สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 26 เม.ย. 67
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10 ตอนที่ 2 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > อื่นๆ
ความเห็น: 11 - [25 มี.ค. 58, 09:37] ดู: 3,900 - [25 เม.ย. 67, 09:32] โหวต: 7
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10 ตอนที่ 2
หนุ่มธุดงค์ไพร (707 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
9 มี.ค. 55, 09:21
1
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10  ตอนที่ 2
ภาพที่ 1
บทที่ 10

ตอนที่ 2

          ราตรีกาลเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางบรรยากาศที่เยือกเย็น คละเคล้าไปกับสายหมอกจางๆ ภายใต้ความมืดมิด ที่กลืนกินทุกสรรพสิ่งรอบด้าน ความโกลาหลวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บัดนี้กลับเงียบสงบ ราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นเลย หริ่งหรีด รองไน ที่พากันเงียบสงัด ครั้นเมื่อความคับขันได้คลี่คลายลงไป ต่างก็พากันส่งเสียงเซ็งแซ่ระงมป่าอย่างเช่นเคย ทำให้บรรยากาศที่ดูวังเวง กลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากเสียงแมลงไพรที่พากันกรีดปีกแล้ว  นานๆครั้งก็มีเสียงสัตว์ป่ากู่ขึ้นมาให้ได้ยินสักครั้งหนึ่ง ทำให้ป่าดูเป็นป่ามากขึ้นทุกขณะ

          แต่สภาพแวดล้อมส่วนที่อยู่ลึกลงไปใต้พิภพ กลับมีสภาพที่แตกต่างไปจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศภายนอกมีความมืดมิดเช่นไร ภายในถ้ำนั้นมืดมิดกว่าเป็นทวีคูณ ยิ่งสรรพสำเนียงของสิ่งที่บงบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยแล้ว ไม่สามารถหาที่มาหรือเบาะแสใดๆได้เลย และดูเหมือนว่า ภายในเหวนรกนั้นจะไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่เลย นอกจากร่างที่นอนหมดสติอยู่ภายใต้ก้นเหวนรกดำ

          ดวงตาที่ขยับกรอกไปมา ภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท เป็นเวลานาทเท่าไหร่ไม่ทราบได้ ที่ชายหนุ่มนอนหมดสติอยู่ภายใต้ความมืดมิดของก้นเหวนั้น ร่างกายที่แน่นิ่งมานาน เริ่มมีอาการขยับทีละน้อยๆ เริ่มจากปลายนิ้วมือ ของมือทั้งสองข้าง สัมผัสแรกที่สติของชายหนุ่มเริ่มกลับคืนมา คืออาการปวดระบบไปทั้งร่างกาย จนเผลอร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความยากลำบาก ก็พบกับความมืดมิดรอบด้าน ไม่ว่าจะพยายามพลิกหันไปมองทิศต่างๆ รอบกาย ก็ไม่สามารถรับรู้ถึงการมองเห็นใดๆได้เลย จนนึกใจเสียคิดว่าตัวเองอาจจะตาบอด แต่ก็พยายามตั้งสติ นั่งทำสมาธิสงบจิตใจ เพื่อไตร่ตรอง ถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเขา ภาพของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจึงค่อยๆ ชัดขึ้นในมโนจิต

          ใช่แล้วตัวเขาเองไม่ใช่หรือ ที่หนีหัวซุกหัวซุน เอาตัวรอดจากไอ้คชสาร ก่อนที่จะพลัดเขามาภายในปากโพรงถ้ำนี้ และในขณะที่ตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด โดยไร้ทิศทางหรือผู้ชี้นำ อยู่ๆ แผ่นดินที่ตัวเองเคยเหยียบกลับอันตรธานหายไปเสียดื้อๆ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ตัวเองกลิ้งตกลงมาจากที่สูง แต่ก็ไม่สามารถนึกอะไรได้ต่อ เพราะหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว โชคของเขายังดี ที่หลังไม่หักเสียก่อนในขณะที่กลิ้งตกลงมา เพราะเป้ที่สะพายหลังที่ติดคาอยู่ เปรียบเสมือนเกราะกันกระแทกอย่างดี

