ภาพที่ 1บทที่ 9
ตอนที่ 6
เมื่อทั้งหมดเห็นดังนั้น ก็ยากนักที่จะทนมองอยู่เฉยๆ ต่อไปได้ วินาทีนี้ คำว่า รอด มีทางเดียวเท่านั้นคือร่วมแรงร่วมใจกัน ดังคำที่ว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว ในเมื่อต้องการจะรอดพ้นจากกองพระเพลิงที่ตอนนี้ก็จวนเจียนใกล้เข้ามาทุกขณะ จนทุกคนรับรู้ถึงความร้อนระอุของเปลวไฟ จะทนมองอย่างเดียวไม่หยิบจับอะไรเลยก็คงทำไม่ได้ ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครในกลุ่มบุคคลทั้งแปด จะหนีรอดเอาชีวิตไปคนเดียว
มาพวกเรา มาช่วยน้าเบกันสิงห์ตะโกนร้องเรียกพรรคพวก ที่พากันนั่งหอบอยู่บริเวณเชิงหินจนเหงื่อโทรม
น้าเบ เอายังไง บอกมา
รอดก็ต้องรอดด้วยกัน เหนื่อยก็ต้องเหนื่อยเหมือนๆกันชายหนุ่มพูดแข่งกับเสียงแตกฮือ ของทะเลเพลิงที่แว่วเสียงใกล้เข้ามา
ถางเปิดแนวไว้ เปิดช่องให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้
เดี๋ยวข้าจะจุดไฟพรานเบตะโกนบอก
ไอ้พุ่ม ไอ้เคิ้ง เอ็งสองคนไปแนวนี้
มาลุง ไอ้เหน๋อ เรามาช่วยกันหวดแนวกลางชายหนุ่มร้องบอกสองกระเหรี่ยงให้ไปจัดการกับแนวกันไฟด้านซ้ายมือ ส่วนตัวเขา เจ้าเหน๋อและพรานเฒ่า ช่วยกันถางแนวบริเวณกึ่งกลาง ทางทิศด้านขวามีพรานเบ พรานพร และพรานแปะ ช่วยกันหวดแนวกันไฟหูตาเหลือกอยู่ก่อนแล้ว ถึงแม้อากาศจะร้อนระอุขนาดไหน แต่มาถึงเหตุการณ์นี้แล้ว ทุกคนกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะความกลัวทำให้ลืมร้อนเสียจนหมดสิ้น หญ้าคา กอสาบเสือ และพุ่มหนาม พุ่มแล้วพุ่มเล่าถูกหวดและตัดจนเป็นช่องเตียนโล่ง ถึงไม้จะไม่โล่งเตียนขนาดไม่มีต้นไม้ขึ้นแทรกก็ตาม แต่มันก็ทำได้ดีที่สุดแล้วในตอนนี้ เท่าที่เวลาและยมทูตจะเอื้อให้ เพราะความอยากเอาชีวิตรอด ให้พ้นไปจากไฟนรก ที่กำลังถาโถมเข้ามาใกล้ จนรู้สึกได้ถึงไอความร้อนที่ปะทะมากับกระแสลม ทุกคนต่างกัดฟันทำแนวกันไฟเช่นนั้นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และแล้วแนวกั้นไฟความยาวร่วมยี่สิบเมตรก็พร้อมทำหน้าที่ของมัน
ทุกคนขึ้นไปหลบบนเนินหินนั้นก่อน
ไอ้แปะเอ็งไปจุดไฟที่ด้านนั้น ไอ้พรไปทางโน้นพรานเบร้องสั่งพรานแปะให้ไปจุดไฟทางแนวท้ายด้านซ้ายมือ พรานพรหัวแนวด้านขวามือ ส่วนตัวพรานเบจุดไฟบริเวณกึ่งกลางแนว
เร็ว จุดแล้วก็รีบขึ้นมาหลบบนหิน
รอให้ไฟมันลามไปด้านหน้าก่อน แล้วเราค่อยลงมาพรานนำทางร้องบอกคณะ
