ภาพที่ 1บทที่ 16
ตอนที่ 5
ลมโชยพัดมาตามช่องระหว่างภูเขาและหน้าผาหินชัน บางครั้งก็มีเสียงดัง ครวญคราง หวีดหวิว ราวกับเสียงของปีศาจ กิ่งไม้ยอดไม้ โยกไหวเอนไปมา เกิดเสียงลั่น ออดแอด บางครั้งก็มีเสียงดัง โครมคราม ของต้นไม้ล้ม หรือ ไม่ก็กิ่งไม้แห้งหักโค่นลงมา ลมที่พักกระโชก ทำให้เส้นเถาวัลย์ที่ห้อยพาดไปมาทั้งสองฝั่ง เกิดอาการโยกไหวแกว่งไกวไปมาน่าหวาดเสียว บนเส้นเถาวัลย์ที่ห้อยพาดระโยงระยาง ปรากฏร่างของมุนษย์ตัวกระจ้อย เมื่อเทียบกับขนาดความใหญ่โตของเส้นเถาวัลย์ อย่าว่าแต่คนตัวเล็กๆแบบเขาเลย ต่อให้ช้างตัวใหญ่ๆทั้งตัว ก็น่าจะสามารถไต่เส้นเถาวัลย์เส้นนี้ไปได้อย่างสบาย ความกว้างของเถาวัลย์ที่เขากำลังไต่เหยียบไปนั้น มันกว้างราวๆฟุตเศษ ลักษณะของผิวหรือเปลือก มีความสากกระด้าง บางช่วงก็เป็นลอน บิดเป็นเกลียว แบบเดียวกับบันไดลิง ไม่ลื้น ทำให้ง่ายในการเดินไต่ โดยใช้เส้นเถาวัลย์ขนาดแขน ที่อยู่สูงเลยหัว ไว้พยุงโหนร่างกายของเขาอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งมันก็อยู่สุดช่วงแขนของเขาพอดี ลักษณะในการไต่ จึงเกือบจะเป็นการโหนอยู่ในท่าตะแคง อาการไหวยวบยาบของเส้นเถาวัลย์ ทำให้การไต่เป็นอย่างน่าหวาดเสียว ยิ่งการไต่ล้ำเข้าไปในระยะกึ่งกลาง อาการโยกก็ยิ่งมากขึ้น ลมที่พัดผ่าน ก็มีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นไปด้วย จนบางครั้งก็เกือบจะพัดร่างของเขาให้หลุดลอยออกไปตามกระแสลม ซึ่งบางขณะก็ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ รอจังหวะให้กระแสลมเบาบางลง กว่าจะข้ามมาถึงฝั่งตรงข้ามได้สำเร็จ ก็เล่นเอาแข้งขาสั่นไปหมด แขนและฝ่ามือที่ใช้เกาะโหนเส้นเถาวัลย์ก็ชาเกือบจะไม่รับรู้ความรู้สึก ต้องนั่งพักเอาแรงอยู่ยกใหญ่ ถึงจะเริ่มไต่ลงมาจากกอซุ้มเถาวัลย์นั้นลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง
ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่กำหนด โดยยึดเส้นทางที่ขนาบไปตามริมน้ำ เพราะสภาพพื้นที่ค่อนค้างโล่ง จึงเดินได้อย่างสะดวก ถึงแม้ถัดเข้าไป จะเป็นดงทึบของไม้ใหญ่ก็ตาม เส้นทางนั้นมีสภาพคดเคี้ยวลัดเลาะไปมา บางช่วงก็มีลำน้ำแยกมาบรรจบกันหลายสาย หรือบางตอนก็มีลำห้วย แทรกออกมาจากแนวป่าเหมือนน้ำตกขนาดเล็ก ชายหนุ่มหยุดพักล้างหน้าล้างตา และวักน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะบ่ายคล้อยลงไปทุกขณะ ด้วยสภาพป่าที่มีความทึบ อุดมไปด้วยไม้ใหญ่ ทำให้ยอดใบบางส่วนบนบังแสงจากดวงอาทิตย์ ยิ่งทำให้สภาพป่าดูครึ้ม ตลอดเส้นทางที่เขาสัญจร เปรอะไปด้วยร่องรอยของสัตว์ป่านานาชนิด หรือบางครั้งก็พบเข้ากับเจ้าของรอยเท้าทั้งหลาย การเดินทางถึงแม้จะอยู่ในที่โล่ง เขาก็ไม่ประมาท บางจังหวะที่ไม่แน่ใจในเส้นทาง ก็ต้องหยุดดูสำรวจให้ถี่ถ้วน เพราะบางครั้ง ก็เดินทับเส้นทาง ทางด่าน ที่สัตว์ป่าเดินย่ำไว้ให้เปรอะ เส้นทางที่โล่ง ทำให้มองเห็นชัยภูมิได้ในระยะไกล บางช่วงก็เป็นป่าหินน้อยใหญ่สลับไปกับป่าของต้นไคร้น้ำเตี้ยๆ ทำให้ไม่มีอะไรบดบังทัศนวิสัย
เลยจากป่าหินขึ้นไป แลเห็นหาดทรายกว้างขวาง เนื้อที่ไม่ต่ำกว่าห้าไร่เศษ นกยูงหลายตัว กำลังหากินปะปนไปกับไก่ฟ้าและไก่ป่าอีกหลายสิบตัว บนพื้นทรายนั้น มีนกยูงตัวผู้ อยู่สามตัว กำลังรำแพน อวดความสวยงามของแผ่นหาง ที่คลี่ออกมาเหมือนพัดขนาดใหญ่เป็นรูปครึ่งวงกลม สีสันสวยงาม ราวกับปีกของแมลงทับ ดูวิจิตรตระการตา ชายหนุ่มหยุดดูอยู่ครู่ ก็ต้องรีบขยับแอบเข้าไปหลบอยู่หลังโขดหินใหญ่ เพราะสายตาแลเห็นอะไรบางชนิด ลักษณะเป็นสีดำสนิทไปทั้งตัว สิ่งนั้นนอนหมอบนิ่งอยู่ที่ซุ้มไม้ห่างจากฝูงนกยูงนั้นออกไปไม่มาก ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็แทบจะมองไม่เห็น เพราะสีของมันกลืนสนิทไปกับเงาไม้นั้น มันเป็นเสือดำขนาดเขื่อง ที่หมอบนิ่งรอจังหวะที่จะกระโจนออกมาตะครุบเหยื่อของมันไม่ตัวใด ก็ตัวหนึ่ง ที่กำลังเดินคุ้ยเขี่ยอย่างไม่ได้ทันระมัดระวังตัว พริบตาเดียวเท่านั้นเอง นกยูงตัวหนึ่ง ที่กำลังมัวแต่รำแพนหางอวดโฉม เพราะแผ่นหางที่กางบังหลังมันไว้ ทำให้มันไม่สามารถมองเห็นทิศทางจากทางเบื้องหลังได้ เจ้าเสือดำที่หมอบนิ่งอยู่นั้น ก็กระโจนเข้าตะครุบเหยื่อของมันทำที พร้อมๆกับเสียงร้องเอะอะของเหล่าบรรดา นกยูง ไก่ฟ้า และไก่ป่า ซึ่งตอนนี้บินแตกฮือ กระจัด กระจายไปคนละทิศคนละทางด้วยความตกใจ มีไก่ฟ้าบางตัวบินเฉียดหัวของชายหนุ่มไปแบบชนิดฉิวเฉียด
ความอลหม่านของบรรดาสัตว์ปีก ที่พากันบินกระจัดกระจายไปทั่วทิศ พร้อมๆกับเสียงไก่ป่า กระต๊าก อยู่ลั่นดง เพราะความตกใจ ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว สำหรับนกยูงเคราะห์ร้ายตัวนั้น เพราะไม่กี่อึดใจ มันก็แน่นิ่งตายสนิทกล่ายเป็นอาหารอันโอชะของไอ้ดำ หลังจากที่คว้าชัย ที่ได้รับเป็นรางวัล มันก็คาบซากเหยื่อของมัน แล้วกระโจนแผ่วลับหายไปในดงหินที่ขึ้นอยู่สลับซับซ้อน ชายหนุ่มได้แต่แอบเฝ้ามองด้วยหัวใจที่เต้นระทึก โชคดีแค่ไหน ที่ตัวเองสังเกตุเห็นเสือดำตัวนั้นก่อน ที่จะเดินถลำไป ไม่เช่นนั้น ตัวเขานั้นแหละที่อาจจะตกเป็นเหยื่อแทนเจ้านกยูงตัวนั้นก็เป็นได้
ความปกติสุขกลับมาอีกครั้ง หลังจากเสือดำตัวนั้นผละจากไป สรรพสำเนียงของบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่ก็เริ่มกลับเข้าสู้ภาวะปกติ เสียงพญาลอ ร้องกู้ก้องไปทั้งแนวป่า ผสานไปกับเสียงไก่ป่าที่ร้องแจ้วอยู่ที่ชายดง ที่ริมหาดทราย ผีเสื้อน้อยใหญ่หลากสี นับร้อยนับพันตัว พากันเกาะกลุ่มกันดูดกินเกลือแร่และสารอาหารกันเป็นหมู่ๆ ดูสวยงามทุกครั้ง เวลาพวกมันขยับปีกเผยิบผยาบ เกาะพราวอยู่ตามพื้นดินและพื้นทราย เก้งหม้อผัวเมียคู่หนึ่ง เดินลับๆล่อๆอยู่ตามแนวโขนหินชายดง เมื่อสำรวจแล้วไม่พบสิ่งแปลกปลอม พวกมันก็พอกันเดินเหยาะย่างกันลงมากินน้ำ เฉียดแนวบังไพรที่ชายหนุ่มหลบซุ่มอยู่ ห่างออกไปไม่เกินสิบวา เมื่อมีสัตว์จำพวกเก้งกวางเช่นนี้ ทำให้ชายหนุ่มคิดเบาใจขึ้นมาเป็นกอง เพราะพวกมันเหล่านั้นเปรียบเสมือนปราการด่านแรก ที่คอยเฝ้าระวังภัยจากสัตว์ร้ายต่างๆ โดยเฉพาะเสือ หลังจากเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มจึงเริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง
เส้นทางลัดเลาะไปตามชายน้ำ ซึ่งทางด้านขวามือเป็นตลิ่งสูงชัน ลักษณะเหมือนเคยถูกกระแสน้ำกัดเซาะ เมื่อครั้งฤดูน้ำหลาก เพราะพอที่จะสังเกตุเห็นเศษซากของพื้ชพรรณต่างๆลอยมาเกาะเกย และติดค้างอยู่ บางช่วงก็มีต้นไม้ใหญ่ล้มโค่น ชนิดถอนรากถอนโคน บางต้นก็หักเหลือแค่ครึ่งต้น เหลือแต่ส่วนโคนโด่เด่ แต่ละต้นใหญ่โตหลายคนโอบทั้งนั้น ทำให้การเดินทางในบางครั้ง ต้องใช้วิธีมุดลอดไป บางช่วงก็ต้องเดินอ้อม เพราะไม่สามารถมุดผ่านไปได้ เนื้องจากส่วนที่เป็นลำต้นของต้นไม้จมหรือไม่ก็แนบชิดติดพื้น ทำให้ไม่มีช่องทะลุผ่าน โชคดีที่เส้นทางนี้อยู่ต่ำลงมาจากแนวป่า ทำให้ไม่มีวัชพืชขึ้นรก นานๆครั้งถึงจะมีไม้เลื้อยจำพวกเถาวัลย์เส้นเล็กๆขึ้นปะปนและกีดขวางเส้นทางอยู่บ้าง หรือบางครั้งก็ใช้วิธีเดินเลี่ยงไปตามแม่น้ำ เพราะระดับน้ำมีความตื้น เนื้องจากพื้นที่มีลักษณะลาดเอียงลงไป ไม่ได้เป็นตลิ่งชันแบบป่าที่เคยผ่านมา พื้นก็เป็นกรวดทราย ไม่มีโคลนทำให้เดินง่ายสะดวก
ชายหนุ่มหยุดพักเอาแรง ณ ตำแหน่งหัวแหลมตอนหนึ่ง ซึ่งมีเงาของไม้ใหญ่ขึ้นบทบังแสงแดดดูครึ้ม ลมเย็นพัดผ่านมาตามช่องเขา ทำให้ยอดไม้ไหวดังซู่ซ่า ไล่มาเป็นระลอกคลื่น ทำให้รู้สึกสบายผ่อนคลาย บรรเทาความเหนื่อยล้า ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ทอดเป็นเงาล้ำลงไปในแม่น้ำ หมู่ปลาเล็กปลาน้อย จำพวกปลาหนามและปลากระแห พากันแหวกว่ายหากินอยู่ตามพื้นกรวดหิน พอพลิกตัวก็แลเห็น เกล็ดสีเงินวูบวาบ ดูลานตาไปหมด
