สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 3 พ.ค. 67
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10 ตอนที่ 7 (จบบท) : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 19 - [6 ก.ย. 55, 16:06] ดู: 3,430 - [3 พ.ค. 67, 01:19] โหวต: 10
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10 ตอนที่ 7 (จบบท)
หนุ่มธุดงค์ไพร (707 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
27 เม.ย. 55, 09:00
1
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10 ตอนที่ 7 (จบบท)
ภาพที่ 1
บทที่ 10

ตอนที่ 7

          ฝูงอสูรกายนับสิบตัว ซึ่งลักษณะไม่ได้แตกต่างไปจาก เจ้าของซากที่นอนสิ้นฤทธิ์อยู่นั้น ต่างพากันไต่ยั้วเยี้ยมาตามผนัง และเพดานถ้ำดูวุ่นวายไปหมด บางตัวก็พลาดตกลงมาจากเพดาน เพราะถูกพวกเดียวกันเองเบียดจนตกลงมาหงายท้อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไอ้ สัตว์กระหายเลือดหยุดอยู่แค่นั้น พอมันตั้งหลักพลิกตัวกลับขึ้นมาได้ ก็คลานงุ่นง่านตรงมาทางชายหนุ่มทันที ซึ่งตอนนี้ถอยห่างออกไปหลายวา โดยไม่ละไฟฉาย ที่จะส่องจับออกไปอย่างไม่สู้จะไว้ใจนัก จนในที่สุด ก็มีไอ้ตัวที่คลานนำหน้าฝูงมาก่อนใคร ไต่มาถึงบริเวณซากของเพื่อนร่วมสายพันธุ์เดียวกันกับมัน แต่แทนที่มันจะแสดงปฏิกิริยาที่บ่งบอกว่ากลัว หรือโกรธที่พบซากพรรคพวกของมัน ตรงกันข้ามมันกลับก้มลงกินซากนั้นอย่างกระหายหิว จนตัวอื่นๆที่ไต่มาถึงภายหลัง ต่างพากันยื้อแย่งซากนั้นอย่างบ้าคลั่ง ดูชุลมุนวุ่นวาย ราวกับฝูงแร้งยื้อแย่งซากศพ ทั้งเสียงกัดกันเอง เสียงฉีกขาดของเศษซาก ซึ่งตอนนี้มันได้แยกส่วนกระจัดกระจายจนจำเค้าเดิมไม่ได้ บางตัวก็ลากไส้ไต่หนีตัวอื่นๆขึ้นไปหลบกินบนผนัง บางตัวก็คาบชิ้นส่วนที่เป็นปีกหลบหายเข้าไปในเงามืด และบางตัวก็ฉุดกระชากชิ้นเนื้อดึงกันไป ดึงกันมา ราวกับเล่นชักเย่อกัน มันเป็นภาพชวนขนลุก ผสมกับความสะอิดสะเอียนเกินคำบรรยาย
ดูเหมือนว่า เหล่าอสูรกายจะเพลิดเพลิน อยู่กับมหกรรมเมนูอาหารชุดพิเศษ จนหลงลืมไปว่า มีสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์แปลกปลอมอยู่ด้วย เมื่อได้โอกาสเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงค่อยๆหลบฉากมาอีกทาง โดยปล่อยให้ไอ้ สัตว์กินซากรุมทึ้งพวกเดียวกันเองไว้เช่นนั้น ส่วนตัวเขาไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า รีบเผ่นออกจากวงโต๊ะอาหารสุดสยอง ให้เร็วที่สุด แต่แล้วก็สะดุ้งสุดตัว จนแทบจะชักขากลับออกมาไม่ทัน เพราะจังหวะที่ค่อยๆถอยหลังช้าๆอยู่นั้น ไม่รู้ว่าเจ้าป่าหรือยมทูตแกล้งปิดตาไม่ให้เห็น ไอ้ตัวกินซากตัวเขื่อง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ไปแอบซุกแทะซากอยู่บริเวณนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้ชายหนุ่มเหยียบเขาไปที่ตัวของมันชนิดเต็มๆฝ่าเท้า

“จี๊ดดด!!”