หญ้าคาแห้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เพียงเศษเสี้ยววินาที ที่เปลวไฟจากไม้ขีดสัมผัส เปลวไฟก็ลามเลียไปทั่วแนวอย่างรวดเร็ว ราวกับมีใครมาราดน้ำมันทิ้งเอาไว้ เปลวไฟโหมกระหน่ำ ส่งควันและขี้เถ้าโพยพุ่งไปตามแนวของกระแสลมที่พัดผ่าน ซึ่งดูเหมือนว่าจะจงใจโบกพัดกลุ่มควันและขี้เถ้าเหล่านั้นให้ถอยห่างจากกลุ่มมนุษย์ ที่ตอนนี้พากันนั่งจับกลุ่มกันเป็นกระจุกบนก้อนหินใหญ่เหนือลม แต่บุคคลทั้งแปดก็ดีใจได้อยู่ไม่นาน ครั้นลมพัดกระพือมา ไฟป่าที่อยู่ด้านหลังบุคคลเหล่านั้น ก็ทวีความรุนแรงเข้ามาใกล้ ทั้งขี้เถ้าและควันไฟ ก็พลันเปลี่ยนทิศทาง กลับกลายเป็นว่าทั้งหมดได้มาอยู่ทางด้านใต้ลม
ขืนนั่งทนอยู่บนนี้ ได้สำลักควันไฟตายห่ากันแน่ๆพรานชราร้องลั่น พลางสำลักควันไฟ
แนวไฟที่จุดไว้ก็ยังไปไม่ห่างตัว ไฟป่าข้างหลังมันจะเผาพวกเราเอานาน้าเบสิงห์พูดพลางใช้ชายเสื้อข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากปิดจมูก
เอาไงดีไอ้เบ ข้าว่ามันทำท่าจะจริงอย่างที่ไอ้สิงห์มาว่ามานะ
จะลงไปตอนนี้ก็ไม่ได้ ไฟมันยังโหมไล่ไปไม่หมดพรานพรร้องเร่ง
ทนอีกหน่อยพวกเรา แข็งใจเอาหน่อย
ให้ไฟมันโหมไปไกลกว่านี้อีกสักหน่อยพรานนำทางร้องบอกแข่งกับเสียงปะทุของพระเพลิง
จะไหวรึไอ้เบ
ไฟป่าข้างหลังมันก็โหมมาทางเราแล้วพรานเฒ่าร้องบอก
ผ้าขาวม้า!
เอาผ้าขาวม้า หรือเสื้อผ้าของแต่ละคนเอามาชุบน้ำเร็ว!สิงห์ละล่ำละลัก
เสร็จแล้วทำยังไงต่อพี่สิงห์เจ้าเคิ้งร้องถาม เพราะนึกทำอะไรต่อไปไม่ถูก
เอามาทำหน้ากาก ปิดจมูกปิดปาก
จะได้ไม่สำลักควันไฟสิงห์ร้องตอบ
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย และความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของคณะ ทุกวินาทีในการย่ำคิดย่ำทำ จึงต้องใช้ความคิดอย่างไตร่ตองขีดสุด เพราะถ้าพลาด นั้นหมายถึงชีวิต ที่อาจจะต้องสูญเสียไปกับกองพระเพลิงที่โหมกระหน่ำเข้ามาใกล้ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ควันไฟและไอความร้อนแผ่อิทธิพลไปทั่วบริเวณ จนไม่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมหรือสิ่งรอบกายได้ถนัด เพราะควันไฟไม่ใช่หมอก ที่จะทำให้ทุกคนทนฝืนลืมตาดูอยู่ได้ แต่ละคนล้วนแต่น้ำตาไหลพรากไปตามๆกัน เพราะพิษสงของควันไฟ ทำให้เกิดการระคายเคืองจนแสบตา นอกจากควันไฟแล้ว ไอความร้อน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังก็ส่งผลกระทบต่อคณะไม่น้อยเช่นกัน
เร็วทุกคนลงไปหลบข้างล่างได้แล้วพรานเบร้องบอก พูดจบก็โยนสิ่งของต่างๆลงไปกองอยู่บนพื้นเบื้องล่าง
