สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 28 เม.ย. 67
ตามล่าปลาทรายแดง(1) : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 2 - [2 ก.ค. 47, 09:17] ดู: 4,275 - [26 เม.ย. 67, 10:51] โหวต: 1
ตามล่าปลาทรายแดง(1)
ป.ประจิณ (232 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
2 ก.ค. 47, 00:56
1
ตามล่าปลาทรายแดง(1)
ภาพที่ 1
                                               

    ท้องฟ้าที่ฉ่ำชื้นด้วยละอองไอน้ำของเมฆฝนมาหลายเดือนเริ่มโปร่งเบา สายลมเย็นโชยมาอ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นไอชายทะเลยามเช้าหอมสดชื่นยิ่งนัก ห่างออกไปจากปลายสะพาน เรือประมงหลายลำทยอยกันเข้าเทียบท่า ด้านหลังเป็นแนวสันเขาของเกาะที่เห็นเลือนลางอยู่ในม่านหมอกสีขาวกลืนไปกับพื้นน้ำที่ราบเรียบ
    ลุงหมานยืนเหม่อมองนกนางนวลตัวแรกที่มาเยือนจากแดนไกลอย่างครุ่นคิด ภายหลังจากเดินหาปลาบางชนิดจนทั่วทุกแผงของตลาดสดช่วงเช้ามืด ก่อนจะเดินทะลุออกมาจนถึงสะพานปลา มีปลาหลายชนิดถูกขนทยอยขึ้นจากเรือ วางเป็นกองให้แม่ค้าเลือกซื้อตามใจชอบ
    ภายในกองปลาที่มากมายนั้น ล้วนเป็นเศษปลาเล็กปลาน้อยที่ไม่ได้ขนาด เป็นลูกปลาเสียส่วนมาก ลุงหมานมองไปทีละกองเผื่อจะพบกับปลาที่ต้องการจากซากปลาเหล่านั้น  แต่ก็ไม่เห็น ถามหาจากแม่ค้าและไต๋เรือ ทุก ๆ คนตอบเหมือน ๆ กันว่า ไม่เคยเห็นมานานแล้ว
    “ เมื่อก่อนก็มีขึ้นมาบ้างนาน ๆ ครั้ง แต่ราคายังกะทอง ลุงจะถามหามันทำไม ?” ไต๋เรือถามลุงหมานที่กำลังจ่ายเงินค่าปลาเก๋าขนาดกำลังกินหนึ่งตัว
    “ผมเป็นนักตกปลารุ่นเก่า เคยตกได้แยะ แถวชายเกาะนั้นแหละ เป็นปลาเนื้ออร่อยมาก ลูก ๆ ชอบกิน วันนี้จะไปหาพวก นัดกันไว้ว่าจะออกเรือไปหาตกปลาทรายแดงกัน เลยมาดู ไต๋พอจะรู้แหล่งของมันบ้างมั้ย”
    “มีพวกเรือด้วยกันวิทยุบอกว่าเคยพบแถวเกาะน่านน้ำชายแดนเขมร ลองไปหาดูนะลุง”
    “โอ้..นับเป็นข่าวดี ขอบใจมากไต๋”
    ลุงหมานหิ้วปลาเดินมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ปลายสะพาน พอสายหน่อยอากาศเริ่มร้อนขึ้น ภาพของเกาะมองเห็นชัดเจน ลุงหมานเดินกลับมาที่รถแล้วขับผ่านตัวเมืองเลียบชายฝั่งมุ่งหน้าไปหาพวกที่บางปะกงในช่วงบ่าย
    หมี หรือไต๋หมี เพื่อนรุ่นเดียวกันกับลุงหมาน กำลังซ่อมเครื่องเตรียมเรือรับฤดูตกปลาที่มาถึง เหตุที่เรียกลุงหมาน เพราะผมแกหงอกก่อนวัย แต่ตอนเมาแกก็บอกว่าให้เรียกพี่ จนเมียสาวแอบมองค้อนอยู่บ่อย ๆ
    “หมีผมได้ข่าวมาแล้ว มีคนพบปลาทรายแดงแถวเกาะกูดนี่เอง เรือเสร็จหรือยัง ?”ลุงหมานเอาปลาเก๋าส่งให้แม่บ้านของหมีไปต้มยำ แล้วก็มานั่งคุยด้วยใต้ต้นไทรที่ร่มครึ้ม ช่วยบังแสงแดดช่วงบ่ายได้อย่างดี
    “นับเป็นข่าวดีมากเลยทิดหมาน..ในรอบหลายปีมานี่เราก็ตกกันไม่ได้สักตัว เรือพร้อมลุยทะเลได้แล้ว เพิ่งจะลงจากคานมาหมาด ๆ จะไปกันเมื่อไร แถวไหนดีล่ะ ?”
   
