ภาพที่ 1บทที่ 3 (จบบท)
ตอนที่ 3.3
วู้...ได้อะไรกันมาบ้าง พรานแปะป้องปากกู่ถาม เมื่อแลเห็นคนทั้งสามเดินลอดซุ้มไม้เบื้องหน้าอยู่ไม่ไกลมากนักแทนคำตอบพรานเบก็ชูพวงไก่ป่า ที่ตัวเองสะพายไหล่โชว์ให้ดู
บ๊ะ!..ข้านึกแล้วว่าต้องได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง เสียงปืนดังลั่นหุบขนาดนั้น ลุงโส่ยพูดพรางป้องหน้าดู พวงไก่ป่าที่พรานเบชูให้ดู
มาถึงกันนานหรือยังลุงโส่ย สิงห์ร้องถามเมื่อเดินเข้าไปใกล้คณะที่ร่วงหน้ามาก่อน
ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก ข้าเพิ่งจะตั้งหม้อข้าวเสร็จ พรานเฒ่าพูดพร้อมกับโยนท่อนฟืนแห้งที่ตนเองหักไว้เป็นท่อนๆ ลงพื้นดังโครม
ได้มาหลายตัวนี่ ฝีมือใคร พรานแปะร้องถาม
ข้ากับไอ้พรเป็นคนยิงได้ คนละสองตัว พูดจบแกก็ปลดพวงไก่ป่าที่ผูกขาเป็นพวงไว้ ส่งให้พรานแปะสองตัว
เดี๋ยวเอ็งกับตาโส่ยช่วยกันทำคนละตัว อีกสองตัวที่เหลือข้ากับไอ้พรจะทำเอง จะได้เสร็จไวๆ พรานเบพูดจบก็โยนไก่ป่า ให้พรานพรอีกตัว
เออ...พี่พร นกกระทาดงอีกสามตัวของผมล่ะ เกือบลืมเลย เดี๋ยวผมทำเอง สิงห์ร้องหากระทาดงที่ฝากพรานพรไว้
จริงสิ พี่ก็เกือบลืม พูดจบพรานพรก็ล้วงมือเข้าไปหยิบนกกระทาดงในย่าม ที่สะพายไหล่มา
ไอ้สามตัวนี้ ฝีมือผมเอง สิงห์โฆษณา
แล้วไอ้สามตัวนั่นไปไหน ไม่เห็นเลย สิงห์หมายถึงสองกะเหรี่ยงหนุ่มและเพื่อนเกลอ
ข้าใช้ให้มันไปหาตัดกระบอกไม้ไผ่มาทำหลามผักกูด พรานเฒ่าตอบขณะกำลังนั่งถอนขนไก่ป่าอยู่ริมกองฟืน
แล้วลุงเก้บผักกูดมาแล้วรึสิงห์ร้องถามพรานชรา
ข้าเดินเก็บมาเรื่อยตอนเดินเลาะมาตามห้วย ยอดงามๆทั้งนั้น พรานชราบุ้ยปากไปที่ก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง บนนั้นมียอดผักกูดอวบๆน่ากินอยู่หอบใหญ่ ที่วางเด่นอยู่บนใบตองที่ตัดปูรองไว้เบื้องล่าง
หลามผักกูดกับนกกระทาของผมน่าจะเหมาะ สิงห์เสนอความคิด
เรี่ยมเลยสิสิงห์ ดีกว่าใส่ลูกกุ้งลูกปูของตาโส่ยอีก พรานแปะพูดพลางชำเลืองไปทางพรานเฒ่าที่ตอนนี้ทำท่าจะคว้าก้อนหินในห้วยเอามาปาใส่
โถ่! ไอ้สั นดาน....แต่ก่อนมาเที่ยวกับข้าไม่เคยบ่น ข้าเห็นเอ็งกินหมดก่อนใครเพื่อน พอไอ้สิงห์ได้นกกระทามาแทน เสือ กทำดัดจริตกินไม่ได้ ครั้งต่อไปกินตีนข้านี่ ไม่พูดเปล่าพรานชราก็ยกตีนขึ้นหรา ทำเอาทั้งหมดพากันหัวเราะก๊าก ยกเว้นตาพรานเฒ่าคนเดียวนั่งด่าอุบอิบอยู่ในลำคอ
