สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 24 ธ.ค. 67
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 12 ตอนที่ 3 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 12 - [27 ก.ย. 58, 02:09] ดู: 3,015 - [19 ธ.ค. 67, 22:51] ติดตาม: 2 โหวต: 8
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 12 ตอนที่ 3
หนุ่มธุดงค์ไพร (711 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
24 ก.ย. 58, 09:22
1
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 12 ตอนที่ 3
ภาพที่ 1
บทที่ 12

ตอนที่ 3

          แสงของรุ่งอรุณเริ่มฉายแสงพ้นสันเขา บรรยากาศรอบด้านเริ่มชัดเจนมองเห็นสิ่งต่างๆได้ถนัด ทั้งภูเขาและป่าไม้ เกือบทุกอณูที่ปรากฏ ล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวของพืชพรรณนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นไม้เล็กไม้ใหญ่ ต่างเจริญเติบโตงอกงามผิดปกติ ไม้ใหญ่บางต้นใหญ่โตจนไม่คิดว่าทั้งชีวิตจะได้พบเห็น ก็ได้พบเจอได้จากป่าแห่งนี้ ร่องรอยของการถูกทำราย มีเพียงอย่างเดียวคือ การหักโค่นของไม้ใหญ่ที่เกิดจากแรงลมพายุ หรือไม่ก็ล้มเพราะอายุไขของมันเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ปรากฏหลักฐานของไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้เลย เพราะลักษณะของป่า ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชื้นนี่เอง ที่ทำให้ผืนป่าแห่งนี้ยังคงรักษาบริสุทธิ์จากไฟป่าไว้ได้

“โน่น”

“มากันโน่นแล้ว”เจ้าพุ่มร้องบอก

“เจอไม๊”พรานชราป้องปากร้องถาม แทนคำตอบ พรานพรที่เดินอยู่ลั่งท้ายโบกมือตอบ

“เอาไงล่ะทีนี้”

“ทางโน่นก็ไม่เจอ เราจะเอาไงกันต่อ”พรานแปะกล่าวอย่างวิตก

“จะเอาไงก็เอา”

“ทวนน้ำไม่เจอ ก็คงต้องตามน้ำ”พรานเฒ่าร้องตอบ

“ไม่เจอ”

“เจอแต่ไอ้เข้”พรานพรร้องบอกคณะ ในระยะเกือบสิบวาจากที่พัก

“ไอ้เข้!” ทุกคนในคณะร้องเกือบจะพร้อมๆกัน

“พูดเป็นเล่นไป”พรานแปะร้องบอก

“มีจริงๆ”

“ตัวใหญ่เลยล่ะ น่าจะเท่าต้นยางนั่น”พรานพรร้องตอบ พลางชี้มือไปที่ต้นยางใหญ่ขนาดคนโอบ

“เอาไงล่ะทีนี้ ถ้าไม่ได้ความเสียแล้ว”

“หนีไอ้บ่างผี ยังจะมาปะจระเข้เสียอีก”เจ้าเคิ้งร้องบอกคณะ

“จะเอาไง ก็ต้องตามมันจนเจอนั่นล่ะ”

“ไม่ได้ตัว ก็ขอให้เจอรอยมันก็ยังดี ไอ้สิงห์มันดวงแข็ง ข้าว่ามันคงปลอดภัย”พรานชราร้องตอบขณะทอดสายตาไปกับสายน้ำ

“ข้าก็คิดแบบแก ตาโส่ย”

“ทานโน่นไม่มีรอยของไอ้สิงห์ พวกเราจะรองตามน้ำดูกันบ้าง”พรานนำทางกล่าว

“อ่าว นั่นใครไปเอาปลาที่ไหนมาย่างกิน”พรานเบร้องพลางมองไปที่กองไฟ ที่ตอนนี้มีปลาตะเพียนขนาดเท่าฝ่ามือสามตัว ถูกเสียบไม้ย่างไฟจนสุกได้ที่

“จะมีใคร ก็ไอ้สองตัวนี้นะสิ”พรานแปะร้องตอบ

“กำลังล้างถ้วยล้างจานอยู่ริมน้ำ ปลาที่นี้เยอะจริงๆ มารุมตอดรุมกินเศษข้าวเยอะไปหมด”

