ภาพที่ 1
พื้นที่บางอ่าวบางปะกง
ลมหนาวแรกของปีนี้มาถึงแล้ว มาถึงก่อนที่น้ำในคลองหน้าบ้านจะเปลี่ยนสีเปลี่ยนรสเป็นน้ำกร่อยเค็มตามวัฏจักรของธรรมชาติที่เป็นมาเช่นนี้หลายชั่วอายุคน...จนถึงวันนี้ วันที่หลายสิ่งหลายอย่างกำลังเปลี่ยนไปตามภาวะโลกร้อน และความโลภของมนุษย์เรา ที่ทำให้พื้นที่ก้นอ่าวเสียหายไปหลายแห่ง ล้วน เป็นพิษเป็นภัยต่อแหล่งอาหารของคนไทยทั้งประเทศทั้งนั้น...ใครจะเข้าใจ ?
ภาพที่ 2 เวทีคัดค้านต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ลมเย็นแบบนี้เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ จะรู้สึกเป็นสุข และสนุกสนานมาก ได้นั่งผิงไฟข้างกองฟาง ย่างปลาที่ทงมาได้ มองออกไปเห็นแต่สีทองของรวงข้าว เคล้ากับสายหมอกยามเช้าสดชื่นยิ่งนัก...แต่บัดนี้ลมหนาวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่พัดมาก็เต็มไปด้วยพิษร้ายจากการพัฒนาจากอุตสหกรรมขนาดหนัก...นำเอาอากาศเสียมาถึงที่นี่ ที่ที่เต็มไปด้วยปํญหามลพิษอยู่แล้ว เล่นเอาผมเป็นไข้หัวลมอยู่หลายวัน...นี่ขนาดอยู่กันไกลกันหลายพันไมล์...แล้วจะไม่ให้พูดถึงเรื่องใกล้ตัวได้อย่างไร? เมื่อภัยร้ายจากถ่านหินของพม่า... กำลังจะถูกนำมาผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ตำบลเขาดิน ติดริมแม่น้ำบางปะกง ด้านหลังจุดพักของทางด่วนมอเตอร์เวย์ ผมเฝ้าติดตามข่าวที่มีการประท้วงของคนพื้นที่ด้วยความเป็นห่วง ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเหมือนกับระยองที่ยากจะแก้ไข...วันนี้มีแค่รูปมาฝาก แล้วจะมาว่ากันอีกที หลังจากที่เจ้าของโครงการยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ...พวกเรานักตกปลาลุ่มน้ำบางปะกงจะมีความคิดเห็นอย่างไร? เชิญแสดงออกครับ...ก่อนจะสายเกินแก้
ภาพที่ 3
คุณเด่น...เล่นแบบนี้ก็มีสุข
บางปะกงน้ำคงขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเดิม หลายปีมาแล้วที่ฝูงโลมาเข้ามากินบริเวณปากอ่าว บางทีก็เข้ามาถึงในแม่น้ำ เลยขึ้นไปถึงเขตบ้านโพธิ์ วัดหลวงพ่อโสธร หน้าตลาดแปดริ้วก็มีผู้พบเห็นอยู่เสมอในช่วงหัวน้ำขึ้นที่ลมยังไม่เปลี่ยนทิศ เขาเข้ามาทำไม?