“แจ๊กกกก”

“พลึบ” ไอ้ตัวประหลาดร้องเสียงแหลม ก่อนจะเผ่นพรวดออกไปด้วยความตกใจ ไม่ต่างไปจากชายหนุ่มที่ผงะเกือบจะหงายหลัง จะว่าไม่กลัวหรือเสียดายอาหารของมัน ที่อุตส่าห์แย่งมาก็ไม่ทราบได้ แทนที่ไอ้ตัวประหลาดจะหนี มันกลับคลานงุ่นง่านกลับมาที่เหยื่อของมันอย่างรนรานกระหายหิว อารามด้วยความตกใจและไม่แน่ใจว่า ไอ้ สัตว์กระหายเลือดตัวนั้นจะมาทำร้ายหรือไม่ มีดที่ในมือจึงหวดลงไปอย่างเต็มที่

“ฉับ!” ไม่ทันที่เจ้าของร่างผู้เคราะห์ร้ายจะได้ตั้งตัว คมมีดที่หวดมาอย่างแรงก็ทำให้ร่างกายของมันขาดร่องแร่ง จะว่ารีบหรือมัวแต่ตื่นเต้นตกใจก็ไม่ทราบได้ แทนที่จะถูกจุดสำคัญของมัน คมมีดที่หวดลงไปกลับฟันเข้าไปบนส่วนที่เป็นปีกเข้าอย่างจัง ทำให้ไอ้ตัวประหลาดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ดิ้นเร้าๆหมุนเป็นกระแตเวียนอยู่เช่นนั้น เลือดสดๆสีแดงคล้ำพุ่งกระฉูด ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง

“จี๊ดดๆ”

“พลึบๆๆๆ”

          ไอ้ปีกด้วนพยายามกระเสือ กกระสน กระพือปีกข้างที่เหลืออย่างสุดชีวิต แต่ก็ไปไหนไม่ได้ นอกจากจะหมุนเป็นวงอยู่แบบนั้น จังหวะที่ชายหนุ่มจะประเคนคมมีดให้อีก ก็ต้องชะงัก เพราะมีไอ้ตัวประหลาดอีกสองสามตัว พากันไต่ยั้วเยี้ยมายัง ร่างที่กำลังดิ้นเร้าๆ อยู่นั้น และภาพที่ทำให้สยดสยองกว่าเดิมก็คือ พวกมันพากันกัดกิน ร่างของเพื่อนของมันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งๆที่ร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่ และดูเหมือนว่าจำนวน ของไอ้ตัวกระหายเลือด จะเพิ่มขึ้นมาทุกขณะ ไม่รู้ว่าพวกมันมาจากไหน แต่ที่แน่ๆในตอนนี้ก็คือ จะอยู่รอดูแบบนี้ต่อไปไม่ได้แน่ เพราะมีบางตัวมีทีท่าคุกคาม แต่ก็ทำได้ไม่นานก็ถูกประเคนด้วยมีดเสียก่อน

          ในช่วงที่พวกมันพากันรุมทึ้งเหยื่อที่เป็นพวกเดียวกันเองจนดูชุลมุนไปหมด  จังหวะนั้นเอง ที่พอจะทำให้ชายหนุ่ม ได้มีโอกาสแทรกตัวหลับเข้าไปในช่องทางเบื้องหน้าได้ เพราะโอกาสแบบนี้ ไม่มีให้รออีกแล้ว ยิ่งอยู่นานก็เหมือนพวกมันจะเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ดูล้อมหน้าล้อมหลังกันเต็มไปหมด ขืนอยู่ต่อไป ก็คงไม่เหลือแม้แต่กระดูกไว้ให้ดูต่างหน้า มาถึงขนาดนี้แล้ว จะถอยกลับก็คงไม่ใช่ ทางเลือกมีอยู่ทางเดียวก็คือไปต่อ ในเมื่อมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าสัตว์ที่เห็นเป็นตัวอะไร แต่มันก็ทำให้แน่ใจได้ว่า ภายในโพรงถ้ำที่ตัวเองกำลังเข้าไปนั้น จะต้องมีทางออกที่ใดสักแห่งอย่างแน่นอน

