ภาพที่ 1 ตอนที่ผมโขยกอีแดงถึงชานเมือง ขณะที่หักรถเลี้ยวซ้ายเข้าปั้มเพื่อเติมน้ำมัน
โครม!!? ผมเหยียบเบรกชำเลืองกระจกมองหลังคิดว่าฝาท้ายรถเปิดออก มองกระจกข้างประตู เห็นแค่ท้ายรถมอเตอร์ไซร์นอนตะแคงอยู่บนพื้นหลังรถ ผมลงจากรถไปดู ใจหายวาบ...!? ชายชุดดำมอซอแน่นิ่งคว่ำหน้าอยู่บนพื้นหญ้าริมถนน เด็กปั้ม 2-3 คนวิ่งมาพยุงคนเจ็บเข้าไปหลบแดดในห้องอาหารซึ่งยังไม่ถึงเวลาเปิดบริการ กระบะท้ายด้านข้างบุบไฟท้ายรถแตก สภาพรถมอเตอร์ไซร์คันนั้นโกโรโกโสเก่ามากไม่มีทะเบียน รถยืมเพื่อนมาใบขับขี่ก็ไม่มี เขาเจ็บไหล่และขาข้างหนึ่งถลอกมีเลือดไหล
เห็นไฟเลี้ยวมั้ย?ผมถามเขาหลังจากถามอาการบาดเจ็บโดยทั่วไปแล้ว เขายกมือไหว้อย่าให้ผมเอาเรื่องกับเขา ...ประกันเอาเรื่องเขาแน่...ผมควักธนบัตร 1000 บาทให้เขาเอาไปซ่อมรถและซื้อยา คุณมีเคราะห์เจ็บตัว ผมมีเคราะห์เสียงตังค์ เป็นคำพูดที่ปลอบใจเขาและตัวเอง คิดว่าจะบอกเลิกไปลาวกับพวกคุณอณุรักษ์ เพราะใจยังไม่กลับเข้าที่ เนื่องจากครั้งแรกที่เห็นคนเจ็บนอนหมดสตินึกว่าเสียชีวิต มันเป็นฤกษ์ลางที่ไม่ดี แต่แล้วเปลี่ยนใจไปก็ไป กองทัพเพิ่มจะเดินหน้าจะกลับม้าหน้าศึกได้ยังไง การตัดสินใจของผมครั้งนี้น่าจะส่งผลถึงชะตากรรมของชายอีกคนในลาว
หลายปีมาแล้วที่ผมให้ความสนใจกับการพักผ่อนในลาวนำหน้าการตกปลา ผมจึงไม่สนใจว่าจะตกปลาได้หรือไม่ แต่ปีนี้ผมเน้นเกมส์ล่ามากกว่า เราจึงเลือกช่วงเวลา น้ำแดงแตก เพื่อหวังผลในการล่า
4 โมงเย็นวันที่ 24 มิถุนายน 2554 สี่นักรบพลัดถิ่นจากที่ราบสูงอาศัยรถโฟร์วิลสีแดงคันนั้นตะลุยถึงด่านเก็บเงินก่อนข้ามสะพานลาว ญี่ปุ่น 5,000 กีบ (ยี่สิบบาท) เราจ่าย เป็นค่าข้ามสะพานไปเมืองปากเซ
ภาพที่ 2 หลังจากทักทายกับคุณไชราช ขุนศักดาในเซ เจ้าบ้านนัดคุณโส่ยตี๋ คุณตี๋ กับอาจารย์อีกสองท่านอาศัยรถตู้พาคณะเราไปเลี้ยงดูปูเสื่อที่ห้องอาหารริมโขงตรงข้ามภูนางนอน บนโต๊ะตัวที่ติดระเบียงริมโขง มีไก่ต้มข่า หัวเป็ดทอดจิ้มน้ำจิ้มขม เลือดแปลง เป็นออเดิฟที่เหล่านักรบพลัดถิ่นโซ้ยแบบบ่ย่านตาย เลือดแปลงปรุงจาก เลือดเป็ดดิบคั้นกับสมุนไพรใส่จานแช่เย็น โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่กับเครื่องในเป็ดฟานบาง เสริฟพร้อมเครื่องเคียงแยกถ้วยตะไคร้ซอย, มะนาวซีก, ถั่วลิสงกับพริกป่น, มีน้ำซุปเป็ดซดแก้เลี่ยน ผมพินิจเมนูเสี่ยงตายจานนี้อย่างผู้ขลาดในการชิม