“เห็นตัวโตๆมันว่ายมาใกล้ก็เลยฟันด้วยอีเหน็บ”เจ้าเคิ้งสาธยาย

“ถ้ามีแห หรือข่าย คงได้กินปลาเป็นกระสอบๆ”เจ้าพุ่มแทรก

“เก้ง หมูป่า กวาง ก็เยอะ”

“ตะกี้ข้าไปทุ่งมา เห็นรอยให้เปรอะไปหมด มีแต่รอยใหม่ๆทั้งนั้น”พรานแปะกล่าว

“เรื่องเสบียงกรังคงหมดห่วง”

“ของกินเยอะแยะแบบนี้ ถึงไม่มีข้าวสารก็อยู่ได้”พรานชราร้องตอบ

“จะไปไหนมาไหนก็ต้องระวังๆกันด้วย”

“อย่าออกไปไหนคนเดียว ที่นี้มันไม่ใช่ป่าแบบบ้านเรา”พรานพรกล่าวเตือน

“อย่างเมื่อกี้ ข้ากับไอ้เบก็จ๊ะเอ๋กับไอ้เข้”

“ไม่รู้ต่อจากนี้จะเจออะไรกันอีก”พรานพรร้องบอก

“พวกเอ็งช่วยกันเก็บข้าวเก็บของกันให้เรียบร้อย”

“ดูดยาอีกสักตัวแล้วค่อยไปกันต่อ”พรานเบร้องบอกคณะ

        เวลาล่วงผ่านไปอย่างเชื่องช้า พร้อมๆกับสรรสำเนียงของสัตว์ป่า ที่เริ่มส่งเสียง นกป่านานาชนิดส่งเสียงแจ้วบนยอดไทรใหญ่ นกเงือกหลายสิบตัวบินเกาะกลุ่มเป็นฝูงๆ พวกมันพากันบินผ่านเลยไปตามช่องเขา ก่อนจะบินโฉบหายเขาไปในดงไม้ใหญ่ ไก่ป่าขันต้อนรับแสงอรุณแรกตามหุบไหนสักแห่งใกล้ๆ พร้อมๆกับม่านหมอกที่เริ่มจางหาย เหลือคงไหวแต่หมอกบางๆเหนือผิวน้ำ ซึ่งตอนนี้ระยิบระยับด้วยแสงสะท่อนบนลูกคลื่น

          เสียงอึกทึกของสายน้ำตกยังคงอยู่ พร้อมๆกับละอองฝอยของมันที่ไม่มีวันจางหาย พืชจำพวกมอสและเฟิร์น ต่างพากันเจริญเติบโตตามผนังหินและหน้าผา ซึ่งตอนนี้ดูเขียวครึ้มไปหมด ยกเว้นแต่ตามโขดหินเบื้องล่าง ที่ดูเกลี้ยงเกลาอันเนื่องมาจากการขัดสีและตกกระทบของสายน้ำเป็นเวลานานนับศตวรรษ เศษหินและกรวดทรายบริเวณใต้น้ำนั้น ต่างตีม้วนตลบหมุนเป็นวน ราวกับอยู่ในเครื่องปั่นขนาดยักษ์ มองผ่านๆก็ดูน่ากลัว ถ้าพลาดพลั้งตกลงไป

          ทั้งคณะมาหยุดอยู่บริเวณน้ำตกนั้น เพราะเส้นทางไม่สามารถเดินต่อไปได้ เพราะมีสายน้ำที่เชี่ยวกราดของน้ำตกกั้นขวาง นอกจากจะว่ายข้ามไปอีกฝั่งที่อยู่ทางด้านขวามือซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะผ่านพ่นอุปสรรคนี้ไปได้ ก็เห็นที่จะยากเพราะมีอุปสรรคต่างๆมากมาย ทั้งแก่งหินที่ขวางกั้น และเสบียงกรังต่างๆ ไหนจะปืนผาหน้าไม้และเป้หลัง ในขณะที่ทุกคนพยายามสอดส่องสายตาเพื่อหาหนทางที่จะผ่านไป พรานแปะที่เดินสำรวจอยู่ริมน้ำก็ร้องเอะอะลั่น พลอยให้คนที่เหลือพากันแตกตื่นตามไปดูด้วยความตกใจ

“มีด!”

