ภาพที่ 1Shimano Torium 16 เป็นรอกทรงขวาง (เบทคาสติ้ง) แบบไม่มีตัวเกลี่ยสาย ที่ออกแบบให้มีลักษณะการทำงาน เรียกว่า conventional คือ หลากหลายการใช้งาน หมายถึง จะเอาไว้เหวี่ยงเหยื่อตกปลาบึกก็ได้ หรือจะเอาไปตกปลาทะเลแบบลากเหยื่อทรอลลิ่ง หรือจะตกปลาหน้าดินแบบที่เราเรียกว่า จิ๊กกิ้งกันก็ได้ เสือนอนกินพาไปออกทริปทะเลมาค่ะ ฝั่งอ่าวไทย สบายๆ
เบอร์ 16 เป็นเบอร์ขนาดเล็ก (เล็กสุดคือ 14 ) แต่ที่ว่าเล็กนี่ก็ไม่เล็กเหมือนกัน เพราะจุสายได้ 20 ปอนด์ ถึง 320 หลา และมีน้ำหนักราวๆ 620 กรัม ตัวเฟรมรอกเป็นอลูมิเนียม แขนหมุน ฝาข้างเป็นอลูมิเนียม เพื่อให้ได้รอกที่มีน้ำหนักเบา รอกตัวนี้มาพร้อมกับลูกปืน A-RB 3 ตลับ และลูกปืนกันตีกลับ 1 ตลับ แขนหมุนแบบ Power ที่สามารถปรับเปลี่ยนความยาวได้ 2 ตำแหน่ง
จุดเด่นของรอกตัวนี้ คือ เป็นรอกหน้าแคบ แต่มีห้องเครื่องขนาดใหญ่ ทั้งนี้เพราะรอกตัวขนาดนี้กับอัตราทด 6.2 : 1 คงต้องมีเฟืองขับขนาดใหญ่พอสมควร ดูรูปร่างแล้วสัมผัสได้ถึงความบึกบึน
ถ้าเทียบกับรอกรุ่นก่อนๆวัสดุทำเรือนรอก ฝาข้างเป็นกราไฟต์ Torium จะสวยกว่า แต่ก็ต้องการการดูแลมากกว่าสักหน่อย ก่อนออกทะเล เสือนอนกินเอาน้ำยา CRC ไล่ฉีดตามมุมที่น่าป้องกันไว้รอบหนึ่งก่อน เช่น ตามมุมปรับเบรก คลิกเสียง ปุ่มเม็ดหน่วง พอกลับมาจากทริปก็ล้างน้ำสะอาดให้มั่นใจล้าง ไอเกลือถูกล้างทิ้งไป
ภาพที่ 2ก่อนจะไปดูว่าข้างใน Torium มีอะไรบ้าง ขอแนะนำเพื่อนคู่แข่งของ Torium กันหน่อยค่ะ นั่นก็คือ Daiwa Saltist 30TH นั่นเองค่ะ เอาวางเปรียบเทียบกันแล้ว มองเผินๆ คล้ายกันมาก อดไม่ได้ต้องนำมาเปรียบเทียบกันค่ะ นี่เรียกว่า คู่แข่งรุ่นเดียวกันอย่างแท้จริงเลย
ในบ้านเราเอง ทั้งคู่ได้รับการยอมรับจากนักตกปลาพอๆกัน หุ่นทรงคล้ายกัน สเปกยังไม่หนีกันด้วย คือ Saltist 30th มีอัตราทด 6.4 : 1 รอกทั้งตัวมีส่วนประกอบโครงสร้างเป็นโลหะ น้ำหนัก 630 กรัม มีลูกปืน 4 ตลับ และกันตีกลับ 1 ตลับ แขนหมุน power จุสาย 20 ปอนด์ 300 หลา เรียกว่า แข่งขันเห็นๆ เอาเป็นว่า รักใครชอบใครก็เลือกใช้กันตามสบาย
ก่อนจะลงรายละเอียดของ Torium 16 อาจจะขอเปรียบเทียบภาพของคู่นี้สัก 2-3 ภาพ
ภาพที่ 3ดูส่วนของ Star Drag และแขนหมุนเปรียบเทียบกันค่ะ บึกบึน มีน้ำหนักเหมือนกัน แถมรูปทรงของแขนก็ยังคล้ายกันอีก เลือกปรับใช้ความยาวได้ 2 ระยะเหมือนกัน
ภาพที่ 4ส่วนฝั่งคลิกเสียง Torium บอกว่า คลิกเสียงขนาดใหญ่ (Oversized) ของ Salsting ก็ขนาดไม่แตกต่างกัน สงสัยจะทำการตลาดมาเหมือนกัน เลยแข่งกันน่าดู
