-1-
หวนคิดขึ้นมาครั้งใด ผมอดประหลาดใจไม่ได้ว่า ทำไมชีวิตตนเองจึงเกี่ยวพันกับสายน้ำมากขนาดนี้
แยกร่างกับแม่ที่ริมฝั่งบางประกง เรียนหนังสือขั้นสูงที่ข้างตลิ่งเจ้าพระยา อยู่ป่าหากินแถวลำน้ำแม่จัน ออกจากป่าตรงต้นห้วยขาแข้ง ไปเรียนต่อสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยก็ตั้งอยู่ริมทะเลสาป ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเรียนจบแล้วกลับมาสอนอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาสายเดิม และใช้เวลาไม่น้อยเร่ร่อนอยู่ในทะเลอันดามัน
ทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นสัมพันธภาพที่ถูกกำหนดมา ลึก ๆ แล้ว ผมไม่เคยแน่ใจ
ผมรู้เพียงว่าความผูกพันระหว่างตัวเองกับแม่น้ำลำธารและท้องทะเลนั้น มิได้เป็นแค่อารมณ์วูบของนักเดินทางที่มีต่อสถานที่ถูกใจ หากสายน้ำเป็นทั้งผู้ให้กำเนิด เป็นทั้งเพื่อนทั้งครู กระทั้งในบางห้วงอารมณ์ ให้ความรู้สึกราวเป็นคนรัก
แน่ละ หากถูกซักไซร้ไล่เรียง ผมคงอธิบายไม่ถูกว่าทำไมจึงมีความรู้สึกดังนี้ แต่ผมรู้ว่าไม่ได้โกหกใคร หากจะกล่าวว่าสามารถนั่งดูน้ำในลำห้วยไหลรินได้เป็นวัน ๆ อบอุ่นเมื่อยามเห็นทะเลยามเช้า และเงียบเหงาเมื่ออยู่ห่างห้วงน้ำเนิ่นนานเกินไป
บางทีคงเป็นเพราะชอบอยู่ใกล้น้ำ ผมจึงเพียรฝึกวิชาตกปลา ในเมื่อตกปลาได้ใช้เบ็ดเป็น ผมกับสายน้ำจึงสามารถมีกิจกรรมร่วมกัน มิตรภาพระหว่างคนกับธรรมชาติก็เหมือนคนกับคนนั่นแหละ แค่มองตากันไปวัน ๆ คงไม่เพียงพอที่สร้างความผูกพันแน่นแฟ้น
อย่างไรก็ตาม
ความสุขและความสำเร็จของผมในห้วงยามเช่นนี้ ล้วนขึ้นต่อความร่วมมือของเธอมากที่เดียว สายน้ำที่ไหลเกรี้ยวกราดทำให้ผมหวั่นไหวไร้ความเชื่อมั่น คลื่นคลั่งในท้องทะเลทำให้ผมอึดอัดเหมือนกับพูดกับคนรักไม่รู้เรื่อง แต่ทั้งหมดนี้ อันใดก็ไม่ชวนปวดร้าวเท่ากับการพบเห็นสายน้ำที่เหือดแห้งโทรมทรุดเพราะถูกผู้อื่นรังแก
ใช่ สายน้ำในความรู้สึกของผม ไม่ว่าจะเป็นลำธารในหุบเขาหรือปากอ่าว ท้องทะเล มักมีฐานะเป็นเพศหญิง
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงมีสำนึกอยู่เสมอว่าจะต้องปฎิบัติต่อเธออย่างถูกต้อง
รวมทั้งมีสัญชาติญานที่จะปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
-2-
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนอื่น ๆ จะมองสายน้ำด้วยสายตาอย่างเดียวกับผมหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุด ผมรู้ว่าห้วงน้ำมักเป็นฉากสำคัญในตำนานของผู้ชายที่ค้นหาความครบถ้วนของเพศพันธุ์ ซึ่งบ่อยครั้งแยกไม่ออกจากความครบถ้วนทางจิตวิญญาน
แต่ครั้งโบราญ เจ้าอาเธอร์แห่งเกาะอังกฤษยามแพ้พ่ายรันทด ได้โยนดาบคู่ใจชื่อ เอ็กซ์คาลิเบอร์ ลงสู่ห้วงน้ำ จากนั้นตัวเองก็ลงเรือสีดำหายสาบสูญไปกับสายน้ำด้วย
แต่ครั้งโบราญเช่นกัน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงยิงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตงปลิดชีพข้าศึก แม้สายน้ำกว้างงามก็มิอาจขวางกั้นชัยชนะของพระองค์
ทุกวันนี้ กลางนครหลวงฮานอยยังคงมี สระคืนดาบ พร้อมกับตำนานเล่าขานว่า วีรบุรุษกู้ชาติท่านหนึ่งเคยนำดาบจากสระนี้ไปรบชนะผู้รุกราน จากนั้นนำมาคืน
ในนิยายระดับโนเบลไพรซ์ของเฮมิงเวย์ชื่อ ดิโอลด์แมนแอนด์เดอะซี ใช่หรือไม่ว่าการค้นหาชัยชนะครั้งสุดท้ายของเฒ่าซานติเอโก ก็บังเกิดขึ้นกลางห้วงน้ำ
หรือแม้แต่การค้นหาทางธรรมอย่างในนิยายเรื่อง สิทธารถะ ของเฮอร์มัน เฮสเส แม่น้ำก็เป็นสัญลักษณ์สำคัญของฉากการค้นหาสัจจะ
สมัยใหม่ขึ้นมาอีกนิด ภาพยนต์เรื่อง ริเวอร์รันทรูอิท ก็มีสายน้ำเป็นฉากชี้ขาดความแตกต่างระหว่างพระเอกกับพี่ชายของเขา หรือแม้กระทั้งการก้าวพ้นคำสอนของพ่อตัวเองในวิชาการตกปลา
