธยา และ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และพบได้ในภาคใต้จนถึงเกาะบอร์เนียว และพบมีการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม

มีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "อุกแดง", "อุกชมพู" หรือ "กดโป๊ะ"
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.27: 3 ก.ค. 55, 19:39
ปลาหนวดพราหมณ์ (อังกฤษ: Paradise threadfin) ปลาน้
ปลาหนวดพราหมณ์ (อังกฤษ: Paradise threadfin) ปลาน้ำกร่อยที่สามารถปรับตัวให้อยู่ในน้ำจืดได้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Polynemus paradiseus อยู่ในวงศ์ปลากุเรา (Polynemidae) มีส่วนหัวขนาดเล็ก ตามีขนาดเล็กอยู่เกือบสุดปลายส่วนหัวและมีเยื่อไขมันคลุม ปากกว้างมีฟันซี่เล็กละเอียดบนขากรรไกร ลำตัวแบนข้าง ครีบอกยาว ส่วนที่เป็นเส้นยาวมีความยาวมากกว่าลำตัวถึง 2 เท่า โดยเฉพาะเส้นบนมีทั้งหมดข้างละ 10 เส้น ครีบหางเว้าลึกปลายแหลม เกล็ดเล็กละเอียดมีลักษณะเป็นปากฉลาม ตัวมีสีเงินวาวอมชมพูหรือสีเนื้อ หัวสีจางอมชมพูหรือสีเนื้อ ครีบสีจาง ด้านท้องสีจาง

มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร ใหญ่สุดพบถึง 20 เซนติเมตร นิยมอยู่เป็นฝูง บางครั้งหากินด้วยการหงายท้องล่าเหยื่อ พบมากในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง แม่น้ำบางปะกง, แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำโขงตอนล่าง ในต่างประเทศพบได้จนถึงบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา

เป็นปลาที่นิยมใช้บริโภคโดยการปรุงสดและทำปลาตากแห้ง นิยมตกเป็นเกมกีฬา อีกทั้งด้วยความสวยงามของหนวดที่ยาว ทำให้ได้รับความนิยมในแง่ของการเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย แต่เลี้ยงให้รอดได้ยากมาก เนื่องจากเป็นปลาที่เปราะบาง มักตายอย่างง่าย ๆ จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูงแต่ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามเป็นอย่างมาก โดยมีราคาเฉลี่ย 500 ถึง 1,500 บาท แล้วแต่ขนาดและความสมบูรณ์ของปลา
ปัจจุบันเริ่มหายากแล้วนะคับ ผมตกได้ก็จะปล่อยคืน
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.28: 3 ก.ค. 55, 19:41
ปลาไหล (อันดับ: Anguilliformes) หรือที่นิยมเรี
ปลาไหล (อันดับ: Anguilliformes) หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ในชื่อสามัญว่า ปลาไหล (อังกฤษ: Eel) เป็นปลากระดูกแข็งจำพวกหนึ่ง จัดอยู่ในอันดับใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า Anguilliformes มีรูปร่างโดยรวมยาวเหมือนงู พบได้ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย หรือน้ำเค็ม สามารถแบ่งออกได้เป็นอีกหลายอันดับย่อย ในหลายวงศ์ เช่น ในวงศ์ปลาตูหนา (Anguillidae), วงศ์ปลาไหลมอเรย์ (Muraenidae), วงศ์ปลาไหลทะเล (Ophichthidae), วงศ์ปลาไหลยอดจาก (Muraenesocidae), วงศ์ปลาไหลสวน (Congridae) เป็นต้น

เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร ผิวหนังโดยมากเกล็ดจะมีขนาดเล็กแทบมองไม่เห็นและฝังอยู่ใต้ผิวหนัง มีลักษณะลื่น ครีบทั้งหมดมีขนาดเล็กและสั้น มักจะซุกซ่อนตัวอยู่ในวัสดุใต้น้ำประเภทต่าง ๆ เช่น ปะการัง, ก้อนหิน, โพรงไม้ หรือ ซากเรือจม

ปลาที่อยู่ในอันดับปลาไหลนี้ พบแล้วประมาณ 4 อันดับย่อย, 19 วงศ์, 110 สกุล และประมาณ 800 ชนิด

อนึ่ง ปลาบางประเภทที่มีรูปร่างยาวคล้ายปลาไหล แต่มิได้จัดให้อยู่ในอันดับปลาไหลได้แก่ ปลาไหลนา (Monopterus albus) ที่จัดอยู่ในอันดับปลาไหลนา (Synbranchiformes), ปลาปอด ถูกจัดอยู่ในอันดับ Lepidosireniformes และ Ceratodontiformes, ปลาไหลไฟฟ้า (Electrophorus electricus) หรือ ปลาไหลผีอะบาอะบา (Gymnarchus niloticus) ถูกจัดอยู่ในอันดับ Osteoglossiformes, ปลางู (Pangio spp.) อยู่ในอันดับ Cypriniformes หรือแม้กระทั่ง ปลาแลมป์เพรย์ และแฮคฟิช ถูกจัดอยู่ในชั้น Agnatha ซึ่งอยู่คนละชั้นเลยก็ตาม เป็นต้น

jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.29: 3 ก.ค. 55, 19:42
ปลาตูหนา หรือ ปลาไหลหูดำ มีชื่อวิทย
ปลาตูหนา หรือ ปลาไหลหูดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anguilla bicolor อยู่ในวงศ์ปลาตูหนา (Anguilidae) มีรูปร่างอ้วนป้อม ลักษณะโดยทั่วไปเหมือนปลาสะแงะ (A. bengalensis) ซึ่งอยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกัน แต่ปลาตูหนามีรูปร่างที่เล็กกว่า ครีบอกของปลาตูหนามีสีคล้ำ ในปลาโตเต็มวัยครีบหลังและครีบก้นมีสีคล้ำด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่มาของชื่อว่า ปลาไหลหูดำ ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนไม่มีลวดลาย ใต้ท้องสีขาว ขนาดโตเต็มที่ได้ 1.5 เมตร

ในประเทศไทยพบได้ตั้งแต่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกแถบริมชายฝั่งอันดามัน เรื่อยไปจนถึงประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย และในภาคตะวันตกในชายแดนที่ติดกับประเทศพม่า เช่น จังหวัดตาก, แม่ฮ่องสอน เป็นต้น โดยชาวกระเหรียงเรียกปลาชนิดนี้ว่า "หย่าที" ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกพบได้ตั้งแต่พม่า บังคลาเทศ จนถึงอินเดีย โดยปลาที่พบในประเทศแถบนี้จะเป็นสายพันธุ์ย่อยที่เรียกว่า A. b. pacifica ส่วนปลาที่พบในแถบเอเชียตะวันออกมีชื่อเรียกว่า A. b. bicolor

