กัปตันใหญ่ : Fishing Article
ความเห็น: 8 - [31 ธ.ค. 50, 21:54] ดู: 3,009 - [27 ธ.ค. 67, 02:02] โหวต: 7
กัปตันใหญ่
16 เม.ย. 45, 07:50
1
ผู้เขียนออกจะเป็นคนชอบตกปลาอยู่ไม่น้อย ยามใด ที่ไปเที่ยวทะเลก็ต้องเอาคันเบ็ดติดไม้ติดมือไปด้วย พูดง่าย ๆ ว่าใจมันรักอะไรทำนองนั้น คราวก่อนไปเกาะเต่าใจมันก็รุม ๆ ให้หาโอกาสไปตกปลาแต่เหตุที่มีภารกิจอื่น ๆ ติดพันอยู่จึง ออกจะยากพอควร แต่ก็ยังมีโอกาสและเป็นโอกาสที่ไปตก ปลาด้วยเรือและกลับท่าเรือโดยทางรถยนต์
เรื่องของเรื่องมัน เป็นดังนี้ ก่อนท้องฟ้ายามเช้าจะทาทาบด้วยแสงตะวัน ผู้เขียน เดินทางมาที่หาด แม่หาด เวิ้งอ่าวสวยงามของเกาะเต่า ผู้คนที่ ท่าเรือยังไม่ตื่นจากหลับไหล แต่พอมีแสงให้เห็นบรรยากาศ โดยรอบ ใจนั้นอยากได้เรือหางยาวสักลำออกไปตกปลา จึง บอกให้ลูกศิษย์ไปหาเช่าเรือมา ส่วนตัวเองก็ตกปลาที่ท่าเทียบเรือไปพลาง ๆ สักครู่ลูกศิษย์มาบอกว่าเช่าเรือได้แล้วอยู่ทาง โน้น พอดีทีมงานมาร่วมสมทบอีกคนด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงมี เพื่อนร่วมทางสี่คน
แรกแลเห็นสภาพกัปตันก็อดที่จะทึ่งไม่ได้เสียแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพอิดโรยจากอาการที่ไม่ได้หลับนอนมาตลอด คืน ในมือขวาถือขวดเบียร์ ยกขึ้นซดเป็นระยะ มือซ้ายถือเหล็ก หมุนเครื่องเรือ เดินออกจะเซ ๆ อยู่บ้าง จึงถามว่าไปไหวไหม กัปตันออกจะเป็นคนพูดน้อยหลังยืนโลเลอยู่เล็กน้อย ปากก็ พึม ๆ ว่ายังไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ไปก็ไป จึงชี้ไปที่เรือลำซึ่ง จอดออกไปไม่ห่างนักเห็นสภาพเรือก็ยังดีอยู่แต่เครื่องเรือดูจะ หมอง ๆ สีเหลือง ๆ เพราะสนิมจับเต็มไปหมด กัปตันบอก ให้ขึ้นเรือแล้วผลักเรือออกจากท่า ตัวเองก็เดินไปที่เครื่องยนต์ เริ่มหมุน สตาร์ทเครื่อง หมุนรอบแล้วรอบเล่าก็มีแต่ควัน แต่เครื่องไม่ติดสักที นับได้เป็นสิบครั้ง กัปตันเองดูจะหัวเสียและ หอบอยู่เป็นครั้งคราว ผู้เขียนเห็นว่าไม่ติดสักที จึงว่าหากไม่ ติดก็ไม่ไปก็ได้และเห็นว่าเรือชักห่างออกจากชายหาดทุกที จึงบอกว่าถ่อกลับเข้าฝั่งก่อน กัปตันเห็นด้วยจึงถ่อเรือด้วยลำ ไม้ไผ่กลับไปที่หาดทราย และปากก็ว่าปะเก็นมันรั่วจึง ติดยาก แล้วหันไปจับประแจขันโน่นขันนี่อยู่พักหนึ่งแล้วเริ่ม ต้นหมุนเครื่องใหม่ ผู้เขียนก็ใจไม่ดีเห็นออกอาการหมุนไปตั้ง หลายครั้งจนกัปตันเหนื่อยและบอกว่าอย่าไปดีกว่า แต่กัปตัน ก็พยายามจนเครื่องยนต์ติดดังลั่นท้องน้ำควันสีดำหุ้มลำเรือจน แทบสำลักสักพักควันจึงจางหายไป ยกแรกจึงเหนื่อยด้วยเหตุ ดังที่กล่าวมานี้ ท้องฟ้ายามเช้าอาบแสงเหลืองสาดเป็นลำมาจาก ทางหลังเขา ด้วยเหตุนี้ทะเลยามเช้าเบื้องหน้าบริเวณอ่าวแม่หาด จึงเห็นเป็นสีฟ้าอาบทองยิ่งยามต้องแสงสะท้อนเงาวับๆขับ กับริ้วคลื่นน้อย ๆจึงสวยงามเหลือเกินจะบรรยาย