รีบๆหน่อยไอ้พุ่ม มัวแต่คลำอยู่นั้นแหละ
เดี๋ยวก็ได้ดำเป็นตอตะโกพอดีเจ้าเคิ้งร้องเร่งเพื่อนเกลออย่างขัดใจ ที่ตอนนี้มัวแต่มะรุมมะตุ้มอยู่กับกองสัมภาระ
แนวไฟที่เราทำไว้ มันลามไปด้านนั้น
พวกเราเดินตามแนวนั้นไป ทิ้งช่วงห่างเอาไว้พรานเบร้องบอกหลังจากทุกคนลงมายืนเรียงรายตรงหน้า พลางชี้มือบอกไปทางทิศทางของแนวไฟที่ลุกลามไปทางด้านขวามือ ซึ่งตอนนี้แนวไฟที่ทุกคนช่วยกันทำไว้ ไหม้ไฟเหลือแต่ขี้เถ้าขาวโพลนส่งควันกรุ่น
จะไหวเรอะ ไฟมันยังไม่มอดดีพรานชราร้องบอก พลางยืนมองเปลวไฟที่ยังคลุกรุ่นตามพื้นทางเดิน
เอานาลุง ตรงไหนเลี่ยงได้ก็เลี่ยง มัวแต่รีรอ ไฟข้างหลังลุงมันจะเผาลุงตายสิงห์ร้องบอกพรานเฒ่า
อย่าว่าแต่คนเลยไอ้สิงห์
เอ็งไม่เห็นเรอะ ไอ้สองตัวนั่นมันจะกล้าไปกับเราพรานโส่ยพูดพลาง บุ้ยปากไปทางเจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบอง
จะไปยากอะไร
ไอ้เคิ้งกับไอ้พุ่มก็อยู่ อุ้มไปคนละตัวก็หมดเรื่องพรานพรร้องตอบแทนชายหนุ่ม
แบบนั้นก็ได้พี่สิงห์ เดี๋ยวผมสองคนอุ้มไอ้สองตัวนี้ไปพลางๆก่อน
ตรงไหนพอที่จะให้มันไปกันเองได้ ก็ค่อยปล่อยมันเคิ้งร้องบอก
ส่วนข้าวของ ของเอ็งสองคน เดี๋ยวข้ากับไอ้เหน๋อ จะช่วยแบกไปก่อนพรานแปะร้องเสริม
น้าเบพานำไปเลย คงไม่มีปัญหาอะไรกันแล้ว
ขืนชักช้ากว่านี้ คงไม่ได้การ
ไฟข้างหลังพวกเรามันโหมมาเร็วเหลือเกินชายหนุ่มร้องบอกพรานนำทาง พลางเหลียวไปมองเปลวไฟด้านหลังที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
พรานเบ พาคณะทั้งหมดเดินฝ่าเถ้าถ่านของความหายนะ ความจริงแล้วจะเรียกว่าเดินก็ไม่ถูกนัก ที่ถูกต้องควรจะเรียกว่า กึ่งวิ่งกึ่งเดิน เสียมากกว่า โดยทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังทิศทาง ที่พอจะมองเห็นแนวป่าเบื้องหน้า ซึ่งตอนนี้ถูกบดบังด้วยควันไฟ ราวกับอายหมอกในยามเช้า แต่ที่จริงแล้วมันเป็นอายของความตายที่กำลังมาเคาะประตูเรียกอยู่หน้าบ้านเสียมากกว่า แทนที่จะทำให้รู้สึกเย็นสดชื่นเหมือนกับทุกเช้าที่ทุกคนได้เคยสัมผัสมา แต่คราวนี้มันทั้งร้อนระอุเหมือนกว่าที่เคยพบเจอ ลำพังความร้อนจากแสงอาทิตย์ก็พอจะทนกันได้ แต่นี้ต้องมาเผชิญกับความร้อนจากเปลวไฟเข้าที่ล้อมหน้าล้อมหลังไปอีก คำว่าร้อนเหมือนกับอยู่ในนรก แม้ทุกคนจะไม่เคยไปเยี่ยมขุมนรกขุมใดมาก็ตาม ถึงตอนนี้ทุกคนในคณะได้รับรู้แล้วว่ามันรู้สึกเช่นไร ดูเหมือนว่ายมทูตจะไม่มีความปราณีเอาเสียเลย
