เริ่มต้นชื่อบทความซะน่ากลัวเลย แต่...............................
เรื่องมีอยู่ว่า ในเช้าของวันเสาร์หนึ่งที่แสนจะสบายบรรยากาศ น่าทำบาปอย่างยิ่ง บาปที่ทุกคนหลงอย่างหัวปักหัวปรำ
และต้องทำในทันทีที่มีเวลาว่าง นั่นคือ การตกปลา ในวันนี้เช่นกัน สามเกลอหัวแข็ง มีวันหยุดพร้อมกัน จึงมีความคิด
เหมือนกัน ว่าจะไปตกปลาแม่น้ำเสียหน่อย แต่ละคนเตรียมอาวุธประจำกายทั้งหมดที่มีพร้อมเหยื่อสารพัดไม่ว่าจะเป็น
สด หมัก ดอง มีทั้งสำเร็จรูปและทั้งที่ทำเองจากการตะเวนหาความรู้ตามบ่อต่างๆบ้าง ตามผู้รู้คนแก่ คนเฒ่าบ้าง
ตามสื่อต่างๆบ้าง โดยมีจุดมุงหมายเดียวกันคือปลาใหญ่เท่านั้น เมื่อไปถึงจุดหมาย ทั้งสามคน ไม่มีการพูดคุยกันเลย
ทุกคนมุ่งมั่นที่จะประกอบคันของตนเองให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ส่งเหยื่อลงไปล่อปลาให้มาหาคันของตัวเองให้เร็วขึ้น แต่..
แต่ละคนต้องใช้เวลาประกอบคันนานพอสมควร เพราะขนกันไปแต่ละคนเป็นมัดฟืน พอประกอบคันเสร็จ ก็เริ่มทิ้งบอม
เหยื่อลงสู่ก้นแม่น้ำ คนละหลายสิบตูม เสร็จก็วางคันเ็บ็ดเรียงกันเป็นตับเหมือนราวตากผ้ายังงัยยังงัน เช็คแล้วเกือบ
30 คัน แล้วก็นั่งด้วยจิตใจมุ่งมั่น ระหว่างที่รอก็จะมีปลารับแขกเป็นระยะ แต่นั่นไม่ใช่ไซค์ที่สามคนตามหา เสียงบอมเหยื่อ
ลงสู่แม่น้ำดังเป็นระยะๆ เหมือนกับว่าจะถมแม่น้ำใ้ห้ตื้นให้ได้ จุดมุ่งหมายยังไม่เปลี่ยนแปลง ผ่านไป 2 ชั่วโมง ยังไม่มีอะไร
เกิดขึ้นจากคันเบ็ดที่วางเป็นราวตากผ้า เงียบ เงียบ และก็เงียบ ขณะนั้นเอง ก็มีกลุ่มเด็กน้อย 4 คนเดินมาพร้อมคันเบ็ด
เก่าๆยาวประมาณ 6 ฟุตเห็นจะได้ คู่กับรอกที่ดูยี่ห้อไม่ออก พร้อมตะกร้อที่เบ็ดผูกติดอยู่ประมาณ 3 ตัว และเหยื่อ 1 ถุง
มาถึงพวกนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการปั้นเหยื่อแล้วโยนลงน้ำทันที แล้วก็รอ ระหว่างที่รอ พวกนั้นมองมายังพวก
สามเกลอและคันเบ็ดที่วางอยู่ ประมาณด้วยสายตาว่า ทำไมมีคันเบ็ดเยอะจัง ระหว่างนั้น คันของเ ด็กพวกนั้นก็มีอาการ
ลากอย่างรุนแรงจากสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ 1 ใน4 คนนั้นไวกว่าเลยจับคันแล้ววัดทันที การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น ไม่เิกิน 10 นาทีทุกอย่าง
ก็จบชัยชนะเป็นของเด็กทั้ง 4 คน ผู้แพ้ คือ สวาย ไซค์ 4-5 โล รังสีอำมหิต แววอิจฉา และอับอาย ฉายแววอยู่ในสายตา
ของสามเกลอ ทั้งสามจึงระดมทิ้งบอมเหยื่อลงน้ำอย่างบ้าคลั่งหวังกู้หน้า และศักดิ์ศรีคืน แต่ก็ยังว่างเปล่า ผิดกับกลุ่มเด็กน้อย
4 คน ซึ่งบัดนี้มีเชลยมาเพิ่มเป็นสวายไซค์ใกล้เคียงกันอีก 1 ตัว แล้วก็นั่งรอต่อไป ระหว่างที่รอ พวกนั้นมองมายังพวก
สามเกลอและคันเบ็ดที่วางอยู่ ประมาณด้วยสายตาว่า ทำไมมีคันเบ็ดเยอะจัง แต่คราวนี้มีแววตาอีกอย่างหนึ่งคือ แล้วทำไม
ตกปลาไม่ได้ซะที มันจี๊ดในหัวใจของสามเกลอเหลือเกิน ในที่สุดความอดทนก็สิ้นสุดลง 1 ใน3 เกลอทนกับความอัปยศ
อดสูครั้งนี้ไม่ได้ จึงกระทำการอย่างหนึงลงไป อย่างนั้นก็คือ เก็บคันเบ็ดกลับบ้าน ซึ่งอีก 2 เกลอ ก็คิดเหมือนกัน ระหว่างที่
สามเกลอเก็บคันอยู่นั้น กลุ่มเด็กๆ ก็ได้เชลย ขึ้นมาอีก 1 ตัว ซึ่งตอนนี้กลุ่มสามเกลอไม่มีอะไรต้องอายกว่านี้อีกแล้ว และ
ไม่จำเป็นต้องอายอีกต่อไป สิ่งที่ สามเกลอคิดและยอมรับเหมือนกันก็คือ ความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ต่อ กลุ่มเด็กน้อย
ที่มีคันเบ็ดเพียง 1 คัน แต่สามารถตกปลาได้มากกว่า คนที่มีคันเบ็ดมากว่า 30 เท่า ก่อนกลับ สามเกลอได้คุยกันเล่นๆว่า
ถ้าเด็กพวกนั้นมีคันเบ็ดทุกคนคงได้ปลาเยอะกว่านี้ แล้วก็มองมาที่ อาวุธของตัวเอง แล้วสิ่งที่ทำต่อจากนั้นก็คือ เดินเข้าไปหา
เด็กเหล่านั้น แล้วพูดว่า................................................ไอ้หนูขอซื้อปลาได้ไหม เดี๋ยวน้ากลับบ้านไม่มีปลากลับไป เมีย
ด่าเละแน่เลย นะ นะ ขายปลาให้น้าเถอะนะ ขอร้องล่ะ.................................
( ปล . ตกลงวันนั้น สามเกลอต้องซื้อปลากลับบ้านคนละตัว ในราคาเหมารวม 600 บาท พร้อมทั้ง คันเบ็ดอีก 4 ชุด พร้อม
กับตะกร้อและเหยื่อจำนวนหนึ่ง เป็นค่า ชดใช้ในการพ่ายแพ้สงครามอยางหมดรูป โดยมี คำสัญญาจากเด็กน้อยว่า
คราวหน้าถ้าน้าตกไม่ได้อีก หนูจะให้ปลาน้าฟรีๆเลย......... มันจี๊ดเข้าหัวใจเหมือนพวกสามเกลอไหมครับน้าๆๆ ทุกท่าน )