ภาพที่ 1ต่อจากบทที่ 3
ตอนที่ 3.2
การเดินทางของคนทั้งแปดเริ่มผ่อนฝีเท้าลง เพราะพรานเบพาเดินตัดขึ้นเชิงเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสูงชันเป็นลำดับ บริเวณรอบด้านเริ่มเป็นป่าโปร่งสลับกับป่าทึบ และเมื่อเดินตัดสู่เชิงเขาขึ้นเรื่อยๆ สภาพพื้นที่ก็ดูเปลี่ยนไป พื้นดินที่เคยเหยียบย่ำไว้เมื่อตอนเดินอยู่ก้นหุบเบื้องล่าง กลับกลายมาเป็นดินผสมหินลูกรัง ต้นไม้ใหญ่เริ่มเห็นบางตาลง ไม้จำพวกยางนา ประดู่ แดง พอมีให้เห็นอยู่บ้าง ตามสภาพพื้นป่าบนเชิงเขา แต่ที่มีมากที่สุดเห็นจะเป็นพวก ไผ่นวล ไผ่รวก และไผ่บง ที่ขึ้นเบียดเสียดอยู่หนาทึบ ลำต้นของไผ่แต่ละกอมีความใหญ่โตและตรงสวยเป็นพิเศษ และที่ใต้โคนกอไผ่นั้นยังมีหน่อไม้อ่อนๆขึ้นแทงดินอยู่เต็มไปหมด จนเหน๋อที่ตอนนี้เดินระอยู่เบื้องหลังเคียงคู่กับพรานโส่ย ต่างช่วยกันใช้มีดเหน็บขุดขึ้นมาหลายหน่อ แต่ละหน่อล้วนขาวอวบน่ากิน ไม่เพียงแต่หน่ออ่อนของต้นไผ่ เจ้ากะเหรี่ยงหนุ่มทั้งสอง คือ เคิ้งและพุ่ม ยังช่วยกันหักหน่ออ่อนของไผ่รวกใส่ย่ามสะพายอีกหอบใหญ่ แต่ละหน่อยาวเป็นศอก เส้นทางบนเชิงเขาแคบๆ พอเดินได้ไม่กว้างมากนัก ซึ่งฝั่งขวาเป็นผาหินของเชิงเขาสูงทะมึน ส่วนฝั่งซ้ายเป็นเหว ที่เบื้องล่างเมื่อมองลงมาเป็นป่าทึบ มองเห็นแต่เพียงเรือนยอดของต้นไม้ใหญ่ ครั้งหนึ่งบนโตรกทางแคบๆ ที่พอจะเดินผ่านไปได้ทีละคน สิงห์เดินเหยียบพลาดเอาหินก้อนหนึ่งทีติดอยู่กับพื้นดินลูกรังแบบหลวมๆ อันจะเกินจากการเหยียบซ้ำๆกันของคนที่เดินนำอยู่เบื้องหน้า หรือจะเพราะเหตุใดก็ไม่ทราบได้ แต่เมื่อเท้าซ้ายของสิงห์เหยียบเข้า หินก้อนนั้นก็หลุดจากตำแหน่งเดิมที่มันฝังตัวอย่างตื้นๆ เสียง กึก ของหินลั่นพร้อมๆกับร่างของสิงห์เซถลาเกือบจะพลัดหล่นลงไปสู่ก้นเหว แต่สิงห์ก็ไวทายาท เพราะมือข้างหนึ่งไขว่คว้าได้แง่หิน แง่หนึ่งที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ขณะที่ตัวเองไถลครูดอยู่กับพื้นเชิงหน้าผาที่เทลาดอย่างหมิ่นเหม่เห็นแล้วน่าหวานเสียว มีเพียงเสียงหินก้อนนั้นหลุดหล่นลงไปกระทบแง่หินอยู่เบื้องล่าง
พี่สิงห์ เกาะแน่นๆเดี๋ยวผมจะช่วยดึง เคิ้งที่เดินอยู่นำหน้า ร้องบอกอย่างระลำระลัก
รับปืนพี่ไปก่อน เคิ้ง พี่พอจะปีนขึ้นไปได้ สิงห์ส่งปืนยาว.22 ที่สะพายอยู่ไหล่ซ้ายให้กะเหรี่ยงหนุ่ม อย่างทุลักทุเล