“ถ้ามีแห หรือ เบ็ดติดมาด้วยก็คงจะดี”ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ขณะมองดูฝูงปลาเล็กปลาน้อยอย่างเพลิดเพลิน แต่ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีเสียงกรอบแกรบลั่นกราวมาจากทางท้ายน้ำ มันเป็นเสียงกระทบกันของกรวดหินที่อยู่ใต้น้ำ พร้อมๆกับเสียง ฮุบดังตูมตาม จนน้ำกระเซ็น แลเห็นส่วนที่เป็นครีบหลัง สีแดงส้มได้อย่างถนัด มันเป็นปลากระสูบฝูงขนาดใหญ่ ที่พากันว่ายไล่ต้อนลูกปลาเหล่านั้น ซึ่งตอนนี้พวกมันพากันว่ายหนีตาย ขึ้นมาออกันแน่นที่ชายตลิ่งตื้นๆดูมืดไปหมด บางตัวที่หนีไม่ทันก็ตกเป็นอาหารของปลาใหญ่ ดูสับสนไปหมด นกกระยางและนกกระเต็น พลอยได้ประโยชน์ไปด้วย เพราะพวกมันพากันลงจิกกินลูกปลาได้อย่างง่ายดาย พอถูกนกไล่กิน ก็พากันว่ายแตกตื่นลงน้ำลึก แต่ไม่กี่อึดใจ ก็ถูกฝูงปลากระสูบไล่ฮุบ ไล่กินจนน้ำแต กกระจายมาอีก มีหลายตัวหนีตายกระโดดขึ้นมาดิ้นกระแด่วๆบนพื้น แต่ละตัวขนาดไม่ต่ำว่าสามนิ้ว ซึ่งทีแรกเขามองผ่านๆคิดว่าตัวเล็ก ชายหนุ่มรีบผละออกมาไล่ตะครุบปลาที่ขึ้นมาเกยตื้น อย่างน้อยๆก็คว้าโอกาสทองมาได้ถึงหกเจ็ดตัว ทั้งหมดเป็นปลาหนามขนาดใหญ่ไม่เกินสามนิ้วมือ ถึงจะขนาดเล็กไปหน่อย แต่มันก็ถือได้ว่าเป็นเสบียงในยามจำเป็น ซึ่งไม่สามารถเลือกได้ในขณะนี้ อะไรคว้าได้ หาได้ก็ต้องเก็บตุนไว้ก่อน หลังจากใช้เส้นเถาวัลย์ร้อยเหงือกปลาที่จำได้ทำเป็นพวง ชายหนุ่มก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มบ่ายคล้อยลงไปทุกขณะ ดวงอาทิตย์ลอยต่ำเหนือยอดไม้ไปไม่มาก อากาศที่เคยอบอุ่น เริ่มจะมีอุณหภูมิลดต่ำลง เส้นทางที่เคยใช้สัญจร ก็เริ่มทึบทะมึนด้วยต้นไม้ใหญ่ทุกขณะ มองผ่านๆแล้วเหมือนตัวเองจะเดินเข้าไปในอุโมงค์มหายักษ์ ซึ่งมีแนวยอดไม้ขึ้นเบียดเป็นร่มเงามืดครึ้ม
จากป่าโปรง ถึงดงทึบ ต้นไม้แต่ละต้น แลดูสูงใหญ่ ราวกับยักษ์ บางต้นมีรูปทรงบิดเบี้ยว คดงอ ทรวดทรงประหลาดตา มองผ่านๆเหมือนกับอสูรกายที่มาจากขุมนรก ยิ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบวังเวง ยิ่งเพิ่มความทะมึนทึนน่ากลัว มีเพียงสรรพสำเนียงของสัตว์ป่าที่ร้องแว่วเข้ามาบ้างบางครั้ง ทำให้บรรเทาความเงียบวังเวงลงไปบ้าง ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ บรรยากาศก็ดูน่ากลัวมากเท่านั้น อากาศโดยรอบก็ดูขมุกขมัว มืดสลัว คละเคล้ากับกลิ่นอับๆของซากใบไม้เน่า