                                                             
      “เดี๋ยวครูดีคงจะมาถึง ผมโทรนัดไว้แล้ว ครูดีรับงานสอนดำน้ำที่เกาะกูด เห็นว่าปลัดพต เจ้าของรีสอร์ทแถวนั้น อยากให้เราไปสำรวจแหล่งดำน้ำด้วย เราเอาเรือและอุปกรณ์ไป ทางนั้นช่วยออกค่าใช้จ่ายให้บางส่วน คราวนี้ความฝันของเราที่จะตามหาทรายแดงก็ใกล้ความจริงนะหมี”
    หมีก็เป็นคนชอบตกปลาคนหนึ่ง อาศัยว่ามีเรือเอง เป็นกัปตันเอง ท่องเที่ยวไปทั่วในน่านน้ำแถบนี้ ไม่ได้ทำอาชีพประมง แต่แกก็รู้แหล่งปลาต่าง ๆ ดี หลายปีมานี่ทะเลเปลี่ยนไปมาก ปลาหายากขึ้นทุกที โดยเฉพาะปลาทรายแดง ซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามพื้นทรายชายฝั่งที่น้ำใส และสะอาด 
      …เกิดอะไรขึ้นกับทะเล.. กับปลาทรายแดง..เป็นคำถามที่ค้างคาใจไต๋หมีมานาน
    คืนนั้นกลางวงเหล้า มีปลาเก๋าต้มยำเป็นกับแกล้ม แผนการต่าง ๆ ก็ถูกกำหนดขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อการเดินทางที่ยาวไกล อาจใช้เวลาแรมเดือน แรมปี หรือชั่วชีวิต..เพื่อตามหาปลาตัวหนึ่งที่คิดว่าใกล้จะสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเลไทย โดยมีเมียและลูกสาวของไต๋หมีนั่งฟังอยู่ด้วยความสนใจ
    “มิว หนูเคยเห็นปลาทรายแดงบ้างไหมลูก” ครูดีหันไปถามมิว ลูกสาววัยสิบสองขวบของไต๋หมี
    “หนูเคยเห็นแต่ในรูปที่ติดไว้ที่โรงเรียน แต่พ่อบอกว่าหนูเคยกินเมื่อตอนเล็ก ๆ หนูจำไม่ได้แล้วละค่ะ”แม่หนูมิวหันมามองหน้าลูกสาวแล้วก็หัวเราะ..เอามือลูบหัวก่อนจะพูดว่า
    “พ่อของหนูเคยได้มาสองตัว แม่เลยเอาไปนึ่งให้หนูทานกับข้าว คลุกน้ำปลาพอหอม หนูก็หม่ำจนหมด เหลือแต่หัวแม่ก็ลองกินดู ลูกตาปลาอร่อยมาก เราคงจะได้กินอีกถ้าพ่อหนูจับมันมาได้”
      ครูดีหันมายิ้มให้กับแม่ลูก แล้วก็อดคิดไปไม่ได้ว่า  นี่แค่รุ่นลูก..ทะเลไทยยังเปลี่ยนไปขนาดนี้ แล้วเด็ก ๆ รุ่นหลาน เหลนล่ะ ต่อไปจะเป็นอย่างไร..
      “หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก ขอให้ขยันเรียนหนังสือ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่จะจัดการตามหามัน แม้จะไกลสุดขอบฟ้า”ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของครูดี ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือแต่ก้างปลาไว้ให้ไ-อ้อ้วน หมาแสนรู้ของไต๋หมีช่วยจัดการ
    เช้าของวันที่จะออกเดินทางมาถึง ไต๋หมีนั่งดื่มกาแฟอยู่บนเฉลียงหน้าบ้าน ไ-อ้อ้วนที่หมอบอยู่ข้าง ๆ เห็นคนส่งหนังสือพิมพ์ ก็รีบวิ่งไปคาบมาให้เพื่อแลกขนม  ด้านบนฝูงนกนานาชนิดโผขึ้นโผลง ส่งเสียงเริงร่าจิกกินลูกไทรสุกเต็มต้น ใบไม้แก่สีเหลืองแดงร่วงหล่นอยู่บนพื้นกระเบื้องดินเผากระจายจรดริมน้ำ ถัดไปเป็นสะพานไม้เก่า ๆ ทอดขนานกับแนวต้นไม้ชายคลองที่ขึ้นแซมด้วย ต้นจาก กระบูน ลึกเข้าไปเป็นดง
    เรือไม้สีขาวลอยเด่นขณะที่น้ำขึ้นเต็มฝั่ง เสบียง ของใช้ต่าง ๆ ถูกขนขึ้นไว้บนเรือ ก่อนที่น้ำจะลงสักพักไชโยและเพื่อนก็มาถึง ไต๋หมีนำเอาผลไม้ พวงมาลัยไหว้แม่ย่านางพร้อมกับพวกที่มา เตรียมออกเดินทางไปด้วยกัน ขณะเรือเคลื่อนออกจากท่าไ-อ้อ้วนก็โดดน้ำว่ายตามเรือมา ด้วยเคยติดเรือออกไปตกปลากับไต๋เสมอ วันนี้ทำไมไม่ชวนไปด้วย น้องมิวต้องร้องเรียกอยู่นานกว่ามันจะยอมกลับ
