สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 6 พ.ค. 67
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 12 - [22 พ.ย. 53, 20:41] ดู: 6,141 - [5 พ.ค. 67, 20:04] ติดตาม: 1 โหวต: 4
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
5ดาว (163 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
11 พ.ย. 53, 20:54
1
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 1
            ผู้ที่มีความมุ่งมั่นและพยายาม ย่อมทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ หรืออาจจะทำได้เหนือกว่า
            ในเกมส์แข่งขัน การที่ใครคนหนึ่งจะไปยืนอยู่แถวหน้าเหนือคนอื่น คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ผู้ที่ค้นคว้ามานะฝึกฝนอย่างหนักต่อเนื่องและจริงจังจึงทำเช่นที่ว่านี้ได้
ผมคนหนึ่งที่เคารพและยกย่องบุคคลเหล่านี้ และโชคดีมีโอกาสได้คลุกคลีอยู่กับท่านหลายปีจากเกมส์กีฬาแข่งขันยิงปืน  ได้เรียนรู้ข้อคิดปรัชญาจากท่าน โดยซึมซับจากการสังเกตและสนทนา บุคคลที่ผมพาดพิงถึงนี้ก็คืออาจารย์ วีระ อุปพงษ์ แชมป์ปืนสั้น และอาจารย์ ดร. ผณิศวร ชำนาญเวช แชมป์ปืนยาว ท่านทั้งสองล้วนเป็นอดีตนักกีฬามือปืนทีมชาติมือระดับพระกาฬ ประเภทโป้งเดียวจอด (ขอโทษ) เข้าวงสิบ
            ในวันเบาๆท่านเก็บอาวุธไร้สายไว้ที่บ้านแล้วพกอาวุธติดสายไปพักผ่อนหย่อนเบ็ดตกปลา
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 2
ย้อนกลับไปเมื่อก่อนสิ้นลมหนาว ผมเคยชวนคุณสมศักดิ์ซึ่งทำธุรกิจอยู่ที่กรุงเทพฯให้ไปตกปลาช่อนที่ทุ่งเมืองช้าง ด้วยเป็นช่วงที่ไอ้ช่อนเนื้อกำลังอร่อยและฉวยเหยื่อดี เพราะเขาต้องไปดูไร่ยางพาราของเขาที่นั่นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าฉวยโอกาสตกปลาไปด้วย แต่กลับถูกเขาชวนไปตกปลาที่แปดริ้ว ผมก็สงสัยทำไมต้องที่แปดริ้ว?
            “ปลาช่อนที่แปดริ้วตัวใหญ่กว่าปลาช่อนถิ่นอื่นจนสามารถแล่ได้ถึงแปดริ้ว จริงเท็จอย่างไรเฮียต้องไปถามอาจารย์ผณิศวรเอาเอง ผมเคยตกไอ้ช่อนหนักสองโลแปด และเคยได้ปลากะพงเจ็ดกิโลที่บ่อเลี้ยงปลาของอาจารย์มาแล้ว ทุกครั้งที่อาจารย์ไปดูที่แกก็จะติดคันเบ็ดไปตกปลา และบ่อยครั้งก็จะชวนผมไปด้วย ผมได้ปลากลับบ้านทุกครั้ง”
            เขาหยุดพูดนิดหนึ่งเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วกรอกเสียงมาในเครื่องไร้สาย
            “อาทิตย์นี้อาจารย์ชวนไปเที่ยวสวนอีก เราไปเช็งเม้งวันเสาร์ วันอาทิตย์ก็เลยไปตกปลาที่บ่อปลาของอาจารย์เอามั้ย”
          ไอ้ช่อนสองโลแปด” ผมย้ำ
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 3
          วันที่ 22  เดือนมีนาคม เราไปเซ่นไหว้บุพการีที่หินกอง วันรุ่งขึ้นแปดโมงเช้าเราก็ขับรถไป