ทำเป็นเดือดไปได้ลุงโส่ย ผมก็หยอกลุงเล่นหรอก เอาๆข้าน้อยผิดไปแล้ว พรานแปะพูดแบบขำๆ พรางก็ส่งจอกเหล้าป่าให้ตาพรานเฒ่าจิบแก้ร้อน
ช่วงเวลาไม่ทันข้าวในหม้อสนามเดือด ไก่ป่าและนกกระทาดง ก็ถูกชำแหละล้างทำความสะอาดเรียบร้อย รวมถึงเครื่องในโดยแยกใส่ใบตองไว้ข้างๆกับนกกระทาดงที่ถูกสับเป็นชิ้นๆ ส่วนไก่ป่าพรานเบแบะออกแล้วตัดไม้สดมาคีบหนีบ ก่อนที่จะเอาเถาวัลย์มามัดปลาย กันไก่หลุด เสร็จแล้วก็ทาเกลือป่นที่ติดมาด้วยก่อนนำไปพาดย่างไฟอ่อนๆ
เดี๋ยวย่างเกลือกินกันสักสองตัว ที่เหลือย่างพอสุกเอาไว้ไปแกงกินเย็นนี้ดีกว่าพรานเบพูดพลางเรียงไม้คีบไก่ทีละไม้ โดยให้พาดไว้กับคานไม้ที่ใช้แขวนหม้อสนามที่ตอนนี้น้ำในหม้อข้าวเริ่มเดือด
อ่าว...มาถึงแล้วหรือพี่สิงห์ ได้อะไรมาบ้าง เคิ้งร้องถามขณะที่เดินแบกไม้ไผ่ลำใหญ่ คู่มากับพุ่ม พร้อมๆกับเจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบองที่วิ่งเหยาะๆนำหน้ามา
สักพักแล้ว ได้ไก่ป่ามาสี่ตัว นกกระทาดงอีกสาม สิงห์ร้องตอบ
ไปถึงไหนมาล่ะ เอ็งสามคน พรานเฒ่าร้องถาม
ก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่หรอกพ่อ ที่ช้าผมกับไอ้พุ่มไปเจอเห็ดโคน เลยช่วยกันแคะกันเพลินไปหน่อย พูดจบเจ้าเคิ้งก็บุ้ยปากไปที่เพื่อนเกลอของสิงห์ที่เดินเคี้ยวหมายอยู่หยับๆ
เจอช้าไปหน่อย ถ้ามาถึงแต่เช้าคงได้กินดอกตูมๆ เสียดายบานเกือบหมดแล้ว เหน๋อพูดอู้อี๊อยู่ในลำคอเพราะหมากยังเต็มปากอยู่ พูดจบก็ถอดผ้าขาวม้าที่ทำเป็นถุงผ้าสะพายไหล่ซึ่งภายในมีเห็ดโคนทั้งตูบและบานอยู่หอบใหญ่ สิงห์เห็นเข้าก็รีบเดินเข้าไปดู
ดีจริงๆ มาเที่ยวป่าครั้งนี้ไม่ผิดหวังเลย สิงห์พูดตาเป็นประกาย
เอาไปทำหมกดีกว่าบานๆแบบนี้ พุ่มเสนอเมนู
เข้าท่าดีเหมือนกัน ไอ้เหน๋อเอ็งเอาเห็ดโคนไปล้างก่อน เดี๋ยวข้าทำให้กินเอง พรานชราสั่งงาน พูดจบแกก็หยิบหน่อไม้รวกในย่าม ที่สองกะเหรี่ยงหนุ่มหักเก็บไว้ โยนเข้าไปในกองไฟ
หลังจากได้กระบอกไม้ไผ่ลำใหญ่ขนาดลำขา ซึ่งเปรียบเสมือนหม้อต้มน้ำอย่างดี อีกลำซึ่งอยู่ส่วนโคนสุดอันเป็นส่วนที่เป็นลักษณะแข็ง เจ้าเคิ้งก็ทำการตัดแต่ง โดยตัดสูงกว่าระดับข้อไผ่นั้นขึ้นมาประมาณคืบ เท่านี้ก็ได้ครกแล้ว เสร็จจากทำครกธรรมชาติ เจ้าเคิ้งก็เดินไปตัดต้นไม้ ขนาดข้อมือ พอได้แล้วก็นำมาเหลาทำเป็นสาก สำหรับใช้ตำ จากนั้นตัวเองก็เดินถือกระบอกไม้ไผ่ ที่เตรียมไว้ทำหม้อต้ม นำไปตักน้ำในลำห้วยแล้วขึ้นตั้งไฟ โดยเอาส่วนปลายกระบอกนั้นพากอิงกับคานที่ใช้แขวนหม้อสนาม ซึ่งตอนนี้ถูกปลดลงมาวางข้างๆถ่านแดงๆ ที่ถูกพรากออกมาจากกองไฟนั้น ส่วนตาพรานเฒ่าหลังจากล้วงพริกแห้งออกจากกระสอบถุงปุ๋ยที่แกโงมาได้กำมือ แกก็เอาไปตำกับครกไม้ไผ่หยาบๆ พอพริกแห้งเริ่มแหลก แกก็ใส่หัวหอมแดง กระเทียมอย่างละหัวสองหัว และข่าตะไคร้ที่พรานพรนั่งซอยให้อยู่ จากนั้นก็นั่งตำต่อไปจนเครื่องแกงเริ่มผสมเข้ากันพอหยาบๆ สุดท้ายพรานโส่ยก็ตักกะปิมอญและเกลือป่นเติมลงไปอีกเล็กน้อย เครื่องแกงเสร็จพร้อมๆกับน้ำในกระบอกไม้ไผ่กำลังเดือดพล่าน พอน้ำเดือดได้ที่พ่อครัวชราก็ตักพริกแกงใส่ลงไปจนน้ำที่เดือดแดงคลัก สงกลิ่นหอมไปทั่วจนสิงห์ที่ยืนดูอยู่ตลอด อดที่จะแอบกลืนน้ำลายไม่ได้ พอน้ำแกงเดือดสักพักพรานโส่ยก็เทเครื่องในไก่ป่าและเครื่องในของนกกระทาดง พร้อมๆกับเนื้อนกกระทาดงที่ถูกสับไว้แล้วลงไปในน้ำแกงที่กำลังเดือดนั้น จากนั้นก็ร้องเร่งให้เจ้าพุ่มที่กำลังเด็ดยอดพักกูดเป็นท่อนๆ เพื่อเติมใส่ลงไปในแกงของแก หลังจากเติมเกลือป่นลงไปอีกนิดหน่อยหลังจากพ่อครัวชราชิมได้สักพัก พรานโส่ย ที่ตอนนี้เปลี่ยนอาชีพมาเป็นพ่อครัวหัวป่า ก็ยกกระบอกหรือจะเรียกว่าหม้อแกงของแก ก็ไม่ผิด โดยไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน เพราะพรานโส่ยใช้ใบตองพับทบๆกันหลายชั้น เอามารองมือเหี่ยวๆของแก แทนผ้ากันความร้อนอย่างดี เสร็จแล้วก็เอาไปวางอิงไว้กับก้อนหินที่ใช้ค้ำเสาไม้ง่ามข้างกองไฟ หลามผักกูดใส่นกกระทาฝีมือของพรานโส่ยก็เป็นอันเสร็จสิ้น พอเสร็จจากเมนูแรกแกก็เดินไปตัดใบตองอ่อนๆมาสองสามก้าน พอได้แล้วแกก็เอาไปอังกับกองไฟ จนใบตองเริ่มเหี่ยว จากนั้นก็เอามาปูแบกับพื้น เสร็จแล้วก็นำเห็นโคนที่เหน๋อล้างแล้วมาคลุกเคล้ากับเกลือป่นอีกนิดหน่อย จากนั้นก็นำมาห่อด้วยใบตองใช้ไม้คีบขึ้นปิ้งไฟอ่อนๆ
หมกเห็ดโคน สุกส่งกลิ่นหอมน่ากิน พร้อมๆกับไก่ป่าย่างเกลืออีกสองไม้ที่สุกเหลืองเกรียมน้ำมันหยดใส่กองไฟอ่อนๆดังฉ่าๆส่งควันคลุ้ง ส่วนไก่ย่างพอสุกแบบลวกๆอีกสองไม้ พรานเบเอาไปขัดไว้กับง่ามไม้สูงก่อนหน้านานแล้ว เพื่อกันเจ้าพะเปรียวกับเจ้าพะบองขโมยกินเสียก่อน