เกาะด้ามปืนไว้สิงห์ เดี๋ยวพี่จะช่วยดึงอีกแรง พรานแปะที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่เบื้องหลังก็รีบเดินย้อนกลับมาดู สิงห์ทำตามคำแนะนำของพรานแปะด้วยดี เพราะมันเป็นวิธีที่ดีที่สุด เขาจับด้ามปืนไว้แน่นขณะที่มืออีกข้างยังเกาะอยู่กับแง่หิน พอพรานแปะออกแรงดึง ร่างของสิงห์ก็พยุงตัวขึ้นอย่างง่ายดาย
เหตุการณ์ผ่านไป ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่เฝ้าดูอยู่อย่างหายใจไม่ทั่วท้อง แต่เมื่อบุคคลที่เกือบจะต้องฝังตัวเองอยู่ก้นเหวนั้น กลับมายืนเด่นอีกครั้ง ก็พากันโล่งอก
เกือบไปแล้ว ดีนะที่จับแง่หินนั้นได้ทัน ไม่งั้นมีหวังคงจะเหลวอยู่ก้นหุบไปแล้ว สิงห์พูดพลางขณะปัดเนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนดินอยู่
เวลาจะเดินก็ดูให้ดีๆก่อนว่า พื้นมันเรียบร้อยแข็งแรงดีหรือเปล่า พรานเบพูดเตือนอย่างเป็นห่วง
เออ คนข้างหลัง เวลาเดินก็ระวังๆหน่อย ไอ้สิงห์มันหัวแข็งโชคมันดี แต่แกอาจจะโชคไม่ดีก็ได้ พรานพรหมายถึงตาพรานเฒ่าที่ตอนนี้กำลังค่อยๆไต่มาตามทางแคบๆของทางนั้น โดยตัวแกเองหันหน้าเข้าผนังผา มือทั้งสองข้างจับยึดกับแง่หินไว้ แล้วค่อยๆกระดืบตัวอย่างช้าๆ
ไอ้ห่ าพร ไม่ช่วยข้าแล้วยังจะเสือกแช่งข้าอีกเดี๋ยวเถอะมึง พรานแก่ร้องด่าดังลั่น ส่วนคนอื่นๆที่เดินรั้งท้าย ก็ทยอยเดินข้ามโตกทางนั้นอย่างระมัดระวัง เหตุการณ์เฉียดนรกผ่านไปได้ด้วยดี จากเหตุที่ทำให้ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายขีดสุด เมื่อหนึ่งในคณะเดินทาง คือ สิงห์ เกือบจะลงไปนอนแหลกเหลวอยู่ก้นเหวเบื้องล่างแล้ว บรรยากาศจากความตึงเครียดที่ทุกคนเผชิญกันมาหยกๆ บัดนี้กลับมองเป็นเรื่องตลกขบขันไปเสียแล้ว สิงห์เองก็พลอยคิดไปในแง่ขบขัน เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองหูตาเหลือก ขณะไขว่คว้าหาสิ่งช่วยยึดไม่ให้หลุดร่วงลงไปสู่มือยมบาลเบื้องล่าง
เดี๋ยวเดินตัดทางเนินเขานี้ไป พวกเราจะพักกินข้าวกันที่หุบนั้น พรานเบพูด หลังจากเหน๋อเดินไต่โตกผาข้ามมาเป็นคนสุดท้าย
นี่ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เราน่าจะพักกินข้าวกันแถวๆนี้ก็ได้ สิงห์พูดจบหลังจากยกนาฬิกาขึ้นดู
ข้าว่าลงไปกินข้าวกันข้างล่างโน่นดีกว่า ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกเรื่องน้ำท่า พรานพร เอ่ยขึ้นอีกคน
จริงของพี่พร ผมก็ลืมคิดไป ว่าข้างบนนี้ไม่มีน้ำให้หุงข้าว สิงห์พูดพร้อมยืนเกาหัวด้วยความอาย เมื่อเพิ่งรู้ตัวเองว่าปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเร่อ