          ชายหนุ่มค่อยๆปลดเป้หลังออกด้วยความยากลำบาก ในขณะที่ตัวเองนั่งพิงอยู่เช่นนั้น เพราะอาการปวดตามร่างกาย จนรู้สึกร้าวไปหมดทั้งตัว ชายหนุ่มพยายามอยู่ไม่กี่อึดใจ ก็สามารถปลดเป้หลังของตัวเองออกมาวางไว้ ที่หน้าตักจนได้ ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะสำรวจสิ่งของจำเป็นภายในเป้นั้น แต่เมื่อมองอะไรไม่เห็น ดวงตาในตอนนี้จึงไร้ประโยชน์ ในเมื่อไม่สามารถใช้ดวงตาได้ มือทั้งสองข้างจึงต้องรับหน้าที่แทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มือข้างซ้ายกอดเป้สนาม มือขวาล้วงคลำเข้าไปในเป้นั้น ชายหนุ่มถึงกับยิ้มออกในความมืด เพราะมือข้างที่ล้วงเข้าไปในเป้ สัมผัสเข้ากับวัตถุทรงกระบอกเข้าอย่างจัง สิ่งที่ว่านั้นก็คือ ไฟฉายขนาดหกท่อนของเขานั้นเอง

“กริ๊ก!”

          ทันทีที่สวิทช์ของไฟฉายถูกเปิด ลำไฟฉายจากปลายกระบอก ก็สาดออกมาจนสว่างจ้า สิ่งแรกที่ลำแสงนั้นสาดกระทบก็คือ ผนังหินขนาดใหญ่มหึมา ซึ่งตอนนี้กระทบกับแสงแวววาวของผลึกหินที่เกาะแน่นไปหมด ตลอดทั้งผนังหินนั้น และเมื่อฉายไฟไล่ลำแสงไปตามผนังหินนั้น ก็ปรากฏเห็นแผ่นหินที่งอกขึ้นมาเกยซ้อนกันเป็นเหลี่ยมมุม ดูซอกซอนอยู่เต็มไปหมด บางช่องก็กว้างพอที่จะให้คนมุดลอดเข้าไปได้ บางช่องก็ใหญ่โตขนาดที่ช้างทั้งตัวก็สามารถเดินผ่านไปได้เช่นกัน เมื่อเสยปลายกระบอกไฟฉายสูงขึ้นไป ก็พบกับบริเวณที่อาจเป็นเพดานของถ้ำแห่งนี้ ลักษณะเป็นชะง่อนยื่นเกยกันออกมา เหมือนโดมหรือไม่ก็สนามฟุตบอลขนาดใหญ่มีมีหลังคาครอบยื่นออกมา ส่วนบริเวณกึ่งกลาง ของโดมนั้นเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ เมื่อลองฉายไฟขึ้นไปสำรวจก็มองอะไรไม่ถนัดนัก แต่ก็พอมองเห็นแค่เพียงระยะความสูงไม่เกินจากยี่สิบเมตร เพราะเหนือขึ้นไปจากระยะรัศมีของแสงไฟ ก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก นอกจากความมืดมิด ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่สามารถคาดคะเนความสูงของถ้ำแห่งนี้ได้ เมื่อนึกถึงระดับความสูง ก็ทำให้ต้องใจหายวาบ ระดับความสูงขนาดนี้ เปอร์เซ็นต์ที่จะรอดมีน้อยมาก จนเกือบจะเรียวว่า ศูนย์ แต่ในเมื่อมีโอกาสได้อยู่ต่อ ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด

          ชายหนุ่มลดระดับของไฟฉายกลับมาสำรวจร่างกายของตนเองอีกครั้ง เพื่อตรวจดูว่ามีส่วนไหนของร่างกายบุบสลายไปหรือไม่ ส่องไฟดูตามเนื้อตัวจอยู่อึดใจ ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เพราะนอกจากรอยถลอกปอกเปิดตามเนื้อตัวแล้ว บางตำแหน่งก็เป็นแค่รอยถลอกที่เกิดจากการครูดไถล โชคยังดีที่ตอนนั้นสวมแจ๊กเก็ตอยู่กับตัว จึงช่วยได้มาก แต่ก็นึกเสียดาย เพราะบางตำแหน่งของเสื้อตัวโปรด ถูกหินเกี่ยว จนขาดเป็นรูโบ๋ นอกนั้นก็เป็นอาการฟกช้ำดำเขียวไม่มีส่วนใดของร่างกาย แตกหักจนดูน่ากลัว แต่ขณะที่ชายหนุ่มยกแขนเสื้อเพื่อที่จะปาดเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ก็ต้องซี๊ดปากด้วยความเจ็บ เพราะแขนข้างขวาไปกระทบเข้ากับหัวคิ้ว เมื่อใช้มือลูบคลำดูจึงรู้ว่า บริเวณหัวคิ้วข้างขวานั้น มีบาดแผลปริแตก ซึ่งตอนนี้เลือดที่เคยไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณนั้น ได้แห้งกรังไปนานแล้ว
เมื่อสำรวจเนื้อตัวจนแน่ใจว่า ทุกส่วนของร่างกาย ยังสามารถใช้การได้อย่างปกติ เพื่อความแน่ใจ ชายหนุ่มค่อยๆยันกายขึ้นมาช้าๆ ขยับไปพลาง ก็ต้องร้องครางไปพลาง เพราะความปวดระบมของร่างกายยังมีอยู่ กว่าจะกัดฟันพยุงตัวเองให้ยืนอยู่ได้ ก็เซถะหลาเกือบจะล้มหน้าคว่ำไปหลายครั้ง  จากนั้นก็ทดลองก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ ขยับส่วนนี่นิด ส่วนนั้นหน่อย ยกขายกแขน เพื่อทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย ทดลองอยู่อึดใจก็พอจะมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากแผลที่หัวคิ้ว ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นแผลฉกรรจ์ที่สุด นอกนั้นก็เกือบจะเรียกได้ว่าปกติ

          จากตำแหน่งเดิม ชายหนุ่มเดินส่องไฟฉายสำรวจถ้ำนั้นในรัศมีไม่ไกลนัก เพื่อจะหาทางหนีทีไล่ และช่องทางที่จะปีกกลับขึ้นไปจากเหวนรกแห่งนี้ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจหันหลังกลับมาที่ตำแหน่งเดิม เพราะความสลับซับซ้อน ของเหลี่ยมหิน อาจจะทำให้หลงเอาได้ง่าย จึงกลับมาที่เป้หลังของตัวเอง ที่ถูกวางกองลงกับพื้น เพื่อสำรวจของใช้จำเป็นต่างๆ ที่พอจะนำมาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกที่คิดคือ น้ำ จึงรีบใช้มือจับไปที่เอว ก็ต้องเบาใจเพราะ กระติกน้ำยังอยู่ จึงค่อยๆดึงกระติกน้ำนั้นออกมาดื่มอย่างกระหาย แต่ก็ต้องช่างใจ เพราะน้ำที่มีอยู่เหลือไม่เกินครึ่งกระติก จึงต้องเหลือเก็บไว้ดื่มในมื้ออื่น เพราะยังไม่รู้ว่า ภายใต้พิภพแห่งนี้ เขาจะสามารถหาแหล่งน้ำได้หรือไม่