ผมเคยตั้งคำถามถึงสาเหตุที่โลมาเข้ามาหากินถึงในถิ่นนี้ ในเมื่อก่อนยังไม่ค่อยมี หรือนี่จะเป็นเครื่องบงชี้อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับลุ่มน้ำนี้ แสดงว่าปากอ่าวบางปะกงของเราสมบูรณ์ขึ้น มีแหล่งอาหารให้โลมาได้อาศัยหากิน... หรือว่ากลางอ่าวไทยของเราหมดความอุดมสมบูรณ์เสียแล้ว จึงทำให้โลมาต้องเข้ามาหากินถึงที่นี่ ต้องเสี่ยงอันตรายจากเรือทัวร์ของนักท่องเที่ยวหลายสิบลำที่วิ่งต้อนฝูงของมัน จนหลายตัวต้องบาดเจ็บหรือตายด้วยใบจักรเรือในทุกปี...ปีนี้คาดว่าจะหนาวนาน โลมาคงเข้ามามาก ใครอยากดูเชิญได้เลยครับ หมดหนาวก็หมดตัว...สอบถามได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลตำบลท่าข้าม
ภาพที่ 4
แผนที่ปากอ่าวบางปะกง
ถ้าเรา ดูจากแผนที่ พื้นน้ำปากอ่าวบางปะกงเราประมาณ 135 -150 ตารางกิโลเมตร เป็นเขตติดต่อของหลายท้องที่ คลองด่าน แสมขาว ปากร่องเรือ ตำหรุ เขาสามมุข อ่างศิลา และหน้าเมืองชลบุรี มีระดับน้ำลึก 0- 8 เมตร ซึ่งเต็มไปด้วยโป๊ะ ซากไม้ไผ่ หลักไม้หอย กระชังปลา มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งจำนวนมากพวกปลากะพงขาว หอยแครง หอยนางรม กุ้ง ปูทะเล และเป็นแหล่งของกุ้งเคยชั้นดีที่นำเอามาทำกะปิหอม หล่อเลี้ยงผู้คนริมน้ำมาช้านาน หรือนี่อาจเป็นอีกบทหนึ่งของตำนานการล้างผลาญที่กำลังจะเกิด...หากโครงการไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นจริง
ภาพที่ 5
นักตกปลาที่ปากอ่าว
สำหรับนักตกปลาผมถือว่าพื้นที่แถบนี้มีจำนวนปลาน้ำกร่อยและน้ำเค็มมากพอสมควร แม้ธรรมชาติจะถูกทำลายไปเยอะ ด้วยน้ำเสียจากนิคมอุตสาหกรรม การไฟฟ้าบางปะกง (กฟผ.) ชุมชนต่างๆ แต่ปลากด ดุกทะเล หางกิ่ว กะพงขาว ในแม่น้ำและปากอ่าวก็พอหาตัวได้ หรือจะออกไปตามแนวทุ่น ร่องเดินรือ ซากโป๊ะ หลักหอย ก็จะมีปลาหลากหลายชนิดให้ได้สนุก สาก กระเบน อั้งเกย สร้อยนกเขา กุเลา ไอ้คุด จวด ฝูงสละหน้าปากอ่าวเจ้าพระยาก็สร้างความฮือฮาด้วยจำนวนปลาที่เรืออวนลากได้มานับตัน นักตกปลาคงเอาขึ้นมาได้ไม่มากนัก...ธันวาคมถึงมกราคม ดูว่าจะเป็นช่วงนาทีทองของปากอ่าวบ้านเรา...รีบกันหน่อย
ภาพที่ 6
บ้านผมเอง...ไม่ต้องเกรงใจกัน
การเข้าถึงหมายพวกนี้จะสะดวกมากถ้าท่านมีเรือเร็วมาเอง ขนาดใดก็ได้มีที่ลงเรือหลายแห่ง หรือจะมาลงที่แสมวิว บ้านผมก็ได้มีที่พักไว้บริการด้วย จะนำเต๊นท์มากางเองก็มีที่เฉลียงริมน้ำหน้าบ้าน จะได้ลุยกันเต็มสูบ พร้อมมีพิกัดดาวเทียม จีพีเอส ของหมายต่าง ๆ ในบริเวณนี้ไว้มากพอสมควรเที่ยวอีก 5 ปีก็ไม่มีหมด ยกเว้นปลา ถ้าไม่มีเรือเองก็คงต้องอาศัยเรือดูโลมาแทนละครับ มีนับสิบลำ ไต๋เรือเป็นชาวประมงโดยอาชีพ มีความชำนาญในน่านน้ำบริเวณนี้ ติดต่อได้ที่ท่าเรือทุกแห่งตลอดชายฝั่งบางปะกง ตลาดล่าง ตลาดกลาง ตลาดบน หัวแหลม หมู่8 ท่าข้าม ถ้าตกตามสะพานหรือชายฝั่งก็นับไม่ถ้วน แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท่าน