ภาพที่ 5Daiwa Saltist เองก็ขนาดไม่แพ้กัน พลิกดูไดอะแกรมของรอกทั้งคู่แล้ว ยิ่งพบว่าช่างแข่งกันจริงๆ กลไกภายในก็แทบจะเหมือนกันทุกอย่าง ถ้าจะบอกว่า แล้วจากสเปก ตัวไหนเด่นกว่า ต้องบอกว่าเด่นคนละอย่าง ของ Saltist มีลูกปืน 4 ตลับ และมีเม็ดหน่วงหนีศูนย์กลาง แต่ของ Torium มีหัวนกกระจอกเพื่อป้องกันการตีกลับเพิ่มจากตลับลูกปืนกันตีกลับ เพิ่มความมั่นใจให้กับการใช้งาน ว่าไม่มีพลาดแน่ ของ Saltist มีจำนวนแผ่นเบรกรวมๆแล้วกว่า 9 แผ่น ของ Torium มี 7 แผ่น แต่ตัว washer เป็นวัสดุ Dartanium ที่ Shimano บอกว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องน้ำหนักเบรกและการถ่ายเทความร้อนเป็นเยี่ยม
คงไม่เปรียบเทียบมากไปกว่านี้แล้วนะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ใช่ผ่ารอกค่ะ กลายเป็นการรีวิวเปรียบเทียบไปเสีย
ภาพที่ 6เริ่มดีกว่าค่ะ ไม่ต้องเตรียมเครื่องมืออะไรเลยสำหรับการถอดรอกตัวนี้ ถ้าหากมีประแจของ Torium อยู่ เพราะ Shimano ออกแบบมาทั้งเป็นประแจและไขควงในตัว มีเท่านี้ก็จัดการถอดส่วนประกอบได้เลย
ภาพที่ 7ไขน๊อตตัวเล็กที่คุมแผงปิดฝาแกนรอกออกก่อน แล้วก็เอาประแจถอดน๊อต 6 เหลี่ยมตัวใหญ่ออก จะเอาตัวแขนหมุน และตัวปรับเบรกออกมาได้ ระหว่างแขนหมุนกับตัวปรับเบรก จะมีแหวนรอง 1 อัน
รอกตัวนี้มีคลิกเสียงเวลาปรับเบรกด้วย กลไกสร้างเสียงเป็นเม็ดเดือยเล็กๆ กับสปริง ต้องระวังหายทั้งคู่
ภาพที่ 8ค่อยๆ ถอดมาค่ะ จะมีแหวนคล้ายกราไฟต์ผสม 1 อัน แล้วก็จะมีแหวนประกบเป็นฝาหอยอีก 1 คู่ นี่ค่ะ แต่ที่ต้องระวังมากๆ คือ ชุดสร้างเสียงเวลาหมุนรอก
ภาพที่ 9นี่ค่ะ ชุดสร้างเสียงเวลาปรับเบรก ขอเรียกว่าหมุดเสียงแล้วกัน เพราะลักษณะคล้ายๆหัวเข็มหมุด ยังมีสปริงเล็กๆ ในแกน shaft อีกตัวค่ะ ที่ไม่ได้ถอดออกมาให้ดู ต้องระวัง อย่าให้กระเด็นหายเป็นอันขาด ถ้าหายไป ไม่มีผลต่อการใช้งาน แต่ว่าเวลาหมุนปรับเบรก ก็จะไม่มีเสียง ติ๊กๆๆ อีกต่อไป
ภาพที่ 10นี่ค่ะ ถอดออกมาแล้ว ก็จะเห็นด้านตัวเรือนรอกเป็นแบบนี้ ทีแรกคิดว่าจะถอดน๊อตใหญ่ 4 ตัว ออกก่อน แต่เอาเข้าจริง การถอดต้องถอดน๊อตทั้งหมด 8 ตัว และไม่ต้องทำการมาร์คตำแหน่งแต่อย่างใด เพราะน๊อตมันเป็นชุดค่ะ
ในภาพนี้หมุนเอาฝาเม็ดหน่วงออกไปแล้วด้วยค่ะ สังเกตอะไรมั้ยค่ะ ไม่มีลูกปืนภายในฝาหน่วงสปูลตรงนี้เลยค่ะ ปกติแล้ว ในรอกเบท เราจะเห็นผู้ผลิตเพิ่มลูกปืน เพื่อให้แกนสปูลหมุนลื่นๆ แต่ตรงนี้ไม่มีค่ะ มีลูกปืนน้อย ยิ่งบำรุงรักษาง่าย ก็ดีไปอย่าง
ที่แกน shaft สังเกตเห็น มีรูที่หัวแกน และมีรูข้างๆแกน รูข้างแกนสำหรับใส่หมุดสร้างเสียง ถ้ามองดีๆ จะเห็นมีสปริงด้านในค่ะ ถอดออกมาได้ ส่วนรูที่หัวแกนนี่เอาไว้ทำอะไร? เบื้องต้นคาดว่าเอาไว้หยอดน้ำมันหล่อลื่น แต่พอประกอบกับแล้ว พบว่า หมุดสร้างเสียงนี่ตัวแสบเลยค่ะ ใส่แล้วต้องกดให้จมแกน ไม่เช่นนั้นใส่ตัวปรับเบรกไม่ได้ แต่ตัวปรับเบรกเองก็มีบ่าคุมไปถึงตัวเรือนรอก แล้วจะทำอย่างไร? ใช้ไม้จิ้มฟันดันไปกดสปริงที่หัวแกนนี่ค่ะ เฮ้อ