เลือดเป็ดเป็นยาเย็นกินแล้วของขึ้น
เพื่อนเราคนหนึ่งคะยั้นคะยอให้ผมร่วมชะตากรรมด้วย ผมไม่รู้คำว่า ของ ของคุณอนุรักษ์หมายถึงอะไร กลัวพวกเพ่กินแล้วของขึ้นพานจะไปตีหัวคนอื่นเข้า แซบอีหลีเถอะเสี่ยว ถ้าความเย็นจัดจะฆ่าเชื้อไข้หวัดนกได้
ภาพที่ 3 อิ่มแล้วคุณไชราชปูเสื่อโรงแรมดอกคูนของเขาต้อนรับแขกไทยแบบกันเอง หลังกาแฟอาหารเช้า คุณไชยราชเนวิเกเตอร์เจ้าถิ่นพาเราแวะร้านขายเครื่องโมบายที่หลัก 14 รับคุณตี๋ (ปิดร้านไปตกปลา) แล้วบึ่งรถลงใต้อีก 150 กิโลเมตรถึงบ้านหาด เอารถขึ้นแพข้ามโขงไปดอนโขงถึงเมืองแสนก็เลยเที่ยงไปแล้ว
ภาพที่ 4 เราลงเรือไต๋บุญกับไต๋กวางที่แพสวรรค์สายของ(สายโขง) หลังจากย้ายสัมภาระขึ้นเรือนไต๋บุญเรียบร้อยเราก็พร้อมลุย
คุณตี๋ คุณจ้อย(สท.จิระศักดิ์ ทองทั่ว) และคุณยุทธ์ (โปรกอล์ฟธนกฤต ฐิติวรภัทร) ลงเรือไต๋บุญนำทางพวกเราออกจากเกาะไม่ถึงสามสิบนาทีก็ทิ้งสมอหมายแรก โปรยุทธ์เปิดเกมส์ก่อนหิ้วปลายางวัยเอาะชูขึ้นอวด เซียนตู้(คุณอนุรักษ์ อุดมศิลป์) กับคุณไชราชเปิดเกมส์ด้วยปลายางวัยน่ารักตามมาติดๆ
ภาพที่ 5 ไต๋กวางพาเรางมแห้วอีกสองหมาย ก่อนตามไต๋บุญไป แก่งใหญ่ เรือโปรยุทธ์ผูกติดทุ่นแกลลอนตรงกลางทางน้ำไหลแรง ทางน้ำนี้น่าจะเป็นร่องน้ำลึกกว้างราวถนน 4 แลน เพราะสองข้างของทางน้ำไหลแรงเป็นกอไม้น้ำทอดยาวออกไปทั้งสองข้าง เราผูกเรือกับกอไม้น้ำข้างช่องน้ำไหลอยู่ทางด้านซ้ายท้ายเรือของไต๋บุญห่างกันราว 20 เมตร คุณไชราชหย่อนตะกั่วตรงหัวเรือ เซียนตู้อยู่ท้ายเรือเหวี่ยงเบ็ดสุดแรงไปทางท้ายเรือ รอกซอลติก้า 4500 บนคันแบ็งค์ U.S.A. ยาว 6 ฟุตครึ่ง ผมใช้เหวี่ยงตะกั่วหนัก 2 ขีด เฉียงขวางเรือไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตรงจุดนั้นน้ำพุดขึ้นคล้ายน้ำพุเกิดเป็นคลื่นวงกลมราบแพร่กว้างออกตลอดเวลา ตะกั่วถึงพื้นรอไม่พอหนึ่งไฟแดง ปลายสายมีปลาตอดเหยื่อเบา ๆ 2 ครั้ง ผมตวัดคันสุดแรงทั้งตะกั่วและปลาถูกกระแสน้ำพัดปลิวไปท้ายเรือ
