1. 1 / 10 / 1986 ผมพร้อมด้วยพี่ชายและหลานสาวอายุ 12 ขวบ ขับรถไปบ่อตกปลาที่มีคนเขาบอกต่อๆกันมา มันเป็นอย่างไรผมไม่รู้ไอ้บ่อตกปลาน่ะ เขาบอกว่าต้องเสียเงินถึงจะตกได้ ผมรู้แค่นั้นสำหรับเรื่องบ่อตกปลา ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนักเพราะทำงานอยู่ที่ จว.ภูเก็ต เดือนหนึ่งถึงจะกลับมาบ้านสักครั้ง ก็ 3-4 วันเอง จึงรู้แต่ว่าทะเลและการลากเบ็ดล่อปลาสากและอินทรีเป็นอย่างไร ผมหาเส้นทางไปบ่อปลาจนถึงที่จนได้ ทางเข้ามีป้ายเขียนไว้ว่า " บึงวังไทร"
2. 11.00 น. โดยประมาณ ผมสะพายคันเบ็ดเป็นคันที่ยืมเขามารู้สึกเป็นคันที่เบาและเล็กจริงๆสำหรับผม ยาว 8 ฟุต ยี่ห้อ ไดว่า คันสีเหลืองๆ ไกค์อลูมิเนียม 4 ขา ด้ามยาง ขายึดรอกเป็นอลูมิเนียมสองชั้น ก็เก๋ดีน๊ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นรุ่น อพอลโล่หรือเปล่าลืมแล้ว ส่วนรอกเป็นไดว่า จำรุ่นไม่ได้รู้สึกเป็น AB หรือ A อะไรนี่แหละ ใส่สาย เบอร์ 60 เต็มสตีม เป็นเบอร์ขนาดสายโนเนมที่เขาวางขายให้ชาวบ้านใช้ตกกัน ความยาวสายที่ใส่ไว้สามารถลากเบ็ดตกปลาสากและอินทรีด้วยเรือหางยาวได้สบายๆ 80 กว่าเมตร เป็นของผมเองหอบหิ้วมาจากภูเก็ตโน่นแน่ะ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ผมหอบหิ้วอุปกรณ์เข้าไปด้วยความรู้สึกเหมือนเข้าโรงเรียน ป.1 วันแรก
3. เดินมาข้างในมีเค้าเตอร์และมีคนยืนอยู่ (เหมือนเค้าเตอร์โรงแรมตามชายหาดเลย......ผมคิดในใจ) ใช้เวลาตกลงกันเรื่องเข้าไปตกปลาในบ่ออยู่นานกว่าจะเข้าใจ (ยุ่งยากจังเลย..ทำไมต้อง.........ทำไมต้อง.......ไม่เห็นเหมือนออกไปลากเบ็ดที่บ้านตูเลย.) ผมคิดในใจอีก แต่ก็เรียบร้อย รับกระดาษค่าเช็คเวลาเพื่อเสียเงินมาหนึ่งใบ
4. มองซ้ายมองขวาหาที่เปลี่ยวๆเพื่อตกปลา เอ....ทำไมสถานที่มันถึงเหมือนมาตกในบ้านคนน๊ะมีหลังคา มีทางเดิน มีโต๊ะนั่ง ผิดคาดแฮ๊ะ... นึกว่าจะมีแต่บ่อกว้างๆ อยู่กลางทุ่งโล่งๆ ตกลงเดินไปทางซ้าย ผ่านรูปปั้น จระเข้ตัวใหญ่ สงสัยเป็นชาละวันแน่เลย เดินมาครึ่งบ่อมีทางเดินไปกลางบ่อด้วย เดินเลยมาอีกนิดก็พบกับคนรู้จักเข้าพอดีเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพ เขาชื่อ ผู้กอง ยุทธดนัย งามบุญ (ขอโทษที่กล่าวพาดพิงถึง) ในขณะนั้น รู้สึกปัจจุบันท่านรับราชการเจริญก้าวหน้าเป็นผู้กำกับนานแล้ว อยู่ทางหลวงอยู่พักหนึ่ง ก็เข้าไปทักทายก็ทราบว่าท่านว่างจากงานก็มักมาตกปลามาหลายปีแล้ว
