สายเส้นเดียวเกี่ยวชีวิต กับนาที(วินาที)ชีวิต แล้วเกี่ยวกับตกปลาตรงไหนยาวหน่อยแต่อยากให้น้าๆอ่านครับ
แดดร้อนๆประมาณ 16 นาฬิกาของวันอาทิตย์(1/04/50)แถวๆทางจะไปอำเภอเสนา ผมเดินปุเลงๆถือ DNA คู่ใจตามข้างทางหาหมายเหมาะๆพอได้ล่อช่อนอีกซักตัว
หลังจากช่วงเช้าโดนไล่ที่จากเจ๊เจ้าของบริษัทส่งออกกล้วยไม้ โทษฐานไปตกปลาที่คลองหน้าบริษัท เจ๊แกบอกว่า "ไปนะตรงนี้เค้าห้ามตกปลา ไปตกที่อื่น ไป"
อันทื่จริงก้น่าเชื่อแกถ้าผมหาป้ายห้ามเจอ แล้วก็ถ้าผมไม่เหลือบไปเห็นเบ็ดปักที่เรียงราย แล้วย้อนเมื่ออาทิตย์ก่อนก็คนในบริษัทแกน่ะล่ะมาปักไว้ แต่ไม่เป็นไรย้ายก็ได้ Wa
ระหว่างที่ตาก็มองหาหมายและสมองก็นึกเถียงเจ๊แกอยู่ หูผมก็ทันได้ยินเสียวรถเบรคลากยาว 2เสียง เอี๊ยดดดด พร้อมกับเสียงโครมมม เบ้อเร่อ ตาผมน่ะมันจ้องตั้งแต่เสียงเบรคยาวแล้ว
ที่ผมจ้องอยู่คือการประสานงากันอย่างเหมาะเจาะของรถ2คัน ที่ผมวิเคราะห์ได้หลังจบเรื่องคือ กระบะจากฝั่งตรงข้ามกำลังแซงออกมา และเห็นว่าคงไม่พ้นรถเก๋งที่เพิ่งวิ่งผ่านผมไป กระบะเลยติดสินใจหักหลบลงข้างทาง(ขวาคนขับ)
ซึ่งก่อนนั้นรถเก๋งคันที่ว่าก็คงมองอยู่เลยหักหลบลงข้างทางเช่นกัน(ซ้ายคนขับ)
ทั้งสองคนคิดตรงกันมากในเหตุการณ์นี้ เพราะเมื่อสิ้นเสียงโครมผมเห็นรถเก๋งหยุดอยู่กับที่ แต่รถกระบะถอยไปประมาณ2-3เมตร และฝุ่นตลบ "เอาล่ะสิ"
สิ้นคำนี้มือก็กำเจ้า DNA แน่นแล้วก็รีบจ้ำอ้าวให้ใหญ่ ผมห่างจากเหตุนี้ประมาณ 200 เมตรได้ครับ ระหว่างที่ผมกำลังควบอยู่นั้นมีรถวิ่งผ่านผมไปนะครับ
เค้ารีบลดความเร็วลงจนผมใจชื้นเพราะเค้าถึงก่อนจะได้ช่วยๆกัน อื้มช่วยได้จริงๆ เค้าชะลอเหมือนจะดูทะเบียนเพื่อเอาไปแทงหวย แล้วขับต่อ -_-'
เอาล่ะครับ 50 เมตรสุดท้ายแล้ว ตอนนี้เทอร์โบในตัวผมเริ่มทำงาน(อ้าปากแล้ว) ตาก็เหลือบไปมองฝั่งตรงข้าม มีลุงขับซูบารุซึ่งแกก็คงถูกกระบะแซงมา
แกชะลอบ้างและจอด "เยี่ยม"(เทอร็โบยังทำงานปกติดี) ผมรีบชี้ให้ลุงแกดูเปลวไฟที่เริ่มพวยพุ่งออกมาน่าจะจากห้องเครื่องหน้ารถเก๋ง"มีไฟด้วย"ผมตะโกนออกไปนึกได้ว่าเรามีโทรศัพท์นิ ดีเลยคว้ามากดเลย
