ภาพที่ 1ปี 2008 บริษัท OKUMA ได้ปรับโฉมใหม่ตามแบบที่ OKUMA THAILAND ส่งไปให้ ซึ่งจะแตกต่างกับโฉมเดิม และดูทันสมัยสวยกว่าตัวที่จำหน่ายในตลาด USA
จุดที่ต่างจากรุ่นเดิม เมื่อมองจากภายนอกคือ ที่ฝาข้างทำอะโนไดท์สีทอง และพ่นทรายเป็นรูปหมี พร้อมรหัสรุ่น FINA 400 อีกจุดหนึ่งคือกงจักรปรับเบรค ทำให้ปลายกว้างขึ้นในการปรับเบรคจะไม่เจ็บมือ
ภาพที่ 2ขั้นตอนในการถอดมือหมุน จุดแรกคือต้องดันฝาครอบล๊อคน๊อตมือหมุนออก ถึงจะถอดน๊อตล๊อคออกได้ ใช้ไขควงค่อยๆดันไปข้างหลังและผลักขึ้น ต้องระวังอย่าดันแรงมาก เนื่องจากจุดนี้เป็น Graphite อาจเสียหายได้
ภาพที่ 3เมื่อถอดฝาครอบล๊อคน๊อตแล้ว จะพบน๊อตล๊อคแขนมือหมุน ให้ใช้ประแจหรือบล๊อคเบอร์ 11 ในการถอดน๊อตตัวนี้
ภาพที่ 4อุปกรณ์ต่างๆที่ถอดไล่เรียงตามลำดับ
1. แขนหมุน
2. ชุดเสียงปรับเบรค
3. กงจักรปรับเบรค
ภาพที่ 5เมื่อถอดชุดมือหมุนออกทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถถอดฝาครอบออกได้ เพราะมีน๊อตล๊อคอยู่อีกด้านของฝา ต้องคลายน๊อต 2 ตัวนี้ออกก่อน และจะสังเกตุได้ว่า จะมีกิ๊บล๊อคแบบเกือกม้า ล๊อคแกนหรือเสามือหมุนไว้ การถอดเสานี้จะต้องถอดสลักตัวนี้ออกก่อน
ภาพที่ 6เมื่อเปิดฝาครอบด้านมือหมุนออก จะเห็นห้องเครื่องของ FINA 400 ถ้าสังเกตุจะพบว่า จะเหมือนกับตัว IDX หรือ HG รวมถึง FINA ตัวเก่า
ภาพที่ 7เมื่อยกชุดกดเบรคที่เป็นโลหะออกไล่ที่แผ่น จะพบว่ารอกตัวนี้ใส่ชุดเบรคที่เป็น HT100 เข้ามาให้ 2 แผ่นและผ้าเบรค Graphite 1 แผ่น ซึ่งชุดเบรค HT100 เป็นผ้าเบรคที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือในหมู่นักตกปลาบ้านเรา
ภาพที่ 8ในส่วนหัวใจของรอกคือ ชุดเฟืองขับตัวใหญ่ ( Main Gear ) และเฟืองขับตัวเล็ก ( Pinion Gear ) ในภาพที่ 1 จะเป็นชุดของเฟือง Fina 400 ซึ่งจะเป็นชุดเดียวกับรอกปี 07
ในภาพที่ 2 จะเป็นการเปรียบเทียบขนาด ให้เห็นระหว่างเฟืองรอก Abu 6500 ที่อยู่ด้านซ้าย กับ Fina 400 ที่อยู่ด้านขวา จะเห็นได้ชัดเจนว่าขนาดของเฟือง Fina จะใหญ่กว่าเล็กน้อย และร่องความลึกของเฟืองตัว Fina จะหนาและลึกกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน อีกส่วนหนึ่งที่ได้จากขนาดเฟืองที่ใหญ่ขึ้นคือ ชุดเบรคที่ใหญ่ขึ้นด้วย ซึ่งจะมีผลต่อการเบรคหรือกำลังหยุดยั้งของตัวรอก