ปลาตูหนามีพฤติกรรมจะกลับไปผสมพันธุ์และวางไข่แถบป่าชายเลนหรือปากแม่น้ำ ลูกปลาแรกเกิดมีลำตัวใสเหมือนวุ้นเส้น มีสีแดงเรื่อ จากนั้นเมื่อโตขึ้นจะค่อยอพยพว่ายทวนน้ำมาสู่แหล่งน้ำจืด ซึ่งบางครั้งอาจพบได้ไกลถึงลำธารน้ำตกบนภูเขา

ปลาชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนในแถบจังหวัดระนองหรือตรัง ถือเป็นเมนูราคาแพง สามารถนำไปปรุงได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ ย่าง หรือทำน้ำแดง ในต่างประเทศที่นิยมบริโภค ได้แก่ จีนและญี่ปุ่น โดยหน่วยงานประมงของประเทศเหล่านี้ได้มีการส่งเสริมให้เป็นปลาเศรษฐกิจ มีการทำฟาร์มเพาะขยายพันธุ์ แต่ว่าเนื้อมีกลิ่นคาวมาก จึงนิยมปลาตูหนาญี่ปุ่น (A. japonica) มากกว่า

สำหรับชาวพื้นเมืองในหมู่เกาะโซโลมอนจะชื่นชอบปลาชนิดนี้มาก โดยจะไม่มีการจับมาบริโภค แต่จะเลี้ยงด้วยเนื้อเมื่อพวกมันว่ายทวนน้ำมาถึงบริเวณต้นน้ำ เพราะปลาชนิดนี้กินเนื้อและซากสัตว์เป็นอาหารซึ่งทำให้แหล่งต้นน้ำนั้นสะอาด
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.30: 3 ก.ค. 55, 19:44
ปลาหลด (อังกฤษ: Spotfinned spinyeel) ปลาน้ำจืดชนิด
ปลาหลด (อังกฤษ: Spotfinned spinyeel) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macrognathus siamensis อยู่ในวงศ์ปลากระทิง (Mastacembelidae) มีรูปร่างเรียวยาว ลำตัวแบนข้างเล็กน้อย จะงอยปากยื่นแหลมยาว ครีบหางเล็กปลายมนแยกจากครีบหลังและครีบก้นที่ยาว ครีบอกเล็กกลม ตัวมีสีเทาอ่อน ด้านบนมีสีคล้ำ ด้านท้องสีจาง ครีบหลังคล้ำมีจุดเล็กสีจางประและมีดวงสีดำขอบขาวแบบดวงตา 4 - 5 ดวงตลอดความยาวลำตัว โคนครีบหางมีอีก 1 ดวง มีความยาวประมาณ 12 - 15 เซนติเมตร ใหญ่สุดพบ 25 เซนติเมตร

อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่งทั่วไป และแม่น้ำลำคลองของทุกภาค บริโภคโดยปรุงสด ทำปลาแห้ง และรมควัน นอกจากนี้ยังจับขายเป็นปลาสวยงามด้วย
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.31: 3 ก.ค. 55, 19:45
ปลากระทิง (อังกฤษ: Tire track eel) ปลาน้ำจืดชน
ปลากระทิง (อังกฤษ: Tire track eel) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mastacembelus armatus อยู่ในวงศ์ปลากระทิง (Mastacembelidae) มีลำตัวเรียวยาว แบนข้างเล็กน้อย ครีบหลัง ครีบหาง และครีบก้นเชื่อมต่อกัน ด้านหลังมีก้านครีบแข็งสั้นหลายอัน ตาเล็ก ครีบอกใหญ่ หัวมีลายตั้งแต่ปลายจะงอยปากคาดมาที่ตาถึงช่องปิดเหงือก ตัวมีสีเทาอ่อนหรือน้ำตาลอมเหลือง มีลายสีคล้ำเป็นวงหรือเป็นลายเส้น มีลวดลายหลากหลายแบบ ด้านท้องสีจาง ครีบคล้ำมีจุดประสีเหลืองอ่อน มีขนาดประมาณ 30 - 50 เซนติเมตร ใหญ่สุดได้ถึง 80 เซนติเมตร

อาศัยอยู่ในแม่น้ำและแหล่งน้ำนิ่งบริเวณที่มีกิ่งไม้หรือพืชน้ำหนาแน่น พบทุกภาคของประเทศไทยตั้งแต่แม่น้ำตอนล่างถึงบริเวณต้นน้ำลำธาร บริโภคโดยปรุงสด เช่น ย่าง และต้มโคล้ง ซึ่งขึ้นชื่อมาก และทำปลาเค็ม และยังนิยมรวบรวมเพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย

โดยมีชื่อเรียกในภาษาอีสานว่า "หลาด"
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.32: 3 ก.ค. 55, 19:46
ปลากระทิงไฟ (อังกฤษ: Fire spiny eel) ปลาน้ำจืด
ปลากระทิงไฟ (อังกฤษ: Fire spiny eel) ปลาน้ำจืดพื้นเมืองของไทยชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mastacembelus erythrotaenia อยู่ในวงศ์ปลากระทิง (Mastacembelidae) มีรูปร่างเหมือนปลาในวงศ์นี้ทั่วไป กล่าวคือ รูปร่างยาวคล้ายงูหรือปลาไหล แต่ท้ายลำตัวส่วนที่อยู่ค่อนไปทางหางจะมีลักษณะแบนข้าง และส่วนหัวหรือปลายปากจะยื่นยาวและแหลม จะงอยปากล่างจะยื่นยาวกว่าจะงอยปากบน ตามีขนาดเล็ก ครีบหลัง ครีบทวาร และหางจะเชื่อมต่อติดกันเป็นครีบเดียว โดยครีบหลังตอนหน้าจะมีขนาดเล็กมากและลักษณะเป็นหยักคล้ายกับฟันเลื่อย หากไม่สังเกตจะมองไม่เห็น โดยปลายหางมีลักษณะมนโค้ง ปลายค่อนข้างแหลม ไม่มีหนามใต้ตาเช่นปลากระทิงชนิดอื่น ๆ มีหนามแหลมขนาดเล็กตลอดทั้งความยาวลำตัวช่วงบนไว้เพื่อป้องกันตัว ปลากระทิงไฟจะมีรูปร่างป้อมแต่มีขนาดยาวกว่าปลากระทิง (M. armatus) ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในสกุลเดียวกัน

มีขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 60 เซนติเมตร พบใหญ่ที่สุดถึง 1 เมตร พบได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกประเทศจนถึงอินโดนีเซีย สำหรับในประเทศไทยพบได้ในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในภาคกลางและภาคใต้

ปลากระทิงไฟ มีลักษณะเด่นคือ เป็นปลาที่มีสีสันและลวดลายสวยงามมาก อันเป็นที่มาของชื่อ โดยพื้นลำตัวมีสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำสนิทและประแต้มด้วยแถบสีแดงสดเป็นเส้นๆ และเป็นจุด ๆ ลักษณะคล้ายกับเส้นประ โดยลายนี้จะคาดตามความยาวจากหัวจรดหางหัวค่อนข้างแหลม ซึ่งสีของครีบจะกลมกลืนกับสีพื้นลำตัวและบริเวณขอบครีบด้านนอกเป็นสีแดงหรือสีส้ม บริเวณแนวโคนครีบมีจุดกลมสีแดงประแต้มตลอดแนวซึ่งจุดและลายแถบสีแดงเหล่านี้ขณะที่ปลายังเล็กจะเป็นสีน้ำตาลอมส้มหรือเหลือง เมื่อปลาโตขึ้นจุดและแถบลายเหล่านี้สีก็จะเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสีแดงหรือสีแดงอมส้มในที่สุด แต่ปลาส่วนใหญ่สีแดงสดจะเข้มจัดเฉพาะบริเวณลำตัวส่วนที่อยู่ค่อนไปทางหัว ส่วนลาย ที่อยู่ค่อนไปทางหางโดยมากจะเป็นสีแดงส้มหรือสีน้ำตาลส้ม พบน้อยตัวมากที่มีลายสีแดงเพลิงทั้งตัว

สำหรับลวดลายและสีสันทั้งหมดนี้ ยังแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องที่ สำหรับปลาที่พบในพื้นที่ภาคใต้จะมีลวดลายและสีสันแตกต่างออกไป ซึ่งภาษาใต้จะเรียกปลาชนิดนี้ว่า "กระทิงลายดอก" หรือ "กระทิงลายดอกไม้"

มีพฤติกรรมหากินในเวลากลางคืน โดยมักชอบหลบอยู่ใต้ซากไม้ใต้น้ำเพื่อรออาหาร ซึ่งได้แก่ ปลาขนาดเล็กและสัตว์น้ำขนาดเล็กทั่วไป

จากสีสันที่สวยงาม จึงนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม แต่สำหรับสถานะในธรรมชาติ มีแนวโน้มว่าใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากถูกจับจากธรรมชาติมากเกินไป
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.33: 3 ก.ค. 55, 19:46
ปลารากกล้วย เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง
ปลารากกล้วย เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Acantopsis choirorhynchos ในวงศ์ปลาหมู (Cobitidae) มีลำตัวเล็กยาว หัวแหลม ตาเล็ก หางแหลม กลางลำตัวมีเส้นสีเทาจากหัวถึงหางระหว่างเส้นมีจุดสีดำเป็นแนวยาว ครีบหางเว้าตื้น

มีขนาดลำตัวยาวไม่เกิน 30 เซนติเมตร แต่ที่พบโดยทั่วไปจะยาวเพียงแค่ 5-14 เซนติเมตร

มีพฤติกรรมชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ในพื้นท้องน้ำที่มีกรวดทรายมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว สามารถมุดทรายได้ดีเวลาตกใจหรือซ่อนตัวจากสัตว์นักล่า จนได้อีกชื่อหนึ่งว่า "ซ่อนทราย" พบครั้งแรกที่แม่น้ำในเมืองปาเล็มบัง เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย สำหรับในประเทศไทยพบที่แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำสาละวิน

นิยมบริโภคด้วยการรับประทานทั้งตัวและก้าง เนื่องจากเป็นปลาขนาดเล็ก โดยนำมาทำเป็นอาหารได้หลายอย่างทั้งการปรุงสดและตากแห้ง โดยเมนูที่ขึ้นชื่อที่สุด คือ ปลารากกล้วยทอดกระเทียม รับประทานกับข้าวต้ม สำหรับการปรุงสดสามารถทำอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ หรือ ต้มโคล้ง หรือ ฉู่ฉี่ ก็ได้

นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาตู้สวยงามอีก โดยเฉพาะในตู้ไม้น้ำ นิยมเลี้ยงเพราะเป็นปลาที่เก็บเศษอาหารที่ปลาอื่นกินเหลือไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยพรวนทรายให้ร่วนอยู่ตลอดเวลาด้วย จากความสามารถที่สามารถมุดทรายได้เป็นอย่างดี

มีชื่อเรียกในภาษาอีสานว่า "ปลามัน" หรือ "ปลามูด" สำหรับชื่อในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า "ปลาค้อหน้าม้า" (Horseface loach)

อนึ่ง ปลารากกล้วยนั้น จะหมายถึงปลาในวงศ์ปลาหมูที่มีสกุล Acantopsis ซึ่งนอกจากปลาชนิด A. choirorhynchos นี้แล้ว ยังมีปลารากกล้วยชนิดอื่น ๆ ที่มีความคล้ายคลึงกันอีก เช่น A. thiemethdi, A. spectabilis, A. octoactinotos เป็นต้น และยังมีหลายชนิดที่ยังไม่สามารถอนุกรมวิธานได้ จึงใช้ชื่อสายพันธุ์เป็น sp. อยู่
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.34: 3 ก.ค. 55, 19:49
วงศ์ปลาหมูไทย (อังกฤษ: Loache; วงศ์: Cobitidae) เป
วงศ์ปลาหมูไทย (อังกฤษ: Loache; วงศ์: Cobitidae) เป็นวงศ์ปลาน้ำจืดในอันดับ Cypriniformes จัดเป็นปลาขนาดเล็ก มีลักษณะสำคัญคือบริเวณใต้ตามีกระดูกเป็นหนามโค้งพับซ่อนอยู่ข้างละ 1 ชิ้น ส่วนหัวและจะงอยปากยื่นแหลม ปากเล็กอาจมีติ่งรอบริมฝีปาก มีหนวดสั้น ๆ 3 คู่ ครีบหลังสั้น ครีบอื่น ๆ มีขนาดเล็ก ลำตัวเรียวยาวและแบนข้าง ครีบหางเว้าหรือเว้าลึก ผิวหนังมีเกล็ดขนาดเล็กมากฝังอยู่ จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมีเมือกปกคลุมตัว ใช้ชื่อวงศ์ว่า Cobotidae

