โลกของแร้งเฒ่า เล่ม 2 (แร้งเฒ่า)
24 พ.ย. 46, 14:23
1
ภาพที่ 1
|
ชื่อหนังสือ โลกของแร้งเฒ่า เล่ม 2
ผู้เขียน/ผู้แต่ง แร้งเฒ่า
สำนักพิมพ์ /ราคา / หน้า พิมพ์ บริษัท กิเลนการพิมพ์ จำกัด จำหน่ายโดยธนบรรณ มิถุนายน 2543 ราคา 150 บาท 210 หน้า ปกอ่อน ISBN 974878526-2
ประเภท บทความเชิงบันทึก ทริพตกปลาทะเล - 20 ปี แห่งประสบการณ์ตกปลาทะเลของแร้งเฒ่า
บันทึก จะว่าไปแล้ว บทความของแร้งเฒ่า มุ่งเน้นด้านบันเทิงนักตกปลาเป็นหลัก แต่ลึกๆแล้ว ก็แทบจะได้ทุกรสชาติ ได้ความรู้ เพียงแต่เรื่องเล่าเชิงการออกทริพแบบนี้ จะไม่ได้เป็นทฤษฎี แต่ความรู้ได้จากการอ่านอย่างพิจารณา เช่น เขาใช้คันเบ็ดแบบไหน เกี่ยวเหยื่ออย่างไร ชุดสายอย่างไร อุปกรณ์ที่แต่ละคนใช้ การเลือกเข้าหมายต่างๆ เพราะการตกปลาทะเลนั้น ต้องอ่านน้ำ อ่านฟ้า รู้เวลา หลายอย่าง
ซื้อที่ไหน?? ในร้านหนังสือใหม่ๆ คงหาซื้อยากแล้วครับ อาจจะต้องหาตามร้านหนังสือเก่า
|
---------------------------------------------------------------------------
หน้า 22
แต่คันเบ็ดไหนเลยมีชีวิต ผู้ที่อยู่หลังคันเบ็ดต่างหากจึงมีชีวิต และผู้อยู่ปลายสายก็มีชีวิต สายเอ็นเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ระหว่างชีวิตทั้งสอง
---------------------------------------------------------------------------
เว้นช่วงจากการรีวิวโลกของแร้งเฒ่า เล่ม 1 มาระยะหนึ่ง ผมขอพูดถึง เล่ม 2 ซึ่งมีลักษณะเป็นการรวบรวมบทความของแร้งฒ่าเช่นเดียวกับเล่ม 1 แต่คราวนี้เป็นงานเขียนที่ใหม่กว่าสักหน่อย เนื่องจากแต่ละบทที่คัดลงตีพิมพ์นั้น ไม่ได้บอกว่า พิมพ์ลงนิตยสาร ฉบับไหน เมื่อไร หรือเขียนตั้งแต่เมื่อไร ก็เลยกลายเป็นความลำบากของคนอ่านที่จะนึกจินตนาการให้ร่วมสมัย ว่าเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นเมื่อไร
ที่จริงๆแล้ว ต้องออกตัวนิดหนึ่ง ผมเป็นคนอ่านหนังสือคนหนึ่ง คือ เวลาว่างโดยส่วนใหญ่หมดไปกับการอ่านหนังสือ และก็พอจะมีแหล่งให้ยืมอ่าน กระทั่งมีหนังสือที่เก็บไว้สำหรับอ่านเองค่อนข้างมาก ดังนั้น หนังสือเกี่ยวกับตกปลาที่ผมนำมารีวิวนี้ บางเล่ม ผมซื้อไว้นานแล้ว พอเอามาพูดถึงวันนี้ หลายๆคนอ่านที่ผมรีวิวแล้ว อยากหาซื้อ ก็หาไม่ได้ซะแล้ว เป็นแบบนั้นจริงๆครับ เพราะหนังสือขายหมดจากร้านไปนานแล้ว ดังนั้น ผมจะเพิ่มส่วน ซื้อที่ไหน ด้วยก็แล้วกัน ยกเว้นบางเล่มหาซื้อไม่ได้แล้ว ก็จะบอกไว้เช่นกัน
บทความของแร้งเฒ่า มีพัฒนาการขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่จะเห็นได้ไม่เปลี่ยนแปลงคือ การเจือด้วยรสชาติและปรัชญาชีวิตของคนตกปลา (อย่างแร้งเฒ่า) แต่แกนของบทความคือ การบันทึกทริพการออกตกปลาทะเล โดยเก็บบรรยากาศของเกมส์การต่อสู้มาไว้ในตัวอักษรอย่างครบถ้วน บทความของแร้งเฒ่าจึงเต็มไปด้วยสีสัน แพรวพราวไปด้วยลูกเล่น มันเหมือนกึ่งนิยาย กึ่งชีวิตจริงๆทำนองนั้น นี่เป็นเสน่ห์ของทริพตกปลาที่บรรยายโดยแร้งเฒ่า
