ซาว์นเดอร์
ผมได้คุยกับนักปลาหลายท่านที่ใช้เรือเร็วตกปลามาเป็นเวลานาน ผมมักจะได้รับคำตอบว่าตกปลาน้ำจืดไม่ค่อยได้ใช้ซาว์นเดอร์
บางท่านถึงกับบอกว่า เอาไว้ใช้เช็คระดับความลึกเท่านั้น ในขณะที่การตกปลาในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
สหรัฐอเมริก หรือญี่ปุ่น ซาว์นเดอร์ ถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการตกปลาน้ำจืดหลายชนิด
ผมยังมีความเชื่อว่า เราอาจจะใช้มันน้อยไป องค์ความรู้ในเรื่องนี้ยังมีอยู่น้อย สำหรับผม เรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องที่ท้าทาย
และน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง หลังจากได้ปรึกษากับผู้เชียวชาญเรื่องซาว์นเดอร์ ผมตัดสินใจที่จะซื้อรุ่น 565 ราคาอยู่ที่ประมาณ 9,XXX บาท

มาถึงตอนนี้ผมก็ได้ทราบมีอะไรบ้างที่ผมต้องจ่ายแน่นๆ และจะเหลือเงินอีกสักเท่าไหร่สำหรับซื้อเรือและเครื่อง

1. เทเลอร์แบบล้อ รวมยางอะไหล่ ประมาณ 28,000 บาท
2. มอเตอร์ไกด์ฟุตคอนโทรและเบ็ตเตอรี่ ประมาณ 25,000 บาท
3. โซน่า ประมาณ 9,000 บาท
รวม 62,000 บาท

ในงบ 1xx,xxx บาท หักออกไป 62,000 บาท ก็เหลืออยู่อีกไม่มากสำหรับค่าเครื่องมือหนึ่งกับค่าเรือ

จากที่อ่านๆมาผมว่าน้าเวบเลือกออฟชั่นนี้แน่ๆเลย

เรืออลูมิเนียม
Quintrex 350 Traveller (3.58m) ราคา 6x,000 บาท (เครื่อง 8-15 แรง)

เครื่องเรือ
Yahama 15 แรง ราคา ~6x,xxx บาท

เทเลอร์ (แบบน้าเต๊ะ)
สำหรับเรือ 11-14 ฟุต สั่งทำในไทย ราคาประมาณ 20,000 + บาท

มอเตอร์ไกด์
มินโกต้า 50 ปอนด์ บังคับด้วยเท้า 25,000+ บาท

โซน่า
ราคา 9,000 บาท

ค่าทำพื้นทำสี

เรืออลูมิเนียมต้องทำพื้นและทำสี ค่าทำประมาณ 10,000-20,000 บาท

ค่าตกแต่งอีก น่าจะมี 20,000 - 30,000 บาท

รวมๆแล้วก็น่าจะ 65000+65000+25000+25000+9,000+20000+30000 = 229,000 บาท +- 20000 บาท
โหเล่นไปเกือบ 250,000 บาท แฮะ 

ไว้คอยรอชมแล้วกันนะครับ เพราะผมก็เป็นคนนึงที่มองๆหาเรืออยู่เหมือนกันครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

ติดตามชมครับ

.............แสดงว่าเกินงบที่น้าเวปตั้งไว้นะสิ..............

สวัสดีครับน้าเวฟ

จากที่ได้ทราบว่าต้องเตรียมงบสำหรับจ่ายค่าเทเลอร์ มอเตอร์ไกด์ และโซน่าประมาณ  62,000 บาท
หากงบ 1xxx,xxx เป็นหนึ่งแสนปลายๆ ผมก็เหลืองบอีกอย่างสุดประมาณ 13x,xxx บาท
คราวนี้กลับมาทบทวนค่าเรือและเครื่องอีกครั้ง



ตอนนี้ทางเลือกที่เหลือ และมูลค่าโดยประมาณน่าจะเป็น
1. ไฟเบอร์ 11ฟุต + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 82,000 บาท
2. ไฟเบอร์ 12ฟุต + เครื่อง 25แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 126,000 บาท
3. ไฟเบอร์ 14ฟุต + เครื่อง 40แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 181,000 บาท
4. Quintrex 350 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 130,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง
5. Quintrex 370 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 139,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง
6. Quintrex 385 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 149,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง

ทางเลือกที่ผมตัดออกไปได้ก่อนเลยครับ
1. ไฟเบอร์ 11ฟุต + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 82,000 บาท
3. ไฟเบอร์ 14ฟุต + เครื่อง 40แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 181,000 บาท

ทางเลือกที่เหลือ
2. ไฟเบอร์ 12ฟุต + เครื่อง 25แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 126,000 บาท
4. Quintrex 350 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 130,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง
5. Quintrex 370 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 139,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง (เกินงบแต่ก็ขอเก็บไว้พิจารณาก่อน)
6. Quintrex 385 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 149,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง (เกินงบแต่ก็ขอเก็บไว้พิจารณาก่อน)