    เรือพ้นลำคลองออกสู่แม่น้ำก็พบกับขยะความเจริญลอยมาเป็นแพ ผสมกับน้ำร้อนจากโรงไฟฟ้าวนเป็นฟองขาวขุ่นจนชาวบ้านร้องเรียนว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปลาตาย เรือมุ่งหน้าออกปากอ่าวผ่านหมู่บ้านชาวประมงที่ปลูกเรียงรายอยู่สองฟากฝั่ง ด้านหน้าของบ้านบางหลังเป็นกระชังเลี้ยงปลากระพง มีให้เห็นตั้งแต่ในแม่น้ำจนถึงปากอ่าว อาหารที่เอามาเลี้ยงปลาส่วนมากก็เป็นเศษปลาเล็กปลาน้อยที่ได้จากเรือดุนเรือลากที่มีอยู่ทั่วไป
    เรือพวกนี้จะออกหากินตอนกลางคืนและต้องคอยหลบหลีกการจับกุมของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ด้วยผิดกฎหมาย ยิ่งในช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาดูปลาโลมากันมากเรือดุนหลายลำก็หันมารับแขกท่องเที่ยวมีรายได้พอที่จะหยุดออกเรือดุนสักพักหนึ่ง  ไต๋หมีขับเรื่อผ่านเรือนักท่องเที่ยวหลายลำที่กำลังไล่ต้องฝูงปลาโลมาที่ดำผุดดำโผล่ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแขกบนเรือเมื่อเห็นกระโดงโผล่พ้นน้ำ บางคู่เป็นโลมาเผือก
    แปลกมากที่โลมาเข้ามาหากินบริเวณปากอ่าวนับร้อยตัวในบางวัน เมื่อก่อนมีโลมาเจ้าถิ่นอยู่ไม่กี่ตัวที่พบเห็นอยู่เสมอตอนออกไปตกปลา นี่แสดงว่าปากอ่าวสมบูรณ์ขึ้น หรือในทะเลลึกออกไปไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับโลมา ยังไม่มีใครหาคำตอบได้ ไต๋หมีนั่งคิดไปเรื่อย  เรือแล่นผ่านโป๊ะ หลักหอย ซากซั้ง ไม้ไผ่ทั้งใหม่และเก่าสลับกันไปจนถึงหน้าเขาสามมุข น้ำเริ่มออกสีเขียวขุ่นที่ระดับลึกสิบเมตรพื้นเป็นดินเลนปนทราย บริเวณนี้เรียกว่าวังปลากระเบน มีแต่ปลาขนาดใหญ่ เมื่อก่อนตกกันจนต้องถอนสมอเรือหนีหลังหมดแรง แล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร นอกจากปล่อยลงน้ำ บางตัวยังมาออกลูกบนเรือเห็นแล้วน่าหดหู่ยิ่งนัก หันหัวเรือลงใต้อีกสี่สิบไมล์ก็จะถึงเกาะคราม
  ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลง ออกสีแดงสดตัดกับยอดเขาบนเกาะสีชัง ท้องฟ้าสีครามม่วง สลับส้มดูสวยงามยิ่ง เรือขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่จอดอยู่ทั่วไป มีเพียงร่องเดินเรือด้านฝั่งศรีราชาเท่านั้นที่ดูจะปลอดภัยจากทุ่นและลวดสลิงที่ขึงกันระโยงระยาง  บางทุ่นก็ไม่มีไฟเตือนอันตราย เลยเข้าไปทางด้านซ้ายมือมีสะพานเหล็กหลายสะพานยื่นออกมายาว สำหรับเรือบรรทุกน้ำมันเข้าเทียบ ด้านหลังท่าเรือมองเห็นปล่องไฟที่ลุกโชติช่วงในที่ราบเชิงเขา ถัดไปแสงไฟสว่างไสวนับล้านดวงของท่าเรือแหลมฉบังยามค่ำคืนดูตื่นตาตื่นใจยังกับมีงานรื่นเริงใหญ่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
    … กิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้แสงสว่าง คงทำเงินเข้าประเทศได้มากกว่าเรือไดน์หมึกที่วิ่งผ่านมาหลายเท่าทวีคูณ ถ้านับจากจำนวนดวงไฟ…ไต๋หมีคิดแล้วก็อดที่จะภาคภูมิใจแทนคนไทยทั้งประเทศไม่ได้
    ‘แต่เหตุไฉนชาวประมงชายฝั่งก็ยังยากไร้ยิ่งกว่าเดิม’