ภาพที่ 6 ใจเย็น ๆ เฮีย ดูจากแอ็คชั่นปลายคันตัวนี้น่าจะใหญ่ คุณไชราชเอาใจเชียร์ มันเป็นปลาผอหนัก 3 กก. ไม่เลวสำหรับโทรฟี่ชิ้นนี้ อีกหลายปั้นเหยื่อต่อมาเราก็ถอนสมอ หมายใหม่เป็นทางน้ำแคบกว้างราว 5 เมตร ซ้ายมือเป็นตลิ่ง ขวามือเป็นแนวกอไม้น้ำสลับกับเกาะเล็กเกาะน้อยโพล่พ้นน้ำไม่ถึงเมตรทอดยาวเฉียงคล้ายรูปกรวยเกือบถึง1ใน4ของลำน้ำ ทางน้ำนี้จึงมีลักษณะคล้ายโพงพาง
ภาพที่ 7เราตีเหยื่อเรียงจากหัวเรือไปท้ายเรือ มีปลาตอดเหยื่อแต่วัดไม่ทัน เหยื่อปั้นที่สองของเซียนตู้ได้ปลายางหนัก 2 โลกว่า คุณไชราชกับผมได้ปลายางไซส์ครึ่งกิโลคนละตัว เราแช่อยู่หมายนี้จนอาทิตย์ลับหลังเกาะ เรือโปรยุทธ์ตามหลังทีมเราขึ้นเกาะไล่ ๆ กัน ทีมเขาได้โชคน้อยกว่าทีมเรา อาหารค่ำเจ้าบ้านเสริฟไก่ต้มใบ-ชา พวกเรานั่งล้อมวงเฮฮากับเขยลาว(เบียร์ลาว)
ภาพที่ 8 ผมกางเต้นท์นอนบนแคร่ใต้ถุนบ้าน บ้านไม้หลังนี้ใหญ่มากกว้างราว 10 X 20 เมตร บันไดหน้าบ้านกับหลังบ้านหันไปทางทิศตะวันออก ปีนี้ไต๋บุญติดตั้งจานดาวเทียมกับโทรทัศน์เครื่องใหม่ เวลาเปิดทีวีต้องอาศัยไฟจากเครื่องรถไถเดินตาม หลายเกาะมีจานดาวเทียมติดตั้งกันหนาตา
เสียงไก่กับหมูตัวที่ล่ามติดใต้ถุนบ้านปลุกผมแต่เช้ามืด
วันนี้ไต๋บุญจะพาล่องโขงลงไปทางใต้ เราจึงแวะทานอาหารเช้าที่แพสวรรค์สายของ ผมฉวยโอกาสซื้อขนมกับนมกล่องเตรียมเอาไว้ฝากหลานวัยน่ารัก 4 คนของไต๋บุญ
ภาพที่ 9 เรือเราตามหลังไต๋บุญไปกว่าชั่วโมงจึงถึงหมาย แม่น้ำโขงช่วงนี้กว้างมากน้ำไม่ลึก เกาะเล็กเกาะน้อยกับกอไม้น้ำขึ้นกระจายห่างๆกันทั่วแม่น้ำ ไต๋กวางไม่ชำนาญหมายละแวกนี้เราจึงต้องวนหาหมายจนเจอทางน้ำไหลระหว่างกอไม้น้ำช่องหนึ่งเป็นที่จอดเรือ คุณไชราชกับเซียนตู้เปิดหมายด้วยปลายางไซส์ฝ่ามือ เราย้ายอีก 2 หมาย ผมจึงตีไข่แตกด้วยปลาผอไซส์โลกว่า เราย้ายอีกหลายจุดได้แต่ลูกปลายาง
ตะวันอยู่เหนือศีรษะ เราชวนกันขึ้นเกาะยืดเส้นยืดสายเติมพลังมื้อกลางวัน
ภาพที่ 10 หมายแรกหลังอาหารเที่ยง คุณไชราชเปิดเกมด้วยปลาคังตัวเท่าแขน ย้ายไปอีกจุดทำเลบริเวณนี้เต็มไปด้วยกอไม้น้ำกับเกาะเล็กเกาะน้อย มีป้าย วังสงวนพันธุ์ปลาบอกเตือนผู้ลุกล้ำ
เราย้ายอีก 3 หมาย ตอนนั้นฝนตั้งเค้าทางทิศใต้ท้องฟ้าดำทะมึนจนต้องแจ้นกลับทางเหนือ แต่ก็เจอพระพิรุณขวางหน้า เรือวิ่งไม่นานก็พ้นฝน
เราย้ายอีก 3 หมายไร้ปลาฉวย ราว 5 โมงเย็น เราแวะเมืองแสนส่งคุณไชราช พวกเขามีธุระต้องกลับก่อน โดยเฉพาะคุณตี๋มีแห้วถุงใหญ่ติดมือกลับบ้าน
