ตอบคำถามของคุณ พาณุ ในห้อง ถาม - ตอบ
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวเสียก่อนว่า ผมมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้รอกคาสติ้ง และการตกปลาแต่เพียงอย่างใด แต่ที่อาจหาญมาให้คำตอบแก่คุณก็ใช้ประสบการณ์ของผมเองโดยมืได้อ้างอิงทางวิชาการใดๆทั้งสิ้น แม้แต่การใช้คำพูด (พิมพ์) ก็ใช้คำพูดแบบพื้นๆที่ใช้กันทั่วไปในวงการ ดังนั้นหากไม่ตรงกับการปฏิบัติของหลายๆท่าน ก็โปรดให้อภัยด้วย และกรุณาวิเคราะห์ให้ถ่องแท้เสียก่อน ว่าควรจะเชื่อหรือไม่
การใช้รอกเบทคาสติ้งนั้น จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่ไม่ว่าจะเป็นรอกชนิดใดหากต้องการเรียนรู้ และมีเวลาฝึกฝนเพียงพอ ก็คงไม่พ้นความสามารถของคนเราไปได้หรอกครับ
วิธีการของผมอาจแตกต่างไปจากคนอื่น คำอธิบายจากนี้ไปเป็นประสบการณ์ที่ผมเจอด้วยตนเอง ด้วยการตีเหยื่อเพียง 2-3 ครั้งสายก็หมดหลอด (เพราะสายมันฟู่) แต่ผมก็พยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง ทดลองกันหลายแบบหลายวิธี จนสามารถควบคุมการตีสายไม่ให้ฟู่ได้เป็นผลสำเร็จ
แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะสูญเสียสายเบ็ด และพร้อมที่จะรับฟังหรือยังครับ
ก่อนอื่น ผมต้องขอเข้าใจเอาเองว่า คุณได้ประกอบรอกเข้ากับคันเบ็ด พร้อมกับสอดสายเอ็นเข้าในไกด์ไว้เรียบร้อย และยืนอยู่ข้างๆบึง หรือบ่อที่คุณจะใช้เป็นสนามฝึกหัดแล้วนะครับ
ลำดับแรก ให้คุณลากปลายสายเอ็นออกมาให้ยาวมากหน่อย แล้วหาลูกตุ้มตะกั่ว (ทุ่น) ลูกโตประมาณปลายนิ้วก้อย และยาวราวๆสองข้อนิ้วก้อย ผูกติดกับปลายสายให้แน่น (ควรเป็นสายขนาด 12-15 ปอนด์)
ขั้นที่สอง กรอสายให้ตะกั่วขึ้นไปเกือบติดปลายคันเบ็ด ปรับปุ่มหน่วงสปูลให้ค่อนข้างแน่น จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งกดลงบนสายที่อยู่ในสปูล กดปุ่มฟรีสปูล ตั้งคันเบ็ดให้ปลายคันชี้ขึ้นทำมุมราวๆ 45-50 องศา โดยให้ตัวรอกอยู่ด้านบน แลัวปล่อยนิ้วโป้งที่กดอยู่บนสายเอ็นในสปูลให้ตะกั่วเลื่อนลงสู่พื้น ให้สังเกตว่าเมื่อตะกั่วตกถึงพื้น สปูลต้องหยุดหมุนทันที จึงจะใช้ได้ (เป็นการปรับในขั้นแรก) หากเมื่อปล่อยนิ้วจากที่กดบนสปูลแล้แต่ทว่าตะกั่วยังไม่ยอมลง ก็แสดงว่าปรับตัวหน่วงสปูลไว้แน่นเกินไป หรือตะกั่วเลื่อนลงแต่พอตกถึงพื้นแล้วสปูลยังคงหมุนจี๋อยู่ อย่างนี้แสดงว่าปรับตัวหน่วงสปูลไว้หลวมเกินไป นับว่าเป็นการปรับที่ยังไม่ถูกต้อง จงพยายามปรับต่อไปอีกจนกว่าจะได้ผลตามที่ต้องการ
ขั้นต่อไป มาถึงตอน ได้เสียกันหละ คือการ ตีเหยื่อ, ตีสาย, ส่งเหยื่อ, เหวี่ยงเบ็ด, เขวี้ยงเบ็ด, (เอ๊ะ มันเกี่ยวกันมั้ยเนี๊ยะ) หรือะไรก็ได้ตามที่เขาใช้เรียกกัน
การเหวี่ยงเบ็ดมีวิธีเหวี่ยงกันหลายแบบ สำหรับตัวผมเองถนัดและชอบวิธีเหวี่ยงข้ามศีรษะ เพราะสามารถควบคุมทิศทางของเหยื่อได้ค่อนข้างแม่นยำ (ผมว่าของผมเองนะครับ) การเหวี่ยงข้ามศีรษะก็เหมือนกับถือไม้รวกยาวๆสักหนึ่งลำ จับยกขึ้นให้ปลายไม้เอนไปทางด้านหลังจนสุดเหยียด แล้วฟาดลงไปตรงๆทางด้านหน้า ซึ่งเป็นวืธีเดียวกันกับการเหวี่ยงเบ็ดโดยวิธีเหวี่ยงข้ามศีรษะ นั่นแหละครับ