          หมดปัญหาเรื่องน้ำไปอีกระดับหนึ่ง ชายหนุ่มจึงฉายไฟสำรวจภายในเป้หลัง รื้อค้นอะไรอยู่ กรุกกรัก ก็งัดเอาอะไรต่อมิอะไร ออกมาวางเรียงรายบนพื้นได้หลายรายการ เริ่มจากอาหาร จำพวกเครื่องกระป๋อง ซึ่งมีติดมาด้วยอยู่สามกระป๋อง นอกนั้นอยู่ในย่ามของพรานโส่ย หนึ่งในสามเป็น ผักกาดดองเสียหนึ่ง อีกสองเป็นปลาซาร์ดีนในน้ำซอส ต่อมาก็คือเนื้อเค็มที่ติดมาด้วยตั้งแต่ออกเดินทางมาถึงตอนนี้ มันยังอยู่ในถุงพลาสติกอย่างดีถึงสองพวง นอกนั้นก็เป็นเสื้อผ้าอีกสองสามชุด และเปลสนามที่ถูกขยุ้มม้วนแบบไม่เป็นระเบียบอย่างที่ควรจะเป็น แต่ที่ทำให้ดีใจที่สุดก็คือ ไม้ขีดไฟ ที่ถูกห่อไว้ในถุงพลาสติกกันน้ำอีกหนึ่งกลัก

          สำรวจสิ่งของในเป้หมดแล้ว ก็หันมาไล่เปิดช่องกระเป๋าด้านข้างของเป้สนาม ก็พบกับห่อพลาสติก ซึ่งภายในนั้น มียาสามัญชนิดต่างๆ อยู่หลายรายการ ตั้งแต่ ยากินจำพวก ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ไข้ทั่วไป รวมไปถึงยาทาภายนอก เช่นยาหม่อง ยาใส่แผลพวก ยาแดงและ เบตาดีน ส่วนในขวดแก้วขนาดเล็กนั้น ที่มีน้ำใสๆคือ ยาฆ่าเชื้อ อย่างไฮโดรเจน ส่วนอีกขวดที่มีน้ำสีฟ้าอ่อนๆคือ แอลกอฮอล์ ซึ่งมีอยู่ในขวดแก้วใสขนาดเล็กแบบพกพาอย่างละขวด นอกจากยากินและยาทาแล้ว ยังมีผ้าพันแผลและสำลี ที่อยู่ในซองพลาสติกฆ่าเชื้ออย่างดี รวมไปจนถึง พลาสเตอร์ยาอีกหลายชิ้น ที่ถูกแพ็ครวมอยู่ด้วยกันในถุงยานั้น ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะใช้ยาที่มีอยู่ รักษาทำแผลตามร่างกาย เท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ เริ่มแรกคือกลืนยาแก้ปวด ที่โยนเข้าปากไปทีเดียวถึง 2 เม็ด โดยไม่ต้องพึ่งน้ำ อันดับต่อมาจัดการบาดแผลที่หัวคิ้วที่แตก โดยใช้สำลีชุบ ไฮโดรเจน แล้วเช็ดทำความสะอาดบริเวณบาดแผล ที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดและฝุ่นดิน ทันทีที่ไฮโดรเจนทำปฏิกิริยา ก็เกิดเป็นฟองฟู่ขึ้นมาทันที่ ทำให้เศษสิ่งสกปรกต่างๆหลุดรอกติดมากับฟองฟู่ของไฮโดรเจน ชายหนุ่มทำซ้ำอยู่สองครั้ง จนแน่ใจว่า ทั่วทั้งบริเวณของบาดแผลสะอาดดีแล้ว จากนั้นก็งัดสำลีขึ้นมาอีกก้อน ชุบก้อนสำลีเข้ากับแอลกอฮอล์จนชุ่ม แล้วทาเช็ดบริเวณบาดแผลอีกครั้ง ไฮโดรเจนไม่ทำให้แสบเหมือนแอลกอฮอล์ เช็ดไปพลางก็ต้องซูดปากไปพลางเพราะความแสบจนน้ำตาแทบไหล จากนั้นก็แกะห่อผ้ากอซ แล้วเลือกหยิบออกมาได้สองสามชิ้น ผ้ากอซที่ใช้สำหรับปิดบาดแผลรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากกว้างไม่เกินสองนิ้ว เพราะซื้อชนิดที่เป็นชิ้นแบบสำเร็จ จึงไม่ต้องเสียเวลามานั่งตัด เลือกพับครึ่งเสียหนึ่งอันแล้วเหยาะ เบตาดีน ลงไปเกือบเต็มแผ่น จากนั้นก็เอาผ้ากอซที่ชุ่มยา นำมาวางทับบนผ้ากอซที่เหลืออีกสองชิ้น จากนั้นก็ โปะไปที่บริเวณหัวคิ้วที่แตก มือซ้ายคอยกด ผ้ากอซติดกับแผล มือขวารื้อค้น ม้วนพลาสเตอร์ชนิดกาวสำหรับใช้ติด เพราะมือว่างอยู่ข้างเดียว จึงต้องใช้ฟันค่อยๆกัดเล็มส่วนปลายขอบ พลาสเตอร์ที่ติดแนบชิดม้วนนั้น พยายามอยู่อึดใจก็ได้แถบ พลาสเตอร์กาวสองชิ้น จากนั้นก็บรรจงติดพลาสเตอร์กาวกับผ้ากอซบริเวณบาดแผลจนเรียบร้อย 