ภาพที่ 11ฝาปิดหน่วงสปูลค่ะ ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ shimano คือ ทำเป็นลายๆ บางคนเรียก ลายตาสัปปะรด เวลาปรับ แม้ว่ามือจะเปียกก็ไม่ลื่น แถมยังสวยงามอีก
ภาพที่ 12เปิดฝาห้องเครื่อง ดูภายในกันค่ะ จะเห็นว่าเฟืองขับนั้นมีขนาดใหญ่ทีเดียว มิน่า ถึงต้องออกแบบห้องเครื่องให้ดูใหญ่เกินขนาดและเทอะทะ รอกตัวนี้ ตั้งแต่ได้มา ยังไม่เคยถอดล้างเลย แต่ว่าที่ถ่ายภาพมาให้ดู เพื่อให้เห็นว่า ถอดครั้งแรก จะเป็นแบบไหน ถอดมาก็จะเจอเศษดำๆ เต็มไปหมด เอ๊ะ เศษดำๆมันเป็นอะไร ทำไมมากขนาดนี้ อีกอย่าง รอกที่นำมาผ่านก็ไม่ได้ใช้งานมากอะไรนะคะ ไม่น่าจะมีอะไรมากแบบนี้ จารบีสีดำเปื้อนมือไปหมด
ดูภาพนี้แล้ว จะเห็นว่า ภายในก็เหมือนรอกเบททั่วๆไป จะเห็นเฟืองขับ พินเนียนเกียร์ และชุดยกฟรีสปูลเท่านั้นเอง
ภาพที่ 13ดูขนาดเฟืองขับและเฟืองพินเนียนค่ะ
ภาพที่ 14เฟืองขับและเฟืองพินเนียน สีออกเหลืองๆ ถ้าหากเป็นสมัยก่อน ต้องบอกว่าเป็นทองเหลือง แต่สมัยนี้ เทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์ไปไกลมาก shimano เองก็ขึ้นชื่อในเรื่องเฟืองอยู่แล้ว ภาพนี้เอาแกน shaft เฟืองทั้งสอง และที่ปรับเบรก มาวางถ่ายภาพร่วมกันค่ะ ความรู้สึกที่ได้สัมผัส คือ เป็นชุดที่มีขนาดใหญ่กว่ารอกที่ใช้งานประจำ คือ พวกตระกูล 6500 ของ Abu นั้นแตกต่างกันไปเลย
ภาพที่ 15ความหนาของเฟืองขับค่ะ แม้ว่าจะไม่ถือว่าหนาจนแปลกหูแปลกตา แต่ว่าก็ลองคิดค่ะ ว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 5 ซม และความหนาเกือบครึ่ง ซม
ภาพที่ 16เผยให้เห็นชุดยกฟรีสปูล เฟืองพินเนียน และเฟืองขับอีกด้านหนึ่ง โดยกลไกแล้ว รอก Torium เป็นรอกที่มีกลไกไม่ซับซ้อนค่ะ การถอดประกอบก็น่าจะทำได้ไม่ยาก แม้ว่าในคู่มือเอง จะบอกว่าเลยว่า รอกออกแบบมาให้ทำงานได้เป็นปีๆ โดยไม่ต้องถอดมาทำความสะอาด แต่นี่ดูสิคะ รอกใหม่แท้ๆ ออกไม่กี่ทริปเลย ภายในเลอะเทอะมากๆ ยังงัย เพื่อยืดอายุการทำงานของอุปกรณ์ ก็ควรหมั่นตรวจสอบค่ะ
ภาพที่ 17หันกลับมาที่ส่วนประกอบของลูกปืนกันตีกลับก่อนค่ะ ติดอยู่กับฝาห้องเครื่อง ยังแงะไม่ออก ไม่เป็นไร แค่ทำความสะอาดได้ก็พอแล้วล่ะ
ในภาพจะเห็นปลอกสวมแกน shaft ตำแหน่งที่มาสัมผัสกับลูกปืนกันตีกลับ แล้วก็มีลูกปืนหล่อลื่นแกน shaft ตัวนี้เป็นลูกปืน A-RB ตลับ แล้วก็มีแหวน washer
ภาพที่ 18ให้ดูภาพห้องเครื่องกันเต็มๆอีกภาพค่ะ การถอดชิ้นส่วนออกทำความสะอาด ไม่ต้องพิถิพิถันหรือระวังมากแบบรอกหยดน้ำตีเหยื่อปลอมค่ะ เพราะชิ้นส่วนโดยมากก็ชิ้นใหญ่ๆ การวาง ตำแหน่ง ไม่ซับซ้อน
ภาพที่ 19ฝาข้างรอกฝั่งห้องเครื่อง จะเห็นชุดดันฟรีสปูล และลูกปืนกันตีกลับ ในการทำความสะอาด อาจจะไม่จำเป็นต้องถอดมาทำความสะอาดก็ได้ค่ะ
ภาพที่ 20