          ไฟฉายถูกกราดส่องไปในโตรกถ้ำ ท่ามกลางวงล้อมของอสูรกายกระหายเลือด ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ให้ความสนใจกับชายหนุ่มมากนัก นอกเสียจากเหยื่อของมันที่กำลังถูกแยกส่วนในไม่ช้า ซึ่งแต่ละตัวดูกระหายหิว ราวกับตายอดตายอยากมาจากขุมนรก เดินมุดลอดไปพลาง ก็ต้องคอยระวังพวกที่ไต่อยู่ตามผนังและเพดานถ้ำไปพลาง ตัวไหนเห็นท่าไม่ดีก็จัดการด้วยมีดเสียก่อน ที่ตายก็ตายไปกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของพรรคพวก ตัวไหนบาดเจ็บก็พยายามกระเสือ กกระสนหนีอย่างสุดชีวิต เหมือนกับว่ามันจะรู้ถึงชะตาชีวิตในไม่ช้า

          ยิ่งถลำลึกเข้าไปมากขึ้นเท่าไหร่ หนทางแห่งชีวิตก็มีลางว่า จะเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น ความเย็นยะเยือกของสายลมที่สัมผัสร่างกาย บอกกับตัวเองได้ว่า อีกไม่ไกลเกินรอ ชีวิตที่ตรากตรำอยู่นี้จะหลุดพ้นเป็นอิสระเสียที กำลังคิดวาดภาพฝันที่ลอยอยู่เบื้องหน้า ทันได้นั้นเองก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อไอ้บ่างผีตัวหนึ่ง ซึ่งไต่อยู่บนเพดานถ้ำ จะว่ามันกระสากลิ่นอายของชายหนุ่มอย่างไรก็ไม่ทราบได้ ทำให้มันกระโจนพรวด มาเกาะที่เป้หลังของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง ด้วยน้ำหนักตัว ที่เขื่องพอๆกับไก่ชนตัวใหญ่ๆ จึงทำให้ชายหนุ่มถึงกับเซถลาเสียหลักจนล้มคว่ำ

          อารามด้วยความตกใจ จึงใช้มืออีกข้างไขว่คว้าไอ้ สัตว์กระหายเลือด ซึ่งตอนนี้กำลังไต่มายังก้านคอของเขาอย่างหิวกระหาย พยายามอยู่อึดใจ ก็คว้าไอ้ตัวขนปุยได้ถนัด โดยหวังจะกระชากออกไปจากร่างกายให้เร็วที่สุด จังหวะนั้นเองความรู้สึกเจ็บปวด ราวกับถูกเหล็กแหมทิ่มแทง ก็พลันบังเกิดขึ้นบนง้ามมือข้างที่คว้าไอ้ตัวประหลาด

“โอ๊ย!”

          ชายหนุ่มเผลอร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างลืมตัว พลางสะบัดมืออกจากคมเขี้ยวของสัตว์กระหายเลือดอย่างตกใจ เลือดอุ่นๆสีแดงไหลทะลักออกมาจากบาดแผลจากคมเขี้ยว พร้อมๆกับอาการปวดร้าวไปทั้งแขน แต่สิ่งนั้นยังไม่น่ากังวลเท่า ไอ้ตัวกระหายเลือดอีกสองสามตัว ที่อยู่ใกล้มีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด แต่ละตัวเงยจมูกส่ายไปมากันให้ทั่ว โดยเฉพาะไอ้ตัวที่ฝากคมเขี้ยวไว้ เหมือนว่ามันจะติดใจ ในรสชาตกลิ่นคาวเลือดของมนุษย์ ทันที ที่จับทิศทางของเหยื่ออันโอชะของมันได้ มันก็ทยานพุ่งเข้าหาชายหนุ่มทันที