          จัดการกับบาดแผลเสร็จแล้ว ก็มารื้อค้นกระเป๋าข้างเป้ ที่อยู่ระหว่างกลาง เมื่อเปิดออกดูก็พบกับถ่านไฟฉายสำรองอีกสองชุด ชุดละหกก้อน แต่ละชุดถูกแพ็คกับพลาสติกอย่างดี และเทียนไขอีกเกือบสิบเล่มในห่อกระดาษ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพเดิมอย่างที่ควรจะเป็น เพราะแต่ละเล่นหักเป็นท่อนๆ ซึ่งน่าจะเกิดจากการกระแทกอย่างแรง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้งานไม่ได้

          นอกจากถ่านไฟฉายและเทียนไข สำหรับเป็นแหล่งพลังงานสำรองที่จะให้แสงสว่างแล้ว ในกระเป๋าด้านริมสุดอีกช่อง ยังมีห่อกระดาษที่ถูกห่อเอาไว้อย่างมิดชิด ซึ่งภายในนั้น บรรจุกล่องลูกปืนขนาด.22 อยู่ห้ากล่อง พอเห็นกล่องลูกปืนของตัวเองเท่านั้น ชายหนุ่มถึงได้มานึกออกว่า ปืนยาวขนาด.22 ของตังเองได้อันตรธานไปเสียแล้ว แต่เมื่อใช้ความคิดไตร่ตรองดู จึงพอจะนึกออกว่า ปืนคู่กายของเขาได้หลุดหายไปตอนที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุน เมื่อไม่มีเครื่องมือคุ้มกันภัย ก็ต้องหนักใจ เพราะไร้เครื่องมือป้องกันตัว มาในป่าทึบดงเถื่อนเช่นนี้ ถ้าไม่มีปืนหรืออาวุธ ชีวิตก็หายไปแล้วเกือบครึ่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วง ครั้นเมื่อนึกถึงปืนคู่กายที่หายไป ก็ทำให้คิดถึงมีดของตัวเองขึ้นมาทันที คิดได้เช่นนั้นก็รีบตะคลุบไปที่เอวด้านซ้าย แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า เพราะมีดที่เคยเหน็บอยู่บริเวณนั้น ได้หลุดหายไปเสียแล้ว กำลังนึกถอดใจ ว่าคงลำบากแน่ถ้าไม่มีเครื่องมือหรืออาวุธไว้ใช้ให้อุ่นใจ ขณะที่ส่องสำรวจไปรอบๆกาย พลันสายตาก็เหลือบเข้าไปเห็นวัตถุอะไรบางอย่างห้อยติดค้างอยู่บนชะง่อนหินเหนือศีรษะ ชายหนุ่มถึงกับตารุกวาว เพราะสิ่งที่เห็นคือสายคาดเอวที่ใช้ร้อยติดกับมีดของเขานั้นเอง และถ้าชายหนุ่มเดาไม่ผิด บริเวณนั้นคงเป็นจุดสุดท้ายที่เขาร่วงตกลงมา