เป็นปลาที่ไม่มีฟันที่ลำคอและขากรรไกร มักอาศัยอยู่ในบริเซรที่น้ำไหลแรง เช่น ต้นน้ำลำธารบนภูเขาหรือน้ำตก มักอาศัยในระดับพื้นท้องน้ำใกล้ซอกหิน หรือโพรงไม้ โดยพบเป็นฝูงใหญ่ กินอินทรียสารและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร บางชนิดสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว

พบได้กว้างขวางตั้งแต่ทวีปยุโรป ยูเรเชียจนถึงทวีปเอเชีย แบ่งออกเป็นวงศ์ย่อยได้ 2 วงศ์ รวมทั้ง 2 วงศ์มีสกุลทั้งหมด 27 สกุล ในประเทศไทยพบไม่น้อยกว่า 30 ชนิด ซึ่งในภาษาไทยจะเรียกปลาในวงศ์นี้รวม ๆ กันว่า "ปลาหมู" หรือ "ปลาค้อ"

มีความสำคัญคือ นิยมบริโภคในบางสกุล บางสายพันธุ์ อีกทั้งยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาตู้สวยงามด้วย
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.35: 3 ก.ค. 55, 19:50
ปลาหมูอารีย์ ปลาน้ำจืดขนาดเล็กชนิด
ปลาหมูอารีย์ ปลาน้ำจืดขนาดเล็กชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Yasuhikotakia sidthimunki ในวงศ์ปลาหมู (Cobitidae) มีรูปร่างแบนข้าง ลำตัวเรียวยาวเล็กน้อย ลำตัวมีสีเหลืองสด หลังและกลางลำตัวมีแถบสีดำพาด และมีบั้งสีดำพาดลงมาจากสันหลังถึงด้านท้อง ปากค่อนข้างเรียว มีหนวด 3 คู่ ใต้ตามีกระดูกแข็งอยู่ข้างละคู่ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ครีบมีแถบสีดำบนพื้นสีจาง ๆ

เป็นปลาขนาดเล็ก มีความยาวเต็มที่ไม่เกิน 10 เซนติเมตร โดยเฉลี่ยจะพบแค่ 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น

เป็นปลาที่ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยนายดำริ สุขอร่าม ที่ลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ในเขตจังหวัดราชบุรีติดต่อกับเขตจังหวัดกาญจนบุรี โดยปะปนมากับปลาทรงเครื่อง (Epalzeorhynchos bicolor) ต่อมา นายสมพงษ์ เล็กอารีย์ (ผู้ค้นพบปลาปักเป้าสมพงษ์ ((Carinotetraodon lorteti)) ได้ส่งตัวอย่างปลาให้แก่ ดร.Von Wolfgang Klausewitz ซึ่งเป็นนักมีนวิทยาชาวเยอรมัน ได้ศึกษาถึงลักษณะทางด้านอนุกรมวิธาน พบว่าเป็นปลาหมูชนิดใหม่ จึงได้ให้ชื่อสายพันธุ์ว่า "sidthimunki" เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายอารีย์ สิทธิมังค์ รองอธิบดีกรมประมงในขณะนั้น และได้เรียกชื่อสามัญว่า "หมูอารีย์"

ปลาหมูอารีย์เป็นปลาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นปลาหมูชนิดที่มีสีสันสวยงามมากที่สุด และสถานภาพใกล้สูญพันธุ์อย่างเต็มที่แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากถิ่นที่อยู่ไม่กว้างขวาง โดยพบเฉพาะลุ่มแม่น้ำแม่กลองแถบจังหวัดราชบุรีและลุ่มแม่น้ำสาละวินในจังหวัดกาญจนบุรี ในต่างประเทศพบที่แม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงบริเวณเมืองปากเซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเท่านั้น แม้ว่าจะมีรายงานเพิ่มต่อมาในปี พ.ศ. 2532 ว่าพบในลำน้ำว้า จังหวัดน่านด้วยก็ตาม แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ปลาหมูอารีย์ หากแต่เป็นปลาหมูน่าน (Y. nigrolineata) ซึ่งเป็นปลาหมูในสกุลเดียวกัน และมีลักษณะและสีสันคล้ายคลึงกัน สำหรับปลาหมูอารีย์ที่พบในลุ่มแม่น้ำน่านจะพบในเขตจังหวัดพิษณุโลกและบึงบอระเพ็ดด้วย
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.36: 3 ก.ค. 55, 19:50
พักเหนื่อยซักครู่เดี๋ยวมาต่อใหม่คับ 
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.37: 3 ก.ค. 55, 20:01
ปลาหมูลายเมฆ (อังกฤษ: Cloud-pattern loach, Polkadot botia) ป
ปลาหมูลายเมฆ (อังกฤษ: Cloud-pattern loach, Polkadot botia) ปลาน้ำจืดขนาดเล็กชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Botia kubotai อยู่ในวงศ์ปลาหมู (Cobotidae) มีรูปร่างแบนข้าง ลำตัวเรียวยาวเล็กน้อย ลำตัวมีสีสันสวยงามมาก โดยเป็นปล้องและดวงสีเหลืองสลับกับสีดำบนพื้นลำตัว ครีบและหางก็มีสีสันแบบนี้ด้วยเช่นกัน โดยปลาแต่ละตัวสีสันจะไม่เหมือนกัน ปากค่อนข้างเรียว มีหนวด 3 คู่ ใต้ตามีกระดูกแข็งอยู่ข้างละคู่ซึ่งสามารถพับเก็บได้

มีขนาดลำตัวใหญ่เต็มที่ไม่เกิน 8.5 เซนติเมตร

พบอาศัยอยู่เป็นฝูง หากินบริเวณหน้าดินเฉพาะลุ่มแม่น้ำสาละวินเท่านั้น โดยพบระหว่างพรมแดนไทย-พม่า โดยในเขตแดนไทยพบที่แม่น้ำสุริยะ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

เป็นปลาชนิดใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ และถูกอนุกรมวิธานโดย ดร.Maurice Kottelat นักมีนวิทยาชาวสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี พ.ศ. 2547 นี่เอง