สำหรับเล่มที่ 2 นี้ ถ้าอ่านกันอย่างละเอียด จะเห็นว่าเจือไปด้วย ความรู้สึกห่วงใยท้องทะเล กระทั่งการเป็นนักอนุรักษ์ในแบบของแร้งเฒ่า
---------------------------------------------------------------------------
หน้า 21
แล้วความฝันของคนพยายามก็ทอประกายความเจิดจ้า เมื่อคัน Fenwick ถูกกระชาก งอหงิก Abu 7000 ส่งเสียงเรียกเจ้าของดังเจื้อยแจ้ว สาย 15 ปอนด์ไหลลื่นออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่มีทางหยุดมันได้ ผู้ที่ปราดถึงคันก่อนคือ จิระยุทธ คันเบ็ดถูกชักออกจากกระบอกปักคัน เสียงรอกยังโหยหวนปานถูกเฆี่ยนกระหน่ำด้วยแส้ คันเบ็ดเคลื่อนไหว ราวกับมีชีวิต
ทันทีที่สายหยุดออกจากรอก มือสองข้างทำงานผสมผสานคล้องจอง แม้ผู้อยู่ปลายสายจะโชว์พลังกระชากสายออกเป็นระยะ แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคันเบ็ดเป็นมือระดับซือแป๋เรียกพี่ ชั่วเวลาไม่กี่นาที แชกำตัวกำลังงามปรากฎให้เห็นอยู่ใต้ท้องเรือ ห่างจากผิวน้ำลงไปไม่กี่เมตร ถึงแม้มันจะไม่ยอมรับในชะตากรรม แต่การคิดจะมีชีวิตรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช ยามนี้ยากยิ่งกว่าหาบันไดขึ้นสวรรค์ แล้วโชคชะตาก็กำหนดให้ชีวิตของมันจบสิ้นที่หัวเกาะเหลาหยา แชกำขนาดค่อนข้างโต มีน้ำหนักถึง 7 กิโลกรัม
---------------------------------------------------------------------------
หน้า 27
ผมยกเหล้าเทลงในกระเพาะ นั่งเหม่อมองขอบแสงไฟ คิดถึงคำพูดคุณพินิจ
หากมีผู้ใหญ่ในครอบครัวให้การสนับสนุนในเรื่องการตกปลาโดยถือเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ไม่ยึดติดกับบาป ในอนาคต เด็กหนุ่มเหล่านี้จะเป็นผู้จรรโลงสืบทอดกีฬาตกปลาให้อยู่คู่ผืนน้ำ ทั้งคนหนุ่มเหล่านี้แหละจะมีพลังแรงที่ยืนหยัดต่อสู้การทำลายล้างของผู้เห็นแก่ได้
ผมหวังเพียงให้ ผู้ใหญ่ ในสังคมเปลี่ยนทัศนะ อย่ามองนักตกปลาเป็นผู้ทำลายล้าง เป็นคนบาป ที่แท้คนเหล่านี้รักผืนน้ำ รักธรรมชาติ ปรารถนาให้ผืนน้ำคืนสู่ความสมบูรณ์ยิ่งกว่าผู้ที่ตะโกนปาวๆ ว่าเป็นนักอนุรักษ์หลายเท่านัก
---------------------------------------------------------------------------
หน้า 122
เพียงเสียงสมอเรือสัมผัสผิวน้ำ แสงไฟสว่างขึ้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันประจำจุด เหยื่อหมึกตายมาหยกๆ ถูกเกี่ยวเข้ากับตัวเบ็ด ปล่อยสายชิ่งไปราวๆ 15-20 เมตร ปล่อยให้กระแสน้ำจูงเหยื่อเข้าปลายแหลม ตามด้วยตะกั่วขนาด 4 ลูกต่อกิโลกรัม ผูกเข้ากับสายเอ็น ถ่วงเหยื่อลงหน้าดิน เพียงไม่กี่อึดใจ เหยื่อหมึก 5 ตัว นอนสงบนิ่ง ท้าทายฝูงปลาเจ้าถิ่น
