ภาพที่ 1 คุณมีทริพที่จะเข้าไปตกปลาในป่าไหม ?
ถ้ามี ลองฟังเรื่องต่อไปนี้ อาจทำให้คุณคิดอะไรได้บางอย่าง .....ที่คุณอาจนึกไม่ถึง
ประมาณปีพ.ศ.2511 พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ผมรู้สึกชินชากับการเดินทางแบบนี้เสียแล้วเนื่องจากพ่อของผมท่านเป็นคนชอบชมนกและกล้วยไม้ตามธรรมชาติในป่าเป็นอย่างยิ่ง พวกเราจึงต้องเข้าป่ากันแทบทุกสองถึงสามเดือนเป็นกิจวัตร เราเดินทางมาถึงบ้านพรานสุขตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว พอมาถึงสำรับอาหารก็ยกออกมาทันที ผมยังจดจำความหอมของข้าวที่หุงด้วยหม้อดิน กับกระต่ายป่าผัดเผ็ดในวันนั้นได้อย่างไม่ลืมเลือนคืนนี้เราจะพักกันที่บ้านพรานหนึ่งคืน หลังจากร่วมรับประทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อย พ่อก็ออกไปนั่งคุยกับพรานสุขที่แคร่หน้าบ้านส่วนผมก็เอารอกที่เพิ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดออกมาหมุนเล่นที่นอกชานหน้าบ้าน ..ฮะฮ่าฮ่า เข้าป่ามาตกปลา เสียงของพรานสุขตะโกนแย่มาจากหน้าบ้าน
05.00 น. ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น จากกลิ่นควันไฟและเสียงกุกกักจากห้องครัว เมียของพรานสุขคงตื่นมาทำกับข้าวให้พวกเราทานกัน กลิ่นหอมของไอดินจากฝนเมื่อคืนทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากตื่นนอน น้ำข้าวร้อน ๆ ใส่ถ้วยยกมาเสริฟ์.ใส่เกลือซะหน่อยนะพ่อหนู ซดคล่องคอดีแท้..เมียของพรานสุขพูดเสร็จพร้อมกับส่งโถเกลือให้ วันนี้เราจะต้องเดินทางให้ถึงห้างที่พรานสุขทำไว้ก่อนมืด โดยเราจะหยุดพักที่หนองน้ำใหญ่ระหว่างทาง
ก่อนเที่ยงเราก็เดินทางมาถึงหนองน้ำซึ่งเป็นที่พักกลางทาง พรานสุขก่อไฟต้มกาแฟและจัดเตรียมอาหารที่ห่อมาจากบ้าน พ่อก็จัดแจงตั้งกล้องดูนกที่ท่านชอบ ส่วนผมก็นั่งประกอบคันและรอก หนองน้ำนี้เป็นหนองน้ำที่มีความงดงามยิ่งนักมองไปด้านหนึ่งเห็นภูเขาสูงใหญ่อยู่ด้านหลัง ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นก็มีต้นไม้ตายยืนเรียงรายอยู่ในน้ำนับสิบต้น ผมเดินลัดเลาะไปยังบริเวณนั้น ขว้างไปยังไม่ได้ถึงสิบไม้ เจ้าชะโดตัวขนาดเท่าแขนก็เข้าชาร์จ หลังจากต่อสู้กันอยู่หลายนาทีก็สยบเจ้าชะโดหนุ่มนั้นลงได้ ผมรีบนำมันกลับมายังที่ที่เราหยุดพัก พรานสุขก็ช่างรู้ใจเสียเหลือเกินรีบจัดแจงเสียบไม้ย่างให้พวกเราได้รับประทานกันทันที หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว พ่อผมท่านก็กลับไปนั่งชมนกที่ท่านชื่นชอบต่อ ส่วนผมก็เอนหลังผิงก้อนหินใหญ่ด้านหลัง เสียงลมผัดผ่านก่อไผ่ฟังแล้วเพลินใจยิ่งนักยากที่จะหาสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้ได้ง่าย ๆ ในเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ ที่เราพำนักอาศัยกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ผมเดินลัดเลาะไปตามขอบหนองตั้งใจจะหาที่เหมาะ ๆ สำหรับที่จะได้ตกปลาต่อ ก็รู้สึกได้กลิ่นหอมอย่างประหลาดคล้ายกับกลิ่นของดอกไม้ป่า จนอดใจไม่ได้ที่จะตามหาที่มาของกลิ่นหอมนั้น ระหว่างที่สายตาสอดส่ายหาที่มาของกลิ่นหอมอยู่นั้น ผมก็ได้เดินไปปะทะกับสิ่งหนึ่งซึ่งขวางหน้าอยู่อย่างแรงจนหงายท้องล้มลง...อ้าว ! ยายมายืนขวางผมทำไมกัน น่าจะให้สุ่มให้เสียงกันบ้าง...ผมเริ่มต่อว่า ส่วนแกยังยืนหน้าถมึงตึงอยู่ ยายแกคนนี้แต่งตัวแสนประหลาดนุ่งขาวห่มขาว แถมยังเอาผ้าแดงเก่าคร่ำครึมาผูกที่เอวไว้ ...เอ็งมาตกปลาของข้า... แกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัด แหม ! กลางป่าอย่างนี้ก็เพิ่งจะรู้ว่ามีการจับจองเป็นเจ้าของหนองน้ำกันเสียด้วย ก็เลยถามแกกลับไปว่า ...