จากความที่มีสีสันสวยงาม ทำให้ปลาหมูลายเมฆได้รับความนิยมในฐานะเป็นปลาสวยงามในระยะเวลาไม่นาน ในสถานที่เลี้ยง ปลาสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี มีอุปนิสัยไม่ก้าวร้าว สามารถเลี้ยงรวมเป็นฝูงหรือรวมกับปลาอื่นได้เป็นอย่างดี โดยจะเก็บกินเศษอาหารที่ปลาใหญ่ในตู้กินเหลือ

อนึ่ง มีปลาหมูอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายปลาหมูลายเมฆ และพบในลุ่มแม่น้ำสาละวินเช่นเดียวกัน คือ ปลาหมูพม่า (B. histrionica)
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.38: 3 ก.ค. 55, 20:03
ปลาหมูฮ่องเต้ หรือ ปลาหมูกำพล (อังกฤ
ปลาหมูฮ่องเต้ หรือ ปลาหมูกำพล (อังกฤษ: Emperor loach; ชื่อวิทยาศาสตร์: Botia udomritthiruji) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาหมู (Cobitidae)

ปลาหมูฮ่องเต้มีสีพื้นผิวของลำตัวจะเป็นสีเหลืองคล้ายกับชุดของฮ่องเต้หรือจักรพรรดิจีนในสมัยโบราณ อันเป็นที่มาของชื่อ สลับลายคู่สีดำขนาดใหญ่ตลอดทั้งลำตัว มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 3 นิ้ว

จัดเป็นปลาที่มีสีสันและลวดลายสวยงามมาก จึงเป็นที่นิยมในการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม พบกระจายพันธุ์เฉพาะลุ่มแม่น้ำตะนาวศรีบริเวณชายแดนของไทยกับพม่า ในเขตตะนาวศรีของพม่าเท่านั้น เป็นปลาที่เพิ่งถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2550 และถูกตั้งทั้งชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ นายกำพล อุดมฤทธิรุจ นักธุรกิจด้านส่งออกปลาสวยงามชาวไทย

ปลาหมูฮ่องเต้ กลายเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีความสำคัญสำหรับเศรษฐกิจท้องถิ่น เมื่อเป็นปลาที่มีความต้องการของการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม สร้างรายได้ให้แก่ชาวท้องถิ่นที่จับปลาชนิดนี้ส่งขาย และถูกเปิดตัวอย่างเป็นการครั้งแรกในงานประมงน้อมเกล้า ครั้งที่ 19 ที่ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อปีเดียวกันกับที่มีการค้นพบ
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.39: 3 ก.ค. 55, 20:04
ปลาเข็ม (อังกฤษ: Wrestling Halfbeak, Malayan halfbeak, Pygmy halfbeak) เ
ปลาเข็ม (อังกฤษ: Wrestling Halfbeak, Malayan halfbeak, Pygmy halfbeak) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dermogenys pusilla ในวงศ์ปลาเข็ม (Hemiramphidae)

มีรูปร่างเรียวยาว ริมฝีปากล่างคือส่วนที่ยื่นยาวออกมาเหมือนปลายเข็ม อันเป็นที่มาของชื่อ ส่วนริมฝีปากบนมีขนาดเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมใช้สำหรับจับเหยื่อและต่อสู้ป้องกันตัวระหว่างปลาพวกกันเดียวเอง โดยมักจะพุ่งแทงกัน

มีครีบอกขนาดใหญ่และแข็งแรง ทำให้สามารถกระโดดจับแมลงที่อยู่เหนือผิวน้ำเป็นอาหารได้ นอกจากนี้แล้วยังมีสายตาที่แหลมคม สามารถมองเห็นวัตถุที่เหนือน้ำได้ดีกว่าปลาชนิดอื่น ๆ นิยมอยู่กันเป็นฝูง ๆ ประมาณ 8-10 ตัว โดยมีตัวผู้เป็นจ่าฝูงเพียงตัวเดียว ปลาตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้อย่างเห็นได้ชัด เป็นปลาที่ออกลูกเป็นตัว ครั้งละไม่เกิน 30 ตัว

เป็นปลาขนาดเล็ก ความยาวเต็มที่ประมาณ 8 เซนติเมตร พบได้ตามแหล่งน้ำนิ่งเช่น ท้องร่วงสวนผลไม้ทั่วประเทศไทย ในต่างประเทศพบได้ตั้งแต่บังกลาเทศจนถึงคาบสมุทรมลายูและอินโดนีเซีย

ปลาเข็มชนิดนี้ คนไทยนิยมเพาะเลี้ยงกันมานานแล้วเพื่อใช้สำหรับต่อสู้กันเพื่อการพนัน คล้ายกับปลากัด โดยจะเพาะเลี้ยงกันในหม้อดินจึงเรียกกันว่า "ปลาเข็มหม้อ" โดยจะมีรูปร่างและขนาดที่ใหญ่กว่าปลาที่พบในธรรมชาติ สำหรับปลาที่ออกสีขาวจะเรียกว่า "ปลาเข็มเผือก" หรือ "ปลาเข็มเงิน" และปลาที่มีสีออกสีทองจะเรียกว่า "ปลาเข็มทอง"
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.40: 3 ก.ค. 55, 20:05
วงศ์ปลากระทุงเหว หรือ วงศ์ปลาเข็มแ
วงศ์ปลากระทุงเหว หรือ วงศ์ปลาเข็มแม่น้ำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Belonidae, อังกฤษ: Needlefish) เป็นวงศ์ปลาในชั้นปลากระดูกแข็งวงศ์หนึ่ง

มีรูปร่างคล้ายปลาในวงศ์ปลาเข็ม (Hemiramphidae) แต่มีขนาดลำตัวใหญ่กว่ามาก ปากแหลมยาวทั้งบนและล่าง และภายในปากมีฟันซี่เล็ก ๆ แหลมคม เกล็ดมีขนาดเล็ก เกล็ดตามแนวเส้นข้างลำตัวมีประมาณ 130-350 แถว ครีบหลังมีก้านครีบแขนงประมาณ 14-23 ก้าน ครีบอกใหญ่แข็งแรง ครีบท้องมีขนาดเล็กมาก

เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร โดยไล่ล่าปลาขนาดเล็กกว่ารวมทั้งแมลงและสัตว์น้ำต่าง ๆ กิน นิยมอยู่รวมเป็นฝูง หากินตามผิวน้ำ พบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก ส่วนมากจะพบตามบริเวณชายฝั่งทะเลที่ติดกับปากแม่น้ำ จึงจัดเป็นปลาน้ำกร่อยอีกจำพวกหนึ่ง

