ภาพที่ 1 สงครามไม่มีคำว่าปรานี กีฬาไม่มีคำว่าลดข้อ เป็นคติประจำใจเวลาแข่งกีฬา
ในสมัยที่เป็นหัวหน้าทีมบาสเก็ตบอลประจำโรงเรียน ในเกมส์แข่งขันอาจหมายถึงคนแข่งกับคน
และเกมส์ที่นักกีฬาต้องแข่งกับศักยภาพของตัวนักกีฬาเอง...ฯลฯ แต่กับเกมส์ฟิช นักตกปลาล้วนมีฝีมือทัดเทียมกัน
เรื่องของโชคจึงมีผลอย่างมากกับเกมส์ฟิช ฉะนั้นใครดวงบาปแจ่มจรัสในวันแข่งขันโอกาสคว้ารางวัลปลาใหญ่จึงเป็นไปได้สูง
ที่เกริ่นมานี้มิได้หมายความว่าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นะครับ
ภาพที่ 2 ผมได้รับการเชื้อเชิญจากผู้การไข่นุ้ย (คุณสมศักดิ์ ไชยคำ ผู้จัดการของ ธ. CIMB THAI สาขาสุรินทร์)
ให้เข้าร่วมแม็กซ์แข่งขันตกปลาที่เขื่อนเขาแหลม จ.กาญจนบุรี ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการชุมชนชาวสยามฟิชชิ่ง
มีน้าบุ้ง (คุณฉัตรชัย เลี้ยงมงคล) เป็นประธาน ผมไม่ลังเลใจที่จะรับคำเชิญโดยเข้าร่วมแข่งในนามทีมบั้งไฟ FC
เพราะผมยังไม่เคยไปเขื่อนเขาแหลมเลย
ภาพที่ 3 วันที่ 22 3 54 รถโฟร์วิลสีแดงคันนั้นพา 3 นักกีฬาฟิชชิ่ง (สมาชิกบั้งไฟ FC อีกท่าน น้าหนูหวาย
(คุณธราวุธ ศรีสุข จากยโสธร) ออกจากทุ่งเมืองช้างราว 4 ทุ่ม สารถีผลัดกัน 3 ไม้เราก็ถึงเขื่อนเขาแหลมราว 8 โมงเช้า
ภาพที่ 4 หลังจากนักกีฬาลงทะเบียนแล้ว เวลาเที่ยงตรงกรรมการก็ทำการปล่อยตัวนักกีฬา
โดยให้เรือเร็วออกสตาร์ไปก่อนเพื่อความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำ ส่วนเรือหางยาวชาวบ้านออกตามหลัง
ภาพที่ 5 โป่งช้างเป็นหมายแรกที่ผู้การไข่นุ้ยต้องการเข้าไปสำรวจก่อน ท่านได้แชมป์ปลาช่อนเมื่อแม็กซ์ปีกลายจากหมายนี้
เราฝากความสำเร็จไว้กับเจ้าอ้นบ้านแนบ ซึ่งเป็นนางนกต่อตัวหมาน
ผมคัดเอามาฝากเฮีย 2 ไซส์ รับรองนางช่อนอดใจไม่อยู่แน่
ผู้การไข่นุ้ยบรรยายสรรพคุณขณะส่งเหยื่อให้ผม แต่ผมยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แม้จะบ่ายแล้ว
แต่วันนั้นผมยังไม่เห็นตะวัน บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่เช้า อากาศเย็นและลมแรง
ภาพที่ 6เวิ้งน้ำที่เราตีเหยื่อน่าจะเป็นป่าละเมาะที่ถูกน้ำท่วมตามหน้าน้ำขึ้นน้ำลง สาหร่ายแห้งคลุมซากไม้ตาย
เป็นพุ่มเป็นซุ้มกระจายอยู่ไม่ห่างกันนักเต็มเวิ้งน้ำ ผมส่งเจ้าอ้นบ้านแนบไปที่ร่องน้ำระหว่างซากพุ่มไม้ตาย
ตูม !! ไม้ที่ 3 เจ้าแป๊ะซะก็พุ่งตัวขึ้นชาร์จเหยื่อจากใต้น้ำดังสนั่น...เอาแล้วโว้ยยังไงก็ไม่แห้วแล้วเรา...