ที่กองทับทมกัน บางช่วงมองเห็นควันแก๊สสีขาวๆเหมือนควันไฟลอยจางๆออกมาจากกองใบไม้เหล่านั้น ยิ่งกองใบไม้ที่มีลักษณะเป็นกองพูน สูงๆต่ำๆ มองผ่านๆราวกับว่า เขาเดินอยู่ท่ามกลางสุสาน หรือไม่ก็ป่าช้ารกร้างที่ใดสักแห่ง ถัดจากบริเวณนี้ไปอีกไม่ไกล ชายหนุ่มก็แว่วเสียงดังซู่ซ่าของกระแสน้ำเบื้องหน้า เมื่อเดินโผล่พ้นโค้งน้ำไป ก็แลเห็นเกาะแก่งหินสูงๆต่ำๆ กระแสน้ำบริเวณนั้นไหลเชี่ยว มองผ่านๆก็เหมือนน้ำตกขนาดใหญ่ กระแสน้ำไหลลัดเลาะ กระโจนตกกระทบไปตามแก่งหินนั้น แก่งหินแต่ละก้อน มีลักษณะแหลมคม เป็นแง่หินตะปุ่มตะป่ำเต็มไปหมด กระแสน้ำบางช่วงก็ดูเป็นวังน้ำวน บางตอนก็ตื้นเขินมองเห็นกรวดทรายละเอียด นึกแปลกใจในตัวเอง ว่าเขารอดชีวิตจากสถานที่แบบนี้มาได้อย่างไร เดินไต่ไปตามโขดหินอย่างทุลักทุเล เพราะก้อนหินทุกก้อนมีแต่ตะไคร่น้ำเกาะเต็มไปหมด ทำให้ลื่นก้าวแต่ละก้าวต้องระมัดระวัง แต่ก็ไม่แคล้วหน้าแข้งถลอก เพราะเหยียบพลาดทำให้ลื่นพลิกไถลเกือบที่จะพลัดตกลงมา โชคดีที่คว้ารากไม้ที่งอกโผล่ออกมาได้ กว่าจะโผล่พ้นจากแก่งหินตอนนั้นออกมาได้ ก็เล่นเอาเหนื่อย แต่พอมองรอบๆบริเวณก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เพราะภูมิประเทศดูแปลกตา ราวกับภาพวาด วิวทิวทัศน์ของเมืองกุ้ยหลินหรือไม่ก็เขาเหลียงซาน จากสีน้ำมันของจิตกรชาวจีน ภูเขารูปทรงแปลกๆขึ้นแซมสลับไปมากับไม้ใหญ่ มันขนาบไปกับภูเขาและหน้าผาหินชั้น ที่ทอดยาวดูคดเคี้ยว ภูเขาบางลูกมีลักษณะเหมือน เขาตะปูของจังหวัดพังงา ราวกับถูกก๊อปปี้แล้วยกเอามาตั้งไว้ บางลูกก็มีลักษณะเป็นหินปูนหินย้อย รูปทรงดูประหลาด มีต้นไม้หงิกๆงอๆเหมือนไม้บอนไซขึ้นแซมอยู่ห่างๆ ภูเขาบางลูกก็ดูโล้นเตียนปราศจากพันธ์พืชทุกชนิด หินบางก้อนที่โผล่อยู่กลางสายน้ำ แลดูเป็นเกาะแก่ง บางก้อนก็เหมือนหินอ่อน สีเขียว สีส้ม สีขาว บางก้อนก็สีเหมือนงาช้างดูสวยงาม ราวกับเมืองของสวรรค์ แต่บางมุมก็เหมือนอยู่ในขุมนรก เพราะความผิดแปลกพิสดาร ดูน่ากลัว เพราะบางมุมมอง หรือบางเหลี่ยมมุมทำให้มองนานๆแล้วเกิดเป็นภาพจินตนาการชวนให้หลอนตัวเอง ภูเขาหินทั้งลูก บางลูก มองผ่านๆก็แลดูเหมือนหัวกระโหลกขนาดยักษ์ แง่หินบางมุมก็ดูเหมือนปีศาจที่กำลังแสยะยิ้มทะมึนทึน หรือแม้แต่เงา ที่ถูกแสงแดดตกกระทบทำมุม ก็ดูเหมือนเป็นเงาของผีที่ยืนจังก้าดูน่าขนหัวลุก แต่สิ่งที่เห็นเหล่านี้ มันยังไม่ทำให้เขาหนักใจเท่า สายน้ำในเวลานี้ ซึ่งแต่เดิมมันมีอยู่แค่สายเดียว แต่ ณ ตอนนี้ มันได้แยกออกมาเป็นหลายสาย ดูสลับซับซ้อนไปหมด บางช่วงก็เป็นโตรกแคบๆ เหมือนเกาะแก่ง ไล่ลงมาราวกับน้ำตก บางตอนก็เป็นเวิ้งกว้าง มองเห็นเป็นวังน้ำวน ดูลึกลับ สลับไปกับตอไม้และต้นไม้ที่ยืนต้นตายพรายแช่น้ำอยู่เป็นกลุ่มๆ