“มีดเหน็บของไอ้สิงห์”พรานแปะร้องละล่ำละลัก ก่อนจะโชว์มีดเหน็บที่เก็บได้ให้ทุกคนดู

“มีดของไอ้สิงห์จริงๆด้วย”

“เอ็งเห็นมันตกอยู่แถวไหน”พรานเบร้องบอก ก่อนจะคว้ามีดในมือพรานแปะขึ้นไปลูบคลำอย่างตื่นเต้น

“ข้าเห็นมันค้างอยู่ที่แง่หินนั่น”

“เห็นอะไรขาวๆเงาๆ คิดว่าปลา พามองใกล้ๆถึงเห็นเป็นมีด”พรานแปะบอกอย่างตื่นเต้นไม่หาย

“มันอาจจะทำตกไว้ก็ได้”

“เป็นไปได้ถ้ามันจะผ่านมาทางนี้”พรานชราร้องบอก

“แต่รอยมันไม่มีเลยนะ”

“ในถ้ำก็ไม่มี ฉันกลัวว่าพี่สิงห์จะตกลงมามากกว่า”เจ้าเคิ้งร้องบอกแข่งกับเสียงน้ำตก

“ปา กหมาอีกแล้ว”

“ตกลงมาขนาดนี้ ใครจะไปเหลือ”เจ้าพุ่มร้องทัก

“มันก็ไม่แน่”

“โน่น ถ้าไอ้สิงห์มันตกลงมาในดงหินนั้น คงเห็นมันแหลกอยู่ตรงนั้นล่ะ”พรานพรร้องบอก พลางชี้มือไปทางกองหินน้อยใหญ่ริมน้ำตก

“แต่ถ้ามันตกลงมา…”

“แถวๆระหว่างกลาง”พรานเบกล่าวพลางใช้ความคิด

“มันก็น่าจะรอด”

“น้ำแถวนั้นน่าจะลึกเอาการอยู่”พรานพรร้องบอกอย่างตื่นเต้น

“เป็นไปได้ ห้าสิบห้าสิบ”

“ถ้ามันตกลงมา ดูจากแนวน้ำที่วนออกไป มันน่าจะไหลไปทางด้านโน่น”เหน๋อที่เงียบอยู่นานเสนอความคิด ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วก็มีความเป็นไปได้

“โน่นไง”

“ที่ไม้ล้มริมน้ำเห็นไหมนั่น”เหน๋อกล่าวอย่างดีใจ พลางชี้โบ้ชี้เบ้ไปที่ต้นไม้ล้มริมน้ำ ที่ห่างจากสายน้ำตกไปหลายสิบวา ถึงจะเป็นระยะที่ไกลพอควร แต่วัตถุที่สายตามองเห็นอยู่นั้น พอจะจับเค้าโครงในสิ่งที่เห็นได้ว่าคืออะไร

“นั้นมันฝักมีดเหน็บนี่หว่า”

“ได้การณ์ล่ะที่นี้”พรานพรร้องบอกอย่างดีใจ ก่อนจะตบฝ่ามือลงที่ต้นข้าตัวเองดังฉาด

“ฝักมีดมันเป็นไม้”

“มันจะลอยไปทางไหนก็ได้ เอ็งอย่าเพิ่งด่วนสรุป”พรานแปะกล่าว

“ช่างมันเถอะ”

“อย่างน้อยๆก็มีเค้ามันบ้าง”พรานพรกล่าว

“เอ็งค่อยๆดูไอ้พร แม่น้ำมันมีสองสาย”

“เอ็งจะรู้ได้อย่างไร ว่าไอ้สิงห์มันจะไหลไปทางแยกไหน ซ้าย หรือ ขวา”พรานแปะกล่าว

“มันก็น่าคิดตามไอ้แปะมันนา”