การเดินทาง ดำเนินไปอย่างความรีบเร่ง แต่เพราะเถ้าถ่านบางช่วง ยังมอดดับไม่หมด ทำให้เป็นอุปสรรคในการเดินทาง เพราะทุกก้าวย่ำต้องเป็นไปอย่างความระมัดระวังขีดสุด โดยเฉพาะบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ที่แห้งตาย พอโดนไฟเผาเข้าก็ล้มขวางทาง กลายเป็นเชื้อเผลิงอย่างดี ทำให้ต้องเสียเวลาเดินอ้อมหลบหลีกไปอีกทาง ถึงแม้บางช่วงจะไม่มีต้นไม้ขวางทางก็ตาม แต่ก็ต้องคอยระวังไฟที่ยังคงปะทุอยู่ภายใต้กองขี้เถ้าหนาเตอะ ขืนทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็คงไม่แคล้วเท้าพอง ลำพังคนไหนสวมผ้าใบก็พอช่วยได้หน่อย แต่สำหรับคนที่มีแต่รองเถ้าฟองน้ำธรรมดา หรือรองเท้าแตะนี่สิ แค่นึกก็หวาดเสียวแล้ว
ขึ้นชื่อว่าไฟป่า ยากนักที่จะทำให้มอดดับลงง่ายๆ ยิ่งอากาศร้อนแรงเช่นนี้บวกกับเชื้อเพลิงที่มีอยู่มากมาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเชื้อเพลิงที่พร้อมที่จะปะทุขึ้นได้ทุกเวลา ราวกับนำน้ำมันไปหยดลงบนผิวน้ำ ตราบใดที่ยังมีเชื้อเพลิงอยู่ เปลวไฟก็ยังสามารถโหมกัดกินเชื้อเพลิงเหล่านั้นได้ทุกเวลา แต่ไฟป่าใช่ว่าจะเกิดขึ้นเองได้ง่ายๆ ตามธรรมชาติ เพราะมันต้องมีตัวแปลต่างๆทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก็มีหลายทฤษฎี หลายตำราด้วยกัน บ้างก็ว่า เกิดจากก้อนหินหลุดร่วงลงมากระทบกันเป็นประกายไฟ บ้างก็ว่า เกิดจากการเสียดสีของต้นไม้เวลาลมพัด บางตำราก็ว่า เกิดจากอากาศที่ขยายตัวขึ้นในกระบอกไม้ไผ่ แล้วเกิดการอัดตัวของอากาศจนระเบิด หรือหนังสือบางเล่มก็บอกว่า เกิดจากการรวมแสงของดวงอาทิตย์บนหยดน้ำ เหมือนกับเราเอาแว่นขยายมาส่องกับดวงอาทิตย์เพื่อทดลองเผาใบไม้ ในตอนเรียนอยู่ชั้นประถม ทฤษฏีเหล่านี้ล้วนเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ อย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ ทฤษฏีที่ว่าด้วยหยดน้ำ ถ้าพูดถึงความเป็นจริง อากาศที่ร้อนแรงเช่นนั้นแล้ว ยากนักที่จะหลงเหลือหยดน้ำค้างแบบนั้น เพราะกว่าจะรวมแสงได้และส่งความร้อนไปถึงเชื้อเพลิง เป็นไปได้หรือที่หยดน้ำหยดนั้นจะไม่ละเหยไปเสียก่อน แต่ท้ายที่สุดแล้วไฟป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้นมันจึงมีเปอร์เซ็นต์ ที่จะทำให้เกิดขึ้นเองน้อยมาก แทบจะไม่ถึง หนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่เหลือมากกว่าครึ่ง ล้วนแล้วเกิดจากน้ำมือของมนุษย์