ตัวมันไม่เล็กแต่ก็ยังไม่ใช่ไซส์รางวัล ที่ร่องน้ำเดิมผมได้ไอ้ป๊อกกับนางช่อนอย่างละตัว
ภาพที่ 7 ไกลออกไปตรงที่เหยื่อส่งไปไม่ถึงมีเสียงปลาขึ้นดังเร้าใจ ผมลุยน้ำครึ่งแข้งไปตรงดอนที่อยู่ใกล้ปลาขึ้น
ส่งเหยื่อไปตรงร่องน้ำที่หมายตาไว้ ไม่กี่ไม้ตัวใต้น้ำพุ่งขึ้นขย้ำเจ้าอ้นบ้านแนบ
ผมเพียงรู้สึกว่ามันกระตุ๊กเหยื่ออย่างระแวง มันโชคดีที่ไม่หลงกลเจ้าอ้นบ้านแนบ
เฮียครับเราย้ายไปที่หุบอื่นดีกว่า แถวนี้น้ำตื้นปลาเล็ก สองตัวที่ผมได้ก็ไม่ใหญ่
ภาพที่ 8 ผู้การไข่นุ้ยตามมาชวนผมย้ายหมาย ไต๋พรสตาร์เครื่องเรือหางยาวพาเราเลาะไปตามหุบเขา
บริเวณที่มีสาหร่ายขึ้นเป็นแพริมตีนเขา บางจุดที่เป็นพื้นราบเหมาะแก่การเดินตีเหยื่อ
เราก็ลงจากเรือแยกย้ายกันไปคนละทาง ราว 5 โมงครึ่งเราก็กลับเข้าจุดชั่งปลา ซึ่งเวลาต้องไม่เกิน 6 โมงเย็น
ผมได้ปลาเพียง 3 ตัว ส่วนผู้การได้ 7 ตัว แม่ปลาช่อน 0.98 กก. ของผู้การติดอันดับ 3 ตัวที่ขึ้นแท่นน้ำหนัก 1.5 กก.
ภาพที่ 9 น้าหนูหวายได้นางช่อน 3 ตัว น้าเก้า (คุณจตุรงค์ ผาระกัน)ได้ 2 ตัว วันรุ่งขึ้นทำสกอร์กลับกัน
ภาพที่ 10 น้าไร้ท์(คุณมงคล บุญช่วย)แห้ว วันที่สองได้แต่กระสูบ ส่วนน้าเอ๊ก (คุณสุนทร ธูปดี) แห้วทั้งสองวัน
ภาพที่ 11 19.00 น. นักกีฬารวมพลกันที่ห้องอาหาร VIP ร่วมรับประทานอาหารพบปะสังสรรค์กัน
กรรมการได้นำเอาสิ่งของที่สปอนเซอร์สนับสนุนมาขายในราคาถูก
ภาพที่ 12 มีเล่นเกมส์แบบฝืนความรู้สึก แม้นักกีฬาจะต่างวัยกัน ต่างก็ไม่ถือตัวเล่นเกมส์กันสนุกสนานเหมือนย้อนวัย
บางคู่วันแซยิดรวมกันริมร้อย
ภาพที่ 13ซึ่งผมรับทราบข้อมูลจากน้าโม่งรองประธาน (คุณณัฐวุฒิ ตันบุญเจริญ) ถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า
ภาพที่ 14ต้องการให้เพื่อนๆชาวเวปสยามฯ ได้สัมผัสตัวจริงกันนอกเหนือจากที่ทักทายกันในเวปซึ่งเห็นแต่รูป
ส่วนเงินที่ได้จากการขายของในงาน ก็จะนำไปซื้อปลาปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติต่อไป
ภาพที่ 15 5.30 น. เช้าวันใหม่ เราทานข้าวต้มกับกาแฟพร้อมรับข้าวกล่อง ทีมใดพร้อมก็ออกเรือได้เลย