อีกไม่ไกลหรอกสิงห์ ข้าคิดว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมง หรืออย่างช้าที่สุด พวกเราก็จะถึงจุดพักของเราไม่เกินบ่ายโมง พรานเบพูด ขณะที่กำลังยืนมวนยาเส้นอยู่ในมือ พอแกมวนเสร็จก็หันมาส่งภาษากะเหรี่ยงกับพวกพรานที่เหลือ
น้าเบแกว่าอะไรว่ะ ข้าไม่เข้าใจ สิงห์หันไปถามเพื่อนเกลอ
อ๋อ..น้าเบแกบอกว่า ให้พวกเราเดินตัดทางไปกันก่อน น้าเบกับพี่พรจะแยกลงหุบข้างหน้า แกว่าจะไปหายิงไก่ป่ามากินสักตัวสองตัว เห็นแกบอกว่าตรงที่แกจะไปมีต้นกร่างใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลูกสุกจะหมดต้นแล้วหรือยัง เพราะเมื่อครั้งก่อนแกขึ้นมาทางนี้ ลูกมันกำลังสุกทั้งต้น ป่านนี้ไม่ร่วงหมดต้นแล้วรึ ประโยคสุดท้ายเหน๋อถามด้วยความสงสัย
ต้นกร่างที่เอ็งว่ามามันอยู่ในดงไผ่ข้างล่างโน่น ถึงลูกกร่างมันจะหมดก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีก ไก่ป่ามันชอบกินลูกกร่างตามพื้น แห้งๆมันก็กิน ถึงไม่มีลูกกร่างมันก็หาคุ้ยกินขุยไผ่แถวๆนั้น พรานแปะบอกมาอีกคน
มีต้นกร่างก็ต้องมีนกเขาเปล้าด้วยสิ ผมยังติดใจนกเขาเปล้าย่างเกลือเมื่อตอนเช้านี้อยู่เลย เอาอย่างนี้นะ พี่แปะเดี๋ยวพี่นำพวกเราไปรอตรงจุดที่เราจะพักกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวผมจะตามน้าเบกับพี่พรไป พูดจบ สิงห์ก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปยังสองพรานกะเหรี่ยงที่เดินนำไปเบื้องหน้า
เออ พุ่มกับเคิ้ง จับไอ้สองตัวนั้นไว้ก่อนนะเดี๋ยวเสียแผนหมด สิงห์หมายถึงหมาสองตัวของพรานเบ ที่ตอนนี้ถูกพุ่มและเคิ้งจับคอไว้อยู่ เพื่อไม่ให้มันวิ่งตามสิงห์ไป เพราะถ้ามันตามไป ก็หมายความว่าสิ่งที่ว่างแผนไว้ว่าจะยิงไก่ป่าและนกเขาเปล้าเป็นอันต้องล้มเลิก
น้าเบขอผมไปด้วยคน สิงห์พูดอย่างกระหืดกระหอบ ขณะเดินมาถึงตัวพรานเบ
ก็เอาสิ ข้าก็อยากจะชวนเอ็งไปด้วยกัน แต่เห็นเอ็งยังไม่หายเหนื่อย เลยไม่อยากชวน พรานเบพูดแบบยิ้มๆ
เดี๋ยวเดินลงหุบด้านล่างนี้ไปไม่ไกล ก็จะถึงแล้ว เดินเงียบๆก็แล้วกัน พรานพรพูดพร้อมชี้มือ ไปทางหุบเบื้องหน้า