“จี๊ดดด”

“พลึบ”

“ฉับ!”แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ลิ้มรสเลือดมนุษย์เป็นครั้งที่สอง หัวที่มีแต่หนังเหี่ยวๆของอสูรกายกระหายเลือด ก็แบะออกเป็นสองซีก พร้อมกับอาการสั่นกระตุกของเจ้าของร่าง และไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร เพราะอึดใจต่อมา ร่างนั้นก็ถูกลากหายเข้าไปในเงามืด

          ชายหนุ่มทนฝืนความเจ็บปวด ก่อนจะรีบใช้มืออีกข้างกดปิดบาดแผลนั้นไว้ ซึ่งตอนนี้ มีเลือดสีแดงไหลซึมอยู่ตลอดเวลา ความเจ็บปวดร้าวไปทั้งแขน ทำให้ชายหนุ่มเผลอบัดกรามจนแน่น เพราะความปวดระบมอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ยิ่งกดบาดแผลแน่นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความทรมานมากขึ้นเท่านั้น จนปลายนิ้วสั่นระริกอยู่ตลอดเวลา เมื่อเลือดสดๆไหลนองพื้นเช่นนี้ สัญญาณอันน่าสะพรึงกลัวก็เปิดฉากขึ้น เพราะกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่นั้น เหมือนจะไปกระตุ้นต่อมความหิวกระหาย ให้กับพวกอสูรกายเหล่านั้น หลายตัวพากันส่ายจมูกควานหาที่มาของกลิ่นกันอย่างจ้าระหวั่น ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้บอกกับตัวเองได้ว่า กำลังตกเป็นรอง

          ประตูนรกเปิดอ้าต้อนรับชายหนุ่มอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้าคิดช้าไปแค่เสี้ยววินาที ก้อนเนื้อมีชีวิตเช่นเขา ก็คงจะหมดเค้าโครงเดิมในไม่ช้า ไฟฉายที่กำแน่นอยู่ในมือ จึงรีบสาดควานหาช่องทางเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะพยุงร่างกายอันสะบักสะบอม กระ เสือกกระสนแทรกกายหายเข้าไปในโตรกถ้ำ ปล่อยให้สัตว์กระหายเลือดพวกนั้น ชุลมุนวุ่นวายกับเศษซากพวกเดียวกันอยู่เช่นนั้น

          ยิ่งลึกเข้ามาเท่าไหร่ โอกาสรอดก็ดูเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ตลอดระยะที่ตัวเองถลำลึกเข้ามา กลิ่นอายของชีวิตก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอากาศที่ถ่ายเทจนสามารถสัมผัสได้ แต่ก็ต้องคอยระมัดระวัง ไอ้บ่างผีจากนรก ซึ่งจ้องจะคอยกินเลือดกินเนื้อ ยิ่งตอนนี้มีจุดอ่อนเกิดขึ้นบนร่างกายของเขา คือเลือดที่ยังคงไหลซึมหยดเป็นทาง ต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษ ตัวไหนทำท่าไม่ดี ก็จัดการฆ่าเสียก่อนที่มันจะฆ่าเขา จากร้ายกลับกลายเป็นว่าส่งผลดี เพราะพวกมันที่เหลือจะละความสนใจจากตัวเขาไปในทันที เพราะมัวแต่กัดกินซากพวกเดียวกัน