สมองเริ่มตันตื้อคิดอะไรไม่ออก เพราะมืดแปดด้าน เมื่อมองไปตามทิศทางของกระแสน้ำที่เคยใช้สัญจร ถึงแม้จะไหลมาบรรจบกัน แต่มันก็ดูวกวนแตกออกไปหลายสาย จนจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก ว่าจะเลือกหรือจับเส้นทางไหนเป็นหลัก ในเมื่อไม่มีทางเลือก ก็ต้องเดินยึดเส้นทางที่ตัวเองเดินมา โดยเดินเลาะไปตามชายตลิ่งฝั้งซ้ายมือ หรือถ้ามีช่องทางที่สามารถจะเดินตัดลัดผ่านไปได้ ก็เลือกเพื่อเป็นการย้นระยะทาง แต่ทุกเส้นทางที่เลือกนั้น ต้องไม่เป็นอันตรายจนมากเกินไป ไม่ว่าจะอันตรายด้วยสภาพเส้นทางก็ดี หรืออันตรายจากสารพัดสัตว์ร้ายต่างๆก็ดี ชายหนุ่มล้วนแล้วแต่ใช้ความระมัดระวังภัยจนถึงขีดสุด เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนให้เขาได้เรียนรู้
บรรยกาศเริ่มขมุกขมัว เพราะดวงอาทิตย์ลับทิวเขาไปแล้ว แต่ก็ยังพอมองเห็นแสงรัศมีสีส้มฉาบอยู่ตามเรือนยอดไม้และผาหิน อุณหภูมิเริ่มลดลงต่ำ เพราะปราศจากอายอุ่นจากดวงตะวัน นกกานานาชนิด ร้องเจื้อยแจ่วเตรียมบินกลับรวงรัง ผสานกับเสียงแมลงนานาชนิด ที่ร้องเซ็งแซ่ระงมไพร เมื่อเริ่มสิ้นแสง ความมืดทะมึนของพงไพรก็เริ่มครอบงำ สัตว์ป่าที่เตรียมออกหากินในยามวิกาล เริ่มคึกคัก ร้องกู่ก้องอยู่ทั่วไป ภายใต้หมอกจางๆที่เริ่มแผ่ตัวปกคลุมอยู่เกือบทุกอณู นกเค้าแมวตัวหนึ่ง บินโผออกมาจากโพรงไม้ใหญ่ริมทาง ก่อนที่จะมาจับคอนไม้แห้งตายซาก ที่ยืนตายโด่เด่อยู่ริมดง ครั้นแล้วสายตาอันคมกริบของมัน ก็จับนิ่งฝ่าความมืดสลัวไปยังตำแหน่งพื้น ที่กลาดเกลื่อนไปด้วยใบไม้แห้ง หนูหวายตัวเขื่องกระโจนไต่ไปตามรากไม้และซากกองใบไม้เหล่านั้น มันกำลังควานหาอาหารที่มีอยู่กลาดเกลื่อนขึ้นแทะกิน เสียง กรอดๆ จากฟันที่แทะกระทบกับวัดถุเปลือกแข็ง ซึ่งอาจจะเป็นเมล็ดของพืชอะไรบางอย่าง เสียงมันหยุดๆหายๆเป็นจังหวะ แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ลิ้มรสชาติจากอาหารของมัน กรงเล็บยมทูตที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางใด ก็พรากร่างกายและวิญญาณของมันไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร การผจญภัยของชายหนุ่มจะดำเนินไปในทิศทางไหน โปรดติดตามในตอนต่อไป
ผิดพลาด หรือตกหล่นประการใด ผมหนุ่มธุดงค์ไพร ต้องขออภันมา ณ ที่นี้ด้วยครับ