นิยายของ ประชาคม ลุนาชัย เล่มนี้ เป็นเรื่องของเรืออวนลากลำหนึ่ง ไต๋เรือ จุมโพ่ นายท้าย ลูกเรือร่วม 20 ชีวิต รอนแรมหาปลาในทะเลอ่าวไทย และแล้ววันหนึ่ง พวกเขาก็เจอกับเรือโดด บรรทุกทอง เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล้านอก แต่ไม่มีคนบนเรือ พูดง่ายๆ เจอกับเรือสมบัติกลางทะเลลึก เหมือนกับพบขุมสมบัตินี่เอง ยากเหลือเกินที่พวกเขาจะประคองชีวิตตัวเองไปได้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่แพ้ภัยตัวเอง สมบัติกับวิบัติเป็นของสิ่งที่มักจะมาเยือนในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอ
อะไรจะเกิดขึ้นกับเรือประมงที่ไต๋เรือพาเรือไปเจอสมบัติไร้เจ้าของกลางทะเล?? ประชาคม วางโครงเรื่องได้อย่างชวนให้น่าติดตาม เกินครึ่งของคนอ่านคงเดาได้แล้วว่า จุดลงเอยของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร แต่เสน่ห์ของมันก็คือ การเปิดเผยถึงธาตุแท้ของคนแต่ละคน ที่อยู่บนเรือลำนั้นต่างหาก ว่ากันว่า จะเป็นโชคลาภหรือการเผชิญทุกข์ภัย ล้วนเผยธาตุแท้ของคนได้ มันจะบอกว่า คนๆนั้นโลภโมโทสัน เห็นแก่ตัวมากน้อยเพียงใด มันจะบอกว่า เขามีน้ำใจ เอื้อเฟ้อ ดูเหมือนโกวเล้งจะเคยเขียนไว้ในนิยายของเขาว่า ไม่มีอะไรจะสั่นคลอนคุณธรรมในชีวิตคนได้มากเท่ากับสมบัติ
การเปิดเผยให้เห็นลักษณะนิสัย และความสั่นคลอนของคนโดยทรัพย์สมบัติ ประชาคมเขียนได้อย่างแนบเนียน สมเหตุสมผล แล้วก็ทำให้ตัวละครเหล่านั้นมีชีวิตจริงๆเหลือเกิน ไม่ว่าจะบอกถึงนิสัยของไต๋ก๋งที่สมถะแต่จริงๆแล้วขี้เหนียวและอยากมีอยากได้เหมือนคนอื่น หรือ มิตร ชายวัยกลางคนที่เปี่ยมความหวัง ดำเนินชีวิตตามครรลอง แต่เมื่อผิดหวังก็กลายเป็นไอ้ขี้เมา ไอ้จก ชายไร้ราก ไร้รอยยิ้ม และไม่เคยหยิบยื่นมิตรภาพให้ใคร แต่จริงๆแล้วเป็นคนมีน้ำใจคนหนึ่ง นุ้ย ที่มากับ ปั้น น้องชาย พฤติกรรมของพี่น้องคู่นี้ ทำให้ผมนึกถึงนิยายเรื่อง เพื่อนยาก ของ จอห์น สไตน์เบ็ค ครับ นุ้ยนั้น เป็นมือหนึ่ง คล่องงาน หนักเอา เบาสู้ ยอมทำงานหนัก 2 เท่า เพื่อให้ผลงานเป็นตัวช่วยให้ไต๋เรือรับน้องชายเขาอยู่ในเรือด้วย ไอ้น้องชายที่เหมือนปัญญาอ่อน ทำอะไรไม่เป็น หิวแต่ข้าวทั้งวัน แล้วก็กินจุ หรือ อินทรี หัวหน้าคนอวนที่ถือว่ามีพวกเยอะกว่า อำนาจในการต่อรองมากกว่า พวกเยอะแต่อยู่กันด้วยผลประโยชน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอภิชาติ ลูกชายเจ้าของเรืออีกลำหนึ่งที่เป็นผู้โดยสารของเรือ อภิชาติ มีความรู้ ความสามารถ ฉลาด และประสบการณ์ (แต่เขาจะใช้ความฉลาดของตัวเองไปในแนวใด)
เมื่อเรือพบสมบัติ คนปัญญาอ่อนอย่างปั้น ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว คนอย่างไอ้จิ้งจกเองก็หาได้ใยดีอะไรไม่ ส่วนที่เหลือนั้น คาดหวังจากสมบัติด้วยทีท่าที่แตกต่างกัน ไต๋ก๋ง มองเห็นช่องที่จะเป็นคนมีหน้ามีตา ทรัพย์สินเงินทองเหลือใช้ นุ้ยสนใจที่จะเพียงไปทำงานที่เป็นหลักเป็นฐาน อินทรีหวังจะเอาสมบัติให้มากสุดเท่าที่จะมีอำนาจต่อรอง ส่วนอภิชาติ วางตัวเป็นกลาง แต่คนฉลาดมักซ่อนคมไว้เสมอๆ แล้วคนอย่างอภิชาตนี่เอง ที่เราเรียกว่า เสือนอนกิน
ผู้อ่านเดาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก ว่าจะจบแบบไหน แต่สิ่งที่ผมว่าน่าสนใจคือ การอ่านความหมายระหว่างบรรทัด เพื่อพบความเป็นคนในนิยายเรื่องนี้ ทุกๆคนต่างก็บอกว่า ฉันต้องได้มากกว่าคนอื่นเสมอๆ ความเร้าใจไม่ใช่อยู่ที่บรรยากาศของท้องทะเล คลื่นลมหรอกครับ ความเร้าใจมันอยู่ที่การติดตามกิเลสของคนแต่ละคนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใด โดยเฉพาะกับไต๋ก๋งและลูกเรือที่รู้ว่า เรือกลับถึงฝั่งจะมีเงินได้จากการแบ่งสมบัติขาย สมบัตินี้มันจริงซะยิ่งกว่าหวยที่ว่า มีบ้านซื้อบ้าน มีรถซื้อรถ นี่พอพวกเขาได้สมบัติบนเรือ เขาทิ้งปลา ทิ้งข้าวสาร กระทั่งน้ำมันก็ทิ้งไปบางส่วน อะไรกันหนอมันบังตาเขาขนาดนั้น