“ถ้าฝักมีดมันลอยแยกออกไปทางใดทางหนึ่ง มันก็พอจะคลำทางกันได้”พรานโส่ยกล่าว

          คำถามของพรานชราทำเอาทั้งคณะเงียบไปตามๆกัน เพราะเหตุผลที่กล่าวมาล้วนแต่มีเหตุผลทั้งสิ้น ด้วยความดีใจ ทำให้ลืม สายน้ำที่เป็นทางแยกเสียสนิท ซึ่งก็ไม่สามารถคาดเดาได้อีกว่า ชายหนุ่มผู้สาบสูญจะอันตรธานหายแยกไปทางทิศทางใดกันแน่ อุปสรรคสำคัญบังเกิดกับคณะอีกครั้ง เค้าโครงที่พบทั้งสองชิ้น ก็บ่งบอกและชี้ชัดเองอยู่ในตัวแล้วว่า เจ้าของวัตถุทั้งสองชิ้นได้ผ่านมาตามเส้นทางนี้ ไม่ทางบก ก็ทางน้ำ

“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”

“เดี๋ยวข้าจะลองขอเจ้าที่เจ้าทางดู เผื่อเจ้าป่าเจ้าเขาจะสงสารไอ้สิงห์”พรานชรากล่าว

“เอาไงก็เอา”

“มันก็ต้องลองเสี่ยงดวงดูสักทาง”พรานพรร้องบอกก่อนจะทิ้งตัวนั่งหมดแรงบนโขดหิน

“เองสองคนไปช่วยกันตัดใบตองแถวโน่นมาให้ข้าสักหน่อย”

“เดี๋ยวข้าจะทำกระทงเสี่ยงดวงดู เห็นดอกไม้อะไรสวยๆก็เก็บมาด้วย”พรานโส่ยร้องบอกสองกะเหรี่ยงหนุ่ม เพียงไม่นานสิ่งของที่พรานชราสั่งก็มากองอยู่ตรงหน้า เพราะวัตถุดิบที่ว่ามามีอยู่ดาษดื่น ทั้งใบตองป่า และดอกไม้นานาชนิด

“ยังพอมีเหล้าเหลือบ้างหรือเปล่า”

“ถ้ามีเอาใส่จอกนี้สักหน่อย”พรานชรากล่าว พลางส่งจอกเหล้าที่ทำจากไม้ไผ่ให้พรานแปะ

“ปลาย่างที่เก็บไว้”

“บิมาให้ข้าเสียหน่อย ใส่ลงไปในกระทงนี้”พรานโส่ยกล่าว

          เพียงไม่นานนักกระทงที่ทำจากใบตองใบเขื่องก็เสร็จสมบูรณ์ ภายในกระทงนั้นมีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิด ทั้งดอกปุดดินสีแดงสด ดอกอโศกป่าสีเหลืองเข้ม และกล้วยไม้ป่าอีกช่อใหญ่ ที่เจ้าพุ่มเก็บได้มาจากไม้ล้มต้นใหญ่ นอกจากดอกไม้ที่พรานชราเอามาประดับแล้ว ภายในนั้นยังมีกระทงเล็กๆอีกสองใบ ใบแรกมีเนื้อปลาย่างที่แกบิไว้ อีกใบแกแบ่งข้าวสวยจากหม้อสนามที่หุงเผื่อไว้อีกก้อน แถมด้วยจอกเหล้าไม้ไผ่อีกหนึ่งจอก ที่แกบรรจงจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม รวมถึงหมากพลูและบุหรี่ยาเส้นอีกอย่างละสามมวน

“พวกเรามารวมกันทางนี้”

“จะได้ผลอย่างไร ก็ช่าง ขอให้ทุกคนตั้งใจ ของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”พรานชรากล่าว ก่อนจะนำกระทงมาเทินที่หน้าผาก พลางท่องคาถาอะไรของแกไปเรื่อย ทำให้ทุกคนพากันนั่งยองๆพนมมือ
ขึ้นบนบานสารพัด จากนั้นพรานชราก็ค่อยๆปล่อยกระทงให้ลอยไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชียว

          ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชียวกราด กระทงใบน้อยถูกพัดไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับอาการลุ้นระทึกของคนที่เฝ้ามอง อย่างใจจดใจจ่อ บ่อยครั้งก็ต้องใจหายใจคว่ำ เมื่อกระทงใบน้อยถูกคลื่นซัดจนลอยระลิ่ว ซวนเซเหมือนจะคว่ำเสียให้ได้ หลุดจากเกลียวคลื่นก็มาลุ้นต่อที่กระแสน้ำวนที่ดูเป็นหลุมลึกน่ากลัว บางครั้งมันก็ดันน้ำให้ปูดโปนขึ้นมา ราวกับเนินดินหรือโคกสูงๆ กิ่งไม้ ใบไม้ที่ลอยผ่านเข้าไปในเกลียวน้ำวนนั้น ทุกอย่าถูกดูดหายเข้าไปหมดเกลี้ยง แต่ก็น่าแปลกใจ เมื่อกระทงใบนั้นลอยเข้าไปใกล้ แทนที่มันจะถูกดูดกลืนหายเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น มันกลับลอยวนอยู่เช่นนั้นสามรอบ ก่อนที่จะหลุดลอยเบี่ยงไปทางขวามือทวนเข็มนาฬิกาก่อนจะลอยเท้งเต้งผ่านฝักมีดที่ลอยค่างติดอยู่ที่กิ่งไม้ ท่ามกลางความตื่นเต้นของทุกคน จนในที่สุดก็ลับหายไปหลังโค้งน้ำ

“ป่ะ”

“นั่นปะไร ข้าว่าแล้วต้องได้ผล”พรานโส่ยร้องอย่าดีใจ พร้อมๆกับตบฝ่ามือลงที่ขาอ่อนตัวเองดังฉาด

“ขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาที่ชี้ทาง”

“ไอ้สิงห์เอ๋ย...รอพวกข้าก่อน อย่าเพิ่งรีบเป็นอะไรไปเสียก่อน”พรานแปะพนมมือท่วมหัว

“เอาไงต่อล่ะทีนี้ ทางพอจำคลำกันไปได้แล้ว”

“ต่อจากนี้จะไปกันอย่างไง”พรานพรกล่าว

“ต่อแพสิว่ะ”

“โน่นก่อไผ่มีอยู่เยอะแยะ”พรานชราร้องบอก

“เอาไงเอากัน”

“มีด พร้า เราก็มี จะไปยากอะไร”พรานเบร้องบอกคณะ

“จะต่อสักกี่ลำดี คนเรา ของเราก็มากโข”

“แถมหมาอีกตัว”เจ้าเหน๋อร้องบอกอย่างสงสัย

“สองลำก็พอ คนของ แบ่งกันอย่างละครึ่ง”

“ไอ้พร เอ็งกับข้า ไอ้พุ่ม เอ็งอีกคน”พรานเบร้องบอก

“ของข้าก็ตาโส่ย ไอ้เคิ้ง ไอ้เหน๋อ”

“ไอ้พะเปรียวอีกตัว เอามาอยู่ลำข้าก็ได้”พรานแปะร้องตอบ

“คนฝั่งเอ็งมากพอแล้ว”

“ไอ้พะเปรียม มันหมาข้า ข้ารับผิดชอบเอง”พรานเบร้องบอก ก่อนจะกล่าวเพิ่มอีกว่า

“เสบียง ของกินของใช้แบ่งลำละเท่าๆกัน”

“ปืนผาหน้าไม้อะไร ก็ตรวจให้ดีอย่าให้น้ำเข้า”พรานเบร้องสั่ง ก่อนที่ทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปที่ไผ่ก่อใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ดาษดื่นไม่ไกลนัก

          ไผ่ป่าก่อใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมตลิ่งหนาทึบ แต่ละรำมีขนาดใหญ่โตผิดหูผิดตา บางรำมีขนาดใหญ่โตมากกว่าโคนขา และสูงชะลูดเป็นลำตรง มีแต่ส่วนปลายเท่านั้นที่โอนเอียงไปมาตามกระแสลม และบางลำก็ล้มเอียงระไปกับกระแสน้ำ มองผ่านๆราวกับอุโมงค์ดูไปแล้วก็วิจิตรตระการตา ความใหญ่ของรำไผ่ บวกกับความหนาของเนื้อไม้ ทำให้แต่ละคนของคณะต้องเปลืองแรงเพราะความหนาของมัน เมื่อตัดจนขาดแล้ว ก็ต้องออกแรงลากพวกมันออกมาจากกออีก กว่าจะได้ลำไผ่แต่ละลำ ต่างพากันเหงื่อโชคกายเป็นแถวๆ

          เรื่องราวกำลังสนุกและตื่นเต้น การเดินทางต่อจากนี้จะสำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024
siamfishing.com/content/view.php?cat=article&nid=210366