          อาการปวดระบมของบาดแผล ยิ่งส่งผลกระทบกับตัวชายหนุ่มมากขึ้นทุกระยะ ซึ่งไม่มีท่าทีที่จะทุเลาลงแม้แต่น้อย อาจเป็นไปได้ ที่คมเขี้ยวของมันคงมีพิษร้ายบางอย่างปะปนมาด้วย รวมทั้งจำนวนเลือดที่เสียไป ทำให้ร่างกายที่เหนื่อยหนักมาหลายชัวโมง เริ่มอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ขาที่เคยย่างก้าวออกไปอย่างมั่นคง เริ่มอ่อนกำลังลงจนบางครั้ง อ่อนพับลงไปกองกับพื้น แต่ก็ต้องกัดฟัน ฝืนตัวเองให้ลุกยืนขึ้นมาให้ได้ เมื่อตั้งหลักได้ ก็รีบก้าวเดินต่อไป โดนอาศัยผนังถ้ำเป็นหลักค้ำยันร่างกาย ดวงตาที่เริ่มพร่ามัว ทำให้มองเส้นทางดูเลือนลางลงทุกขณะ ภายใต้ความมืดมิดเช่นนี้ มันจึงเป็นอุปสรรค สำคัญของชีวิต สติที่ยังมีอยู่ บอกกับตัวเองว่าจะต้องรีบออกจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายของตัวเองจะหมดแรง ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสรอดก็คงไม่มีอีกแล้ว

          บนเส้นทางที่เริ่มลาดชันลงทุกขณะ ร่างที่สะบักสะบอมด้วยพิษบาดแผล กำลังไถลครูดมาตามผนังหินอย่างเชื่องช้า บางครั้งก็มีอาการไหววูบของร่างกายนั้น พร้อมกับเสียงโลหะกระทบแผ่นหินดัง เฉี๊ยะ ติดตามมาด้วยเสียงร้องแหลม ของสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่คอยเฝ้าติดตามร่างนั้นชนิดที่ว่า ล้อมหน้าล้อมหลัง เพื่อรอจังหวะและโอกาส ราวกับฝูงแร้งที่เฝ้าคอยเหยื่อของมันล้มลง ทันใดนั้นเอง โสตของชายหนุ่มที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง ก็แว่วเสียงบางอย่าง แต่ก็ฟังไม่ค่อยถนัดนัก เพราะเหลี่ยมหินของผนังถ้ำกันขวาง บดบังทิศทางของเสียงที่ได้ยิน แต่เมื่อโผล่พ้นออกมาแล้ว สิ่งทำให้ตัวเองตะลึงก็เกินขึ้น

          ท่ามกลางแสงไฟที่สาดจับไปเบื้องหน้า ทำให้มองเห็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่มหึมา ซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใต้โพรงถ้ำขนาดใหญ่ สายน้ำหลากหลายสาย ที่อยู่สูงต่างระดับขึ้นไป ตกกระทบแก่งแง้หินที่ต่ำลงไปเบื้องล่าง จนดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ แลให้เห็นละอองฝอย ของสายน้ำปกคลุมไปหมด ก่อนสายน้ำเหล่านั้นจะไหล รวมตัวกันลอดหายเข้าไปในช่องโพรงผนังหินเบื้องล่าง ซึ่งตอนนี้มองเห็นแสงสว่างเรืองๆอยู่ภายนอก ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น มาบัดนี้มันได้ประจักต่อหน้าชายหนุ่มแล้ว แสงสว่างที่เห็นอยู่เรืองๆ สว่างวาวจนแลเห็นสีน้ำใสเป็นมรกต ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าด้านนอก หลังกำแพงหินนั้น จะต้องเป็นประตูสู่อิสรภาพ 

          โอกาสรอดมีมากเกินกว่าร้อย ชายหนุ่มจึงรีบผยุงร่างกายอันบอบช้ำ เกาะไต่ผนังหินนั้นไปอย่างเชื่องช้า ถึงแม้สังขารจะอ่อนกำลังลง จนแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ แต่ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าดูล่อตา ทำให้พอที่จะกัดฟันแข็งใจไปต่อได้ แต่ดูเหมือนว่าพิษจากบาดแผลที่เกิดขึ้น จากคมเขี้ยวของอสูรร้ายใต้พิภพ จะไม่ปราณีชีวิตของชายหนุ่มแม้แต่น้อย จังหวะที่ก้าวขาลงไปบนแง้หินนั้นเอง กำลังวังชาก็เหมือนว่าจะหมดลงไปในทันที เมื่อขาดกำลังที่จะทรงตัวร่างที่อ่อนระโหย เพราะร่างกายที่อ่อนล้าอยู่ก่อนแล้ว ก็พลันหล่นวูบเกลือกกลิ้งลงไปตามทางที่ลาดชัน ไฟฉายที่เคยกำแน่นอยู่ในมือ พลอยหลุดกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง พร้อมๆกับเสียง โครมคราม ของวัตถุบางอย่าง ที่ตัวเองตกกระแทก