ต่อคิวรอจ่ายเงินค่าผ่านด่านนานกว่าครึ่งชั่วโมงจึงหลุดจากด่านทับช้างได้ นึกถึงยวดยานที่หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศทั้งที่จะไปเช็งเม้งที่ชลบุรีและที่วิ่งขาประจำไม่พ้นจะต้องติดเครื่องเผาผลาญธนบัตรให้สิ้นเปลืองเกินความจำเป็นแล้วยังต้องเปลืองเวลาอันมีค่าต่อคิวรอผ่านด่านอีกยาวนานแค่ไหนก็เกินหยั่งรู้  แต่ที่รู้ๆนี่ก็เป็นต้นเหตุหนึ่งที่มีผลช่วยเร่งโลกร้อน         
          พวกเราไปถึงบ่อเลี้ยงปลาเกือบจะพร้อมกันกับอาจารย์  จอดรถในโรงรถแล้วก็หอบหิ้วอุปกรณ์ตกปลาไปคารวะท่านที่ใต้ต้นสะเดาใหญ่ทางทิศใต้ของบ่อ ซึ่งอาจารย์ วีระ  อุปพงษ์ ใช้เป็นฐานที่มั่น ท่านชอบและมีความสุขกับการตกปลาด้วยทุ่นลอย จะได้ปลาหรือไม่ได้ปลาไม่สำคัญขอให้ทุ่นถูกกระตุกขึ้นลงท่านก็สุขใจแล้ว 
          น้ำค่อนข้างขุ่นในบ่อที่กว้างประมาณ 4-5 ไร่บนนาข้าว 70 ไร่ ปลากะพงไซส์ 7-8 โลในบ่อถูกกวาดล้างไปเมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันในบ่อเต็มไปด้วยปลานิลกับปลาตะเพียน
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 4
            เราต่างก็รู้ว่านางกระดี่เงินใช้ได้ผลดีกับแม่ปลาช่อนในบ่อนี้  แต่สิงห์ปืนยาวกลับใช้ RATTLIN สีเงินยาว 5 เซ็นเป็นตัวล่อ ผมใช้สปินเนอร์กบกระโดดเป็นตัวทดลอง ส่วนคุณสมศักดิ์ใช้กระดี่เงิน
            และแล้วทุ่นลอยอันเดียวที่มีอยู่ในบ่อก็เริ่มภารกิจของมัน ด้วยการสร้างความสุขให้กับเสือปืนสั้น เป็นปลานิลตัวเปิดเกมส์  ส่วนสิงห์ปืนยาวผมแอบเห็นท่านป้วนเปี้ยนเข้าออกที่กล่องเบ็ดหลายหน คงจะสับเปลี่ยนทดลองเหยื่อปลอมอะไรสักอย่าง
           
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 5
แม่ปลาช่อนตัวแรกที่หลงใหลเสน่ห์นางกระดี่เงินของคุณสมศักดิ์วัดเชฟได้ 1 โล 6 ขีด                                                                                                                 
            สิ่งประดิษฐ์หลายชนิดที่ผมทดลองเหวี่ยงดูก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของเหล่าแม่ปลาช่อน ทั้งที่คุณสมศักดิ์ได้บอกไว้แต่ก่อนตีเหยื่อว่าปลาช่อนบ่อนี้ชอบกระดี่เงิน แต่ผมอยากลอง และถ้าขืนมัวแต่ทดสอบเหยื่อมีหวังคุณสมศักดิ์แฮบปี้แอนด์ดิ้งอยู่คนเดียว เลยเปลี่ยนเป็นเหยื่อกระดี่เงิน เพียงสิบกว่าไม้ก็ได้เรื่อง แม่ปลาช่อนหน้าขาวนวลในน้ำขุ่นก็ถูกอุ้มขึ้นมาอวดโฉม 
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 6
สิงห์ปืนยาวก็คงหน่ายการทดลองเช่นกัน เลยล้วงเอานางกระดี่เงินออกมาเป็นนางนกต่อ  ท่านหวดอยู่ไม่กี่ไม้ก็ได้เสียว  แม่ปลาช่อนเชฟสวยโลหกขีดก็เสร็จนางกระดี่เงินอีกตัว