แพร่ขยายพันธุ์ด้วยการวางไข่ติดกับวัสดุต่าง ๆ ใต้น้ำ ไข่มักจะมีเส้นใยพันอยู่รอบ ๆ และใช้เวลาประมาณ 6-9 วันถึงจะฟักเป็นตัว นับว่านานกว่าปลาในวงศ์อื่นมาก ลูกปลาในวัยอ่อนส่วนปากจะยังไม่แหลมคมเหมือนปลาวัยโต

เป็นปลาที่สามารถกระโดดจากผิวน้ำได้สูงมาก ขนาดใหญ่ที่สุดพบยาวถึง 120 เซนติเมตร นิยมตกกันเป็นเกมกีฬา โดยมีชื่อเรียกเฉพาะในวงการตกปลาว่า "ปลาเต็กเล้ง" บางชนิดมีการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม เช่น ปลากระทุงเหวเมือง (Xenentodon canciloides)
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.41: 3 ก.ค. 55, 20:06
วงศ์ปลาลิ้นหมา (วงศ์: Soleidae, อังกฤษ: True sole)
วงศ์ปลาลิ้นหมา (วงศ์: Soleidae, อังกฤษ: True sole) เป็นปลากระดูกแข็งในกลุ่มปลาที่มีก้านครีบ ในอันดับ Pleuronectiformes เป็นปลาลิ้นหมาที่มีลำตัวแบนราบ ตาเล็กอยู่ชิดกันที่ด้านเดียวกัน โดยส่วนหัวจะหันไปทางขวา โดยมีครีบหลังอยู่ด้านบน รูปร่างเป็นรูปไข่หรือวงรี เรียวที่ด้านท้าย ปากเล็กเป็นรูปโค้งอยู่ปลายสุดของจะงอยปาก ครีบอกและครีบก้นเล็ก ครีบหลังยาวตลอดลำตัว มีก้านครีบอ่อนสั้น ๆ เชื่อมต่อกับครีบหางและครีบก้น เกล็ดเล็กเป็นแบบสาก ลำตัวด้านบนมีสีคล้ำ มีลวดลายต่าง ๆ และเส้นข้างลำตัวหลายเส้น ลำตัวด้านล่างสีขาว เมื่อยังเป็นปลาวัยอ่อนจะมีตาอยู่คนละซีกเหมือนปลาทั่ว ๆ ไป แต่จะย้ายมาอยู่ข้างเดียวกันเมื่อโตขึ้น และลำตัวด้านซ้ายจะกลายเป็นด้านที่ไม่มีตาและอยู่ด้านล่างแทน มีรูก้นและช่องท้องอยู่ชิดกับส่วนล่างของหัวด้านท้าย

อาศัยอยู่บริเวณพื้นท้องน้ำ ว่ายน้ำโดยขนานกับพื้นและพลิ้วตัวตามแนวขึ้นลง สามารถมุดใต้พื้นทรายหรือโคลนได้เวลาตกใจ กินสัตว์หน้าดินขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น ไส้เดือนน้ำ, ลูกกุ้ง, ลูกปลาขนาดเล็ก

พบในทะเลเขตร้อนและอบอุ่นทั่วโลก พบทั้งหมด 22 สกุล 89 ชนิด ในประเทศไทยพบในน้ำจืด 4 ชนิด
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.42: 3 ก.ค. 55, 20:08
ปลาใบไม้ (ปลาลิ้นควาย)
เป็นปลาน้ำจื
ปลาใบไม้ (ปลาลิ้นควาย)
เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ปลาลิ้นหมา (Soleidae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brachirus harmandi มีรูปร่างคล้ายปลาลิ้นหมาน้ำจืด (B. panoides) ที่อยู่ในสกุลเดียวกัน เพียงแต่ปลาใบไม้ มีรูปร่างคล้ายหยดน้ำ ตาอยู่ชิดกัน ปากเล็กและเบี้ยว ครีบมีลักษณะเชื่อมต่อกันเกือบทั้งลำตัว ครีบอกเล็กมาก ลำตัวด้านบนเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีแต้มสีคล้ำตลอดทั้งลำตัว มีแต้มจุดสีคล้ำตลอดแนวครีบ ครีบมีขอบสีจาง มีจุดประสีคล้ำกระจาย ลำตัวด้านล่างสีขาว เกล็ดเป็นแบบสาก ขนาดลำตัวประมาณ 10 เซนติเมตร มีพฤติกรรมคล้ายกับปลาลิ้นหมาน้ำจืด พบในถิ่นที่อยู่เดียวกัน เพียงแต่ใบไม้จะพบในภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขงด้วย

ใช้บริโภคโดยปรุงสดและทำปลาตากแห้ง มีราคาค่อนข้างสูง และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.43: 3 ก.ค. 55, 20:09
ต่อไปจะเข้ากลุ่มปลาเกล็ด นะคับ 
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.44: 3 ก.ค. 55, 20:10
อ้างถึง: ChopayaDem posted: 03-07-2555, 20:08:36

ปลาหนวดพราม ใส่เกลือทอดอร่อยสุดๆๆหล่ะครับ  แต่หายากมากๆๆ(เขื่อนเจ้าพระยานะครับ)

++++ เลย


สวัสดีคับน้าChopayaDem
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.45: 3 ก.ค. 55, 20:12
มาเริ่มที่ปลาหัวงู หรือ Snackhead กันก่อน
มาเริ่มที่ปลาหัวงู หรือ Snackhead กันก่อนนะคับ

ปลาช่อน (อังกฤษ: Common snakehead, Chevron snakehead, Striped snakehead) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa striata อยู่ในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) มีส่วนหัวค่อนข้างโต รูปร่างทรงกระบอกยาว ครีบหางเรียวปลายมน ปากกว้าง ภายในปากมีฟันเขี้ยวบนเพดาน ลำตัวสีคล้ำอมมะกอกหรือน้ำตาลอ่อน มีลายเส้นทแยงสีคล้ำตลอดทั้งลำตัว 6-7 เส้น ด้านท้องสีจางตัดกับด้านบน ครีบสีคล้ำมีขอบสีเหลืองอ่อน ครีบท้องจาง มีขนาดลำตัวประมาณ 30-40 เซนติเมตร ใหญ่สุดได้ถึง 1 เมตร