ภาพที่ 9หลังจากถอดกิ๊บล๊อคด้านหลัง ตัวเสาหลักมือหมุนที่เป็นแท่งทองเหลือง จะหลุดออกมาดังภาพ ความหนาของทองเหลืองอยู่ที่ 12 mm
ภาพที่ 10ในภาพเป็นกลไก ที่ FINA 400 ใช้ในการสับล๊อค หรือฟรีสปูล ซึ่งเป็นระบบที่ค่อนข้างง่าย แต่ประกอบกลับยาก ไม่แนะนำให้แกะออกมา โดยอาศัยการสั่งงานจากคานกดฟรีสปูล และการหมุนของแขนหมุน เป็นตัวกำหนดการฟรีสปูล หรือการล๊อคการหมุน
ภาพที่ 11หันมาดูในส่วนของฝาด้านข้างมือหมุน ในส่วนของฝาจะทำอะโนไดท์สีทอง มีรายละเอียดบอกอัตราทด และจำนวนลูกปืนของรอก จุดสังเกตุอีกอย่างหนึ่งคือ ลูกปืน one -way ในรอกของ OKUMA ตัวนี้ใส่ลูกปืน one - way ของ KOYO ซึ่งใช้ในรอกตระกูล Shimano CT 400 แต่ขนาดจะต่างกันเล็กน้อย
ภาพที่ 12ในส่วนของสปูลหรือหลอดเก็บสาย ตัว Fina จะเป็นชนิดที่เรียกว่าแกนตาย หรือแกนกับสปูลไม่แยกจากกัน เหมือนกับรอก Abu 6500 ทั่วไป จะมีลูกปืนอยู่ที่หัวท้ายทั้ง 2 ข้างด้านละ 1 ตลับ
ในส่วนที่เป็นเฟืองสีขาวขุ่นนั้น จะเป็นเฟือง 2 ชั้นในส่วนด้านบนที่เป็นเฟืองละเอียดเล็ก จะทำหน้าที่ในการไปขับเฟืองตัวเกลี่ยสาย และในส่วนล่างที่เป็นร่องใหญ่ จะเป็นส่วนที่เหล็กกรีดเสียงมาเคาะให้เกิดเสียง
ส่วนจุดที่ผมว่าน่าจะมีการปรับปรุงคือ ชุดเม็ดหน่วง เพราะการใช้เม็ดหน่วงชนิดพลาสติกใส การเปิดหรือกางเม็ดหน่วงให้ทำงาน เมื่อมีการหมุนจะเกิดเสียงดัง น่าจะเปลี่ยนเป็นพลาสติกชนิด soft ซึ่งจะดูดซับเสียงได้ดีกว่า
ภาพที่ 13หลังจากที่นำสปูลออกจากเฟรมหรือ Body เรียบร้อยแล้ว ถ้ามองจากฝั่งมือหมุนเข้าไป จะเห็น เฟืองขับตัวเกลี่ยสายที่เป็นพลาสติกสีขาวขุ่น เหล็กกรีดเสียงที่ยื่นออกมา และลูกปืนที่ฝังอยู่ที่เฟรม
ข้อสังเกตุของเฟรมรอกตัวนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็น Body ชนิดเฟรมเดียว ที่เกิดจากการหล่อขึ้นรูปจากโลหะ
ภาพที่ 14เมื่อคลายน๊อตที่อยู่จากด้านใน ส่วนของฝาข้างจะหลุดออกมา จะพบชุดกรีดเสียงที่ใช้สปริงดึง ให้เกิดเสียงดังหรือเบา ก็มาจากสปริง 2 ตัวนี้ และเฟืองขับตัวเกลี่ยสายสีขาว ขนาดใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อย
ภาพที่ 15ชุดคลิกเสียงของ FINA และรอกตระกูล HG รวมถึง IDX จะใช้ตัวเดียวกันทั้งหมด
ภาพที่ 16ภาพสุดท้ายเป็นชุดเกลี่ยสาย ที่ประกอบด้วยตัวหนอน ( เฟืองสัปปะรด ) หางปลา และ ตัวเกลี่ยสาย
ภาพที่ 17ครับ รูปและคำประกอบภาพทั้งหมดถูกบรรยายโดยร้านปากน้ำครับ