          ระยะความสูงร่วมสองวาเหนือศีรษะ ที่สายคล้องมีดห้อยระอยู่กับชะง่อนหินนั้น ชายหนุ่มพยายามเอื้อมมือเพื่อไขว่คว้าจนสุดช่วงแขนก็ไม่เป็นผล หนักเข้าก็ใช้วิธีกระโดดจนสุดตัวแต่ผลที่ได้ก็ไม่แตกต่างไปจากวิธีแรก กระโดดจนตับแทบทรุดก็ได้แต่เพียงอากาศเท่านั้น ครั้นจะปีนไปตามผนังหิน ก็หมดปัญญาอันเนื่องมาจากไม่มีแง่หินหรือส่วนที่พอจะใช้เหยียบได้เลย หนำซ้ำตำแหน่งที่เห็นเป้าหมายอยู่นั้น อยู่บนชะง่อนหินที่ยื่นออกมา ทำให้ไม่สามารถปีนไต่ไปตามผนังหินได้เลย เพราะลักษณะที่งุ้มยื่นออกมาเช่นนั้น ดูสภาพตัวเองตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากลูกกบลูกเขียดตัวเล็กๆ ที่พลัดตกลงไปในไหดักปลา ที่ชาวนาทำดักไว้ตามคันนา

          พยายามไปหลายครั้ง ก็ต้องมานั่งหอบจนซี่โครงบาน กระโดดมากๆก็พานให้ปวดแผลเข้าไปอีก เมื่อทำอะไรต่อไม่ได้ ก็มานั่งหมดอาลัยตายอยากเงียบๆ อยู่กับกระบอกไฟฉาย ที่ตัวเองเอาเสียบขัดไว้กับซอกหิน ครั้นจะเปิดไฟฉายทิ้งไว้แบบนี้ จะได้มีแสงไฟเป็นเพื่อน ก็กลัวถ่านในแบตเตอร์รี่จะหมดเสียก่อน เพราะตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะติดในเหวนรกแห่งนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่พอปิดไฟได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องรีบเปิดเหมือนเดิม เพราะบรรยากาศไม่ค่อยจะสู้ดีนัก อยู่คนเดียวในที่มืดๆเช่นนี้ พานให้คิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนานา หนักเข้าจึงต้องคว้าเทียนไขขึ้นมาจุดแทน

          แสงเทียนสว่าง ส่องแสงนวลตาอยู่ริบหรี่ เปลวเทียนส่องสว่างจ้าจนมองเห็นเปลวไฟตั้งตรงไม่ไหวติง เพราะภายในนั้น ไม่มีแรงลมพอที่จะพัดให้เปลวไฟให้เคลื่อนไหวได้  นานๆครั้งถึงจะมีอาการขยับไหวของเปลวไฟสักครั้งหนึ่ง เพราะชายหนุ่มผลุดรุกผลุดนั่ง อยู่ใกล้ๆเทียนเล่มนั้น ในเมื่อไม่มีสายลมเย็นที่เคยพัดผ่านเฉกเช่นเบื้องบน ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร้อนราวกับนั่งอยู่ในตู้อบไอน้ำ หนักเข้าก็ต้องถอดเสื้อแจ็กเก็ตออก ในจังหวะนั้นเอง เหมือนชายหนุ่มจะคิดอะไรได้ออก ในเมื่อจะเอื้อมก็เอื้อมไม่ถึง ครั้นจะกระโดดก็ทำไม่ได้ ถ้ามีไม้ยาวๆสักสองสามวา ก็หมดปัญหาไปนานแล้ว แต่ในนี้จะหาไม้ยาวๆอย่างที่ว่าก็ทำได้แค่คิด ลำพังเศษไม้สั้นๆสักคืบยังหาไม่ได้เลย แต่สิ่งที่ยาวพอที่จะทำให้มีดตกลงมาได้ก็มีอยู่กับตัวไม่ใช้หรือ เพียงแต่เขามองข้ามมันไป สิ่งของที่ว่าก็คือ เสื้อแจ็กเก็ตของเขานั้นเอง