191 "ตู๊ดๆๆๆ"ดังถี่ๆติดกัน(ให้มันได้อย่างนี้) ตอนนี้ที่ประตูคนขับแง้มออก"เยี่ยม (อีกที)"ลุงแกรีบข้ามถนนและพยายามจะเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับ
ซึ่งพอดีกับที่ผมมาถึงและจำต้องวาง/โยน DNA ลงพงหญ้าข้างทาง ลุงแกวิ่งสวนผมออกมาอีกพร้อมกับพูดกับผมสั้นๆว่า"เหล็กแป๊บอยู่ที่รถผม"
ผมรีบไปด้านคนขับ เห็นพี่แกกำลังพยายามให้ตัวเองหลุดจากเบาะ ผมจับประตูช่วยเปิด พี่แกก็ปลดเข็มขัดนิรภัยเหมือนจะติดๆ ครับ
ซึ่งผมก็กำลังนึกถึงคัตเตอร์ ว่ามันอยู่ในกระเป๋าเหยื่อที่คาดเอวอยู่ แต่ก็ปลดออกได้ล่ะ ผมจึงยายามจะดึงตัวแกออก(ผม 45 กิโล พี่แกเดาน่าจะ 70-80ได้)
"โอ๊ย !! ขาผม"ผมมองตามลงไปเป็นคันเร่งครับ มันคงงอด้วยแรงชนน่ะล่ะมันกดเท้าแกไว้ เอาไงดี เพราะเจ้าไฟที่อยู่หน้ารถตอนนี้ มันกำลังลุกจะสูงได้เมตรนึงแล้ว ทั้งความร้อนทั้งควันก็กำลังเข้ามาในรถได้ที่เลย
ผมพยายามง้างเจ้าเบรคตัวดีให้กว้างพอที่จะดึงเท้าออกมาได้"เอาล่ะนะพี่พยายามหน่อย เอ้า อีกนิด อีกนิด ฮึ๊บ หลุด ออกมาละ" พี่แกรีบตะกายออกมาพร้อมปากก็ร้องบอกออกมา"พี่ ช่วยเด็กกับผู้หญิงอยู่ในรถ
พี่ช่วยเค้าด้วยครับ" เด็ก!!ไม่รู้สิครับ ตอนนี้คือร้อนชนิดที่ผมเองก็กึ่งถอยกึ่งช่วยเหมือนกัน และควันก็ตลบมากแล้ว ผมได้สูดกลิ่นมันเข้าไปนิดนึงครับ ไม่ไหวแสบเข้าจมูก จนต้องกลั้นหายใจ"เอาเถอะพี่รีบออกมาก่อน"
หลุดจากพี่เค้าผมอ้อมไปที่ประตูของลุง พอดีแกก็วิ่งถือเหล็กแป๊บมาพอดี"เอาเลยลุง ทุบ ทุบ" ลุงแกหวดเหล็กไปที่กระจก 2 ที ได้มา 2 รู เรารีบเปิดให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลุงแกล้วงมือไปปลดล็อค แต่ไม่ออก ผมรีบโผล่หน้าเข้าไปดู
แม่เจ้า!! ที่เห็นคือ ผู้หญิงกำลังหมอบต่ำจนตัวโล้ไปชิดช่องแอร์(เรียกถูกมั้ยเนี่ย คือยังไม่มีขับเลยไม่แน่ใจถูก ช่างเถอะนะ) ส่วนมือข้างซ้ายยังกอดเด็กชายคนนึงอยู่และยังนิ่งทั้งคู่ แถมกอดแน่นจนผมจะดึงเด็กออกเลยก็ไม่ได้
ต้องแกะแขนที่ว่าออกก่อน
เสร็จจากแขนแล้ว ผมยังว่างพอที่จะมองโดยรอบก่อนว่าติดแค่แขนนะ เอาล่ะ ผมจับที่สองรักแร้แล้วพยายามดึง+ยก อื้ม
หลุดออกมาแล้ว และเหมือนจะมีคนมาอยู่ด้านหลัง "ลุง เอาไป" ผมหันมามองเจ้าของแขนเมื่อครู่อีกที แผนเดิมครับเผื่อฟลุ๊ค