ชายทั้งสามคนเดินไปอย่างเงียบกริบ ปราศจากเสียงใดๆ พอเดินมาถึงดินที่ดูเหมือนเป็นหน้าผาเตี้ยๆตอนหนึ่ง สูงประมาณไม่เกินห้าเมตร ซึ่งเบื้องล่างเป็นลำห้วยแห้ง พรานเบก็พาไต่ไปตามรากไม้ใหญ่ของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่โผล่พ้นขอบดินหน้าผานั้น อันเนื่องมาจากผลของการกัดเซาะ ของน้ำในลำห้วยแห่งนั้นนั่นเอง พรานเบไต่นำลงไปก่อน ให้สิงห์ได้ดูเป็นแบบอย่าง โดยแกนำไต่ลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความชำนาญ พรานพรไต่ลงไปเป็นคนที่สอง โดยใช้วิธีเดียวกับพรานเบคือ หันหน้าเข้าหาหน้าผา แล้วใช้มือจับโหนรากไม้นั้นลงไป และคนสุดท้ายคือสิงห์ที่ไต่ลงมาถึงพื้นหินปนทรายเบื้องล่างของลำห้วยแห้งนั้นอย่างไม่มีปัญหาอะไร
อีกไม่ไกล ข้างหน้านี้เอง พรานเบพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
เดี๋ยวเอาของวางซุกไว้แถวๆนี้ก่อน จะได้ไม่ต้องแบกไปให้เกะกะ พรานพรพูดพร้อมเอาเป้ของตัวเองออกจากหลังที่สะพายอยู่ พรานเบก็เช่นกัน สิงห์เองเมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบปลดเป้หลังออกมาอย่างรวดเร็ว พอเครื่องหลังของแต่ละคน คือเป้ และย่ามใส่ของต่างๆถูกปลดลง พรานพรก็เดินไปตัดกิ่งไม้ที่มีใบไม้อยู่ นำมาปิดบังของเหล่านั้นเพื่อเป็นการพรางตา สิงห์เองก็ไม่ได้อยู่เฉยเขาเอง ก็ตรวจดูกระสุนปืน ว่าเรียบร้อยพร้อมใช้งานหรือเปล่า เสร็จแล้วพรานเบก็พาเดินไปตามชายห้วยแห้งแห่งนั้น คราวนี้การเดินเปลี่ยนมาเป็นในลักษณะเดินย่อง
เส้นทางของห้วยแห้ง ลัดเลาะไปมาตามโตกหินและเชิงผา ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ สลับกับซุ้มกอไผ่และกอรวกที่ขึ้นเบียดเสียดกันจนหนาทึบ กิ่งก้านและลำต้น โน้มขวางลำห้วยอยู่เป็นระยะๆ จนดูคลายๆอุโมงค์ ที่พื้นลำห้วยแห้งตอนนี้เต็มไปด้วยใบไม้แห้งที่หล่นทับถมอยู่หนาเตอะ มีเพียงบางช่วงเท่านั้นที่มียอดหินโผล่พ้นกองใบไม้แห้งขึ้นมาให้เห็น เสียงแสกสาก ในกองใบไม้ที่ดังมาจาก จิ้งเหลนป่า ตัวเล็กๆ ที่ออกมาหากินแมลง พอเห็นคนที่เดินเฉียดเข้าใกล้ ก็พากันมุดซุกตัวอยู่นิ่งภายใต้กองใบไม้แห้งเหล่านั้น พอชายทั้งสามย่องมาถึงหัวมุมของโค้งลำห้วย ซึ่งเป็นลักษณะเนินดินไม่สูงมากนัก พรานเบก็ย่อตัวลงนั่งยองๆในลักษณะชันขาข้างหนึ่ง จึงทำให้บุคคลที่ยองตามมาอีกสองคนรีบทำตาม บนเนินดินสูงนั่นเองเสียง แสกสาก ของกองใบไม้แห้งด้านบน ดังแว่วเข้ามาได้ยินเป็นระยะๆ ซึ่งชายทั้งสามคนนั่งเงียบกริบอยู่เบื้องล่าง ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ ว่ามันเป็นเสียงคุ้ยหากินของตัวอะไรชนิดหนึ่ง พรานเบค่อยๆลุกขึ้นยืนในท่านั่ง หัวก็ค่อยๆโผล่พ้นขอบห้วย อึดใจต่อมาแกก็ผลุบหัวลงมานั่งตามเดิม
ไก่ป่าลงมาคุ้ยลูกกร่างกินเป็นฝูงเลยพรานเบหันมากระซิบ