เราได้ฤกษ์ตอน 6 โมงเช้า ท้องฟ้าก็ยังมืดครึ้มแม้นลมจะสงบแต่อากาศหนาวกว่าเมื่อวาน
เราตีปลาไปตามเวิ้งน้ำในหุบเขา โชคดีพบฝูงไก่ป่าไม่กลัวคน 4 - 5 ตัวลงกินน้ำไม่ไกลนัก
พวกมันไม่เห็นเราอยู่ในสายตาเลย ....นายกล้ามาก... ไต๋พาเราเลาะไปตามตีนเขาหลายลูก
ไม่มีปลาฉวยเหยื่อเลยจนถึง 10 โมง เราย้ายไปที่โป่งช้าง ผู้การยึดชัยภูมิตรงตีนเขาด้านนอกฝั่งทิศใต้
ส่วนผมขออ้อมตีนเขาเข้าไปในหุบอีกด้านซึงเป็นจุดที่ผมได้ปลาเมื่อวาน ยังไงก็ขอให้ไข่แตกก่อน
ผมได้นางช่อนกับไอ้ป๊อก 2 ตัว ก่อนพากันย้ายไปอีก 2- 3 หุบ ตอนนั้นเวลาจะ 11 โมงครึ่งแล้ว
ท้องฟ้ายังอึมครึมครึ้มฝน ผมยังยึดสกอร์เดิมส่วนผู้การหิ้วแห้วถุงใหญ่อยู่
ภาพที่ 16 ไปเหอะหมดเวลาแล้ว
ผมอยู่บนฝั่งเรียกให้เรือมารับ เพราะเวลาชั่งปลาในวันนี้ต้องไม่เกินเที่ยง
ตอนนั้นผู้การยืนอยู่หัวเรือหันมาบุ้ยปากส่งเสียงเบา ๆ เหมือนกลัวแม่ปลาช่อนจะได้ยินบอกตัวใหญ่ ๆ
แล้วส่งเหยื่อขึ้นริมตลิ่งค่อย ๆ ลากมันลงน้ำ หลายไม้ต่อมาขณะที่อ้นบ้านแนบเจ้าเล่ห์วิ่งมาบนผิวน้ำคล้ายเขียดจ้ำหนีภัย
ภาพที่ 17 ตูม !!! เสียงน้ำกระจุยกระจายดังสนั่น ผู้การตะวัดคันไปข้างหลัง
นางช่อนพุ่งตัวลอยขึ้นกลางอากาศในท่าซัมเมอร์ซอลใส่เกลียว 2 รอบครึ่ง เจ้าอ้นบ้านแนบลอยละลิ่วแจ้นเข้าหาเจ้านาย
เจ้าแป๊ะซะจมลงใต้น้ำกบดานเงียบ ผู้การไข่นุ้ยทำไม้หลุดมือก่อนเข้าเส้นชัย ถ้วยรางวัลกระโจนหนีไปต่อหน้าต่อตา
ภาพที่ 18 ผลการแข่งขันทีมบั้งไฟ FC มีน้าเอ๊กเพียงคนเดียวได้รับเหรียญรางวัลพิเศษในฐานะนักกีฬารับประทานแห้วทั้งสองวัน
ภาพที่ 19 เนื่องจากอากาศไม่เป็นใจ ปลาที่นักกีฬาสอยได้จึงน้อยและไซส์ปลาไม่ใหญ่อย่างที่ควรจะใหญ่
บรรดาเรือเร็วหลายลำก็ไม่ประสบความสำเร็จในการตามล่าโทรฟี่ บางทีการที่อากาศแปรปรวน
หน้าร้อนแต่กลับหนาวก็ส่งผลถึงการรับทานอาหารของเหล่ามัจฉาได้เหมือนกัน
ขากลับทุ่งเมืองช้างเราเจอฝนโปรยตลอดทางเป็นช่วงๆ วันรุ่งขึ้นอากาศหนาวติดต่อกันหลายวัน
มันน่าจะเป็นรางบอกเหตุอะไรสักอย่างจากธรรมชาติ หรือว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนไป
../