จับสองรักแร้ยกและจะจึงหน่อยๆ ขึ้นมาได้แค่ครึ่งเองครับ(ดูๆก็ตัวโตกว่าเด็กนั่นหน่อยเดียวเองนะทำไม..ไม่ขึ้น??) ผมสำรวจดูอีกที"ขาติดน่ะ"เสียงลุงคนเดิมครับ
มาช่วยผม ขาเค้าไปติดอยู่ซอกระหว่างประตูกับเบาะ ผมจัดอีกที ที่นี้ล่ะ ฮึ๊บ "ลุง..ช่วยผมหน่อย" ก็ครึ่งเดียวอีกล่ะ พอลุงมาดึงพรวดเดียวครับ
ออกมาแล้ว ผมสำรวจดูข้างในอีกที "พี่ครับ กระเป๋า" เสียงจาก พี่คนขับซึ่งตอนนี้นั่งอยู่ห่างจากท้ายรถประมาณ 5 เมตร"กระเป๋า ครับพี่ กระเป๋าตังค์ด้วย โทรศัพท์ผมด้วย ผมจะโทรหาญาติผม"
"เอาไงดี" ผมนึกในใจ เมื่อมองเห็นภาพควันดำที่พวยพุ่งออกมา และเปลวไฟที่ยังโหมอยู่อย่างไม่ลดละ "เอาน่ะ" ผมมุดเข้าไปในรถอีกทีด้านคนขับ ในห้องเก๋งตอนนี้เริ่มมีหยดไปตกลงมาแล้ว เลยต้องใช้วิธีกลั้นหายใจแล้วรีบ
เข้าไป คว้าๆ ออก ทำอย่างนี้อยู่ 2-3 รอบ รู้สึกจะได้กระเป๋าครับกับสมุด 1 เล่ม ส่วนโทรศัพท์ผมความหาไม่เจอจริงๆ ไม่รู้มันกระเด็นไปมุมไหน"ไม่เจอโทรศัพท์พี่" ก็พอดีมีใครไม่ทราบล่ะจำได้ว่าเสื้อเขียวๆ วิ่งไปทางประตูตรงผู้หญิงกับเด็กเคยอยู่"อยู่นี่ๆ" "ขอบคุณ..จอร์ด"ที่ทำให้ผมไม่ต้องมุดอีก
ลืมบอกไปครับ ตอนนี้คนมาเต็มแล้ว รถก็ติดมาก แล้วก็ได้ยินเสียงรถของมูลนิธิมาดังมาแล้ว ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นตามลำดับครับ มูลนิธิมาเอาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ตำรวจมาอำนวยเรื่องจราจร ผมหันไปมองผลงาน
แล้วปลาบปลื้มครับ 1 ครั้ง ในชีวิต ที่ได้ช่วยชีวิต คนถึง 2 ชีวิต ถูกแล้วครับ 2 ชวิต คนแรกคนขับที่ตอนนี้ทั้งร้องไห้ทั้งสาละวินกับการโทรศัพท์ ระหว่างรอสายปากก็ตะโกนบอกให้เจ้าหน้าที่รีบปั๊มหัวใจ หรือทำอะไรซักอย่าง
กับผู้ญิงคนที่ผมเห็นเค้าหมอบและกอดเด็กเอาไว้แน่นและตอนนี้นอนนิ่งอยู่(ทราบจากพยาบาลซึ่งคงบังเอิญมาเจอ บอกว่าชีพจรหยุดเต้นแล้ว) และคนที่สองคือเด็กชายที่ตอนนี้มีคนมาอุ้ม เค้ารู้สึกตัวและกำลังร้องไห้อยู่ ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำนิดหน่อย
เหมือนกับคนขับที่ขาเจ็บ มีรอยบวมเท่าลูกมะนาวที่ตาขวา
DNA อยู่ไหนหว่าาา ผมวิ่งไปค้นบริเวณที่ผมวางไว้/โยนเจ้าคู่ใจไว้ เหตุที่เกิดขึ้นผมว่าเราโชคดีครับ
- ลุงมีเหล็กแป๊บไม่งั้นคงเป็นศอกผม(แต่ไม่รู้จะไหวมั้ย )
- กระจกครับซึ่งละเอียดดีแท้ และเปิดให้โล่งง่าย ไม่ค่อยคมนะเพราะไม่งั้นมือผมคงได้หลายรอยกว่านี้
- ลมครับ ที่ไม่ได้พัดเข้าหารถ แต่พัดจากด้านข้าง(ซ้ายไปขวา)
- เหล็กที่ใช้ทำคันเร่งครับ ไม่ได้แข็งมากนัก ทำให้ผมง้างมันได้ด้วยมือเปล่าๆ
- ไฟครับ ที่ไหม้ไวได้ใจ แต่ก็ไม่ไปเจออะไรที่ทำให้เกิดการระเบิดย่างรุนแรง แม้หลังจากนั้นผมจะเห็นมันมีกระเบิดไม่สิประทุจนมีลูกไฟเล็กๆลอยขึ้นบ้าง
- ผมมีหมวก, ผ้าคลุมปิดหน้าเหมือนที่น้าๆประกาศขาย และถุงแขนครับก็สั่งจากน้าท่านนึงในหน้าตลาดน่ะล่ะ 3 คู่ร้อยซึ่งไฟขนาดนั้นผมยังไม่รู้สึกร้อนที่แขนเลยเหมือนที่น้าเค้าการันตีไว้"ใส่แล้วเย็น"
- รถติดไฟแค่คันเดียว ส่วนคันที่อยู่ตรงข้าม(รถกระบะ)รู้สึกจะออกมาได้บาดเจ็บเล็กน้อย
- ผมหา DNA เจออย่างสมบูรณ์ ไม่โดนเหยียบ ไม่หาย ผมเดินกลับมาที่หมายเพื่อมาเก็บเจ้าช่อนตัวเดียวของวันนี้ เตรียมกลับหาพี่สาวที่ปทุม เพราะคงตีต่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้รถติดเป็นทางยาว แล้วชุดผมทั้งหมดก็เปื้อนด้วย กลิ่นคลุ้งเลย
สายเส้นเดียวเห็นมั้ยครับ เหตุการณ์เดียวกัน กับคนสองคนที่ใกล้กันแค่ข้าง มันจะให้ผลเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงขนาดนี้ ถ้าคาดเข็มขัดซะ ซึ่งถ้ากลัวว่าหลังเกิดเหตุจะแกะไม่ออกก็ไม่ต้องกลัวครับ
นักตกปลาทุกคนมีอุปกรณ์ที่ใช้ตัดได้ อยู่ในกระเป๋าเหยื่อซึ่งคาดเอวเค้าอยู่
** ผมจงใจเล่าติดตลกไปบ้างนะครับ เพราะเห็นว่าวันนี้เริ่มทำงานไม่อยากจะเพิ่มความเครียดให้ อ่านแล้วก็จับเฉพาะส่วนเข็มขัดนิรภัยต้องการเน้น นะครับ และเหตุการณ์ในเรื่องผมไม่ต้องการจะซ้ำเติมหรือเอามาล้อเป็นเรื่องเล่นนะครับ
หากแต่ผมเชื่อว่าเรื่องมันใกล้ตัวเราทุกคนครับ จึงเอามาเล่า และผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียที่เกิดมา ณ โอกาศนี้ อยากจะบอกด้วยตัวเองนะครับ แต่ตอนนั้นชุลมุนมาก พี่แกคงยังไม่พร้อมที่จะรับ
และหลังจากผมเห็นว่าคนมาช่วยกันมากขึ้นทั้งตำรวจ,เจ้าหน้าที่,ดับเพลิง,พยาบาล ทุกอย่างคลี่คลายผมเลยออกมา