ภาพที่ 7 หางกิ่ว...ต้นหนาวนี้
ผมตกปลาน้อยมากในช่วงที่ผ่านมา...ไม่ค่อยมีผลงานมาให้ดู ส่วนใหญ่เน้นไปที่การปลูกป่า ดำน้ำดูปะการัง ดูซากเรือจม หรือกองหินต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นหมายตกปลาดังในอดีต แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง...ถึงความหลังที่ประทับใจ...แต่ตอนนี้มันเศร้าใจ...มันเกิดอะไรขึ้น ? กับอ่าวไทยตอนบนของเรา
ขอแนะนำพื้นที่ ๆ สวยที่สุดของปากแม่น้ำบางปะกงที่ยังคงความสมบูรณ์มาได้ถึงวันนี้คือ เกาะนก คลุมพื้นที่ประมาณ 125-150 ไร่ เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศน์ของป่าชายเลนอย่างดี มีต้นไม้มากกว่า 20 ชนิดขึ้นอย่างหนาแน่น เป็นป่าจากเสีย 70 % นอกนั้นเป็นต้นแสมขาว แสมดำ ตะบูน โกงกาง ที่ผมกำลังทดลองปลูกคือต้นโพธิ์ ไทร ไกร กร่าง ไม้มงคลที่ให้ร่มเงา และลูกที่เป็นอาหารสำหรับนกกา ค้างคาว ในอีกห้าปีข้างหน้า
ภาพที่ 8
ทางเดินในเกาะนก
นกนานาชนิดมากกว่า 50 สายพันธุ์ หลายหมื่นตัว อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นหลังจากถูกไล่มาจากพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ คงไม่มีที่จะไปแล้ว เห็นสีเขียวของเกาะ ความสงบ ร่มเย็น เลยยึดเอาเป็นบ้านอย่างถาวร ดูเป็นชุมชนแออัด เกาะกันจนต้นไม้ตายไปก็มี โดยทางเทศบาล และกรมทรัพยากรธรรมชาติก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี...นอกจากปลูกต้นไม้ให้เพิ่มขึ้น ด้วยเป็นเขตห้ามล่า คนในพื้นที่ก็ช่วยกันดูแล เป็นพื้นที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าเดินเที่ยว มีสะพานไม้ทอดยาวตลอดเกาะ ศาลาพัก หอสูงชมวิวด้านทิศใต้ มองออกไปรอบ ๆ จะเห็นความโค้งของแม่น้ำ และกระชังเลี้ยงปลากะพงชายร่องน้ำ...ยามอาทิตย์อัสดงสวยงามยิ่งนัก
ภาพที่ 9 หอชมนก
บริเวณแนวกระชังเลี้ยงปลาจะเป็นดินดอน กระแสน้ำไม่แรงมากนักเหมาะมากสำหรับนักตกปลาทางเรือ ทั้งช่วงน้ำขึ้นและน้ำลง แต่ควรจอดเรือห่างจากกระชังปลาหน่อย กลัวว่าเบ็ดจะไปเกี่ยวอวนเขาขาด ยิ่งเป็นตอนกลางคืนไม่ควรเข้าใกล้ เดี๋ยวโดนลูกหลง (ปืน) เพราะมีพวกลักตัดกระชังปลาสร้างผลงานที่ไม่ดีไว้ ควรระวัง !
ภาพที่ 10
นกกาน้ำส่วนหนึ่ง
ปลากะพงใหญ่มีมากในบริเวณนี้ ด้วยมีเศษอาหารจากการเลี้ยงปลาลอยออกมา การจอดเรือท้ายน้ำในเวลาให้อาหารเช้า-เย็น จะมีโอกาสสูงมาก ด้วยเหยื่อปลาทูแล่ หรือกุ้งเป็น ผมเคยได้ขนาดใหญ่ 10 กว่ากิโลกรัมมาแล้ว กับพี่ชัยพนม และคุณอ๊อดฟิชคิลเลอร์ (ที่ล่วงลับไปแล้ว) แต่เราก็เฝ้ากันเป็นอาทิตย์ถึงจะประสบความสำเร็จ...