และถ้าจะพูดถึงเรื่องจริงระหว่างผู้ชายกับสายน้ำในบ้านเรา กรณีของ สืบ นาคะเสถียร กับห้วยขาแข้ง ก็นับเป็นตัวอย่างที่ดี
ฯลฯ
ผมไม่กล้าสรุปหรอกว่า ผู้ชายในนิยายและเรื่องจริงเหล่านี้จะมองสายน้ำเป็นหญิงสาวดังที่ผมมอง แต่ก็อดสังเกตุไม่ได้ว่าสายน้ำในเรื่องราวของท่านทั้งหลาย มีลักษณะเชิงสัญญลักษณ์เป็นสตรีเพศมากที่เดียว ไม่ว่าเธอจะรองรับการพ่ายแพ้ของเขาอย่างในกรณีของเจ้าอาเธอร์ และสืบ นาคะเสถียร กั้นขวางทางชัยอย่างในกรณีของพระนเรศวรฯ และโควินทะ หรือเกื้อกูลในการค้นหาตัวเองอย่างในกรณีของวีรชนเวียตนาม และในนิยายเรื่อง ริเวอร์รันทรูอิท กับ ดิโอลด์แมนแอนด์เดอะซี
ผมเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยเลยว่าผู้ชายเรา จะดีชั่วแพ้ชนะ ค้นพบความครบถ้วนของเพศพันธุ์ได้หรือไม่ ล้วนแยกไม่ออกจากบทบาทของสตรีในชีวิต
เพียงแต่ว่าคงไม่ใช่สำหรับทุกคน ที่เธอจะปรากฎตัวในรูปสายน้ำ
กล่าวเช่นนี้แล้ว ผมก็รู้ว่าตัวเองกำลังเสี่ยงต่อการถูกข้อหากดเหยียดสตรี หรือไม่ก็ยึดถือบุรุษเพศเป็นหลัก เห็นผู้หญิงมีฐานะเป็นเพียงฉากหลังคอยสนับสนุน
แม้ไม่ปรารถนาจะอธิบาย แต่ผมก็ต้องขอยืนยันว่า ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
เรื่องราวที่ผมจดจารลงมาทั้งหมดมิได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับสิทธิและความเสมอภาคทางสังคม และยิ่งไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติในด้านการงานของผู้หญิง สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงขั้นตอนการพัฒนาการทางการผลิตของมนุษย์หลังจากการปฎิวัติอุตสาหกรรมเรื่อยมา
ส่วนความรู้สึกนึกคิดของผมเป็นเรื่องของจิตใจและจิตวิญญาน ซึ่งแยกไม่ออกจากการอยู่ร่วมกันของสองเพศ อันประกอบขึ้นเป็นองค์รวมของมนุษย์ชาติ
ผมมักจะพูดกับเพื่อนสนิทอยู่บ่อยครั้งว่า ผู้ชายเราเป็นสัตว์ที่อ่อนแอ ซึ่งก็แน่นอน ผมหมายถึงเบื้องลึกของความรู้สึกภายใน แม้ในยามค้นหาความหมายของเพศพันธุ์ ยังคงต้องอาศัยทม้งคำท้าและวาจาเอื้ออาทรของหญิงสาว
ต่อเรื่องนี้ผมค่อนข้าง โชคดี ที่มีสายน้ำคอยทำหน้าที่แทนอยู่หลายครั้ง
พบลำห้วยไหลใสอยู่กลางหุบ ตื่นเต้นดีใจราวได้พบสาวงาม ฝ่าลุยกระแสน้ำเชี่ยวกรากหรือร่อนโล้อยู่บนเรือเล็กบนลอนคลื่น ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการเผชิญอารมณ์ร้ายของคนรัก รอนแรมอยู่บนผิวทะเลสงัด บางทีก็เหมือนหลับไหลอยู่บนตักของมารดา
ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าความรู้สึกที่ทั้งงดงาม วูบไหวพ่ายแพ้และถูกโอบอุ่นเหล่านี้ ล้วนมาจากหญิงสาวมากหน้าหลายตา แทนที่จะมาจากรประสบการณ์ร่วมกับน้ำหลายสายที่เคยผ่านพบ
แต่การที่ หญิงสาว ส่วนใหญ่ของผมเป็นห้วยน้ำลำธารและท้องทะเล ทำให้ผมรอดตัวมาได้ในหลาย ๆ มิติของชีวิต ไม่เพียงรอดตัว หากยังเติบโตและเติมเต็มความหมายของเพศชายในสายพันธุ์ที่ผมสังกัดได้อย่างไม่มีขอบเขต
เรียนรู้ที่จะรับคำท้าฝ่าข้ามอุปสรรค รู้จักพักใจบ้างในที่ ๆ ได้รับการดูแล และกล้าแสดงความอ่อนแอในซอกมุมที่ปลอดภัย ฯลฯ ความเป็นผู้ชายแบบที่ผมเป็นถึงอย่างไรคงต้องเป็นหนี้บุญคุณสายน้ำอยู่ไม่น้อย
ครับ ชีวิตกลางแจ้งของผมจะว่าไปก็มีอะไรคล้ายชีวิตรัก ทว่าเป็นชีวิตรักในรูปแบบที่ออกจะหมองหม่นยิ่ง
คือทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับสายน้ำ จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะรักเราเหมือนดังที่เรารัก เธอ
พิมพ์ครั้งแรก : แอคชั่นสปอร์ต, พฤศจิกายน 2540
ขอขอบคุณ อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่ได้อนุญาติให้นำบทความชิ้นนี้มาลงเว็บไซต์ - webmaster