ภาพที่ 11ระหว่างทางที่เรือโปรยุทธ์ไปส่งคุณตี๋ พวกเขาพบชาวประมงคนหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ มือข้างที่เกาะเรือพยายามโยกเรือเอาน้ำออกจากเรือ และพยายามปีนขึ้นเรือแต่ปีนไม่ได้ เพราะมืออีกข้างถูกเชือกแหมัดติดอยู่ใต้น้ำ เมื่อพวกเขาช่วยชายคนนั้นขึ้นเรือได้แล้ว เขาเล่าว่าจังหวะที่เขากำลังดึงแหที่ทอดติดกิ่งไม้ใต้น้ำ พอดีเรือใหญ่ผ่านมา คลื่นจากเรือลำใหญ่ซัดน้ำเข้าเรือทำให้เรือล่ม ชายคนนั้นยังพยายามกู้แหที่ติดกิ่งไม้ใต้น้ำแต่ไม่สำเร็จ จึงทิ้งแหปากนั้นใช้กิ่งไม้พายเรือกลับบ้านเหมือนคนตายแล้วเกิดใหม่
ถ้าพวกเราไม่ไปลาวเที่ยวนี้ ชะตากรรมของชายคนนั้นจะเป็นอย่างไร? ลิขิตฟ้า มักเป็นเรื่องตลก จึงกำหนดผู้รอนแรมจากแดนไกลเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์ให้กับชายคนนี้
คืนนี้เราค้างแรมที่บ้านไต๋บุญอีกคืน
ภาพที่ 12 โปรยุทธ์นัดผมออกเรือก่อนไก่ขัน ไต๋บุญพาเราเข้าหมายโพงพาง มีปลาตอดเหยื่อแต่วัดไม่ติดแถมเสียตะกั่วคนละชุด หมายที่ 3 ที่หมายแก่งใหญ่ ผมผูกเรือติดทุ่นจุดเดียวกับที่โปรยุทธ์จอดเรือเมื่อวาน เขายืนยันว่าเคยได้ปลายางหนัก 6-7 กิโลกรัมที่หมายนี้ เราหมดเหยื่อคนละ 3 ปั้น จึงขยับเรือไปผูกติดกอไม้น้ำตรงจุดที่ผมได้ปลาผอเมื่อวาน ผมผูกเรือติดกอไม้น้ำเสร็จกำลังปั้นเหยื่อ โปรยุทธ์ก็สอยปลายางไซส์ 2 โลได้ตัว อีก 2 ปั้นเหยื่อต่อมาผมก็ได้ปลายางไซส์ย่อมกว่า
ภาพที่ 13 ตอนนั้นใกล้เวลาเคารพธงชาติ เซียนตู้กับสท.จ้อยตามเรามาถึงหมาย ปรึกษากันแล้วมีความเห็นตรงกันว่าพวกเราควรย้ายไปน้ำตกคอนพะเพ็ง
ที่บ้านไต๋บุญ เจ้าบ้านปูเสื่อเสริฟอาหารเช้าต้อนรับแขกชาวต่างชาติที่ชานเรือน เนื้อปลาคังโครกกับสมุนไพรห่อด้วย ดอกแคแดง นึ่งสุกรับประทานกับน้ำพริกแจ่ว (ดอกแคแดงออกรสขม) ปลายางทอด, ต้มยำปลาทั้งหมดเป็นเมนูจานเด็ดจากเสน่ห์ปลายจวักของลูกสาวคนเดียวของไต๋บุญ ระหว่างอาหารผมสังเกตหลานสาววัย 4 ขวบผิวหยวกกล้วยตาคมผมยาวหย็องนั่งหน้างอเป็นตวักอยู่ข้างประตู โปรยุทธ์หันไปทักทายหลานแล้วเด็กน้อยลุกไปหยิบขวดน้ำดื่มเอามากระแทกใส่ลุงยุทธ์อย่างเสียไม่ได้
เด็กคนนี้เอาเรื่อง...
หล่อนเป็นอะไร ทานข้าวหรือยัง?