          ผมตั้งสมมุติฐานเอาว่า ปลาช่อนในบ่อนี้เขมือบปลาตะเพียนเป็นอาหารหลัก ตัวกระดี่เงินปั้มจากแผ่นเหล็กชุบโครเมียม เมื่ออยู่ในน้ำทำมุมกับแสงแดดสะท้อนแสงแวววับ ยามมันส่ายสะโพกไปมาจึงละม้ายคล้ายปลาตะเพียนบาดเจ็บ เมื่อปลาสำคัญผิดคิดว่าเป็นเหยื่อจึงพุ่งเข้าชาร์จทันที ผมลากเหยื่อช้าๆเนื่องจากน้ำขุน บ่อยครั้งที่มันตามงับเหยื่อถึงผิวน้ำ และหลายๆหนที่มันโจมตีพลาดเป้ากับซุ่มซ่ามทำเหยื่อหลุด
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 7
            ความสุขกับเวลามักจะเดินสวนทางกัน แป๊บเดียวก็เที่ยงแล้ว พวกเราจำต้องพักรบชั่วคราว อาจารย์พาพวกเราจรลีไปเติมพลังที่ห้องอาหารละแวกอำเภอบ้านโพธิ์
            ที่ระเบียงห้องอาหารริมน้ำบางปะกง บนโต๊ะตัวที่ติดริมน้ำมีห่อหมกปลาช่อน ผัดฉ่าปลากะพง ต้มยำปลากะบอก และยอดมะระหวานไฟแดง เป็นเมนูจานเด็ดที่สิงห์ปืนยาวสั่งมาเพิ่มพลังให้กับพวกเรา ท่านใช้ปาก พวกเราใช้หู
            “เมื่อก่อนแปดริ้วมีชื่อเต็มว่า “เมืองปลาแปดริ้ว” ต่อมาตอนหลังก็เรียกเหลือคำว่า “แปดริ้ว” 
            “ทำไมถึงเรียกเมืองปลาแปดริ้วครับ”  ผมถามต่อ                                                                                                                         
            “ปกติปลาช่อนทั่วไปแล่สี่ริ้วตากแดดเดียวก็แห้งหมาดใช้ได้ แต่ปลาช่อนที่นี่ตัวใหญ่แล่สี่ริ้วตากแดดเดียวจะไม่แห้ง ต้องแล่ถึงแปดริ้ว จึงเป็นที่มาของคำว่า “เมืองปลาแปดริ้ว” เป็นคำอธิบายจาก ดร.ผณิศวร  ชำนาญเวช
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 8
เติมพลังกันแล้ว อาจารย์ผณิศวรพาพวกเราไปล่อปลากะพงที่บ่อปลาของเพื่อนอาจารย์ เฮียเม้งเจ้าของบ่อปลาเป็นผู้ประเมินค่าเสียหายโดยวางกฎว่า ปลาตัวที่ติดเบ็ดเอาขึ้นจากน้ำได้จะต้องนำมาชั่งซื้อเอากลับบ้านคิดค่าปลากิโลกรัมละ 100 บาท
        “เฮียปล่อยปลาลงบ่อกี่ตัวครับ” ผมถามหาข้อมูล
          “ประมาณ 600 ตัว ตอนนี้ปลาแต่ละตัวน่าจะหนัก 3 กิโลกรัมขึ้น”
          ผมนึกในใจ อย่างนี้ก็ “หมูในอวย” นะซิ
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 9
          และก็เช่นเคย เสือปืนสั้นชะแว๊บไปปลีกวิเวกที่ร่มมุมสงบทางทิศตะวันตกของบ่อ
        ผมใช้สปูนเงาวับเหวี่ยงก่อนใคร กรอเอ็นกลับไม่กี่รอบ ปลายสายก็สะดุดกึกกับอะไรหนักๆสักอย่าง ปลายคันโค้งกระตุกส่งแรงผ่านคันถึงมือให้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างฉุดดึงตอบโต้อยู่ที่ปลายสาย ปลากะพงสีเงินยวงดีดตัวพุ่งขึ้นเหนือน้ำเพียงครั้งเดียว เอ็นก็ตกท้องช้างเบาหวิว
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 10
          “ตัวที่หลุดไม่นับ” เสียงคุณสมศักดิ์แซวมาจากฝั่งตรงข้าม ยังไม่ทันสิ้นสียงเขาก็เอะอะ
            “เอาแล้ว! ๆ”
            ไปเก็บภาพให้คุณสมศักดิ์เสร็จก็ต้องรีบหาสวิงเอามาช่วยช้อนปลาให้กับสิงห์ปืนยาว