5. มีความผิดสังเกตุเกิดขึ้นเมื่อพอจับสังเกตุจากสายตาของท่านผู้กอง ยุทธดนัย ฯได้ จากที่ท่านมักมองมาที่อุปกรณ์ตกปลาของผมบ่อยๆ แต่ผมเฉยๆ
6. อีกแล้ว เมื่อเดินผ่านใครต่อใครก็มักมองอุปกรณ์ตกปลาผมแล้วทำท่าทาง งงๆ ขำๆ หรือหันกลับไปมองตากันบ้าง ผมชักรู้สึกไอ้คันเบ็ดและรอกที่ประกอบกันมาครบชุดมันเริ่มหนักขึ้นแล้วซิ ให้หลานสาวถือดีกว่า
7. ถึงเวลาตกแล้ว เอ.....เขาตกกันยังไงล่ะ มองคนอื่นเขาก็ไม่รู้เพราะเขานั่งกันไกล เรามีเพียงขนมปังแผ่นฟาร์มเฮ้าส์ถุงเดียวเอง เพื่อนบอกก่อนมาว่าใช้ขนมปังตกปลาน๊ะ แล้วมันตกยังไงล่ะ........เห็นแล้ว เขาปั้นขนมปังเป็นก้อนกลมๆขนาดลูกปิงปองแล้วขว้างออกไป โธ่...แค่นี้เอง
8. คันเบ็ดเราประกอบชุดตะกั่วแบบที่ตกปลาเก๋าเกี่ยวชิ้นปลาหมึก ก็คงใช่น๊ะ แค่เอาขนมปังมาหนึ่งแผ่นปั้นๆๆๆๆๆ หุ้มตัวเบ็ดบีบๆๆๆๆๆให้กลมๆ แล้วเหวี่ยงเต็มแรง..........วิ้ว ๆ ๆ ๆ จ๋อม ตะกั่วไปครับแต่ขนมปังหล่นข้างหน้า 2 เมตร เอาไหม่สงสัยบีบเบาไป บีบๆๆๆๆๆ ปั้นๆๆๆๆๆ กดๆๆๆๆๆๆ เหวี่ยง วิ้ว ๆ ๆ ๆ ได้ผล ฮ่า....ขนมปังเราก้อนใหญ่กว่าเขาด้วย เดี๋ยวเถอะ ต้องตัวใหญ่แน่ ตะกั่วและเหยื่อพุ่งออกไปตกในน้ำห่างราวๆ 20 เมตร นี่เต็มแรงแล้วน๊ะ
9. ผมทำอย่างเดิมทุก 1 ชั่วโมง เมื่อเก็บเบ็ดมาขนมปังที่ปั้นไว้ยังเหมือนเดิมแต่แข็งกว่าเดิมมากเป็นไตเลย เอามือบิออกมายังไม่ค่อยจะออกต้องใช้สองมือมาบีบให้แตก ในใจคิด " เมื่อไหร่ปลาจะกินน๊ะ เหยื่อก็ยังอยู่ดีอยู่เลย "
10. หกโมงเย็น ผมชวนทุกคนกลับเพราะเย็นมากแล้ว ไฟในซุ้มเปิดสว่างพอดี เสียงเพลงจากลำโพงบนหลังคาซุ้มดังขึ้นเป็นเพลงโปรดผมด้วย เพลงรักยืนยง ของ ปั่น ไพบูรณ์ ฯ สรุปเรากลับบ้านโดยไม่มีปลามากินเบ็ดเลย แต่เราได้กินมะขามเทศฝาดข้างรั้วแทน ก็ฝาดๆมันๆฝืดคอดี หิวน้ำด้วย
11. " สงสัยมาตกควายว่ะ " เป็นเสียงลอยๆที่จงใจให้ลอยมาให้ผมได้ยินพร้อมเสียงหัวเราะ หึๆๆ อีกนิดหน่อย ผมไม่สนใจอะไร เพราะผมไม่เข้าใจ จึงเดินผ่านไปหน้าตาเฉย ..( อ๋อ..นึกออกแล้วที่โบราณเขาว่าไว้ เดินหน้าตาเฉยไม่รู้อีโหน่ อีเหน่ เป็นแบบนี้เอง)วันนั้นไม่มีเรื่อง ถ้าวันนั้นน๊ะ...ผมรู้ว่าถูกแซว รับรอง.....ผมคงไม่รู้จัก หวัดมรณะหรอก
วัน เวลา แห่งความทรหดอดทนเยี่ยงคนเหล็กเริ่มต้น ณ บัดนี้
โลกใบใหม่ที่มีให้ค้นคว้าเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความสุข สนุก เศร้า และอีกหลายอารมณ์เกิดขึ้นใหม่แล้วในตัวผม
แล้วพบกันใหม่ วันพรุ่งนี้
ศักดิ์ (กทม.)