เอ๊า..มากินข้าวกัน พรานชราร้องบอกขณะเทหลามผักกูดใส่ลงไปในรางไม้ไผ่แทนชาม เสร็จแล้วก็ค่อยๆประคอง ไปวางไว้บนผ้าใบ ที่ถูกกางไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ส่วนไก่ย่างพรานเบเอาใบตองมารองกันเปื้อนอีกชั้น นอกจากหลามผักกูดใส่นกกระทา และไก่ย่างเกลืออีกสองไม้แล้ว กลางผ้าใบนั้นยังมีหมกเห็ดโคนอีกห่อใหญ่ๆ เท่านั้นยังไม่พอ พรานพรก็เอาน้ำพริกเผาที่พรานเบตำใส่กระปุกไว้ เอามาผสมกับน้ำมะขามเปียก ใส่ฝาหม้อสนาม แทนถ้วยน้ำพริกอีกเกือบครึ่งฝา แถมยังมียอดผักกูดสด กับหน่อรวกเผาทั้งเปลือกอีกหลายหน่อกลิ่นของมันหอมเหมือนข้าวโพดปิ้ง อาหารป่ามื้อแรกของการเดินทางก็เสร็จสิ้น ก่อนที่จะร่วมวงกันกินข้าว พรานโส่ยก็ตักกับข้าวต่างๆอย่างละนิดอย่างละหน่อย พร้อมข้าวสวยร้อนๆอีกสองสามช้อน ใส่บนใบตอง เสร็จแล้วแกก็ค่อยๆประคองเอาไปวางไว้ตรงโคนไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ที่อยู่ห่างจากวงข้าวไปเล็กน้อย จากนั้นแกก็นั่งยองๆพนมมือไหว้ ทำปากขมุมขมิบ จากนั้นก็ก้มลงกราบพื้นอีกสามครั้ง
มาเที่ยวป่าก็ต้องบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางท่านบ้าง มีเหล้าหรือกับข้าวเราก็แบ่งเขาบ้าง ท่านจะได้ช่วยคุ้มครองเรา พรานเฒ่าหันมาพูดเมื่อเห็นสิงห์ยืนมองดูแกอยู่เงียบๆ
ดีแล้วลุงโส่ย ผมเห็นแล้วก็สบายใจดีขึ้นมาอีก ว่าแต่... สิงห์หยุดพูดพรางทำท่าจะหัวเราะแล้วพูดต่อไปอีกว่า
เจ้าที่เจ้าทางที่ลุงว่า คงไม่ใช่ไอ้สองตัวนั้นนะ สิงห์ชี้มือไปให้พรานเฒ่าหันไปดู ก่อนจะหัวเราะออกมา เพราะเจ้าที่เจ้าทางที่แกเพิ่งจะถวายอาหารให้ไป ไม่ทราบว่าท่านกินอิ่มแล้ว หรือว่าอาหารไม่ถูกปากท่าน ไม่มีใครทราบได้ เพราะตอนนี้หมาเจ้ากรรมสองตัวพากันวิ่งกรูเข้าไปกินอาหาร ยังตำแหน่งที่แกนำอาหารมาถวาย
ไอ้ฉิ บหาย กูแค่หันหลังให้แป๊บเดียว เผลอเป็นไม่ได้เลยนะพวกมึ ง ล่อของเจ้าที่เสียแล้ว พรานเฒ่าตวาดด่าลั่น ก่อนจะคว้าท่อนไม้ปาใส่หมาสองตัวจนแตกกระเจิง วิ่งหางจุกตูดไปคนละทิศคนละทาง
อย่าไปทำมันเลย เจ้าป่าท่านคงจะอิ่มแล้วแหละลุง สิงห์พูดแก้เขิน ขณะตักข้าวในหม้อสนามใส่จานสังกะสี ส่งให้บรรดาพรานพื้นเมือง ที่นั่งรายล้อมกันอยู่เป็นวง
มาเที่ยวป่าช่วงนี้ดีหน่อย กับข้าวกับปลาหากินง่ายไม่ต้องกลัวอด พรานพรพูดจบก็ม้วนยอดผักกูดจิ้มน้ำพริกใส่ปาก
ขนาดมาไม่ลึกมาก ยังมีไก่มีนกให้กินกันแล้ว แถมยังได้กินเห็ดโคนอีก เหน๋อพูดขณะนั่งเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย
ใครจะไปคิดว่าอยู่ในป่า จะได้กินอาหารดีๆกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก พูดจบสิงห์ก็ฉีกปีกไก่ป่าย่างเกลือมาแทะอย่างเอร็ดอร่อย อาจจะด้วยความหิวกับความเหนื่อยของทุกคน บวกกับอาหารแต่ละอย่างล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งสิ้น อาหารมื้อนี้จึงเป็นอาหารที่วิเศษที่สุด จนคนทั้งแปดนั่งเปิบกันจนลืมอิ่ม
หลังจากอาหารมื้อเที่ยงที่มากินเอาตอนเกือบบ่ายโมงเสร็จสิ้นลง ทำให้พละกำลังของทุกคนกลับคืนมา ทำให้มีเรี่ยวมีแรงอีกครั้ง สิงห์เก็บเศษอาหารที่กินเหลือ มาแบ่งเทให้เจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบอง ที่วิ่งกระดิกหางล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ ส่วนพุ่มกับเคิ้งช่วยกันนำหม้อสนามและจานลงไปล้างที่ริมห้วย ที่ตอนนี้ฝูงปลาเล็กปลาน้อยพากันมารุมตอดกินเศษอาหารดูวุ่นวายเต็มไปหมด เสียงจักจั่น เรไร กรีดปีก ส่งเสียงระงมป่าในยามบ่าย ผสมกับเสียงใบไม้ไหวเมื่อยามต้องลม ที่ตอนนี้พัดโกรกตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศตอนนี้น่านอนพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง เหล่าพรานหลายคนพากันนั่งพักผ่อนตามหมู่หินที่ตั้งอยู่ริมลำห้วย บ้างก็นั่งสูบยาเส้น บ้างก็วักน้ำในลำห้วยขึ้นล้างหน้าล้างตา
ที่จริงผมว่า แถวนี้มันก็น่าพักนอนสักคืน ผักหญ้าก็เยอะดี แถมปลาในห้วยก็ชุม สิงห์หันไปถามพรานเบ
เรายังมีเวลาอีกมากสิงห์ ข้าว่าเราไปพักกันที่ช่องผาแคบดีกว่า ปลาชุมกว่านี้เยอะ พรานเบตอบ
พี่ว่าเราไปพักกันที่โน่นดีกว่าสิงห์ อยู่ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรหรอก พรานพรร้องบอกมาอีกคน
นี่ ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ผมว่าเราเดินทางกันต่อดีกว่าสิงห์พูดหลังจากยกนาฬิกาขึ้นดู หลังจากช่วยจัดเก็บข้าวของ และเสบียงต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะทยอยเดินทาง พรานโส่ยที่เดินอยู่ท้ายขบวนก็ตรวจดูกองไฟอีกครั้ง ว่าดับสนิทดีแล้วหรือยัง เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติดีแล้ว คณะเดินทาง ก็มุ่งหน้าเข้าช่องผาแคบ อันเป็นจุดหมายต่อไป....
*******จบบทที่ 3 เนื้อเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร โปรดติดตามหาความบันเทิงต่อ ในบทที่ 4 เร็วๆนี้*******
ผิดพลาดประการได้ ผมนายหนุ่ม ธุดงค์ไพร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