ช่วงเวลาบุหรี่หมดมวน ห่างท้ายเรือออกไปราว 30 เมตร ร่างปลาสากเหลืองขนาด 3 กิโลกรัมกระโดดขึ้นสะบัดเบ็ดที่ขอบไฟ รอก PENN ของเฮียยักษ์ส่งเสียงแกร๊กสั้นๆ ไม่มีปัญหาใดสำหรับมัจจุราช 120 กก. สาย 30 ปอนด์ เหมือนพยายมผู้กระชากวิญญาณสากตัวนั้นให้พลีร่างเป็นอาหารเช้าสำหรับพระกาฬบนเรือ
ไม่ทันปลดเบ็ดออกจากปากปลาสาก คัน 20 ปอนด์ ถูกดึงปลายโค้งคำนับสามเกลอ ท่านโมเบี๊ยะชักคันขึ้นยืนโยก และคลึงทำท่าราวเอลวิส เพรสลีย์ บนเวที ตัวปลายสายแม้จะแข็งขืนบ้าง ก็ยังไม่ใช่คู่มือท่านโมเบี๊ยะผู้ใช้คันในมือ (ยามนี้) อาละวาดมาแล้วตลอดแนวตะวันออก
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น อั่งเกย 4 กก. ถูกลากลอยตัวอยู่ข้างเรือ ท่านโมเบี๊ยะใช้มือจับลีดเดอร์ตวัดร่างนั้นขึ้นเรือ เป็นอึดใจเดียวกับมัจจุราช 120 กก. กำลังโยกคันเย่ออั่งเกยอีกตัวมาสู่ท้ายเรือด้วยชุดขนาน 50 ปอนด์ ในมือ นับได้ว่านรกกำลังอ้าแขนรับอั่งเกยตัวนั้นผ่านหม้อต้มยำ แล้วตะขอในมือไต๋ยอร์จก็สับเข้ากลางตัว ตามด้วยปลายคัน Daiwa ถูกกระตุกเบาๆ รอก Penn 320 ดังแกร๊กสั้นๆ หนวดโหดจากทักษิณ ชักคันหมุนรอกแบบม้วนเดียวจบ ไอ้ง่อง ขนาด 2 กก. ย่อมไม่มีทางปฏิเสธความตายจากเฮียน้อย ปลาตัวที่ 4 ถูกหิ้วตัวขึ้นเรือ ชั่วเวลาไม่ถึง 15 นาที หลังสมอทิ้งตัวลงสู่ก้นทะเล
---------------------------------------------------------------------------
หน้า 113
ผมนั่งเฝ้าคันเบ็ด ปล่อยจิตใจล่องลอยไปกับความฝัน นึกย้อนหลังถึงอดีตเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา บ่อยครั้งที่ผมพร่ำถามตัวเองว่า
.. มันเป็นความสุขหรือที่ต้องมาอยู่ที่นี่ในยามนี้ ใยตัวเราไม่นอนกอดเมียบนฟูกนุ่มนิ่มในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ใยเราชมชอบแต่สัมผัสพื้นเรือ แข็งกระด้าง ผจญกับคลื่นลมซึ่งบางครั้งอาจรุนแรงแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่หัวใจก็ใฝ่หาจะกลับมาอยู่ในสภาพเช่นนี้
นั่นเป็นเพราะ หัวใจรับรู้ถึงอิสรภาพที่ใฝ่หาไม่รู้จักอิ่ม ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ชีวิตมีโอกาสหลุดพ้นจากพันธนาการอันตลบตะแลงของสังคมใน กทม. เวลาสั้นๆที่ชีวิตไม่ต้องอยู่อย่างสัตว์เลี้ยงเชื่องๆในกรงเล็กๆ ที่สร้างขึ้นโดยกฎเกณฑ์อันแสนบัดซบของสังคม ความเหน็ดเหนื่อยของร่างกายในยามนี้ เทียบไม่ได้สักเศษเสี้ยวของความบอบช้ำในจิตใจจากริ้วแส้ไร้สสารในสังคมคอยกระหน่ำซ้ำเติมผู้อ่อนแอกว่า ใช้อำนาจเงินตราเข้าควบคุมทุกสิ่ง แม้แต่จิตวิญญาณของคน