ภาพที่ 11
ปลูกแต่ป่า...ไม่ค่อยได้ตกปลา
นี่คงเป็นงานชิ้นแรกในหลายปี ผมหยุดเขียนหนังสือมานานด้วยเหตุผลส่วนตัว ที่หันไปศึกษาแก่นแท้ของธรรมชาติ นั้นก็คือแก่นธรรม... ซึ่งก็เป็นไปตามวัยที่ผ่านชีวิตมาครึ่งคนแล้ว ตกปลามา 20 กว่าปีจนเพื่อนที่สนิทกันลาจากโลกนี้ไปหลายคน เลยต้องหันมาดูตัวเองว่าเมื่อไรจะตามเพื่อนไป...ไม่มีใครรู้อนาคต...ปัจจุบันจึงไม่ควรประมาท... ผมจึงขอใช้ชีวิตที่เหลือนี้ทดแทนบุญคุณให้กับแผ่นดินและผืนน้ำ ด้วยการทำโครงการ ร่วมปลูกต้นไกรทั่วป่าไทย...ถวายในหลวงเรา แจกต้นกล้าและเม็ดพันธ์ทั่วไทย ใครมีจิตกุศลขอมาได้ และเริ่มเขียนบทความในแนวอนุรักษ์ใหม่อีกครั้ง เพื่อให้รุ่นพี่ น้อง เพื่อน ของวงการตกปลาบ้านเรานำคำว่า พอเพียง มาปรับใช้ให้วงการของเรายั่งยืน...มากกว่าการโอ้อวดกันด้วยจำนวนปลาและขนาดที่ตกได้...ซึ่งมันสวนทางกันกับจำนวนปลาที่ลดลงอย่างน่าตกใจ... จากสาเหตุข้างต้น
ภาพที่ 12
เจ้าของพื้นที่
อ.เปี๊ยกมาหาผมบอกว่าจะออกนิตยาสารตกปลา ให้ช่วยเขียนเรื่องให้หน่อย เราคุยกันอยู่นานว่ามันจะไหวหรือเพื่อน ? หลายคนเข้ามาได้สักพักแล้วก็หายไป สาเหตุส่วนใหญ่คือขาดทุน...มันเป็นงานของคนบาปในคราบนักบุญ...เหมือนตกหลุมปลาโจน...ที่โดดลงไปแล้วยากจะขึ้น... ถ้าบารมีไม่พอการไปถึงดวงดาวก็ดูจะห่างไกล มีสื่ออินเตอร็เน็ตที่มาแรง เร็ว ในขณะที่คนไทยอ่านหนังสือกันเฉลี่ยไม่กี่บรรทัดต่อคน/ปี ...แต่ถ้าทีมงานตั้งใจจริง และมีแนวทางที่ดี เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย ผมก็ขออวยพร...กุศลทานบารมีเท่านั้นจะช่วยได้
ภาพที่ 13
อัสดง...หน้าโรงไฟฟ้า
การออกเล่นเรือ ดำน้ำ ตกปลาของผมแต่ละครั้ง จึงไม่ใช่การได้ปลาเพียงอย่างเดียว...ชมนกตกปลา...ดูโลมาที่ปากอ่าว...เรื่องนี้จึงเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น...เรื่องมันส์กว่าคอยติดตาม
---------------------------------------------------------
สอบถามข้อมูล
เทศบาลตำบลท่าข้าม โทร.0-3857-3411-2
แสมวิวรีสอร์ท โทร. 0-3882-8372-3 08-6540-0185
ป.ประจิณ โทร.08-9097-8857 samaeview@thaimail.com
เรื่องนี้เขียนให้นิตยาสาร..".ฟิชชิ่งทริป" ในเรื่องเล่าย่อของ...ป.ประจิณ