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น บริเวณเกาะกลางถนน เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งครั้งใดก็ครั้งนั้น จะต้องเห็นไฟไหม้ทุกครั้งไป เพราะความมักง่ายเห็นแก่ตัวของคนไม่กี่คน ก็สามารถทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องพลอยเดือดร้อนรับผลกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ทั้งควันที่บดบังทัศนีย์ภาพในการขับขี่ โชคดีก็ผ่านไปได้ ถ้าโชคร้ายไม่บาดเจ็บก็ตาย เพราะประสบกับอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน เพราะความมักง่ายนี่เอง เพียงแค่ก้นบุหรี่ที่ตัวเองสูบจวนจะหมดแล้ว แทนที่จะดับก่อนให้เรียบร้อย ก่อนที่จะดีดทิ้งออกนอกรถ บุหรี่ก้นกรองไม่เหมือนกับยาเส้นใช่ว่าจะดับลงง่ายๆ ลำพังหล่นกลิ้งอยู่กลางถนนก็ดีไป แต่เมื่อใดที่มันกลิ้งลงข้างทางที่เต็มไปด้วยหญ้าแห้งล่ะก็ รับประกันความบรรลัย วิธีง่ายๆก่อนที่จะดีดก้นบุหรี่ทิ้งออกนอกรถ ก่อนทิ้งก็ดับก่อน รถบางรุ่นจะมีช่องสำหรับดับบุหรี่ หรือบางรุ่นไม่มี ก็แค่หงายส้นรองเท้าแล้วขยี้ดับไปก็หมดเรื่อง วิธีง่ายๆแค่นี้กลับทำกันไม่ได้ ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองมักง่าย จะก่อความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้เส้นทางเดียวกัน วิธีง่ายๆแค่นี้ถ้าคิดไม่ออกว่าจะดับก้นบุหรี่อย่างไร ก่อนทิ้งก็เอามาขยี้กลางหน้าผากตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไป
เหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน เพราะความประมาท รวมถึงความสะเพร่า ของกลุ่มคนไม่กี่คน ก็ทำให้เกิดหายนะอันใหญ่หลวง ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที แต่ก็ไม่อาจที่จะให้อภัยได้ ซึ่งคณะทั้งหมด ก็ได้เผชิญอยู่ ณ ตอนนี้แล้ว สติปัญญามีเท่าไหร่ ถึงตอนนี้ก็คงต้องงัดมาใช้ให้หมด ถ้ามัวแต่ปิดบังหวงวิชา คงจะไม่ไหวเพราะทุกวินาที นั้นหมายถึงชีวิต หรือถ้าทั้งหมดจะพลาดพลั้งเสียที ชีวิตต้องดับสูญไปกับกองเพลิง ก็สมควรแล้ว ถือว่าชดใช้กรรมที่ตัวเองได้ร่วมกันก่อ ชนิดที่ว่าไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า
ข้างหน้าไฟมันคงใกล้จะหมดเชื้อ
แถวนั้นน่าจะมีแต่หินลูกรังพรานเบร้องบอกมาจากหัวขบวน
รอดตายแล้วโว้ย
ข้าคิดว่า จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เสียแล้วพรานแปะร้องบอกคณะ
นี่ล่ะบทเรียนราคาแพง
ทีหน้าทีหลังก็ต้องดูอะไรให้ดีเสียก่อนสิงห์ร้องบอก ซึ่งคนที่ต้องทำหน้าเศร้าไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากเจ้าพุ่ม ที่เดินคอตกอยู่เช่นนั้น
