ความเป็นมา
แม่ยายผมทำให้กินครับ
ส่วนผสม
1. ผงพะโล้
2. อบเชย ยี่หร่า พริกไทยเม็ด
3. ไข่เป็ดต้ม
4. ผักชี
5. น้ำตาลปี๊ป
6. ปลาช่อนเผา ( แกะเฉพาะเนื้อ ไม่เอาหนัง มีเหตุผลไว้จะกล่าวตอนท้ายๆ )
7. ซีอิ๊วดำ
8. ซีอิ๊วขาว
วิธีทำ
เหมือนการทำพะโล้ ทั่วๆ ไป คือ ( สัดส่วนต้องกะขนาดให้พอเหมาะเองนะครับ ) ตั้งน้ำสะอาด ใส่ในกะทะ พอประมาณ ใส่น้ำตาลปี๊ปเคี่ยวให้เดือด ใส่ซีอิ๊วดำพอให้น้ำมีสีเข้ม เคี่ยวต่อ ใส่ผงพะโล้เล็กน้อย ( ใส่แค่เพื่อให้มีกลิ่นหอม ) ใส่อบเชย ยี่หร่า พริกไทยตามลงไป ช่วงนี้น้ำพะโล้จะมีกลิ่นหอม จากเครื่องเทศที่ใส่ ( อาจจะใส่รากผักชีลงไปก่อนเพื่อให้มีความหอมยิ่งขึ้น ) แกะไข่ต้ม ใส่ลงไป ต้มอีกสักพัก
คราวนี้ถึงตอนสำคัญ ( ผมเองก็พึ่งเคยกิน ) แกะเนื้อปลาช่อนย่างที่เตรียมไว้ พอให้เป็นชิ้นๆ ( ขนาดพอดีคำโตๆ เวลาต้มต่อจะได้ไม่เละ ) ค่อยๆ ใส่ลงไป ห้ามมีหนังเด็ดขาด เพราะ... หนังปลาช่อนที่ย่างจะมีกลิ่นเหม็นของควันไฟมาก ( ต่อให้ย่างด้วยไมโครเวฟ ห่อฟลอย์ก็มีกลิ่นครับ ) เคี่ยวสักพัก กลิ่นพะโล้ที่ต้มจะหอมมาก ( ปรกติเวลาต้มก็มีกลิ่นที่หอมอยู่แล้ว แต่นี่ผมว่าหอมแปลกๆ ) ปิดไฟใส่ใบผักชีลอยหน้าเวลาเสริฟ ผมดูตอนแรกไม่เห็นจะน่ากินเลย เนื้อปลาจะออกแฉะๆ ชุ่มน้ำ แต่พอลองกินดูอร่อยมากเลยครับ ( แตแฟนผมบอกว่าเหม็นกลิ่นควันไฟ ) พักหลังๆ แม่ยายผมมักจะมีเมนูแปลกๆ เกี่ยวกับปลามาให้ลองชิมเสมอๆ แต่แปลกนะครับ แฟนผมไม่ยักกะกินแฮะ... ( บอกเหม็น )
อื่นๆ
ที่ว่าต้องแกะหนังออกก่อนก็เพราะครั้งแรกใส่ทั้งหนังลงไปเลย น้ำพะโล้เหม็นควันไฟแบบได้กลิ่นชัดๆ ทำให้ตอนเวลาต้มกิ่นจะแรงกว่าปรกติ เรียกว่าทั้งหมู่บ้านได้กลิ่นเลยครับ แต่แม่ยายผมแกใช้วิธีแกะเนื้อแล้วนำไปล้างด้วยน้ำต้ม ( ลวก ) ครับกลิ่นเลยหมดไป ผมเองก็เพิ่งเคยลองกินครั้งแรกเองก็อร่อยดี แต่ให้ทำเอง แฮ่ะๆๆ ทำพะโล้แบบปรกติดีกว่าครับ แค่เล่าสู่กันฟังนะครับ รึจะลองทำเองก็ได้ ( อาจจะอร่อยกว่าแม่ยายผมอีก อิๆๆๆ ) ใครเคยเห็นพะโล้แบบนี้มั่ง อ่ะครับ เล่าให้ฟังหน่อย