ผมหาคำตอบจากโปรยุทธ์
พวกเด็กกินข้าวแต่เช้าแล้ว คนนี้งอแงจะกินขนมที่เฮียเอามาฝากเมื่อวาน
ภาพที่ 14 ตะวันอยู่เหนือศีรษะเราก็ถึงน้ำตก เราเพิ่มจะอิ่มท้องกัน เราจึงเตรียมข้าวเหนียวกับปลากระป๋องและกล้วยปิ้งสำหรับความหิวส่วนตัวในมื้อกลางวัน
รถคันเดิมจอดที่เดิม (ที่จอดปีที่แล้ว) เราเตรียมอุปกรณ์เท่าที่จำเป็น ผมเหลือตะกั่วไม่ถึง 5 ลูก จึงขอแบ่งจากเซียนตู้อีก 5 ลูก ซึ่งเขามีสำรองไว้หลายกิโลกรัม
จากจุดจอดรถเราต้องข้ามหาดทรายขาวราว 100 เมตร จึงถึงเวินบึกซึ่งเป็นเวิ้งน้ำกว้าง ผมเรียกมันว่า วังมัจฉา น้ำจากน้ำตกไหลมาบรรจบกับเวิ้งอ่าวกว้าง อ่าวนี้จึงเป็นจุดแวะพักของเหล่าปลาน้อยใหญ่ก่อนขึ้นน้ำตก อุปสรรค์ในการตกปลาที่วังมัจฉา
จึงอยู่ที่ตาข่ายที่ชาวบ้านกางทั่วอ่าวกับเบ็ดราวขึงระโยงรยางค์อย่างกะใยแมงมุม
ภาพที่ 15 ผมลุยหาดทรายร้อนรั้งท้ายมาถึงริมเวินบึก พบโปรยุทธ์กำลังกล่อมเด็กน้อย 3 คนให้พายเรือข้ามโขงไปอีกฝั่ง ผมปฎิเสธเขาที่จะข้ามโขงด้วยกัน แล้วเดินเลาะไปตามโขดหินริมโขงขึ้นไปทางน้ำตก พบเซียนตู้กับ สท.จ้อยตั้งฐานอยู่ที่เก่า (ที่เคยตกปลาเมื่อปีที่แล้ว) ผมตรงไปหาช่องน้ำแคบที่ผมคาใจ (ปีที่แล้ว) กองหินโพล่พ้นน้ำกว่าเมตร ผมตีเหยื่อไปหลังกองหิน ไม้แรกก็เสียตะกั่ว ผมหาหมายใหม่ขึ้นไปทางน้ำตกอีกราว 40 เมตร ตรงนั้นเป็นแก่งน้ำไหลต่างระดับเหมือนเนินลูกระนาดสูงราวฟุต ผมตีเหยื่อห่างหน้าแก่งสิบกว่าเมตร ไม้แรกก็ได้ปลากดเหลืองตัวเท่าแขน ลูกปลายางติดเบ็ดหลายตัวปล่อยลงน้ำหมด อีกไม้ตีไปทางน้ำตกตะกั่วก็ติดหิน คิดว่ากินข้าวเสร็จค่อยจัดการ จึงวางคันเบ็ดเติมข้าวเหนียวใส่ท้อง กว่าจะเปิดฝาปลากระป๋องได้ทุลักทุเลพอสมควร เบ็ดทิ้งไว้มีปลาติดเบ็ดจึงยกขึ้นวัด ตัวปลายสายดิ้นดึงตะกั่วออกจากซอกหินได้ เป็นปลากดเหลืองไซส์เดียวกัน
ภาพที่ 16 ตอนนั้นโปรยุทธ์ย่ำโขดหินตัวเบาผ่านมา บอกจะไม่กลับไปที่รถแต่จะไปขึ้นรถทางหน้าน้ำตก มีบักหำน้อยแบกคันเบ็ดตามหลัง อีกคนหิ้วกล่องเบ็ด คนรั้นท้ายหิ้วพวงปลา...ปกติเขาใช้แค็ดดี้เพียงคนเดียวนะเพ่
ภาพที่ 17 ผมกลับมาที่กองหินคาใจ พบเซียนตู้กับสท.จ้อยหอบหิ้วอาวุธคู่มือกับพวงปลากำลังเข้ากองหินเช่นกัน ผมเลยขยับไปหลังก้อนหินห่างกันราว 6 -7 เมตร ปั้นเหยื่อเตรียมหย่อนเบ็ดก็ได้ยินเสียงต๋อม! ตะกั่วตกเลยหน้าผมไปทางซ้ายมือ มองย้อนสายเอ็นพบเซียนตู้ยืนยิ้มอยู่
เฮียน้ำพัดตะกั่วไป
...ตะกั่วลูกเท่าไข่ไก่เนี้ยนะไหลตามน้ำ...เรายิ้มกว้างให้กันแบบว่าโจ๊กชามใหญ่หก