เมื่อเรือค่อยๆ แล่นออกจากหาดฝูงปลาน้อยใหญ่หลากสีสรร ตวัดหางกาง ครีบผ่านพริ้วหมู่ปะการังเหลือบสีดูยิ่งงดงามราวกับนั่งบน ความเวิ้งว้างว่างเปล่าฉุดเอาจินตนาถลาไกลจนสุดหัวใจจะ คืนกลับ ละอองทะเลเค็มกระเซ็นผ่านใบหน้าภวังค์จึงจากไป ผู้เขียนเลือกนั่งบริเวณกลางเรือค่อนมาทางท้ายปัก คันเบ็ดไว้สองข้างกราบเรือแล้วเตรียมเหยื่อปลอมเป็นรูปปลา ผูกสายปล่อยออกไปห่างจากเรือราว 50 เมตร เรือแล่นไปด้วย ความเร็วไม่มากนัก เรือวนอ้อมออกมาทางซ้ายเคียงข้างแนว ปะการังหวังหาปลาใหญ่สักตัว เวลาตอนนั้นราวเจ็ดโมงเช้า เรือผ่านทิวหินสามก้อนเสียงรอกตกปลาดังลั่นทำเอาหัวใจเต้น ระรัวอยู่ชั่วขณะคว้าคันเบ็ดได้ก็หมุนรอกเก็บสายเข้ามาคันเบ็ด โค้งอยู่วาบ ๆ หนักหนาเอาการเมื่อยามหมุนรอกเข้ามาจึงบอก กัปตันว่าเบาเครื่องหน่อย กัปตันดูจะเป็นคนเข้าใจวิธีการลาก เบ็ดเป็นอย่างดีเบาเครื่องลดความเร็วลงมาผู้เขียนก็หมุนรอก เข้ามาอย่างรวดเร็ว ยามนั้นเสียงเครื่องเรือก็มีอันดับลงกัปตัน เริ่มต้นหมุนสตาร์ทเครื่องใหม่หลังจากที่ผู้เขียนปลดสาหร่าย ทะเลพวงใหญ่ออกจากเหยื่อปลอม กัปตันหมุนสตาร์ทอยู่ ราว 5 ครั้งเครื่องเรือจึงแล่นไปได้ การปล่อยสาย! เบ็ดรอบใหม่ จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง เรือแล่นผ่านหินพ่อตาโต๊ะออกมาไม่กี่มาก เสียงเรือก็ดับลงอีกคราวนี้กัปตันว่าเฟืองกับโซ่ขับใบพัดมัน ไม่ค่อยสามัคคีกันแล้วต้องหยุดปรับแต่ง เรือก็ลอยเท้งเต้งกัปตัน หาเครื่องมือเป็นฆ้อนตอกสองสามโป้กแล้วหมุนสตาร์ท เครื่องใหม่กว่าจะติดก็กดเข้าไปห้ารอบเหมือนเดิม เมื่อเรือติด เครื่องจึงบอกว่าไม่ต้องออกไปห่างเกาะนักก็ได้เพราะใจมัน ชักจะรุม ๆ ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว
พอเรือเข้าเขตอ่าวเทียนหัวปลายแหลมนั้นเสียงรอก ดังขึ้นอีกครั้งคันเบ็ดวูบวาบน้ำหนักที่ดึงดันอยู่ใต้น้ำทำเอา ปลายคันเบ็ดอ่อนโค้งน้ำหนักผ่านสายขึ้นมาทำให้หัวใจอดเต้น แรงผิดธรรมดาเสียไม่ได้โน้มคัดแล้ววัดอัดแน่นเข้ามาเกร็งข้อ มือกันล้าเล็กน้อย พอปลาเข้ามาใกล้เรือมองผ่านน้ำใสกระจ่าง มองเห็นปลาสะบัดอยู่ไหวๆเมื่อถึงผิวน้ำกระโดดสะบัดหันหัว กลับดำดิ่งลึกว่ายเฉไลออกห่างออกไปหัวใจยิ่งเต้นแรงเหตุด้วย เกรงมันจะหลุดเสียก่อนเล่นเอาเถิดอยู่สักพักปลาสะบัดดิ้นน้ำ ทะเลกระจายขึ้นมาบนเรือและเป็นการสะบัดครั้งสุดท้ายของ ปลาตัวนั้น ในทะเลเช้าวันนั้นเป็นปลาสากตัวงามมิใช่น้อย มัวแต่เพลินกับปลาจนลืมสังเกตว่าเสียงเครื่องเรือดับ ไปตั้งแต่เมื่อไร แต่เห็นกัปตันกำลังสาละวนก้มๆ เงยๆ ค้นลัง เครื่องมือบอกว่าเฟืองมันอาการหนักเพราะฟันเฟืองหมดแล้ว ผู้เขียนวางคันเบ็ดหันไปช่วยอีกแรง กัปตันเองก็ยืนแบบเซเซ อาการเมาค้างยังอยู่ให้เห็นหยิบประแจขึ้นมาขันไปขันมาเพื่อ จะเอาแหวนรองยกเครื่องขึ้นมาหวังให้โซ่ตึงอีกนิด คลื่นเดิ่ง มาสองสามครั้งประแจปากตายก็ตกไปในทะเล เสียงด่าพึม แล้วหาประแจเลื่อนมาแก้ขัดปรับไปปรับมาจนได้ที่ ผู้เข!
ียน เห็นว่าน่าจะใช้ได้ดูใบหน้ากัปตันก็ว่าจะใช้ได้ดีแต่พอเอามือ หมุนกะจะติดเครื่องคราวนี้ฟันเฟืองที่พอจะมีอยู่บ้างอันตรธาน หายไปไม่เหลือเพราะโซ่กับเฟืองมันไม่สามัคคีกันดังกล่าว ผู้เขียนพลอยมึนไปพักหนึ่งเหมือนกันเพราะกะว่าจะ ต้องกลับไปถึงท่าเรือต้องไปลงเรือใหญ่กลับบ้านตามกำหนด ตอนแปดโมงครึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงเลยไปแล้ว กัปตันหันไปรื้อกล่องในเรือขึ้นมาหาได้ฟันเฟือง ที่สภาพสุดจะบรรยายเหมือนกันเพื่อจะเอามาใส่แทนอันเดิม ช่วยกันถอดช่วยกันพิจารณาว่าจะถอดอันไหนก่อนหลังขยับ เครื่องให้ต่ำลงถอดโซ่เก่าออกแล้วถอดเฟืองเก่าออก ท้องฟ้า
ยามนี้ไม่งดงามเสียแล้วเพราะเริ่มร้อนขึ้นทุกทีลมทะเลก็เริ่ม หวิวๆเป็นแรงพัดเรือออกห่างจากเกาะเต่าไปทางหาดทรายแดง เฉไปทางเกาะกงทรายแดงแหล่งปลาฉลามชุกชุม เหนื่อยกัน ทั้งเจ้าของเรือและนักท่องเที่ยวซึ่งตอนนี้มือก็ติดน้ำมันเครื่อง อีรุงตุงนังเหมือนกับเจ้าของเรือ ขยับไปขยับมาจนใส่เฟือง ใหม่อันเก่าเข้าที่แล้วจัดแจงขันนอตยึดปรับเฟืองกับเพลาให้ แน่นหนาเจ้ากรรมซ้ำซัดกัปตันขันจนนอตขาดติดคาจะถอด ออกก็ไม่ได้ พอหมุนขยับพูลเล่ไปมาทดสอบดู ปรากฏว่า คราวนี้ลิ่มเป็นแท่งเหล็กอันเล็กๆซึ่งต้องใส่คู่กันกับร่องเพลากลิ้ง ตกทะเลไปอีกคราวนี้เพลากับเฟืองจึงไม่หมุนไปด้วยกัน การแก้ปัญหาแบบนี้ในทะเลมันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเพราะไม่รู้ จะไปได้อย่างไรคืบก็ทะเลศอกก็ทะเลเขาว่าอย่างนั้น ผู้เขียนหันไปหาตะปูในกล่องเบ็ดส่งให้ตอกเข้าไป ในร่องแต่มันเล็กไป กัปตันก็ค้นหาจากในเรือพบเหล็กตะปู อันใหญ่แต่มันออกจะกลมจึงต้องทุบ ๆ จากนั้นเอาใบเลื่อยใช้ มือเป็นด้ามถูแบบที่นักโทษแหกคุกในหนังเขาทำกันจนได้ขนาด ตามต้องการแล้วตอกอัดเข้าไปการแก้ปัญหาเรื่องเฟืองกับโซ่ พอจะทำได้ หันไปดูสมาชิกนักท่องเที่ยวทะเลนั่งเอามือบัง แดดเพราะกลัวผิว!