    เมื่อเรือถึงหน้าพัทยา กลิ่นคาว เหม็น ของน้ำเสียก็ลอยตามกระแสลมเข้ามากระทบต่อมประสาทรับความรู้สึกที่จะทำให้คิดนึกไปต่าง ๆ ของชีวิตคนกลางคืนบนถนนโลกีย์ของเมืองนั้น ก่อนมุ่งหน้าฝ่าความมืดสู่บางเสร่ แสงไฟจากเรือไดน์กระจายอยู่ห่าง ๆ ลำทั่วไป ไชโยหุงข้าวอยู่ด้านท้ายเรือก็เดินมาหาที่หน้าเก๋ง
    “ไต๋เราเดินทางมาหกชั่วโมงแล้วนะ ผมว่าจอดกินข้าวก่อนดีกว่า ผมทอดไข่เสร็จแล้ว ลุงหมานแกเล่นเบียร์หมดไปสาม สี่กระป๋อง แถมบ่นว่าหิวอีก ไล่ผมมาบอกไต๋”
    “ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวก็ถึงเกาะเกล็ดแก้ว เราจอดข้าง ๆ เกาะนั้นแหละ..จะได้ตกหมึกไปด้วย พรุ่งนี้ก็จะเริ่มต้นค้นหาปลาทรายแดงกันเลยจะได้มีเหยื่อไว้ตก อ้อ.ถึงแล้วไปทิ้งสมอก่อน”
    ไต๋หมีเบาเครื่องเรือลง  ตูม! เสียงสมอกระทบน้ำ สักพักเสียงเครื่องปั่นไฟเล็กก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กับแสงสว่างส่องลงไปกระทบผิวน้ำใสที่ราบเรียบ  ลึกลงไปข้างใต้เป็นพื้นทรายชายหินกอง
    หลังอาหารมื้อค่ำ กิจกรรมตกหมึกก็เริ่มขึ้น โดยลุงหมานพรานเบ็ดรุ่นเก๋าเล่าถึงวิธีการตกปลานานาชนิดที่แกเคยผ่านมาทุกน่านน้ำ แม้แต่บริเวณนี้ ปลาสากแกเคยได้มาเป็นเข่ง ให้ไชโยซึ่งเพิ่งเริ่มหัดตกปลาฟังด้วยความสนใจ  พูดไปพลางก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มพลางจนเมาได้ที่จึงหนีขึ้นไปนอน
            เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืนหมึกสามสิบกว่าตัวว่ายเล่นแสงไฟในห้องขังเหยื่อ ตัวหนึ่งถูกไชโยเอาเป็ดเกี่ยวตูดโยนไปท้ายเรือ น้ำลงไหลเอื่อย ๆ ไปทางหินรู ไต๋หมีขอตัวไปนอนก่อน เสียงกรนจากลุงหมานแว่วมาเป็นระยะ ไชโยนั่งเฝ้าคันเบ็ด ตกหมึก อยู่กับเหวียนเพื่อนที่ขอมาด้วย ทั้งสองคนหลับ ๆ ตื่น ๆ ท่ามกลางน้ำค้างท้ายเรือจนสว่าง ได้ปลาสากมาหนึ่งตัวสำหรับข้าวต้มมื้อเช้า
    “ได้แค่ตัวเดียวเองหรือไ-อ้น้อง.. เฝ้าทั้งคืน มันฉวยเบ็ดตอนไหนวะ”ลุงหมานตื่นขึ้นมาเห็นปลาเข้าก็ถาม
    “ก่อนรุ่งสางนี่เองครับ..ตอนพี่หยุดกรน.. นึกว่าจะกินแห้วเสียแล้ว”
    “ไ-อ้สากมันจอมเจ้าเล่ห์ ฮ่า ฮ่า คืนนี้ต้องเจอะกับพี่..เดี๋ยวจะบอกวิธีให้”
    “นอนท่าไหนมันถึงฉวยดีครับอาจารย์ ?” ไชโยแกล้งถาม..ใจก็มุ่งมั่นที่จะได้เรียนรู้
      ลุงหมานนิ่ง.. หันไปหยิบครก โขลกพริกผ่ามะนาว ซาวข้าวตั้งไฟ ก่อนที่ไต๋จะตื่น  :

                                              ( ติดตามตอนต่อไป)

                     
   
                                                                                             
 

   
   

   





     
   






                                                                                                               

                                                 
               







   
   
   
   
                                                                                                                         


กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024