จงยืนในท่าที่คุณถนัด จับคันเบ็ดให้ปลายคันชี้ไปด้านหน้า หย่อนตะกั่วให้ห่างจากปลายคันพอสมควร (ให้สั้นไว้ก่อนดีกว่า เมื่อชำนาญแล้วจะหย่อนให้ยาวเท่าใดก็ได้) ใช้มือขวาจับคันเบ็ดตรงช่วงรีลซีทให้ชิดกับตัวรอก ใช้นิ้วโป้งกดลงบนกึ่งกลางของสปูล (เพื่อไม่ให้ตะกั่วตกลงไปซะก่อน) กดปุ่มฟรีสปูล ยกมือขวาที่กำคันเบ็ดอยู่ให้สูงขึ้นจนเสมอระดับใบหู มือซ้ายจับที่ปลายด้ามและยกให้สูงขึ้นระดับเดียวกับมือขวาโดยนิ้วโป้งยังกดอยู่บนสปูล แล้วทำการฟาดปลายคันเบ็ดไปทางด้านหน้าโดยแรงและรวดเร็ว
ขั้นตอนต่อไปนี้ คุณต้องใช้ความสังเกตให้ดีและจดจำขั้นตอนต่างๆให้แม่นยำ คือเมื่อฟาดปลายคันเบ็ดไปทางเบื้องหน้า คะเนว่าเมื่อปลายคันเบ็ดถูกฟาดมาถึงที่ 11-12 น. ก็ให้ปล่อยนิ้วโป้งที่กดอยู่บนสปูลออก พร้อมกับลดระดับปลายคันลงชี้ไปยังเป้าหมายเบื้องหน้า
คราวนี้ถึงตอนสำคัญละนะ สายเบ็ดจะฟู่หรือไม่ก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ คุณจงคอยสังเกตการตกของตะกั่วให้ดี ทันทีที่ตะกั่วตกลงถึงผิวน้ำ คุณต้องรีบใช้นิ้วโป้งกดลงบนสปูลทันที อย่าชักช้า หากคุณกดสปูลให้หยุดได้ทันก็ชัวร์ได้ว่า โอกาสที่สายเบ็ดจะฟู่เกิดขึ้นน้อยมาก
การปล่อยมือจากการกดสปูลในช่วงที่ฟาดคันนั้น ให้สังเกตดังนี้
หากหลังจากคุณปล่อยนิ้วโป้งแล้ว ตะกั่วตกลงน้ำทันทีในระยะที่ไม่เกิน 2 - 4 เมตรเบื้องหน้าคุณ แสดงว่าคุณปล่อยนิ้วจากการกดสปูล ช้าเกินไป ตะกั่วเลยตกลงน้ำทันทีใกล้ๆกับที่คุณยืนอยู่ ในทำนองกลับกัน หลังจากคุณปล่อยมือแล้ว เว้นระยะไปชั่วครู่ตะกั่วจึงตกลงบนผิวน้ำในระยะที่ไม่ห่างจากคุณมากนัก ก็แสดงว่าคุณปล่อยนิ้วจากการกดสปูลรวดเร็วเกินไป ตะกั่วจึงพุ่งโด่งขึ้นสูฟ้าแล้วก็ตกลงมาใกล้ๆคุณ ดังนั้นแทนที่จะได้ระทางที่ไกลๆก็กลับไปได้ระยะทางในทางแนวดิ่ง ทั้งสองกรณีนี้ คุณต้องแก้ไขด้วยวิธีการเพิ่มหรือลดระดับปลายคันก่อนที่จะปล่อยนิ้วโป้งจากการกดสปูล
จงพยายามฝึกบ่อยๆเพื่อให้เกิดความเคยชิน ระยะแรกคุณอาจเหวี่ยงเหยื่อได้ไม่ไกลมากนัก แต่เมื่อฝึกฝนจนมีความชำนาญแล้วจึงค่อยคลายตัวหน่วงออก ให้สปูลหมุนลื่นขึ้น ก็จะได้ระยะทางที่เพิ่มไกลมากขึ้นกว่าเดิมในที่สุด และจำไว้ว่า ทุกครั้งที่น้ำหนักของเหยื่อเปลี่ยนไปจากเดิม คุณก็ต้องปรับการเหวี่ยงของคุณให้มีความสมดุลกับน้ำหนักเหยื่อที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญมากๆคือ คุณต้องรักษาระดับของการออกแรงเหวี่ยงให้ใกล้เคียงกันทุกครั้ง
ผมขอจบวิธีใช้รอกเบทคาสติ้ง ตามแบบฉบับของผมไว้เพียงเท่านี้ หวังว่าคุณคงใช้ประโยชน์จากบทความนี้ได้อย่างเต็มที่ ขออวยพรให้คุณประสพความสำเร็จ พร้อมกับได้รับความสนุกสนานในการตกปลาด้วยรอกเบทคาสติ้ง และอย่าลืมบอกบรรดาเพื่อนๆให้ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมด้วย...
ต้องขอภัย ที่ไม่สามารถใส่ภาพประกอบมาได้ทัน หากหาภาพที่เหมาะสมได้จะนำมาลงให้ดูภายหลัง