ขอผมดูหน่อย น้าเบ สิงห์กระซิบ แล้วก็ค่อยๆโผล่หัวขึ้นไปดู ยังตำแหน่งของเสียง พอมองลอดซุ้มต้นสาบเสื้อแห้งๆที่บดบังอยู่ด้านหน้าพอดี ทีแรกเขาเองก็มองไม่เห็นอะไร นอกจากเสียง แสกสาก แต่พอค่อยๆไล่สายตาไปตามโคนต้นกร่างใหญ่ ครั้งนั้นเอง ระยะห่างออกไปจากตำแหน่งที่สิงห์และพรานกะเหรี่ยงแอบซุ่มอยู่ ห่างออกไปประมาณไม่เกินห้าสิบเมตร ไก่ป่าหลายตัวรวมฝูงออกคุ้ยหากินลูกกร่างสุก ที่ร่วงอยู่ตามพื้นอย่างเพลิดเพลิน โดยมีไอ้โต้งจ่าฝูงเกาะเด่นอยู่บนขอนไม้แห้ง ส่วนรอบๆบริเวณโคนต้นกร่าง ก็มีไก่ป่าตัวอื่นๆคุ้ยหากินลูกกร่างอยู่อย่างกระจัดกระจาย มองผ่านๆไม่ต่ำกว่าสิบตัว นอกจากไก่ป่าแล้ว ยังมีไก่ฟ้าอีกสี่ห้าตัว ที่คุ้ยหากินลูกกร่างสุกอีกฟาก
เดี๋ยวข้าจะย่องโอบไปตามลำห้วย เอ็งสองคนดักรออยู่ทางนี้ เผื่อพวกมันจะหนีมาทางพวกเอ็งสองคน พรานเบพูดกระซิบพร้อมค่อยๆหักลำกล้องปืนลูกซองยาวของแกอย่างเบากริบ เสร็จแล้วแกก็ค่อยๆงัดลูกปืนออกมาจากลำกล้อง เพื่อเปลี่ยนลูกใหม่ จากลูกเบอร์เก้าเม็ดมาเป็นลูกปราย เสร็จแล้วก็ค่อยๆหักลำกล้องเข้าตำแหน่งเดิมดัง กริ๊ก เบาๆ แล้วพรานเบก็ค่อยๆย่องไปตามลำห้วยที่ตีโอบไปตามแนวของต้นกร่าง อย่างเงียบกริบ
เดี๋ยวสิงห์ไปแอบซุ่มตรงตอไม้ล้มนั่น พี่จะดักยิงทางนี้เอง พรานพรพูดแบบกระซิบ แล้วบุ้ย ปากไปทางต้นไม้ล้มขนาดใหญ่เบื้องหน้าที่อยู่ห่างออกไปประมาณยี่สิบเมตร ตัวแกเองก็ค่อยๆหักกิ่งไม้เล็กๆที่ขวางทางปืน สิงห์เมื่อรู้ที่บังไพรของตัวเองแล้ว ก็ค่อยๆย่องไปทางตำแหน่งนั้นทันที พอไปถึงบริเวณส่วนที่เป็นโคนของซุงไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งบริเวณโคนต้นซุงนั้นปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าและ เครือเถาวัลย์ขนาดเล็ก ที่เกาะเกี่ยวพันกันรกรุงรัง แต่ก็พอจะมีช่องไว้ให้มองเห็นเป้าหมายเบื้องหน้าได้ เขาค่อยๆสอดปลายลำกล้องปืนยาว.22 ออกไปตามช่องนั้น โดยพาดลำกล้องไว้กับเถาวัลย์ ที่เปรียบเสมือนซุ่มบังไพรของเขาพอดิบพอดี และแล้วจังหวะที่สิงห์กำลังจะปลดเซฟปืนของเขา ขณะที่กำลังเล็งศูนย์ปืนไปที่ไอ้โต้งที่ยังยืนไซ้ขนอยู่บนขอนไม้นั้นเอง เขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเสียงปืนลูกซองก็ดังตูมสนั่น เสียงนั้นดังมาจากเบื้องหน้าของเขา ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่ามันดังมาจากปืนของพรานเบแน่นอน พร้อมๆกับไอ้โต้งจ่าฝูงก็บินสูงขึ้นไปเกาะยอดไผ่ด้วยความตกใจ รวมไปถึงลูกฝูงของมันก็พากันแตกฮือ ร้องกะต๊ากๆ บินกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง บางตัวบินหายไปในดงไผ่ บางตัวก็วิ่งหัวซุกหัวซุนเข้าหาแนวป่ารกชายห้วย และจังหวะนี้เอง เมื่อไก่ป่าสองตัววิ่งคู่แหวกป่าหญ้าตามกันมาทางด้าน ที่พรานพรนั่งซุ่มอยู่ เสียงปืนลูกซองก็ระเบิดกึกก้อง อีกตูม สนั่นไปทั้งหุบ และตูมนี้เอง ที่ทำให้ไอ้โต้งจ่าฝูงที่สิงห์หมายจะเด็ดให้ร่วงจากยอดไผ่ ก็กระพือปีกบินลับหายไป ปล่อยให้สิงห์เล็งศูนย์ปืนค้างอยู่อย่างนั้น สิงห์ถอนหายใจด้วยความเสียดาย เขากำลังคิดจะถอนปืนออกจากราวเถาวัลย์ที่พาดปืน พลันหูของเขาก็แว่วเสียงแกรกกรากตรงมาทางซุ้มไพรที่เขาใช้แอบซุ่มอยู่ เสียง แกรกๆ แสกๆ เหมือนตัวอะไรวิ่งๆหยุดๆ ปล่อยให้คนนั่งฟังสงสัยอยู่เช่นนั้น แต่ชั่วอึดใจต่อมา เขาก็หมดความสงสัย เพราะเสียงที่ได้ยิน ดังมาจากนกกระทาดงสี่ห้าตัว ที่พวกมันพากันวิ่งๆหมอบๆ มาทางริมห้วยฝั่งเขานั้นเอง ในระยะไม่เกินยี่สิบห้าเมตร กระสุนขนาด.22 ของปืนลูกกรดก็ดังขึ้น เปรี้ยง... พร้อมๆกับกระทาดงตัวเขื่อง กระเด็นจากจุดที่มันหมอบอยู่เกือบวา เขารีบกระชากลูกเลื่อนเพื่อสลัดปลอกเก่าทิ้ง แล้วดันลูกเลื่อนยัดลูกใหม่ในแม็คทันที และอีก เปรี้ยง กระทาดงที่ทำท่าจะวิ่งซุกไปในดงไผ่ก็กระเด็นไปติดคาอยู่กับโคนไผ่กอนั้นเอง ในลักษณะเดิมกับครั้งแรก เปรี้ยงสุดท้าย กระทาดงตัวงามที่นอนหมอบนิ่งจนตัวมันดูกลมกลืนกับใบไม้แห้ง มันหวังจะพรางตัว แต่ไม่พ้นสายตาของสิงห์ได้ เป็นวาระสุดท้าย มันก็นอนหมอบแน่นิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่มีโอกาสขยับตัวหนีได้อีกเลย
ได้มาสองตัว เสียดายถ้ามันหากินรวมกลุ่มละก็ ได้มากกว่านี้ สองตัวนี้พอดีอยู่ใกล้ๆกัน พรานเบร้องบอกขณะที่เดินหิ้วไก่ป่ามาทางสิงห์
ข้าก็โดนสองตัวโว้ย พรานพรร้องบอกมาอีกคน ส่วนตัวเองเดินมุดดงสาบเสือไปหาไก่ป่าที่แกยิงได้
ของผมได้นกกระทาดงพี่ เอ..จำได้ว่ายิงโดนสามตัว แล้วอีกตัวหายไปไหน สิงห์เดินแหวกหานกกระทาดงอีกตัว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่เสียที่ไหน
นั่นไง ซุกใบไผ่อยู่นั่น พรานเบพูดขณะที่เดินมาช่วยสิงห์หากระทาดง
ปัดโถ...จะเหยียบอยู่แล้วเชียว ดีนะที่ไม่เป็นงู ฮาๆ สิงห์หัวเราะ พร้อมกับก้มลงไปหยิบนกกระทาดง
หมดห่วงเลย มีกับข้าวอย่างดีกินแล้ว ได้ไก่ป่ามาตั้งสี่ตัว ดีไม่ดีเหลือไว้กินเย็นนี้ได้อีก สิงห์พูด ขณะชูพวงไก่ป่าที่พรานเบมัดขารวมไว้ทั้งสี่ตัวขึ้นดู