บ้านยายอยู่ตรงนี้หรือไง..แกไม่ตอบคำถามแต่ชี้มือไปทางด้านซ้าย ไม่เห็นมีบ้านสักหลังเห็นแต่ต้นตะเคียนใหญ่สูงเสียดฟ้าอยู่ท่ามกลางแมกไม้เพียงต้นเดียว....ยายขี้โม้ ไม่เห็นมีบ้านสักหลัง...พูดจบเท่านั้นแหละ แกก็ทรุดตัวลงคร่อมแล้วบีบคอผมอย่างรุนแรงจนหายใจไม่ออก ผมพยายามดิ้นอย่างสุดแรงเกิดแต่ก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของยายแก่นี้ไปได้เลย ระหว่างที่ผมกำลังจะขาดใจตายอยู่นั้นก็พลันได้ยินเสียงเรียกของพ่อและพรานสุข ผมพยายามใช้แรงที่มีอยู่ครั้งสุดท้ายสบัดจนหลุดพ้นจากเงื้อมมือของยายแก่นี้จนได้
ผมถลึงตัวตื่นขี้น เหงื่อกาฬไหลออกมาท่วมตัวหายใจก็ยังรู้สึกขัด ๆ อยู่ แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความฝัน มันช่างเหมือนกับความจริงเสียนี่กระไร พ่อและพรานสุขยังช่วยกันเขย่าตัวผม มือผมยังอยู่ในลักษณะที่กอดอกแน่นจนพรานสุขต้องมาช่วยแกะออกจากกัน หลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มเล่าเรื่องความฝันให้พ่อและพรานสุขฟังและพอเล่าจบสีหน้าของพรานสุขก็เริ่มเคร่งเครียด....มาตาผมมา ผมจะให้ดูอะไรบางอย่าง....พวกเราพากันเดินลัดเลาะไปตามหนองน้ำจนกระทั่งมาถึงอีกฝากหนึ่ง....ใช่ต้นนี้หรือเปล่าครับ.....พรานสุขชี้มือไปที่ต้นตะเคียนใหญ่ ผมรู้สึกชาวูบไปทั้งตัว ต้นตะเคียนที่อยู่ตรงหน้าผมอยู่ในขณะนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากต้นตะเคียนที่อยู่ในความฝันเลยแม้แต่น้อย ......สูงจนเสียดฟ้าจนต้องแหงนมองจนคอตั้ง....ผ้าแดงเก่าคร่ำครึที่ผูกไว้ที่ลำต้นยังอยู่ในความทรงจำของผม และที่สำคัญรอยบากที่อยู่เหนือปมผ้าแดงนั้น ผมยังจำได้ดีไม่ลืมเลือน พรานสุขรีบจัดแจงหาดอกไม้แถว ๆ บริเวณนั้นมาให้ผม เพื่อกราบขอขมา วันนั้นเราต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางอย่างกะทันหันกลับมายังที่พักของพรานสุขโดยทันที
หัวค่ำของวันเดียวกัน เรารีบเร่งเดินทางกลับมาถึงที่บ้านของพรานสุขอย่างเหนื่อยล้า หลังจากนั่งพักกันได้สักครู่พรานสุขก็เริ่มเล่าถึงสิ่งที่พวกเราอยากรู้หลังจากที่แกเงียบมาตลอดทาง แกเล่าว่า....เมื่อประมาณสัก 10 กว่าปีที่แล้ว มีพวกลักลอบตัดต้นไม้เข้ามาตั้งที่พักอยู่บริเวณหนองนั้น หัวหน้าคนงานได้สั่งให้ลูกน้องตัดต้นตะเคียนใหญ่นั้นเสียเพื่อความสะดวกในการชักลากไม้ ปรากฎว่าไม่มีคนงานคนใดกล้าทำตามคำสั่งเนื่องจากเห็นว่าเป็นต้นตะเคียนใหญ่ ด้วยความโกรธบวกกับความเมาหัวหน้าคนงานจึงได้หยิบขวานไปฟันที่ต้นตะเคียน เมื่อคมขวานกระทบถูกต้นตะเคียนพลันก็เกิดเสียงผู้หญิงกรีดร้องก้องไปทั้งป่า ร่างของหัวหน้าคนงานก็หงายท้องล้มลงทั้งยืนในเวลาเดียวกัน เหล่าคนงานต่างพากันตกใจวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง หลังจากที่ทุกคนตั้งสติกันได้แล้วก็ต่างพากันนึกได้ว่าทิ้งหัวหน้าเอาไว้ใต้ต้นตะเคียน จึงรวบรวมความกล้ากลับมาเพื่อที่จะพาหัวหน้ากลับ เมื่อมาถึงทุกคนก็ต่างพบว่าหัวหน้าได้สิ้นใจเสียแล้ว คอหักหมุนได้รอบ หลังจากที่นำศพกลับมายังที่พักแล้ว พวกคนงานจึงพากันหาดอกไม้ ธูป เทียน และผ้าแดงมาผูกไว้ที่ต้นเพื่อเป็นการขอขมา ก็ผ้าแดงเก่าคร่ำผืนนั้นที่ทุกคนเห็นนั้นแหละ
ผมนอนคลุมโปงฟังเรื่องที่พรานสุขเล่าให้ฟังด้วยอาการสบัดร้อนสบัดหนาวด้วยพิษไข้ กลับมาจากป่าเที่ยวนั้นกว่าจะเริ่มตกปลาได้อีกครั้ง ผมก็ต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะรู้สึกดีขึ้น ก็มันยังรู้สึกกลัว ๆ อยู่นี่ครับ
แล้วคุณละ......ปลาที่ตกได้เมื่อวานมีใครมาทวงคืนหรือยัง ?
แน่ใจแล้วใช่ไหมว่า.........ปลาที่คุณตกได้ ไม่มีเจ้าของเค้าหวงอยู่ หรือเปล่า?
รอก,,,,,ลั่น