ลุ้นๆๆๆๆว่า จะจบ ที่ตรงไหน

ติดขอบจอครับ  กระทู้ของน้าเวปมีประโยชน์มากๆครับ ผมเองสนใจเรื่องเรือมานาน    เห็นกระทู้ของน้าเวปแล้ว  ทำให้ผมมีแนวทางในการเลือกซื้อเรือ  และ การลำดับความคิดในการเลือกซื้อเรือซึ่ง ผมคิดว่าถ้าจะซื้อต้องจบในคราวแรกเลย....อิอิ..ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆแบบนี้ครับผม 

เหอะๆ เรือไฟเบอร์ 12 ฟุต ยังอยู่ในทางเลือก แสดงว่าผมคิดไม่ผิด ที่จะเล่น ใช่มัยเนี้ยะ

สวัสดีครับน้าเวป

ยังตามติดขอบจออยู่ครับ

ขอส่งแรงเชียร์ ขอ 2 ไฟเบอร์ 12 ฟุต เพราะเดี่ยวนี้ธรรมชาติเอาแน่นอนไม่ค่อยได้ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเล่นเรือมากๆตอนที่ผมทำแพอยู่ที่เขื่อนดิน ผมได้มีประสพการมาพอสมควร

เรือไฟเบอร์ VS เรืออลูมิเนียม Quintrex
ในระหว่างที่รวบรวมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรือตามเว็บไซต์ต่างๆ รวมทั้งได้สอบถามความเห็นจากผู้ที่เคยใช้เรือทั้งสองอย่างมาแล้ว
ผมได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรือทั้งสองประเภทดังนี้
1. ที่ความยาวเท่ากัน เรือไฟเบอร์จะหนักกว่าเรืออลูมิเนียมของ Quintrex ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่เรือไฟเบอร์ต้องใช้เครื่องที่มีกำลังสูงกว่า
2. ที่ความยาวเท่ากัน เรือไฟเบอร์ทำในไทย ราคาจะถูกกว่า
3. เรือไฟเบอร์หากผลิตตามมาตรฐานแล้ว จะมีความแข็งแรงทนทาน และอายุการใช้งานยาวนาน แต่ผู้ผลิตเรือไฟเบอร์ของไทยบางราย
ลดต้นทุนการผลิตลง โดยการลดสเป็กวัสดุที่ใช้ผลิตลง ทำให้เรือไฟเบอร์ของบางผู้ผลิต มีอายุการใช้งานไม่นาน หากจะซื้อเรือไฟเบอร์ ต้องเลือก
ซื้อจากอู่ที่มีมาตรฐานสูง มีอยู่กรณีหนึ่ง สมาชิกเล่าให้ฟังว่า ต้องไปอยู่ที่อู่หลายวัน เพื่อคอยตรวจสอบว่ามีการปูแผ่นไฟเบอร์กลาสครบจำนวนชั้นตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่
4. เรือไฟเบอร์บางรุ่น จะมีปัญหาการขึ้นน้ำ การไม่เกาะน้ำ การไถล
5. เมื่อกระบกับคลื่น เรืออลูมิเนียมจะมีเสียงดังกว่าไฟเบอร์มาก
6. เรืออลูมิเนียมมีอายุการใช้งานนาน

เมื่อประมวลจากข้อมูลที่มีอยู่ คุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ผมไม่เหมาะกับเรือไฟเบอร์คือ ผมไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ผลิตแต่ละรายเพียงพอที่จะตรวจ
สอบให้มั่นใจได้ว่าเรือได้ถูกผลิตด้วยวัสดุและแบบที่ได้มาตรฐาน ขณะที่นักตกปลาบางท่านจะรู้จักผู้ผลิตและเรือในแต่ละรุ่นที่ทำออกมาเป็นอย่างดี

ส่วน Quintrex เป็นผู้ผลิตเรืออลูมิเนียมขนาดใหญ่ของออสเตเรีย มีนักตกปลาของไทยจำนวนหนึ่งได้ลองใช้ และคำวิจารณ์โดยรวมออกมา
ค่อนข้างดี ถึงแม้ราคาจะสูงกว่าเรือไฟเบอร์ขนาดเดียวกันเท่าตัว แต่ก็ตัดความกังวลเรื่องมาตรฐานการผลิตออกไปได้

+1 ติดตามหาข้อมูลจากน้าเวปด้วยคนครับ

มาลุ้นว่าจะเป็น 350 หรือไม่

หากมองในมุมกลับกัน (แง่ของเศรษฐศาตร์และบัญชี)

งบสำหรับทำเรือ 1 ลำ 200,000 บาท ออกทริบแต่ละครั้งมีค่าน้ำมันและค่าจิปาถะน่าจะประมาณ 1,000 - 1,500 บาท
(น้ำมันเรือ รถ ค่ากิน) เป็นอย่างน้อย แล้วแต่ใกล้ ไกล

