บอกเล่าเก้าสิบ กับ แค้สกุล Bagarius.
ภาพที่ 1ก่อนอื่นขอสวัสดีทุกท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่ามานั่งอ่านกระทู้เล็กๆของสมาชิกคนนึงในสยามฟิชชิ่งแห่งนี้ กระทู้ทุกกระทู้ผมเป็นเพียงสื่อกลางในการนำเสนอ หาใช่ผลงานของตัวเองไม่ เนื่องจากผมชอบเลี้ยงปลา และทุกครั้งที่สงสัยก็จะพยายามค้นหาว่าปลาตัวนี้ตัวนั้นมาจากไหน จนเป็นที่มาในการรวบรวมการบรรยายที่คิดว่าน่าสนใจสำหรับหลายๆท่านที่ชื่นชอบ ในการระบุชนิดปลา แต่ละท่านก็อาจจะมีวิธีหรือมุมมองในการดูตามสไตล์ของตนเอง หากผมมีคำบรรยายในปลาชนิดนั้น ผมก็เลยขอหยิบยกบทความจากอาจารย์ท่านต่างๆมานำเสนอในอีกมุมมองที่เป็นนักวิชาการ.
ปลาแค้สกุล Bagarius. ที่ต้องระบุสกุลที่เป็นชื่อวิทยาศาสตร์นั้น เพราะ ชื่อไทยที่เรียกว่าปลาแค้ แต่ถ้านำรายงานของนักวิชาการมากาง ผมว่าดูแล้วค่อนข้างจะเยอะทีเดียว แต่สำหรับนักตกปลา แค้ในกลุ่มนี้แหละครับดูแล้วเหมาะเหม็งทีเดียว.
ภาพที่ 2ปลาแค้ในสกุล Bagarius. ถูกระบุอย่างเป็นทางการในขณะนี้มี 4 ชนิด คือ.
1) Bagarius bagarius (Valenciennes 1840). หรือ ปลาแค้วัว.
2) Bagarius yarrelli (Sykes 1839). ปลาแค้ควาย หรือ ปลาแค้ยักษ์
3) Bagarius suchus Roberts 1983.แลาแค้หัวแบน หรือ ปลาแค้งู
4) Bagarius rutilus Ng & Kottelat 2000
ในขณะที่ถูกระบุว่าพบในเมืองไทยนั้นมี 3 ชนิด เรียงตามอันดับเลยครับ ชนิดที่ 1 ถึงชนิดที่ 3.
ถ้าอย่างนั้น เรามาลองดูวิธีการจำแนกปลาทั้ง 3 ชนิดแบบง่ายๆและรวดเร็วนิดนึงน่ะครับ. โดยขอเริ่มจากชนิดนี้กันก่อน.
ภาพที่ 3เริ่มที่ Bagarius suchus Roberts 1983. ในชื่อไทยจะเรียกว่า ปลาแค้หัวแบน หรือปลาแค้งู ก็ได้ครับ.
ลักษณะที่เด่น ของปลาแค้ชนิดนี้ คือทรงหัวที่แบนราบเรียบ ลำตัวเรียวยาว และ จุดเด่นคือ 7-9 รอยยักที่อยู่หลังครีบหลังหรืออยู่หน้าครีบไขมัน.
ภาพที่ 4ชนิดต่อมาขอเป็น Bagarius bagarius (Valenciennes 1840). หรือปลาแค้วัว. ส่วนตัวยอมรับว่า ผมไม่เก่งพอที่จะจำแนกปลาแค้วัว กับแค้ควาย เพียงแต่มองผิวเผินได้ ผมพยายามทำความเข้าใจกับตำราอยู่ 2-3เล่ม ที่สะดุดและชอบส่วนตัวเป็นการบรรยายของ อาจารย์ Tyson R. Roberts. ในคำบรรยาย " Revision of the South and Southeast Asian Sisorid Catfish Genus Bagarius, with Description of a New Species from the Mekong." ปี พ.ศ. 2526 ในการบรรยายฉบับนั้นของอาจารย์ ไทสัน.ความตอนนึงที่ท่านระบุวิธีการจำแนก ปลาแค้วัว หรือ Bagarius bagarius (Valenciennes 1840). ไว้ดังนี้.
".........; adipose-fin origin slightly to markedly posterior to a vertical line through anal-fin origin;..... ----- Bagarius bagarius (Valenciennes 1840). หรือ ปลาแค้วัว.
ถ้าหากจะถอดข้อความที่ดูจะกระทัดรัดและเข้าใจง่ายกล่าวคือ หากลากเส้นตรงจากจุดเริ่มต้นของครีบไขมัน (หรือบางท่านอาจจะเข้าใจหากบอกว่า ครีบเล็กๆที่อยู่ถัดจากครีบหลัง ) ลงมาจะพบว่าครีบนี้อยู่หลังจุดเริ่มต้นของครีบก้น ในระยะห่างที่เห็นได้ชัด (ตามรูปที่ 5 ) น่ะครับ.
ภาพที่ 5ชนิดสุดท้ายที่พบในเมืองไทย จัดว่าเป็นชนิดที่ใหญ่ที่สุด และถูกกล่าวอ้างมากที่สุด คือ Bagarius yarrelli (Sykes 1839). หรือ ปลาแค้ยักษ์ แค้ควาย หรือ กู้นช์ (Goonch) ในคำบรรยายของอาจารย์ ไทสัน ความตอนนึงที่ระบุคือ.
".........; adipose-fin origin anterior to, on, or but slightly posterior to a vertical line through anal-fin origin;..... ----- Bagarius yarrelli (Sykes 1839). หรือ ปลาแค้ยักษ์.
ถ้าแปลออกมาก็คือ หากลากเส้นตรงจากจุดเริ่มต้นของครีบไขมันลงมาจะพบว่าครีบนี้อยู่เกินหน้าจุดเริ่มต้นครีบก้นเล็กน้อย หรือ อยู่ตรงกับจุดเริ่มต้นของครีบก้น(ส่วนใหญ่เกือบ 100%) หรือเลื่อมไปด้านหลังของจุดเริ่มต้นของครีบก้นเล็กน้อย (ตามรูปที่ 6 ) น่ะครับ.
รูปนี้ผมไม่ได้ขออนุญาตน้า snapbass ล่วงหน้า เลยขออนุญาตน้าไว้ ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ เพื่อประโยชน์ในการสนับสนุนรายละเอียดในกระทู้นี้ ขอขอบคุณน้าไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม.
ภาพที่ 6ชนิดที่ไม่ได้พบในเมืองไทยคือ Bagarius rutilus Ng & Kottelat 2000 (จากรูปที่7)พบทางตอนเหนือของลาว เวียตนาม และ จีน
ภาพที่ 7หากเนื้อหาและข้อมูลใดผิดพลาด รบกวนโพสท์แก้ไขได้เลยน่ะครับ จะขอบคุณมากครับผม.
สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้ของผมครับ.
ตอนต่อไป ขอเกริ่นไว้ก่อนว่าจะเป็น
ภาพที่ 8Psephurus gladius (Martens 1862). เป็นรายละเอียดเล็กน้อย รายละเอียดช่วงวางไข่ เป็นต้นครับ.
ภาพที่ 9และการจำแนกชนิดของปลาสกุลนี้ ในมุมมองของอาจารย์ที่เป็นนักอนุกรมวิธานครับ