ภาพที่ 1วันนี้อยากกินอะไรเผ็ดๆๆๆๆ เพราะกลาววันกินแต่จืดๆ เปิดช่องแข็งมาก็เจอหางวัวนอนสงบนิ่งอยู่ เลยจับออกมาทิ้งไว้ให้หายแข็ง สองจิตสองใจ ตอนแรกว่าจะทำซุปหางวัว แต่ไม่ดีกว่าพึ่งกินไปเมื่อไม่นานมานี้ เปลี่ยนมาทำที่ง่ายกว่านั้น คือแกงใต้ แบบไม่ใส่กะทิ ปกติเขาจะแกงใส่กระดูกหมู แต่วันนี้เราจะกินเนื้อวัวครับ
ภาพที่ 2ขั้นตอนนั้นก็ง่ายมาก จับหางวัวใส้หม้อความดัน ใส่น้ำไปครึ่งแก้วพอ ใส่เกลือไปนิดนึง ต้มหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
ภาพที่ 3ก็จะได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ
ภาพที่ 4ขั้นต่อไปแค่ฉีกใบมะกรูด แล้วเติมน้ำไปอีกแก้วนึงพอ เอาคลุกคลิกๆ ใส่พริกแกงลงไป วันนี้ได้พริกแกงตำมือมาจากพัทลุง รสชาตินั้นได้ใจมาก ปรุงด้วยน้ำปลา น้ำตาลตัดนิดๆ เท่านี้เป็นใช้ได้ครับ
ภาพที่ 5ต้มไปแป๊บเดียวเท่านั้นก็ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้
ภาพที่ 6ชมอีกรูปครับแสงสว่างหน่อย
ภาพที่ 7อีกมุมครับ
ภาพที่ 8มาทานข้าวกันครับ
ภาพที่ 9ด้วยที่บ้านเป็นลูกชาวนา จะถูกสอนว่ากินข้าวอย่างเหลือทิ้ง บวกกับโตมาก็มาชอบฟังคาราวาน เพลงเปิบข้าวมันก็ดังก้องอยู่ในหูเราตลอด555 ดังมานานมากแล้ว จนอ้วนขนาดนี้555
เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้น่ะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังซิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน