ภาพที่ 1 กลับมาอีกแล้วครับ "เอาของเขามาเล่าให้ฟัง" ไปอ่านมาจากในเน็ต ผสมกับประสบการณ์อันน้อยนิด เขียนเป็นเรื่องเป็นราวให้อ่านกันเล่นๆ ครับ
ล่าสุดของ"เอาของเขามาเล่าให้ฟัง"(คือเมื่อปี 50)ตอนนั้นกำลังบ้าเท็กซัสกับรอกเบทตีเหยื่อปลอม ก็เขียนเรื่องเท็กซัส กับเรื่องรอกเบท เวลาเปลี่ยนไปใจคนเปลี่ยนตาม ไม่รู้ว่าไวรัสฟลายมันลุกลามเข้ามาเมื่อได้ ที่รู้ๆคือเป็นหนักแล้วครับ อยากอื่นไม่จับ อยากตีแต่ฟลาย ที่ตกได้ก็มีเปคู ปลานิล ปลาหมอ แล้วก็สวายพอได้คลายเครียดครับ ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปไหนไกลอาศัยบ่อเล็กๆ ใกล้บ้านเป็นที่ทดลอง ก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เริ่มกันที่คำถามง่ายๆ ว่าถ้าจะเล่นฟลาย เลือกเบอร์ไรดี?
ชุดอุปกรณ์ฟลายจะเทียบกันเป็นเบอร์ครับ อุปกรณ์จะบอกเบอร์ไว้ เช่น คันเบอร์ 5/6 รอกเบอร์ 5/6/7 สายเบอร์ 6 อะไรประมาณนี้ โดยแต่ละเบอร์ก็มีการจัดมาตรฐานตามตาราง AFTM ครับ
ภาพที่ 2 AFTM ย่อมาจาก Association of Fishing Tackle Manufacturers หรือสมาคมผู้ผลิตอุปกรณ์ตกปลา ได้จัดระบบเบอร์ของฟลายไว้ โดยแบ่งตามน้ำหนักของสายฟลายแบบ WF (Weigh Forward)
สายฟลายแบบ WF จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วน Head และ Running Line โดยส่วน Head นั้นจะหนาหนักเพื่อให้พุ่งได้ไกลโดยทั่วไปจะยาว 30 ฟุต ส่วน Running Line นั้นเชื่อมต่อกับ Head เป็นส่วนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่าเพื่อให้ Head ลากออกไปได้ง่าย
วิธีวัดน้ำหนักตามตารางก็คือเอาส่วน Head มาชั่งน้ำหนักครับ ถ้าเป็นสายฟลายเบอร์ 5 ก็เป็นอันเข้าใจกันว่า ส่วน Head ของสายเบอร์ 5 นั้นจะมีน้ำหนัก 140 grains หรือ 9.07 กรัม (grams) หรือ 0.32 ออนซ์ (ounces) แล้วแต่ว่าชาติไหนจะใช้หน่วยน้ำหนักหน่วยไหน แต่ส่วนใหญ่ในวงการฟลายจะใช้หน่วย grain (1 grain = 0.065 กรัม = 0.0023 ออนซ์) ก็ถ้ารักจะเล่นฟลายก็หาตาชั่งดิจิตอลไว้ซักอันก็ดีครับ
ภาพที่ 3 พอมีการกำหนดมาตรฐานสายมาแล้ว บริษัทที่จะผลิตคันเบอร์ 5 ก็ต้องนำน้ำหนักของ Head ของสายฟลายเบอร์ 5 มาออกแบบให้คันเบอร์ 5 มีแอ็คชั่น+พาวเวอร์ ที่เหมาะสมที่จะตีสายเบอร์ 5 น้ำหนัก 140 grains ให้ได้นุ่มนวลที่สุด มีจังหวะการตีที่เหมาะสมที่สุด ก็เหมือนคันสปินหรือคันเบทสมัยก่อนจะมีบอก lure weight ไว้นั่นแหละครับ เพื่อให้นักตกปลาเลือกเหยื่อให้เหมาะสมและตีเหยื่อได้มีประสิทธิภาพที่สุด แต่ถ้าเป็นฟลายไม่เน้นที่น้ำหนักเหยื่อ ไปเน้นที่น้ำหนักสายแทน
การใช้สายฟลายไม่ตรงกับคันก็ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงอะไรนะครับ ถ้าสายเบอร์เล็กกว่าคันจังหวะการตีก็อาจต้องเร็วซักหน่อย ถ้าสายเบอร์ใหญ่จังหวะการตีก็จะเนิบนาบอีกนิด แต่ถ้าสายเบอร์เล็กมากๆ เช่น สายเบอร์ 3 คันเบอร์ 10 นี่ก็อาจจะตีไม่ได้ หรือถ้าสายเบอร์ใหญ่มากๆ เช่นสายเบอร์ 10 คันเบอร์ 3 ก็อาจทำให้คันร้าวหรือหักได้ครับ
ส่วนบริษัทที่ผลิตรอกฟลายนั้นไม่ได้ใช้น้ำหนักสายมาเกี่ยวข้องเท่าไหร่นัก ก็กะเอาว่าใส่สายฟลายที่ยาวประมาณ 100 ฟุตบวกกับสายแบ็คกิ้งได้อีกประมาณ 100-150 ฟุต รอกขนาดไม่ใหญ่เกินไปก็โอเคแล้วครับ
เข้าในเรื่องระบบเบอร์ของฟลายแล้ว ถามว่าจะเอาเบอร์อะไรดีหล่ะ ก็มีแนวทาง 2-3 ข้อนะครับ
1) ปลาที่จะตกไซส์ประมาณไหน เอาเป็นประมาณว่าเบอร์ละกิโลก็แล้วกัน ชุดเบอร์ 5 ก็สู้ปลาหนัก 5 กิโลได้สูสีครับ
2) ต้องตีไกลแค่ไหน เบอร์ใหญ่ตีไกลว่าเบอร์เล็กแน่นอนครับ
3) ลมครับ เบอร์ใหญ่ตีฝ่าลมได้ดีกว่าเบอร์เล็กครับ
4) เหยื่อครับ เบอร์ใหญ่ตีเหยื่อหนักได้ดีกว่าครับ
5) อ่านดูเหมือนเบอร์ใหญ่จะดีกว่า แต่ว่าข้อสุดท้ายนี่สำคัญที่สุด เบอร์ใหญ่ปลาระแวงมากกว่าครับ แนะนำว่าให้ใช้เบอร์เล็กที่สุดเท่าที่จะเหมาะสมกับไซส์ของปลา ระยะที่ต้องตีเหยื่อ สภาพลมและขนาดของเหยื่อครับ
เริ่มต้นไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวตอนต่อไปจะเล่าเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับฟลายเพิ่มเติมเข้าไปอีกครับ ใครอยากรู้อะไรก็โพสไว้ จะหามาเล่าให้ฟังครับ มีความสุขกับการตกปลากันทุกคนนะครับ...
1
) 