          ดวงตาที่ฝ้าฟาง ทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบกายไม่ถนัดนัก อีกทั้งทั่วบริเวณยังถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด เมื่อพยายามกวดสายตาไปรอบๆ ก็มองเห็นดวงไฟฉายของตัวเอง ตกอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น จึงค่อยๆพลิกตัว แล้วคืบคลานไปยังตำแหน่งดวงไฟที่ปรากฏ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีวัตถุประหลาดกีดขวางเส้นทางนั้น เมื่อใช้มือลูบคลำไปที่สิ่งกีดขวาง ก็ตอบกับตัวเองไม่ได้ว่ามันคืออะไร จะว่ารากไม้หรือตอไม้ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันมีความแข็ง ลักษณะเป็นมัน แต่ก็ไม่ได้สนใจกับสิ่งเหล่านั้น เพราะจุดประสงค์ของตัวเองก็คือไฟฉายกระบอกนั้น กว่าจะเข้ามาถึงตำแหน่ง และคว้ากระบอกไฟฉายไว้ได้ ก็เล่นเอาจนหอบซี่โครงบาน

        ร่างกายที่อ่อนระโหย ไร้แม้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืน หรือสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ฝังศพของเขากันแน่ สู่อุตส่าห์ฝ่าฟันจนมาถึงที่นี่ ต้องมุดลอดหลุมอุโมงค์มาจนนับไม่ท้วน ปากทางออกสู่อิสระภาพมองเห็นอยู่นั่น แต่ก็ไม่สามารถจะยันกายไปถึงได้ ชายหนุ่มนึกสมเพชตัวเองขึ้นมาในทันที พลางทำให้ปลงชีวิตคิดต่อว่า ดินแดนแห่งนี้คงเป็นสถานที่สุดท้ายที่จะได้เห็นก่อนตาย แต่ก็ทำแข็งใจฝืนยันกายลุกนั่งพิงข้างก้อนหิน แต่กว่าจะยันขึ้นมาได้ก็ต้องพยายามอย่างยากลำบาก เพราะแขนข้างซ้ายดูเหมือนจะชาจนใช้การอะไรไม่ได้ในขณะนั้น เมื่อหยิบไฟฉายมาส่องสำรวจดูบาดแผล ก็พบว่าเลือดที่เคยไหลซึมได้หยุดลงไปแล้ว เหลือเพียงคลาบเลือดแห้งเกรอะกรังไปทั้งฝ่ามือ พอเห็นเลือดก็ทำให้นึกถึงไอ้ สัตว์กระหายเลือดฝูงนั้นได้ ทำให้ต้องรีบกราดไฟไปรอบๆอย่างหวั่นหวาด แต่ภาพภายใต้แสงไฟ ทำให้ตัวเองต้องตกใจอีกครั้ง เพราะสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นตอไม้ และรากไม้กลับกลายเป็นกองกระดูกขาวโพรนไปหมด

        กองกระดูก กองใหญ่มหาศาล มองเห็นเพียงแวบแรกก็รู้ว่ามันเป็น โครงกระดูกของช้าง ทั้งเศษซาก ข้อต่อ ซี่โครง รวมทั้ง หัวกะโหลกขนาดใหญ่ และ งา ถูกกองระเกะระกะ กระจัดกระจายกลาดเกลื่อนเต็มไปหมด และหนักไปกว่านั้น สิ่งที่เขานั่งพิงอยู่ มันไม่ใช่ก้อนหินอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก เพราะมันเป็นส่วนที่เป็นหัวกะโหลกของช้างขนาดใหญ่ที่นอนตายแน่นิ่งมาเป็นเวลานาน

“สุสานช้าง!”