เช่าเรือตกปลาตามเขื่อนเฉลี่ยวันละ 1,000 บาท

คิดแล้วค่าเรือนำมาเช่าเรือตกปลาได้ 200 วัน คิดซะว่าอาทิตย์นึงได้ตกปลา 1 วัน ปีนึงตกปลาได้ 50 วัน เพราะฉนั้น จะตกปลาได้ประมาณ 4 ปี
ถ้ารวมค่าใช้จ่ายในการไปตกปลา (1,000 x 200 = 200,000) ลบด้วยค่าเดินทาง ค่ากิน ที่ต้องจ่ายอยู่แล้วครึ่งหนึ่ง ประมาณ 100,000 บาท

ดังนั้นระยะเวลาในการคืนทุนของเรือตกปลาต้นทุน 300,000 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 ปี เป็นอย่างต่ำ

เครื่องเรือน่าจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 5 - 10 ปี (5 ปีเป็นอย่างต่ำ ใช้หลักการคิดแบบรถยนต์) ถ้าใช้แบบถนอมและดูแลรักษา ไม่แน่ใจว่า Maintenance cost อยู่ที่ปีละเท่าไร แต่ผมคิดว่าน่าจะ 5,000 บาทโดยประมาณ หลังจากปีที่ 5 อาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ข้อดีหรือสิ่งที่ได้จากการมีเรือเป็นของตัวเอง
1. อยากไปตกตอนไหนเวลาใดก็ได้ กลับเมื่อไรก็ได้ (แต่มืดก็จะลำบากนิดหน่อย)
2. เลือกหมายหรือสถานที่ตกได้ตามใจเรา (ก็เราเป็นเจ้าของเรือแล้วนี่)
3. มันเป็นความสะใจอย่างนึง
4. ได้พาครอบครัว เพื่อนฝูงออกไปสังสรรค์ ได้อย่างสบาย
5. ไป Night Fishing ได้เวลาคืนเดือนหงาย (ว่าแต่มีคนทำมั่งอ๊ะยังครับ สำหรับน้ำจืดนะครับ) ผมว่าเป็นสิ่งที่น่าสนอย่างนึงเพราะกลางคืนไม่ค่อยมีลม เวลาปลาจิบจะมองเห็นได้ง่ายเพราะสะท้อนแสงจันทร์ แต่ปลามันจะกินเหยื่อตอนกลางคืนมั๊ยน้า

ข้อดี สำหรับเช่าเรือตกปลา
1. ต้นทุนต่อครั้งค่อนข้างต่ำ
2. ไม่ต้องดูแลรักษาอะไร (ก็ไม่ใช่เรือเรานี่นา) แต่ต้องเกรงใจไต๋นิดนึง
3. ไม่ต้องพายให้เมื่อย ตีเหยื่อได้ตลอดเวลา (อันนี้แก้ได้ด้วยมอเตอร์ไกด์ Foot Control)
4. ไต๋เรือจะรู้ว่าหมายไหนมีปลา ไม่ต้องสุ่ม แต่บางครั้งไต๋ก็หมดหมายเหมือนกัน
5. มีคนช่วยช้อนปลาให้เวลาได้ปลา มีคนช่วยงมเหยื่อเวลาเหยื่อติดตอ ช่วยมองปลาเวลาตีปลาจิบ (แต่ไต๋บางคนก็ชอบใช้พายกวนน้ำหรือทำเสียงดังบนเรือทำให้ไม่มีปลาจิบใกล้ๆ)

ข้อเสียของการเช่าเรือตกปลาก็คือข้อดีของการมีเรือเป็นของตัวเอง

บางครั้งความสะใจก็กลบเหตุผลต่างๆเรื่องเงินไปได้หมดครับ

เขียนมาให้อ่านกันหนุกๆ ขำๆครับ ผิดถูกยังไงชี้แนะได้นะครับ 

หลังจากพิจารณาข้อดีข้อด้อย ในที่สุดผมตัดสินใจเลือกเรืออลูมิเนียม Quintrex ซึ่งทำให้ผมเหลืออยู่ 3 ทางเลือก
1. Quintrex 350 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 130,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง
2. Quintrex 370 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 139,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง (เกินงบแต่ก็ขอเก็บไว้พิจารณาก่อน)
3. Quintrex 385 + เครื่อง 15แรง มูลค่ารวมไม่เกิน 149,000 บาท ยังไม่รวมค่าแต่ง (เกินงบแต่ก็ขอเก็บไว้พิจารณาก่อน)

มาเอาใจช่วยน้าเวปครับ  (เน้นความปลอดภัย และประโยชน์การไช้งานให้สมบูรณ์แบบที่สุด)

แจ่มครับน้าเว๊ปความรู้เต็มๆ