เสียหน้าตาก็ออกจะหวาด ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็เฉยไว้ทำใจดีสู้ปลาฉลาม
ที่อ่าวเทียนมีบังกะโลอยู่เรียงรายและเป็นจุดสุดท้าย ที่จะเดินทางทางบกไปยังแม่หาดได้สะดวกที่สุดหากเลยจุดนี้ ไปแล้วต้องรอเรือเป็นวันแน่ บอกกัปตันว่ากลับเถอะ กัปตัน เราก็ใจถึงจะไปอีก ผู้เขียนบอกว่ากลับเข้าฝั่งดีกว่าพอติด เครื่องหลังจากหมุนสี่ห้าครั้งเหมือนเดิมฟันเฟืองก็ออกอาการจะพัง อีก กัปตันจึงแล่นเรือเข้าไปในอ่าวซึ่งมองเห็นอยู่ไกล ๆ ข้าง หน้าอย่างช้า ๆ เพราะถ้าเร่งเร็วเฟืองจะพังเร็วเข้าพอเข้าเขต อ่าวเรือก็ช้าลงอีกเพราะใบพัดติดด้วยสาหร่ายพวงใหญ่มัน พันจนมองไม่รู้ใบพัดอยู่ไหน กัปตันก็ไม่กล้าดับเครื่องเพราะ กลัวสตาร์ทไม่ติดอีก จับด้ามถือท้ายยกขึ้นแล้วจุ่มทะเลเหมือน คนโยกน้ำบ่อบาดาล จนเข้าเขตน้ำตื้นมองเห็นปะการังสวย งาม มองเห็นปลาสวย ๆ เป็นฝูง ปลากระโทงกระโดดอยู่ซ่า ๆ กัปตันว่าแถวนี้ฉลามชุมใจจึงคิดถึงเขี้ยวแหลม ๆ อยู่เหมือน กัน
พอเรือใกล้จะถึงฝั่งมองผ่านผืนน้ำเห็นทรายขาวๆ กัปตันฉวยสมอจากท้องเรือโยนตูมลงน้ำมือยืนเท้าสะเอวด่าโฉงเฉง เพราะไม่ได้ผูกเชือกสมอ ด้วยเหตุนี้เมื่อเรือส่งนักท่องเที่ยวเสร็จ กัปตันต้องถ่อเรือออกไปงมสมอขึ้นจากทะเลอีกครั้ง ผู้เขียนเข้าไปที่บังกะโลถามเวลาที่รถจะไปส่งนัก ท่องเที่ยวของบังกะโลเวลาเท่าไร จากนั้นจะเอาเงินไป ให้กัปตันค่าเช่าเรือกัปตันก็ไม่อยู่แล้วหายไปตั้งนานจนได้เวลา รถจากบังกะโลไปส่งนักท่องเที่ยวที่ท่าเรือหาดแม่หาดตอน แปดโมงครึ่งผู้เขียนสวนทางกับกัปตันเห็นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ กับคนหิ้วกล่องเครื่องมือพร้อมอะไหล่ ผู้เขียนกลับไปถึงที่นัดหมายเกือบเก้าโมงทั้งเหนื่อย ทั้งหิวหลังจากนั้นจึงไปถามหาบ้านเจ้าของเรือแล้วฝากเงินค่า เช่าเรือไว้ให้สองร้อยบาท การเดินทางไปด้วยเรือจึงกลับด้วย รถยนต์ด้วยประการฉะนี้ ขอให้ท่านผู้อ่านโชคดีมีโอกาสได้ร่วมเดินทางกับ เรือของกัปตันอย่างที่เล่าให้ฟังสักครั้งนะขอรับ
siamfishing.com/content/view.php?cat=article&nid=428