พวกเรารอดกันมาได้ก็ถือว่าบุญแล้ว
แต่ป่าไม้ที่มันต้องมาวอดวายเพราะพวกเรานี่สิ?ชายหนุ่มพูดจบก็ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ จากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกว่า
กว่ามันจะโตได้แต่ละคืบแต่ละศอกต้องใช้เวลากี่เดือนกี่ปี
แต่นี่ แค่ไฟมาไม่ทันข้ามวันก็หมดสิงห์พูดพลาง ยกแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้นมาปาดเช็ดเหงื่อ ที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าจนดูชุ่มโชก
เอ็งไม่เคยเห็นที่เขาเขียนตามป้ายข้างทางรึ
ที่เขาว่า ไฟมาป่าหมดพรานพรร้องเสริม
เอ็งอย่าไปคิดมาก พุ่ม
ไม่มีใครเขาคิดโทษว่าเอ็ง ผิดคนเดียวหรอกชายหนุ่มร้องบอกอย่างปลอบใจ เมื่อเห็นกะเหรี่ยงหนุ่มมีสีหน้าหมองเศร้าเห็นได้ชัดเจน ไม่เพียงแต่สิงห์เท่านั้นที่เห็น
คนอื่นๆในคณะก็มองเห็นสีหน้าของเจ้าพุ่มเช่นกัน
ถ้าจะผิด ก็ผิดกันทุกคน
ต่อไปนี้ คงต้องระวังมากกว่าเดิม เรื่องฟืนไฟพรานพรร้องบอก พลางตบไหล่เจ้าพุ่มเป็นการปลอบขวัญ
ไม่ผิดโว้ย
อย่างน้อยๆ ไอ้สองตัวนี้ก็ไม่ผิดพรานโส่ยร้องบอก พลางอ้าปากหัวเราะแบบไม่มีเสียง ทำเอาทุกคนมึนไปตามๆกัน
ใครมันไม่ผิดวะตาโส่ย
เห็นๆกันอยู่ ว่าร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันพรานแปะแหวใส่พรานเฒ่า
ก็ไอ้ห่ าสองตัวนั้นไง
สบายกว่าเพื่อน ถ้ามันหลับได้คงหลับไปแล้ว เดินก็ไม่ต้องเดิน แถมมีคนอุ้มให้อีกต่างหากพรานเฒ่าร้องบอก พลางแยกเขี้ยวแยกฟันอย่างหมั่นไส้ เจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบอง ที่สองกะเหรี่ยงช่วยกันอุ้มมาจนหลังแอ่น
ฮีโธ่...ขนาดหมาแกยังอิจฉา
ให้ไอ้พุ่มกับไอ้เคิ้งมันอุ้มล่ะดีอยู่แล้วพรานแปะร้องบอก
เอานา ลุง สงสารมันพวกเรามีรองเท้าใส่ยังจะแย่
รองเท้าหนังแท้ๆแบบมันคงไม่ไหวเจ้าเหน๋อเงียบเป็นคนอมเมี้ยงอยู่นาน เสวนาออกมาบ้าง ทำให้มีเสียงหัวเราะกึกกักเล็ดลอดออกมาบ้าง ถึงแม้จะไม่คึกครื้นเท่าใดนัก แต่ก็ถือว่าดีแล้ว สำหรับสถานการณ์เช่นนี้
โชคดีหน่อยที่ข้างหน้าเรามันมีแต่หินลูกรัง
ต้นไม้ต้นไร่เลยไม่ค่อยขึ้น ไฟมันคงไหม้กินจนสุดบนเนินที่เห็นนั้นแหละพรานเบร้องบอกคณะ พลางชี้มือไปทางเนินเบื้องหน้า
คงจะจริงของเอ็ง ข้าเห็นแต่ควันกรุ่นๆ
ป่าดำ ก็ป่าดำเถอะวะ เจอพระเพลิงแบบนี้ได้ดำสมชื่อแน่พรานชราพูดไม่ทันจะจบก็แหกปากร้อง ว๊าก ออกมาดังลั่น พร้อมกับอาการกระโดดขาเดียวเหย๋งๆ เพราะดันไปเหยียบเอาถ่านใต้กองขี้เถ้าเข้าเต็มรัก
ฉิ บหายเอ๊ย!