แสงแดดยามสายส่องลอดใบไม้ เกือบเป็นมุมตรง อากาศอับๆรอบตัว ที่เกิดจากเศษซากใบไม้ ที่ทับถมกันมานานหลายปี บวกกับอากาศที่เริ่มจะร้อนอบอ้าวขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสามเดินไต่ตีนเนินขึ้นไปอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดคุยกันให้ได้ยินอีกเลย นอกจาก เสียงฝีเท่าที่เดินย่ำพื้นกรวดปนหินนั้น ครั้งหนึ่งเมื่อทั้งหมดต้องเดินลัดลงห้วยอีกครั้ง เสียง ป๊อกๆๆ ของกระรอกตัวหนึ่งก็ดังขึ้นตรงฝั่งห้วย เสียงนั้นดังมาจากต้นยอป่าต้นหนึ่งที่มีเถาวัลย์เกาะพันกันดูยุ่งเหยิงไปหมด พอทั้งสามคนเดินเฉียดไปใกล้ ซุ้มไม้บนยอดต้นยอป่าก็สั่นไหว พร้อมๆกับเจ้ากระรอกแดงตัวเขื่อง ที่มันยังส่งเสียงร้องดัง ป๊อกๆๆ จนหางพองอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มันจะไต่เถาวัลย์โผล่ออกมา ทั้งหมดไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากเท่าไหร่ เพียงแค่เงยหน้าขึ้นไปดูแค่นั้น เพราะที่แบกมาก็มากพอแล้วสำหรับกับข้าวมื้อเที่ยววันนี้
แหม่...มันน่าสอยลงมานัก ที่อย่างงี้เสือกโผล่มาให้เห็นตัวจะๆ พรานพรเอ่ยขึ้นเบาๆ
ลองถ้าไม่ได้ไก่มากิน พ่อจะส่องให้ร่วงเลย สิงห์บอกมาอีกคน
เดินลงหุบข้างหน้าก็ถึง ป่านนี้พวกนั้นคงถึงกันแล้ว พรานเบชี้มือบอกสิงห์ จริงอย่างที่พรานเบว่า พอทั้งหมดเดินลงหุบนั้นไม่นานมากนัก ก็แลเห็นควันไฟลอยสูงขึ้นมาจางๆ อันหมายถึงคณะที่เดินทางแยกออกมา คงมาถึงตำแหน่งที่พักกินข้าวเที่ยงกัน และคงมีใครคนใดคนหนึ่งก่อไฟเตรียมหุงข้าวรออยู่ หลังจากเดินข้ามเนินที่กั้นขวางระหว่างสองฟากหุบนั้น สิงห์ก็แว่วเสียงคนของคณะที่เดินล่วงหน้ากันมาก่อน เสียงไม้ลั่นในกองไฟดัง เปรี๊ยะ ได้ยินถนัด พร้อมๆกับเสียง หักไม้แห้งดัง โพร๊ะ พรานเบพาเดินเลาะไปตามชายห้วย ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นน้ำไหลรินน้อยๆ แต่พอเดินลึกเข้าไป ปริมาณน้ำในลำห้วยที่ไม่กว่าใหญ่อะไรนักก็เริ่มเยอะขึ้นเป็นลำดับ บางตอนก็ตื้นแค่ตาตุ่ม บางตอนก็สูงกว่าหน้าแข้ง ซึ่งก็แยกแตกสาขาไปตามที่ราบต่ำ แลดูคลายๆ น้ำตกขนาดเล็กที่ไหลไปตามโตรกหินขนาดต่างๆกันออกไป สายน้ำใสไหลเย็นส่องแสงระยิบระยับในยามเมื่อต้องแสงแดด ที่ส่องมากระทบถึง ทำให้เกิดเป็นพรายน้ำสะท้อนแสงขึ้นไปเต้นระยิบระยับ ราวกับสตรีกำลังเริงระบำ อยู่บนซุ่มไม้ที่เปรียบเสมือนหลังคานั้น
เรื่องราวของคณะเดินทางยังไม่จบเพียงเท่านี้ โปรดติดตามตอนต่อไป