โดยปลาช่อนชนิดนี้มีความพิเศษไปกว่าปลาช่อนชนิดอื่น ๆ คือ สามารถแถกไถตัวคืบคลานไปบนบกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ได้ รวมทั้งสามารถหลบอยู่ใต้ดินในฤดูฝนแล้งเพื่อรอฝนมาได้เป็นแรมเดือน โดยสะสมพลังงานและไขมันไว้ ที่เรียกว่า "ปลาช่อนจำศีล" พบอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำทั่วประเทศไทย พบไปจนถึงเอเชียใต้, พม่าและอินโดนีเซีย นิยมนำมาบริโภค ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายทั้งสดและตากแห้ง เป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญจนอาจเรียกได้ว่าเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจอันดับหนึ่ง[1] เลี้ยงได้ทั้งในบ่อและกระชังตามริมแม่น้ำ นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย โดยเฉพาะตัวที่สีกลายเป็นสีเผือกหรือปลาที่พิการตัวสั้นกว่าปกติ

ปลาช่อนในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดสิงห์บุรี ขึ้นชื่อมาก ที่เรียกว่า "ปลาช่อนแม่ลา" มีประเพณีพื้นถิ่นคือเทศกาลกินปลา

ปลาช่อน มีชื่อเรียกตามภาษาถิ่นในแต่ละภาคว่า "หลิม" ในภาษาเหนือ "ค้อ" หรือ "ก๊วน" ในภาษาอีสาน เป็นต้น
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.46: 3 ก.ค. 55, 20:14
ปลาช่อนข้าหลวง (อังกฤษ: Emperor snakehead) เป็นช
ปลาช่อนข้าหลวง (อังกฤษ: Emperor snakehead) เป็นชื่อของปลาช่อนชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa marulioides อยู่ในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) มีลักษณะคล้ายปลาช่อนงูเห่า (C. aurolineatus) แต่ลำตัวสั้นป้อมกว่า ลำตัวสีเขียวอ่อน และมีลายสีเหลืองทองส้มสลับกับแต้มสีดำ ครีบมีจุดประสีเหลืองสด ท้องสีจาง

ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 90 เซนติเมตร ในประเทศไทยพบเฉพาะภาคใต้เท่านั้น โดยพบชุกชุมบริเวณเขื่อนรัชชประภา และพบไปจนถึงมาเลเซีย มักอาศัยตามแม่น้ำสายใหญ่หรือลำธารขนาดใหญ่ในป่าหรือพรรณไม้ชายฝั่งหนาแน่น โดยจะหลบอยู่ใต้ร่มเงาของไม้นั้น

เป็นปลาที่พบได้ไม่ยาก แต่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามมากกว่าจะนำมาบริโภค และมีราคาขายที่ค่อนข้างสูง

ปลาช่อนข้าหลวง ยังมีชื่อที่เรียกกันในเขตจังหวัดนราธิวาสว่า "ช่อนทอง"
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.47: 3 ก.ค. 55, 20:15
ปลาช่อนงูเห่า เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ
ปลาช่อนงูเห่า เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa aurolineatus จัดอยู่ในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) ไม่จัดว่าเป็นปลาเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นปลาหายาก พบไม่บ่อยนักในธรรมชาติ มีลักษณะลำตัวค่อนข้างกลมยาว หัวมีขนาดเล็กกว่าปลาช่อนชนิดอื่น ๆ สัลำตัวจะเปลี่ยนไปตามวัยและสภาพแวดล้อม ปกติพื้นลำตัวจะเป็นสีคล้ำเช่น น้ำตาลแกมเขียว หรือสีดำ เมื่อยังเป็นลูกปลาจะมีแถบสีส้มคาดตามความยาวจากหัวจรดโคนหาง โดยบริเวณโคนหางจะมีจุดสีดำล้อมรอบด้วยวงสีส้มสด แลดูคล้ายเครื่องหมายดอกจันทน์ จึงมีอีกชื่อเรียกนึงว่า "ปลาช่อนดอกจันทน์" เมื่อปลาเริ่มโตขึ้นจะมีแถบดำราว 5-6 แถบคาดขวางลำตัวส่วนที่อยู่ค่อนไปทางท้าย ใต้ท้องสีจาง ลำตัวด้านท้าย ครีบหลัง หาง และครีบท้องจะมีจุดสีตะกั่วเหลือบแวววาวกระจายอยู่ทั่ว

ปลาช่อนชนิดนี้ มีขนาดโตเต็มที่ราว 40-90 เซนติเมตร มีรูปร่างเรียวยาวกว่าปลาช่อนชนิดอื่น ๆ ประกอบกับส่วนหัวที่เล็ก ทำให้แลดูคล้ายงูเห่า จึงเป็นที่มาของชื่อ "ปลาช่อนงูเห่า" เมื่อชาวบ้านจับปลาชนิดนี้ได้ บางคนไม่กล้ากินเนื่องจากเชื่อว่าเป็นปลาช่อนผสมงูเห่า มีพิษร้ายแรงกว่างูเห่าทั่วไป แต่ความเป็นจริงแล้ว ช่อนงูเห่าไม่ได้มีพิษแต่อย่างใด

มีการกระจายพันธุ์ในไทย, กัมพูชา, มาเลเซีย โดยพฤติกรรมมักอยู่อาศัยตามแม่น้ำชายฝั่งที่มีพืชน้ำและพรรณไม้ขึ้นชายฝั่งมีเงาร่ม อาหารได้แก่ ปลา, กุ้ง, สัตว์น้ำขนาดเล็กและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็ก เช่น กบ, เขียด รวมถึงแมลงชนิดต่าง ๆ ด้วย

อุปนิสัยเป็นปลาที่ค่อนข้างดุร้ายก้าวร้าว โดยมักจะกบดานตัวนิ่ง ๆ กับพื้นท้องน้ำหรือไม่ก็ลอยตัวอยู่ปริมน้ำ เมื่อพบอาหารจะพุ่งฉกด้วยความเร็วและดุดัน

ปลาช่อนงูเห่า นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามที่มีขายในตลาดปลาสวยงามเป็นบางครั้ง