สุกกันพอดีตี นกู!พรานชรา สบถออกมาดังลั่น แต่แทนที่คนในคณะจะแตกตื่นตกใจ ตรงกันข้ามกับมองเป็นเรื่องขบขันเสียมากกว่า โดยเฉพาะพรานพร
สมน้ำหน้า ปากดีนักแก
เจ้าป่าเล่นงานเข้าให้พรานพรคู่ปรับขาประจำร้องหยัน
ท่ามกลางควันไฟ ที่ทอดตัวปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณดูคละคลุ้ง ไม้เล็กไม้น้อยถูกเผาจนเหลือแต่เถ้าขาวโพลน มีให้เห็นอยู่เกลื่อนกราด ราวกับมีใครมากองหรือโรยผงเถ้านั้นให้เป็นรูปหงิกงอของต้นไม้บนพื้นดิน แต่แท้ที่จริงแล้ว มันก็คือเศษซากที่บ่งบอกว่า ครั้งหนึ่งบริเวณนี้ เคยมีต้นไม้ล้มพาดอยู่
ไม่รู้ว่าไฟมันจะลามไปถึงไหน
ป่าไม้วอดวายหมดชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเบาๆ หลังจากหันกับไปดูภาพความหายนะเบื้องหลัง
อย่างเก่งก็ลามลงไปแค่หุบที่เราผ่านมา
แถวกะโน้นมีแต่ไม้ใหญ่ ไม่เหมือนแถวนี้ มีแต่หญ้าคากอแฝกพรานโส่ยตอบ
ดีไม่ดีลามไปไม่ถึงหุบด้วยซ้ำ
ตรงที่พวกเราผ่านมา มีแต่ด่านช้างเดินให้เกลื่อน คงข้ามไปไม่ถึง แต่ถ้าเจอไม้แห้งล้มไปอีกฝั่งก็ว่ากันอีกเรื่องพรานแปะที่เดินเคียงคู่มากับพรานชราร้องเสริมมาอีกแรง
อย่าว่าแต่ด่านช้างเลยพี่
แล้งครั้งก่อน ขนาดมีห้วยขวาง ไฟมันยังข้ามไปไหม้อีกฟากได้เลยเจ้าเคิ้งร้องบอก
ขนาดนั้นเลยหรือวะ
มีน้ำไหลผ่านแบบนั้นไม่น่าเป็นไปได้สิงห์บอกมาด้วยความสงสัย
ก็อีหลอบเดียวกะที่ไอ้แปะมันบอกข้านั้นล่ะ
แค่มีไม้ล้มขวางพาด ไฟมันก็ลามไปตามไม้ชายชราตอบ
เออ จริงของลุง
แล้วเอ็งทำยังไงกับมันชายหนุ่มหันไปร้องถามเจ้าเคิ้ง เกี่ยวกับไฟที่เจ้าตัวเล่ามาให้ฟัง
ก็ดับไงพี่แต่ผมดับได้เท่าที่เห็น แค่นั้นแหละ
ป่าไม้ออกกว้างใหญ่ ไม่รู้จะมีไม้ล้มแบบที่ผมเห็นอีกกี่ที่เจ้าเคิ้งร้องบอก ซึ่งความจริงแล้วเหตุการณ์แบบนี้มีให้พบเห็นได้บ่อยครั้ง ชาวบ้าน บ้านป่า ถ้าพบเห็นก็จะช่วยกันดับ แต่ก็อย่างว่า ใครจะมาเดินไล่ดับให้หมดทุกจุด ทุกที่ เพราะป่าไม้บริเวณนี้กว้างขวางเกินแรงและกำลังของชาวบ้านได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่ายืนดูอยู่เฉยๆ และไฟป่า ที่อันที่จริงแล้วส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากชาวบ้านบางกลุ่ม ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรืออาจจะมีความเห็นแก่ได้ส่วนตัว มากกว่าส่วนรวม แอบจุดไฟเผาป่าบ้าง ทั้งการทำไร่ถางพง เพื่อขยายขอบเขตการทำเกษตรของตนให้มากขึ้นไปอีกเพื่อหวังรายได้ที่เพิ่มขึ้น หรือการจุดไฟเผาป่าเพื่อ เก็บหาของป่า เช่น ผักหวาน ยิ่งต้นของมันถูกเผา มันจะยิ่งแตกใบอ่อนให้เก็บกินหรือนำออกไปขาย และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ การเผาป่าเพื่อการล่าสัตว์ เพราะใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นกลาดเกลื่อนอยู่เต็มพื้น นั้นเป็นอุปสรรคสำคัญในการออกล่าสัตว์ เพราะเสียง กรอบแกรบ ของมันนั้นเอง อาจทำให้สัตว์ที่จะล่ารู้ตัวเสียก่อน วิธีแก้ที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดของชาวบ้านก็คือ เผาป่า เมื่อไม่มีใบไม้แห้งมาเป็นอุปสรรค การล่าก็ง่ายขึ้น ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของคนไม่กี่คนนี้เอ็งทำให้ป่าไม้ในปัจจุบันมีอันเป็นไปได้ถึงขนาดนี้.....
*****เนื้อเรื่องกำลังดำเนินไปอย่างสนุก เหตุการณ์ต่อจากนี้จะดำเนินไปเช่นไร โปรดติดตามหาความบันเทิงได้ต่อ ในบทต่อไป*****
ผิดพลาด หรือตกหล่น ประการใด ผม หนุ่มธุดงค์ไพร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ภาพที่ 2มาต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ ว่าด้วยวิชา การตอดทอย
ในภาพพรานเบ กับ พรานแปะ กำลังช่วยกันทำลูกทอย ลูกทอยที่ผมว่านั้นทำจากไม้ไผ่ครับ ไม่อ่อน แต่จะหนักไปทางแก่ แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นไม้ไผ่แห้ง
ภาพที่ 3ลีลา การเหลาลูกทอย ของพรานเบ
มีดที่ใช้ต้องคมครับถึงจะไม่กินแรง
ภาพที่ 4เจ้าเคิ้งทำการนั่งยางลูกทอย ที่เหลาเสร็จ
ผมเคยถามนะครับว่าทำไมต้องย่าง คำตอบคือ ทำให้มันแข็ง?
ผมก็ถามอีกว่า ทำไมไม่ใช้ไม้แห้งไปเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาย่าง คำตอบคือ ไม้แห้งมันเหลายากกว่าไม้สด! (สรุปผมโง่เอง ฮาๆ)
สังเกตข้างๆมั๊ยครับ ที่เป็นเถาๆ เถาที่เห็น คือ เถาวัลย์ผึ้งครับ ใช้สำหรับรมควันตอนตีผึ้ง
ภาพที่ 5บทสองบท ที่ผ่านมา ผมแต่งออกจะทำให้รู้สึกร้อนแล้งยังไงไม่รู้ น้าๆเอารูปนี้ไปดูเย็นๆดับร้อนก่อนนะครับ