            “คุณ ธนากร ......เหยื่อตัวนี้ผมซื้อจากอเมริกา”  อาจารย์ผณิศวร ปลดเหยื่อออกจากปากปลาแล้วยื่นให้ดู ผมไม่ได้ถามถึงยี่ห้อ  เพียงแต่พินิจดูเหยื่อตัวนี้ลักษณะคล้ายชิ้นหน่อไม้ผัดเผ็ดฝานเฉียงบางๆเป็นรูปวงรียาว ส่วนท้ายติดเบ็ด 3 ตา มันทำงานได้ผลดีมาก ปลากะพงสองตัวแล้วที่ตกอยู่ในคมเขี้ยวของมัน พอเข้าตัวที่สามเห็นสิงห์ปืนยาวปลุกปล้ำกันอยู่พักเดียว ก็ได้ยินเสียงดัง “เป๊ยะ”
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 11
        “คันหักหรือครับ?” ผมหันมองแวบหนึ่งแล้วหันกลับมามองที่ปลายสายตัวเองที่กำลังกรอเอ็นกลับ
          “ไม่ใช่หรอก สายเอ็นขาด”
  ตัดภาพไปที่มุมปลีกวิเ        วกของเสือปืนสั้น
          หลังจากปลากะพงตัวที่สองที่อาจารย์โอ้โลมปฎิโลมอยู่ไม่กี่อึดใจ เอ็นก็ขาดเหมือนปลาตัวแรก ( ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า ปลากะพงนั้นแทบจะทุกตัวเมื่อติดเบ็ดมันจะพุ่งขึ้นเหนือน้ำโชว์ลีลาหกสูงตีลังกาได้อย่างสวยงาม มันเร้าใจและสร้างความสุขให้กับคนถือคันได้อย่างมิรู้ลืม เข้าใจว่าเอ็นขาดตอนปลาพุ่งขึ้นสะบัดหัวเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ หรือไม่ก็ตอนมันดิ้นรนต่อสู้ขัดขืน  เมื่อเอ็นบาดถูกแผ่นโค้งข้างแก้มซึ่งคมปานมีดโกนจึงขาดทันที  แม้ว่ามันจะตายแล้วก็ตาม ถ้าจับหัวมันอย่างไม่ระมัดระวังแผ่นแก้มนั้นยังบาดนิ้วถึงเลือดได้ ) ผมค้นในกล่องอุปกรณ์ เจอเบ็ด 7 โอ ผูกลีดเดอร์ไว้สำหรับตกปลาชะโด จึงรีบเอามาผูกต่อสายหน้าในชุดเบ็ดของอาจารย์ เนื่องจากท่านไม่ได้เตรียมเบ็ดมาสำหรับตกปลากะพง ไม่นานเกินรอปลาตัวปิดเกมส์ก็ตกเป็นฝีมือของ อาจารย์ วีระ อุปพงษ์ รวมปลาที่พวกเราตกได้เกินครึ่งตู้แช่มากกว่าสิบตัว ถึงเวลาที่พวกเราต้องนำปลากลับบ้านไปนึ่งมะนาว
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 12
          “เฮีย.....ค่าปลาทั้งหมดเท่าไหร่ครับ ?”  ผมแอบถามเฮียเม้ง
          “คุณธนากร เมื่อกลางวันมาบ้านผมก็เลี้ยงข้าวผมไปทีแล้วนะ” สิงห์ปืนยาวยืนอยู่ใกล้ๆยิ้มตาขวางใส่
          ผมรีบยกมือคารวะล่ำลา อาจารย์ดร.ผณิศวร  ชำนาญเวช ผู้ครองอาณาจักรที่ดิน 70 ไร่ติดถนนมอเตอร์เวย์ กับตำแหน่งบรรณาธิการฝ่ายวิชาการนิตยสารอาวุธปืน มือทดสอบผ่าปืน ตอบจดหมายสนทนาภาษาปืน ( ถ้าอาวุธประจำตัวของคุณมีปัญหาปรึกษาอาจารย์ได้ทุกเวลา ) และเป็นที่ปรึกษาสมาคมแช่เยือกแข็งไทย เป็นกรรมการผู้จักการ บมจ.แพ็คฟู้ด  เป็นอาจารย์สอนโครงการปริญญาโทสำหรับผู้บริหารที่คณะบัญชีจุฬาทุกวันเสาร์ฯลฯ  ที่ผมไม่รู้คือท่านเอาเวลาที่ไหนไปหย่อนเบ็ดตกปลา
555...ทำไมเมืองแปดริ้วถึงเรียก 'แปดริ้ว'?..555
ภาพที่ 13
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024