หลังกองหินเอ็นสีเหลืองของ สท.จ้อยชี้ลงน้ำตรงจุดที่เบ็ดชุดแรกของผมติดหิน (ผลเป็นยังไงคงไม่ต้องบรรยาย)
ภาพที่ 18 ผมตีตะกั่วตรงไปข้างหน้าไม่เกิน 3 เมตร ตะกั่วถึงพื้นถือคันรอไม่พออึดใจช้างเหยื่อปั้นนั้นก็ถูกฉวย มันเป็นปลาคังไซส์แขน ทำให้ผมหายค้างคาใจ แต่คงมีผู้ค้างคาใจเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็สองท่าน ขนาดดักหน้าดักหลังมันดันกินคันกลาง
ภาพที่ 19 เราเก็บเบ็ดก่อนตะวันจะลับฟ้า แม้หมายคอนพะเพ็งเรายังไม่ได้โทรฟี่อย่างที่เราคาดหวังไว้ ด้วยเหตุจากน้ำลดปลาถอย โอกาสหน้าเราจะกลับมาที่น้ำตกคอนพะเพ็งอีก
น้าหมานเน้อตึ้ก(ตก)ได้ปลากดกับลูกปลาเคิง
ชาวประมงพื้นบ้าน 1 ใน 3 ทักผม ขณะที่ผมหิ้วปลาผ่านพวกเขาซึ่งกางเต้นนอนเฝ้าปลาริมวังมัจฉา
ทำไมไม่มาตอนน้ำขึ้น ถ้าพวกน้ามาเมื่อ 3 วันก่อนน้ำขึ้นปลาเยอะมาก ตอนนี้น้ำลดปลาถอยหมดแล้ว ชายคนเดิมพยายามผูกมิตรด้วย
ปีนี้น้ำโขงเป็นยังไง ? ผมถาม
ปีนี้น้ำลดลงมากกว่าทุกปีมาก น้ำในโขงบ่เคยลดต่ำขนาดนี้...
น้าเคยจับปลาสูงสุดในวันหนึ่งได้ปลากี่กิโลกรัม ผมยิงคำถามต่อ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า
เกือบ 300 กิโลกรัม
โอ้โหจับปลาได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ ?
...เฮาใช้เครื่องดูดปลาซื้อจากเวียด(นาม) เฮาเอาเครื่องจุ่มน้ำพวกปลาหนังจะว่ายเข้ามาหา เฮาก็เอาไฟฟ้าช๊อตเอา แล้วใช้สวิงตักปลา วันหนึ่งได้ปลาร้อยกว่าโล ตอนหลังทางการห้ามก็เลยขายเครื่องทิ้ง ทุกวันนี้เลยได้แต่ใช้ตาข่ายกับเบ็ดตึ้กปลา
ภาพที่ 20 หลายปีมาแล้วที่ผมให้ความสนใจกับมหานทีแม่น้ำโขง สายน้ำที่ไม่เคยเหือดแห้ง แม่คงคาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ว่ากันว่าชีวิตของหล่อนอุบัติขึ้นก่อนมนุษย์คนแรกจะถือกำเนิด ประมาณกันว่าทุกวันนี้เธอยังคงโอบอุ้มชุบเลี้ยงผู้คนสองฝั่งโขงหลายล้านคน แต่วันนี้วิถีชีวิตของหล่อนกำลังจะเปลี่ยนไป ถ้าการแสวงหาผลประโยชน์ในตัวเธอยังเพิ่มขึ้นในทุกที่ที่หล่อนย่างกายผ่าน ถึงจุดๆหนึ่งเธอก็คงเหนื่อยล้าหมดแรงและในที่สุดเธออาจจะถึงจุดจบได้ ณ.วันนี้มีสิ่งบอกเหตุหลายอย่างบ่งบอกให้รู้ว่า มหาชลาลัยสายนี้กำลังจะเปลี่ยนวิถีไปจากเดิม จากน้ำมือมนุษย์ที่หล่อนชุบเลี้ยงมา
จบ
ดอกแคแดงของลาวเป็นดอกแคคนละชนิดกับที่บ้านเราเอามาใช้แกงส้ม ดอกแคแดงเวลาบานเต็มที่มีรูปทรงคล้ายดอกชะบามีสีแดงคล้ำ ดอกออกตามกิ่งเป็นต้นไม้ใหญ่