“ปะ ปะ..เป็นไปได้อย่างไร”ชายหนุ่มอุทานภายในใจ

“มันมีจริงหรือนี่”

“เป็นไปไม่ได้”ชายหนุ่มนิ่งงันไปชั่วขณะ กับภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า สุสานช้าง ที่เคยได้ยินได้ฟังมาจากคำบอกเล่าต่อๆกันหลายชั่วคน ใครจะคิดว่ามันจะมีอยู่จริง หาใช่นิยาย หรือนิทานหลอกเด็ก ทั้งช้างพัง ช้างงา หลายสิบตัว นอนตายสงบนิ่ง ทิ้งไว้แต่เศษซากโครงกระดูก ซึ่งบางโครงถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ บ่งบอกถึงอายุที่ยาวนาน หรือบางโครงก็มีสภาพผุกร่อนไปตามเวลา แต่ก็ยังมีเค้าโครงเดิมให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งไม่มีใครสามารถตอบชายหนุ่มได้เลยว่า เหตุใดพวกช้างเหล่านี้ จึงเลือกใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานฝังร่างของมัน

        ถึงแม้ภาพที่เห็นจะชวนทำให้ตกใจละคนตื่นเต้นสักเพียงใดก็ตาม แต่อาการและสังขารของตน ที่กำลังหมดสภาพลงไปทุกขณะ ชี้ชัดว่าอีกไม่นานคงมีสภาพไม่แตกต่างอะไรไปกับโครงกระดูกที่เห็น เพราะพิษจากบาดแผล ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะป่วยเพราะเป็นพิษไข้ ซึ่งมาพร้อมๆกับอาการหนาวยะเยือกจนหนาวสั่นไปทั้งตัว ความรู้สึกและโสตประสาทเริ่มเฉื่อยชาลงทุกขณะ ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะค่อยๆทรุดลงไปนอนกองกับพื้น เปลือกตาที่ทำท่าว่าจะขยับปิดลงเหมือนจะหมดหวัง ตอนนั้นเอง จะว่ามันเป็นภาพความฝัน หรือไม่ก็ภาพลวงตา ที่มโนภาพของเขา ที่เริ่มจะหลุดลอยออกไป ทำให้มองเห็นร่างๆหนึ่ง ยืนเด่นอยู่ตรงหน้า

"..!"

“พ..พะ...พลับพลึง!”

“ช..ชะ..ใช่..คุณ..หรือ ป..ปะ เปล่า” ชายหนุ่มร้องถามเจ้าของร่าง ที่มองเห็นอยู่เลือนลางอย่างยากเย็น ไม่มีเสียงตอบใดๆจากเจ้าของร่างนั้น ทำให้ชายหนุ่มพยายามยันกายขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่า ร่างที่เห็นัน้น จะค่อยๆถอยห่างเขาไปทุกขณะ

“ดะ..เดี๋ยว...ก่อน..คะ..ครับ!”

“ชะ..ช..ใช่..คะ...คุณ..จริงๆด้วย”ชายหนุ่มร้องเรียกด้วยเสียงอันแหบพร่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างนั้นหยุดอยู่กับที่ ตรงกันข้าม ยิ่งชายหนุ่มขยับกายเข้าหามากขึ้นเท่าไหร่ ร่างที่เห็นก็ถอยห่างเขาออกไป มากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็ต้องล้มลุกคลุกคลานตามร่างนั้นไปอย่างยากลำบาก

“ค..คุณ..พลับ..พ..พลึง...รอ..ผ..ผม ดะ..ด้วยครับ”