มีชื่อเรียกในภาษาถิ่นต่าง ๆ เช่น "หลิมหางกวั๊ก" ที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน "ก้วน" ในภาษาเหนือและภาษาอีสาน "ล่อน", "กะล่อน" หรือ "อ้ายล่อน" ในภาษาใต้ เป็นต้น
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.48: 3 ก.ค. 55, 20:16
ปลากระสง (อังกฤษ: Blotched snakehead, Forest snakehead) เป็นป
ปลากระสง (อังกฤษ: Blotched snakehead, Forest snakehead) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa lucius อยู่ในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) มีรูปร่างคล้ายปลาช่อน (C. striata) แต่มีส่วนหัวที่แบนกว่า จะงอยปากงอนขึ้นเล็กน้อย และมีรูปร่างที่ป้อมสั้นกว่า สีสันบริเวณลำตัวเป็นสีเขียวมะกอกมีลวดลายคล้ายลายไม้ ลูกปลาขนาดเล็กมีพฤติกรรมอยู่เป็นฝูง มีลายแถบดำพาดตามแนวนอนตลอดตัว มีสีแดง

มีความยาวเต็มที่ประมาณ 40 เซนติเมตร พบได้ในแหล่งน้ำนิ่งและแหล่งน้ำขนาดใหญ่รวมถึงในบริเวณพื้นที่ป่าพรุด้วยทั่วประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน [1]

นิยมเอามาบริโภคสดและตากแห้งเหมือนปลาในวงศ์ปลาช่อนทั่วไป อีกทั้งสามารถเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้

ปลากระสง ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "กระจอน" ในภาษาอีสาน หรือ "ช่อนไช" ในภาษาใต้
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.49: 3 ก.ค. 55, 20:18
ปลาบู่ทราย หรือ ปลาบู่ทอง (อังกฤษ: Sleepy
ปลาบู่ทราย หรือ ปลาบู่ทอง (อังกฤษ: Sleepy goby, Marbled sleeper) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oxyeleotris marmorata ในวงศ์ปลาบู่ทราย (Eleotridae) มีลักษณะลำตัวกลมยาว ความลึกลำตัวประมาณ 1 ใน 3.5 ของความยาวมาตรฐานลำตัว ส่วนหัวยาวเป็น 1 ใน 2.8 ของความยาวมาตรฐานของลำตัว หัวค่อนข้างโต และด้านบนของหัวแบนราบ หัวมีจุดสีดำประปราย ปากกว้างใหญ่เปิด ทางด้านบนตอนมุมปากเฉียงลงและยาวถึงระดับกึ่งกลางตา ขากรรไกรล่างยื่นยาวกว่าขากรรไกรบน ทั้งขากรรไกรบนและล่างมีฟันแหลมซี่เล็ก ๆ ลักษณะฟันเป็นฟันแถวเดียว ลูกตาลักษณะโปนกลมอยู่บนหัวถัดจากริมฝีปากบนเล็กน้อย รูจมูกคู่หน้าเป็นหลอดยื่นขึ้นมาอยู่ติดกับร่องที่แบ่งจงอยปากกับริมฝีปากบน ครีบหูและครีบหางมีลักษณะกลมมนใหญ่ มีลวดลายดำและสลับขาว มีก้านอ่อนอยู่ 15-16 ก้าน ครีบหลัง 2 ครีบ ครีบอันหน้าสั้นเป็นหนาม 6 ก้าน เป็นก้านครีบสั้นและเป็นหนาม ครีบอันหลังเป็นก้านครีบอ่อน 11 ก้าน ครีบท้องหรือครีบอกอยู่แนวเดียวกับครีบหูและมีก้านครีบอ่อน 5 ก้าน สีลำตัวสีน้ำตาลเหลืองมีรอยปื้นสีดำกระจายไปทั่วตัว ในบางตัวสีอาจกลายเป็นสีเหลืองทองได้ จึงทำให้ได้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า "ปลาบู่ทอง"

มีขนาดลำตัวประมาณ 30 เซนติเมตร ใหญ่ที่สุด 60 เซนติเมตร จัดเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสกุล Oxyeleotris พบกระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดทุกประเภทของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาจพบได้ในแหล่งน้ำกร่อยด้วย สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค มีพฤติกรรมชอบอยู่นิ่ง ๆ กับพื้นน้ำเพื่อล่าเหยื่อ อาหารได้แก่ ปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กกว่า

ปลาบู่ทราย จัดเป็นปลาที่ผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยมากชนิดหนึ่ง ดังจะเห็นได้จากนิทานพื้นบ้านของภาคกลางเรื่อง ปลาบู่ทอง เป็นต้น จัดเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง โดยนิยมใช้เนื้อบริโภคกันมาช้านาน มีราคาขายที่แพง ปัจจุบัน นิยมเพาะเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้แล้วในตัวที่มีสีกลายไปจากสีปกติ เช่น สีทองหรือสีเงิน พบมีการเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย
jungka(336 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
คห.50: 3 ก.ค. 55, 20:22
ปลาก้าง (อังกฤษ: Dwarf snakehead, Red-tailed snakehead) ปลาน้ำ
ปลาก้าง (อังกฤษ: Dwarf snakehead, Red-tailed snakehead) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa limbata มีรูปร่างคล้ายปลาในวงศ์นี้ทั่วไป แต่มีส่วนหัวมนกลมและโตกว่า ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำเงินคล้ำ และมีลายประหรือจุดสีคล้ำ ท้องสีจาง โคนครีบอกมีลายเส้นสีคล้ำเป็นแถบ 4-6 แถบ ครีบหลัง ครีบก้น และครีบหางมีสีเทาหรือน้ำเงินเรือ ขอบมีสีส้มหรือสีจาง โดยปลาในแต่ละถิ่นจะมีสีสันแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมที่อาศัย

มีการกระจายพันธุ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในพม่า, ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเชีย, บาหลี โดยอาจพบได้ถึงต้นน้ำหรือลำธารบนภูเขา

ปลาก้าง จัดว่าเป็นหนึ่งชนิดของปลาวงศ์นี้ที่มีขนาดเล็กที่สุด กล่าวคือ มีขนาดโตเต็มที่ได้ไม่เกิน 1 ฟุต นับเป็นปลาที่พบได้ทุกแหล่งน้ำของประเทศไทย โดยอาจจะเรียกชื่อเพี้ยนไปตามถิ่นว่า "กั๊ง" หรือ "ขี้ก้าง" มีพฤติกรรมการวางไข่โดยตัวผู้เป็นผู้อมไข่และเลี้ยงดูลูกอ่อน ปลาก้างยังถือเป็นปลาเศรษฐกิจ แต่ไม่มีการเลี้ยงในเชิงพาณิชย์เหมือนปลาช่อนชนิดอื่น และยังพบเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย
<12345>>>
no ads
siamfishing.com © 2024