          ชายหนุ่มรีบกางเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองออกในทันที พร้อมกับสำรวจสิ่งของต่างๆที่อยู่ภายในเสื้อแจ็กเก็ตนั้น ล้วงกระเป๋าข้างขวาเจอผ้าเช็ดหน้า ล้วงกระเป๋าด้านซ้ายเจอห่อพลาสติก ที่ภายในมีดอกไม้แห้งๆอยู่สามสี่ดอก ชายหนุ่มนำสิ่งของทั้งสองอย่างออกมาวางเรียงไว้บนเป้สนาม จากนั้นก็ใช้มือข้างซ้ายจับปลายแขนเสื้อแจ็กเก็ต ส่วนมือข้างขวาหมุนควงเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองให้เป็นเกลียว หมุนควงอยู่อึดใจก็ได้เกลียวเสื้อยาววาเศษ เมื่อลองคำนวณดูแล้ว ถ้าเขากระโดดจะได้ความสูง จากระดับพื้นถึงฝ่าเท้าอย่างน้อยๆก็เกือบวา ถ้าบวกความยาวของช่วงแขนที่ชูออกไป ก็ได้ความสูงเพิ่มขึ้นไปอีกไม่น้อย และถ้าเหวี่ยงเกลียวเสื้อขึ้นไปบนตำแหน่งมีดที่ค้างบนแง่หินนั้น ก็น่าจะสูสี

            เมื่อได้ความคิดดังนั้น ชายหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะทดลองทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้ในทันที ครั้งแรกปลายเสื้อที่ฟาดขึ้นไปผิดเป้าห่างออกไปเกือบศอก นอกจากจะไม่ถูกสิ่งที่หมายตาไว้แล้ว ปลายเสื้อที่ตัวเองฟาดโครมขึ้นไป ยังกวาดเอาเศษดินเศษหินร่วงกราวลงมาฟุ้งไปหมด ครั้งที่สองหลังจากคำนวณระยะห่างจนแน่ใจ จึงปฏิบัติอย่างครั้งแรก แต่ครั้งนี้กะระยะพลาดไปนิดเดียว และเช่นเคย หลังจากกระชากเกลียวเสื้อกลับ ก็ต้องกระโจนหลบหินที่ทำท่าจะร่วงใส่กบาลตัวเองพัลวันครั้งที่สาม ยืนสูดหายใจลึกเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนที่จะกระโจนเหวี่ยงเกลียวเสื้อไปสุดแรง ทันทีที่ปลายเสื้อถูกฟาดโครมขึ้นไป ก่อนที่จะถูกกระชากกลับ เพราะแรงดึงของคนที่อยู่เบื้องล่าง มีดเดินป่าเล่มยาวร่วมศอกก็ตกพรวดลงมา ไม่ต้องกลัวว่ามันจะตกลงมาเสียบ หรือฝากคมมีดไว้ให้คนที่อยู่เบื้องล่างให้ต้องนึกหวาดเสียว เพราะคมมีดยังอยู่ในฝักเรียบร้อย ยังไม่ทันที่มันจะตกลงถึงพื้นด้วยซ้ำ ก็ถูกชายหนุ่มคว้าไว้แล้วกลางอากาศ โอกาสรอดตอนนี้มีมากกว่าครึ่ง กำลังใจที่เคยถดถอยกลับมามีพลังอีกครั้ง เรียวแรงที่อ่อนล้าจนรู้สึกท้อถอย มาตอนนี้กลับมีแรงที่จะฟันฝ่าไปได้ต่อ เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้รู้สึกฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง

          เมื่อต้องการที่จะรอด ก็ต้องหาทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้ และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งรอความช่วยเหลือจากบุคคลด้านบน  ในเมื่อร่างกายของตัวเองก็ไม่ได้มีอาการอะไรหนักหนา จะนอนรอความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้การ ชายหนุ่มรีบเก็บสำภาระต่างๆ ในใจก็คิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ไม่นานสิ่งของที่เคยวางเกลื่อนก็ถูกจัดเข้าเป้สนามตามเดิม

          แสงไฟจากกระบอกไฟฉายถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง แทนแสงเทียนที่เคยส่องแสงนวลตา ก็พลันถูกเป่าให้ดับลง ก่อนมันจะถูกดึงขึ้นมาเก็บไว้ในเป้หลัง ชายหนุ่มส่องสำรวจพื้นที่อีกครั้ง เพื่อตรวจความเรียบร้อยว่าลืมสิ่งของอะไรที่อาจทำตกหล่นไว้หรือไม่ นอกจากสำลีที่ใช้ทำความสะอาดแผล ก่อนที่จะก้าวเดิน ก็ยกแขนข้างซ้ายขึ้นดูเวลา แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะนาฬิกาที่เคยอยู่บริเวณข้อมือได้หายไปเสียแล้ว มีเพียงรอยคาดขาวๆของผิวหนังให้ดูต่างหน้าเท่านั้น ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเองก็เพิ่งจะมาสังเกตว่านาฬิกาข้อมือของเขาได้หายไป แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก เงินทองเป็นของนอกกาย ทรัพย์สินอย่างนาฬิกาก็เช่นกัน ไม่ตายก็หาเอาใหม่ได้ จะมานั่งเสียดายก็เท่านั้น เวลานี้ การคิดหาวิธีเอาตัวรอด จากเหวนรกแห่งนี้มากกว่า ที่จะต้องคิดหนัก...






*****การเดินทางในความมืดภายใต้หุบเหวลึกของสิงห์จะเป็นเช่นไร? และเหตุการณ์ต่อจากนี้จะดำเนินต่อไปในรูปแบบไหน โปรดหาความบันเทิงได้ต่อ ในตอนต่อไป!!*****


ผิดพลาด หรือตกหล่นประการใด ผมหนุ่มธุดงค์ไพร ต้องขออภันมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10  ตอนที่ 2
ภาพที่ 2
ใช่หน้าผาตรงนี้หรือเปล่า?
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10  ตอนที่ 2
ภาพที่ 3
พอดีไปขุดเจอรูปนี้มาครับ ไปเที่ยวป่าแถวนั้นบ่อยๆ ไปทีไร ก็ต้องไปขออาศัยบ้านคนโน่นที คนนั้นที ผมคนขี้เกรงใจครับ ก็เลยขอซื้อที่น้าเบแกสักแปลง น้าเบก็ใจดำไม่ยอมขาย แต่ยกให้ฟรี...(เป็นซะงั้นไป) ผมก็ไม่ด้านพอจะรับครับ ไม่รู้ว่าจังหวะดี หรือดวงน้าเบซวย ปรากฏว่าทำบ้านหลังนี้ได้ไม่ทันไร สีดอก็มารื้อบ้านน้าเบซะราบเลย...ผมก็เลยยกบ้านหลังนี้ให้แกไปเลย
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10  ตอนที่ 2
ภาพที่ 4
ราบจริงๆครับ ฝีมือสีดอเค้าล่ะ...

จริงๆจะโทษช้างก็ไม่ถูก เพราะป่าไม้และแหล่งอาหารของพวกมันลดจำนวนลงไปเยอะ ข่าวช้างบุกไร่ของชาวบ้านจึงเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่จริงๆแล้ว มนุษย์ต่างหาก ที่เป็นฝ่ายฉกฉวยที่อยู่อาศัยของมันก่อน...
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10  ตอนที่ 2
ภาพที่ 5
ผมหวังว่า วิวหลังกระท่อมของผม คงจะสวยแบบนี้ไปตลอด...สาธุ
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024