“โครม!”พยุงกายขึ้นมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ทิ้งตัวล้มโครมลงไปในกองโครงกระดูก เพราะกำลังที่มีอยู่แทบจะทรงตัวต่อไปไม่ได้ แต่ด้วยภาพที่เห็นทำให้พอจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง หลังจากพยายามอยู่อึดใจ ชายหนุ่มก็ยันกายลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง แต่เมื่อหันไปมองหาร่างของหญิงสาวอย่างที่ตัวเองหวังไว้ ก็ปรากฏว่า ร่างของหล่อนได้หายไปเสียแล้ว นึกอยู่ในใจว่าคงเป็นเพราะตัวเองตาฝาดมองเห็นภาพหล่อนหลอกตัวเอง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังแว่วมา

“ทางนี้”

“ท่านสิงห์ ท่านจงตามเรามาทางนี้...”เจ้าของเสียงที่คุ้นเคย ร้องบอกเสียงราบเรียบ ก่อนจะค่อยๆถอยเข้าไปในโตรกถ้ำ หลังม่านน้ำตก เมื่อเห็นว่าร่างนั้น ทำท่าว่าจะหายไปอีก ชายหนุ่มจึงรีบกระ เสือกกระสนติดตามร่างนั้นไปอย่างกระชั้นชิด

“ร..รอ..ผม..ดะ ด้วย..คะ..ครับ”

“คะ..คะ..คุณ..พะ..พลับพลึง”ชายหนุ่มร้องเรียกจนสุดกำลังที่พอจะร้องบอกออกไปได้ แต่มันก็ดังไม่เกินเสียงกระซิบ จากนั้นจึงพยุงร่างกายที่สะบักสะบอมจนดูเกือบจะหมดสภาพของความเป็นคน ติดตามร่างนั้น ที่เดินหายเข้าไปในโตรกหิน ซึ่งมันถูกซ้อนไว้หลังม่านน้ำตกขนาดใหญ่ ละอองน้ำสาดกระเซ็น แตกเป็นฟองฝอย เปียกปอนร่างของชายหนุ่มจนหนาวสั่น แต่ภาพของหล่อนคนนั้นก็ยังถอยห่างออกไปจนก้าวตามไม่ทัน ที่สุดก็ต้องกันฟันเดินลากสังขารออกตาม เพราะกลัวว่าหล่อนจะหนีไปอีก แต่หล่อนคนนั้นกลับเดินลับหายเข้าไปในเหลี่ยมมุมของผนังหิน เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบก้าวตามออกไป พอพ้นเหลี่ยมมุมที่ขึ้นบังทางเท่านั้น แสงสว่างประหลาดจากภาพนอกก็ส่องจ้าเข้ามา จนต้องยกแขนขึ้นมาบดบังใบหน้า พร้อมๆกับความรู้สึบดับวูบของกำลังทั้งหมด ก่อนที่สติจะดับลง ความรู้สึกสุดท้ายที่สัมผัสได้คือ ความเย็นวูบของร่างกาย...


                                                                                                                    *****จบนิยาวแนวผจญภัย ภาค 1*****


*****ขอขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน ที่ติดตามอ่านผลงานกันมาอย่างยาวนาน และค่อยพบกับ นิยายแนวผจญภัย ภาค 2 เร็วๆนี้*****


ผิดพลาด หรือตกหล่นประการใด ผมหนุ่ม ธุดงค์ไพร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 10 ตอนที่ 7 (จบบท)
ภาพที่ 2
รายชื่อ น้าผู้โชคดีทั้ง 3 คนคนับ

หวังว่าน้าๆคงชอบของขวัญเล็กๆน้อยๆ ที่ผมส่งให้แล้วนะครับ

เหลือแต่น้า คนเดียว ที่ยังไม่ติดต่อกลับมา ผมให้เวลาน้าติดต่อกลับภายใน 7 วันนี้นะครับ ถ้าหลังจากนี้น้ายังไม่ติดต่อกลับมา ผมจะจับรางวัลใหม่ น้าๆที่พลาดยังได้ลุ้นกันอีก 1 รางวัล นะครับ
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024